เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1805 การต่อสู้ครั้งแรกในสายธารแห่งกาลเวลา

บทที่ 1805 การต่อสู้ครั้งแรกในสายธารแห่งกาลเวลา

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1805 การต่อสู้ครั้งแรกในสายธารแห่งกาลเวลา

คฤหาสน์วิญญาณอมตะเรือรบหมื่นปีกําลังเคลื่อนที่อยู่ในสายธารแห่งกาลเวลา

ฟางหยวนยืนอยู่บนหัวเรือด้วยความภาคภูมิใจ

ไป่หนิงปิงและคนอื่นๆอยู่ในเรือและมองฟางหยวนที่ปลดปล่อยกลิ่นอายระดับเจ็ดออกมาด้วยหัวใจสั่นสะท้าน บางคนคิด ‘ไม่แปลกใจเลยที่ฟางหยวนสามารถอาละวาดมาถึงตอนนี้ หากข้ากลายเป็นผู้อมตะระดับแปด ข้าจะเริ่มยึดครองพื้นที่บางแห่งและประกาศให้โลกรับรู้ แต่เขากลับทําตัวเหมือนหมาปาภายใต้ชุดหนังแกะ เขาไม่ทิ้งโอกาสที่จะหลอกลวงศัตรู’

บางคนถอนหายใจ ‘การต่อสู้ยังไม่เริ่มขึ้นแต่ฟางหยวนก็เริ่มหลอกล่อศัตรูแล้ว นี่คือการเผชิญหน้าระหว่างข้อมูลและยุทธวิธี! การต่อสู้ครั้งเริ่มขึ้นตั้งแต่เรือรบหมื่นปีปรากฏขึ้นในสายธารแห่งกาลเวลาแล้ว’

ฟางหยวนมีแผนการของตนเอง

หากเขาสามารถเก็บความลับเกี่ยวกับการบ่มเพาะระดับแปดเอาไว้ เขาจะไม่เปิดเผยมัน มิฉะนั้นความลับเกี่ยวกับร่างทารกอมตะจะถูกเปิดเผย

‘สําหรับความลับเรื่องการกําเนิดใหม่ของข้า มันอาจถูกเปิดเผยหลังการต่อสู้ครั้งนี้’ ฟางหยวนประเมิน

แต่หากมันถูกเปิดเผยแล้วอย่างไร?

การต่อสู้ครั้งมีความสําคัญมาก แม้ฟางหยวนจะระวังเกี่ยวกับผลกระทบหยดหมึก แต่เขาก็ไม่ลังเลเมื่อถึงเวลาที่ต้องเคลื่อนไหว

หลังจากไม่นานวิหารอดีตปัจจุบันก็ค้นพบการคงอยู่ของเรือรบหมื่นปี

สี่ซุนจือรายงานข้อมูลนี้กับเทพธิดาจื่อเว่ยทันที “ในที่สุดฟางหยวนก็ปรากฏตัว!”

“ถูกต้อง ไม่เสียแรงที่เรารออยู่ที่นี่มาเป็นเวลานาน”

“ปีศาจฟางหยวนยังเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดแต่เขามีคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด!”

“มันคือคฤหาสน์วิญญาณอมตะใด? ข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับสิ่งนี้มาก่อน”

“มันน่าจะเป็นคหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้ทางแห่งกาลเวลาถูกต้องหรือไม่?”

สี่ซุนจือยังไม่รีบโจมตี

วิหารอดีตปัจจุบันมีความเชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบ พลังโจมตีของมันไม่สูงนัก สิ่งสําคัญก็คือสี่ซุนจือไม่ใช่สมาชิกวงสวรรค์ พวกเขาต้องดําเนินการตามคําสั่งของเทพธิดาจื่อเว่ยเท่านั้น

เรือรบหมื่นปีนําฟางหยวนเคลื่อนที่ไปในสายธารแห่งกาลเวลาราวกับเขากําลังค้นหาบางสิ่ง

“ดูเหมือนฟางหยวนกําลังค้นหาเกาะบัวหินเพื่อรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง”

“เขาไม่พบพวกเราจริงๆ”

“ท่านหญิงจื่อเว่ยยังไม่ได้ออกคําสั่งอีกงั้นหรือ?”

ภายในวิหารอดีตปัจจุบัน สี่ซุนจือกําลังเฝ้ามองฟางหยวนอย่างใกล้ชิด

วังสวรรค์

เทพธิดาจื่อเว่ยมีความสุขก่อนจะรู้สึกสับสน

นางมีความสุขที่ฟางหยวนปรากฏตัวขึ้นในที่สุด

ในช่วงเวลาที่ผ่านมาการไม่ปรากฏตัวของฟางหยวนทําให้เทพธิดาจื่อเว่ยรู้สึกกดดันมาก นางไม่รู้ว่าฟางหยวนกําลังวางแผนใด ดังนั้นเมื่อฟางหยวนปรากฏตัว เทพธิดาจื่อเว่ยจึงสามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ดี เข้ามา! ให้ข้าดูว่าเจ้าเติบโตขึ้นเพียงใด ข้าจะใช้โอกาสนี้ฆ่าเจ้า!” เจตนาสังหารพลุ่งพล่านขึ้นในใจของเทพธิดาจื่อเว่ย “คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดเป็นความมั่นใจของเจ้าสั้นหรือ?”

เทพธิดาจื่อเว่ยค่อนข้างสับสน

คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดปรากฏขึ้นโดยไม่มีสัญญาณใดๆมาก่อน

โดยทั่วไปกองกําลังใหญ่จะไม่สามารถซ่อนการสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะ มันจะทิ้งร่องรอยเอาไว้มากมายจากการเตรียมการของพวกเขา

ขั้นตอนการสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะจะทําให้เกิดความโกลาหลเล็กน้อยและจะถูกค้นพบโดยคนนอกอย่างง่ายดาย

ฟางหยวนก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นแต่การเตรียมการของเขาเกิดขึ้นในชีวิตก่อนหน้า ดังนั้นเทพธิดาจื่อเว่ยจึงไม่ตระหนักถึงมัน

“ฟางหยวนจะได้รับคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดมาอย่างกะทันหันได้อย่างไร? นอกจากนั้นมันยังเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด”

“คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้มีความสามารถชนิดใด?”

ความคิดของเทพธิดาจื่อเว่ยปะทะกันตลอดเวลา วิหารกลางเต็มไปด้วยแสงสีม่วง นางอนุมานอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้านางก็ตัดสินใจ

นางคาดเดาว่าคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้มีความแข็งแกร่งที่จํากัด แม้มันจะเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดแต่มันถูกสร้างขึ้นอย่างกะทันหัน ไม่มีบันทึกเกี่ยวกับมันในประวัติศาสตร์ ดังนั้นมันน่าจะเป็นผลงานการทดลองที่เร่งรีบของฟางหยวน

แต่ไม่ว่ามันจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ วังสวรรค์ก็ต้องตรวจสอบและหยุดฟางหยวนจากการรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง

เทพธิดาจื่อเว่ยออกคําสั่งให้ชิงเย่นําคฤหาสน์วิญญาณอมตะนาวานิรันดร์ไปสมทบกับวิหารอดีตปัจจุบัน

“นาวานิรันดร์และวิหารอดีตปัจจุบันจะโจมตีฟางหยวนจากด้านหน้าและด้านหลังพร้อ มกัน!” ดวงตาของเทพธิดาจื่อเว่ยส่องประกายแหลมคม

สี่ซุนจือได้รับคําสั่งจากเทพธิดาอเว่ยเช่นกัน

“เราต้องเคลื่อนไหว! ด้วยความเร็วและทิศทางการเคลื่อนที่ของฟางหยวน ในไม่ช้าเขาจะหลุดออกจากระยะการตรวจจับของวิหารอดีตปัจจุบัน!”

“เราจะโจมตีก่อนและให้นาวานิรันดร์ลอบโจมตีจากด้านหลัง!”

“ไปกันเถอะ!”

สี่ซุนจือควบคุมวิหารอดีตปัจจุบันเคลื่อนที่ไปในสายธารแห่งกาลเวลา

“ในที่สุดพวกเขาก็เคลื่อนไหว!” ภายในเรือรบหมื่นปี กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์กล่าวด้วยความตื่นเต้น

แท้จริงแล้วฟางหยวนตั้งใจปรากฏตัวขึ้นใกล้ๆกับวิหารอดีตปัจจุบันเพื่อล่อให้พวกเขาโจมตี

“ท่านผู้นําช่างซุกซนนัก เขาค้นพบวิหารอดีตปัจจุบันตั้งแต่แรกแต่ทําเหมือนไม่รู้ ศัตรูจับเหยื่อแล้ว” ดวงตาของเทพธิดากระต่ายขาวส่องประกายสดใส

“หือ?” ฟางหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อสัมผัสถึงสิ่งผิดปกติในสายธารแห่งกาลเวลา

สี่ซุนจือมองเห็นการแสดงออกที่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยของฟางหยวนอย่างชัดเจน

“ฟางหยวนค้นพบบางสิ่ง”

“เขากําลังนําคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดเคลื่อนที่เข้ามาหาพวกเรา”

“ใจเย็น เรายังอยู่ไกลจากเขา อา..รวดเร็วนัก!”

ความเร็วของเรือรบหมื่นปีทําให้สี่ซุนจือตกใจมาก

ก่อนหน้านี้พวกเขายังรู้สึกผ่อนคลายแต่ตอนนี้การแสดงออกของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์

เรือรบหมื่นปีพุ่งเข้าไปหาพวกเขาด้วยความเร็วสูง

“สร้างคลื่นน้ํา!” จางซุนจือตะโกนออกคําสั่ง

วิหารอดีตปัจจุบันระเบิดแสงระยิบระยับออกมาและสร้างคลื่นน้ําขนาดใหญ่ขึ้นกีดขวางเส้นทางของเรือรบหมื่นปี

“บึม บึม บึม”

เรือรบหมื่นปีพุ่งชนคลื่นน้ําโดยตรง นอกจากนั้นความเร็วของมันยังเพิ่มสูงขึ้น

ใบหน้าของสี่ซุนจือกลายเป็นซีดขาว ดวงตาของพวกเขาแสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัว

ฟางหยวนเคลื่อนที่เร็วเกินไป มันทําให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจ

จางซุนจือตะโกน “เร็ว ใช้ท่านั้น!”

วิหารอดีตปัจจุบันระเบิดเสาแสงขึ้นสู่ด้านบน

ภายใต้พลังอํานาจของมัน วังน้ําวนขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นรอบๆเรือรบหมื่นปในพริบตา

วังน้ําวนทําให้ความเร็วของเรือรบหมื่นปีชะลอลง เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นสี่ซุนจือจึงสามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ในที่สุดเราก็สามารถหยุดมัน”

“คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้เคลื่อนที่ได้รวดเร็วนัก มันสามารถข้ามผ่านระยะทางไกลมาในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ”

“แต่ตอนนี้มันติดอยู่ในกับดักของเราแล้ว”

“ตรวจสอบดูว่ามันมีความสามารถใดบ้าง”

วังน้ําวนเริ่มหมุนเร็วขึ้นและเปลี่ยนรูปร่างเป็นฟันเลื่อย

ฟันเลื่อยจํานวนนับไม่ถ้วนเคลื่อนที่อยู่รอบๆเรือรบหมื่นปีและพยายามทําลายมัน

ตอนนี้เรือรบหมื่นปีติดอยู่ที่ใจกลางของวังน้ําวนแต่การแสดงออกของฟางหยวนยังสงบนิ่ง

เกาซุนจือรู้สึกกังวล “วังน้ําวนไม่สามารถทําลายคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้”

เซี่ยซุนจือตบไหล่เกาซุนจือและปลอบโยน “ผ่อนคลายเถอะ อีกไม่นานมันจะพังทลายลงอย่างแน่นอน”

แม้เขาจะกล่าวเช่นนี้แต่คนทั้งสี่ยังรู้สึกตกใจอยู่ภายใน

พวกเขาตระหนักถึงพลังอํานาจของท่าไม้ตายอมตะวังน้ําวนฟันเลื่อยเป็นอย่างดี มันเป็นท่าไม้ตายอมตะที่แข็งแกร่งที่สุดของวิหารอดีตปัจจุบัน ผู้อมตะทั่วไปจะถูกนั่นเป็นชิ้นๆในพริบตา แม้แต่สี่ซุนจือก็ไม่สามารถรับมือได้เกินสามลมหายใจ กระทั่งวิหารอดีตปัจจุบันก็ยังจะได้รับความเสียหายอย่างหนักหากต้องเผชิญหน้ากับท่าไม้ตายนี้ แต่เรือรบหมื่นปีกลับไม่บุบสลาย

สี่ซุนจือรู้สึกหนาวเย็นอยู่ในหัวใจ

“สมกับเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด!”

“ตอนนี้นาวานิรันดร์อยู่ที่ใด?”

“โอ้ ไม่ สถานการณ์เลวร้ายมาก!” เกาซุนจือตะโกน

อีกสามซุนจือมองไปข้างหน้าและเห็นวังน้ําวนที่อยู่รอบๆเรือรบหมื่นปีเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน

“วิหารอดีตปัจจุบันสามารถควบคุมสายธารแห่งกาลเวลา แล้วเหตุใดเรือรบหมื่นปีของเราจะไม่สามารถ!” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์หัวเราะอยู่ในเรือรบหมื่นปี

“ฆ่า!” ฟางหยวนออกคําสั่ง

“บึม!”

กระแสน้ําอันเชี่ยวกรากรอบๆเรือรบหมื่นปีพุ่งไปข้างหน้าด้วยพลังอํานาจอันยิ่งใหญ่

วังน้ําวนฟันเลื่อนถูกทําลายลงอย่างสมบูรณ์ขณะที่คลื่นน้ํายังพุ่งเข้าหาวิหารอดีตปัจจุบันด้วยความเร็วสูง

สี่ซุนจือสูดหายใจลึก หลังจากทั้งหมดวังน้ําวนฟันเลื่อยที่พวกเขาตั้งความหวังไว้หยุดเรือรบหมื่นปีได้เพียงไม่ถึงห้าสิบลมหายใจ

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท