เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1834 ฟางหยวนต่อสู้กับราชันมังกร

บทที่ 1834 ฟางหยวนต่อสู้กับราชันมังกร

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1834 ฟางหยวนต่อสู้กับราชันมังกร

 ท่านราชันมังกร!  ฟางเจิ้งรู้สึกประหลาดใจและสนุกสนาน

เขารู้จักตัวตนของราชันมังกร ในความเป็นจริงทั้งสองเคยพบกันมาก่อน

 หากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของท่านราชันมังกร ข้าคงตายไปแล้ว เมื่อมีเขาอยู่ใกล้ๆ ข้าควรจะปลอดภัย  ฟางเจิ้งไม่รู้สึกกลัวอีกต่อไป

เขารู้ว่าราชันมังกรเป็นคนเช่นไร นี้คืออาจารย์ของเทพปีศาจบัวแดง

ฟางเจิ้งมองบุคคลที่เกือบฆ่าเขา บรรพชนทะเลปราณ

ชายชราผู้นี้อยู่ในชุดคลุมสีขาว แขนเสื้อของเขาสะบัดตัวไปตามสายลม หนวดสีขาวของเขายาวลงไปถึงเท้า เขาแสดงออกอย่างเคร่งขรึมและปลดปล่อยกลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่ออกมา มีกลุ่มเมฆหมอกลอยอยู่รอบๆตัวเขาอย่างเงียบๆและ ทําให้เขาดูเหมือนผู้อมตะลึกลับ

ฟางเจิ้งไม่รู้ว่านี่เป็นการปลอมตัวของฟางหยวน เขาอยากรู้เกี่ยวกับตัวตนของชายชราผู้นี้  คนผู้นี้เป็นผู้อมตะระดับแปด แต่เขาไม่ใช่ผู้อมตะระดับแปดที่มีชื่อเสียงของทะเลตะวันออก เขาคือผู้ใด? 

ไม่เพียงเขาแต่ราชันมังกรก็อยากรู้อยากเห็นเช่นกัน ทะเลตะวันออกกว้างใหญ่และเต็มไปด้วยทรัพยากร มันเป็นเรื่องปกติที่จะมีผู้อมตะระดับแปดซ่อนตัวอยู่

ราชันมังกรยิ้ม  บรรพชนทะเลปราณ. ในฐานะผู้อมตะระดับแปด ไม่แปลกที่จะเรียกตนเองว่าบรรพชน แต่การเรียกตนเองว่าทะเลปราณต่อหน้าข้า เจ้ายโสเกินไป 

ฟางเจิ้งได้ยินประโยคนี้และคิด  ถูกต้อง ท่านราชันมังกรบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งพลังปราณเป็นเส้นทางหลัก เส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงเป็นเส้นทางรอง เขาเป็นบางคนที่บ่มเพาะบนเส้นทางคู่ขนานที่หาได้ยาก! ชายชราของทะเลตะวันออกผู้นี้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งพลังปราณแต่เขาต้องการต่อสู้กับท่านราชันมังกรงั้นหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า 

ฟางเจิ้งรู้สึกเห็นใจบรรพชนทะเลปราณเล็กน้อย

ราชันมังกรกล่าวต่อ  เจ้ามีเจตนาร้ายอย่างชัดเจน บอกข้า สิ่งใดนําเจ้ามาที่นี่และปิดกั้นพวกเรา? เจ้ามีความสัมพันธ์อย่างไรกับฟางหยวน? 

ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาคิด เขาเชื่อมโยงตัวตนของข้ากับฟางหยวนในสถานการณ์นี้ได้อย่างไร?

บนพื้นผิว ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย็นชา  ข้าเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษของทะเลตะวันออก ข้าจะไม่รบกวนคนที่ไม่ทําให้ข้าขุ่นเคือง แต่วังสวรรค์ของพวกเจ้าทะเยอทะยานเกินไป พวกเจ้าพยายามยึดครองทั้งห้าภูมิภาคและทําให้โลกเป็นหนึ่ง ในอนาคตพวกเจ้าจะสร้างปัญหาและพยายามฆ่าข้า 

ราชันมังกรขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาโต้กลับ  ทะเลปราณ เจ้าต้องถูกปีศาจฟางหยวนหลอกลวง เราไม่มีความโกรธแค้นต่อกัน นี่เป็นการพบกันครั้งแรกของเรา เหตุใดข้าต้องโจมตีเจ้า? 

 ปีศาจฟางหยวนเจ้าเล่ห์และชอบหว่านความบาดหมาง เจ้าไม่ควรเชื่อเขา 

ฟางหยวนกันเสียงเย็น  แรกเริ่มข้าก็ไม่เชื่อ แต่ฟางหยวนผู้นี้ชี้ให้ข้าเห็นความลับมากมาย เขามอบหลักฐานที่เป็นรูปธรรมแก่ข้า เขาคือคนที่มาจากอนาคต ข้าควรเชื่อเขาหรือเจ้า? 

คิ้วของราชันมังกรขมวดคิ้วลึกขึ้น

ข้อกล่าวหาของฟางหยวนค่อนข้างไร้ยางอาย

หากเขามุ่งเป้าไปที่การกระทําในอดีตหรือปัจจุบันของวังสวรรค์ ราชันมังกรจะสามารถตอบโต้ด้วยหลักฐาน แต่เมื่อเขากล่าวถึงการกระทําของวังสวรรค์ในอนาคต ราชันมังกรก็ไม่สามารถโต้แย้งเพราะกระทั่งตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ใจในตัวเอง!

ในความเป็นจริงราชันมังกรก็มีการตีความของตนเอง ‘ผู้อมตะระดับแปดจะถูกหลอกง่ายๆได้อย่างไร? เนื่องจากฟางหยวนสามารถโน้มน้าวคนผู้นี้และทําให้เขาขัดขวางวงสวรรค์ ดังนั้นมันจึงมีแนวโน้มที่เราจะโจมตีเขาจริงๆในอนาคต ในกรณีนี้มันไม่มีประโยชน์ที่จะพูดคุยอีกต่อไป’

ราชันมังกรถอนหายใจ ภารกิจพิชิตวังมังกรของเขาถูกหยุดโดยบรรพชนทะเลปราณ ดังนั้นมันจึงมีความน่าจะเป็นที่ฟางหยวนกําลังไล่ล่าวังมังกรอยู่ในเวลานี้

 ข้าต้องรีบจัดการศึกนี้  ดวงตาของราชันมังกรส่องประกายขึ้น

ฟางหยวนประสบความสําเร็จในการหลอกลวงราชันมังกร

นี่ไม่ใช่เพียงเพราะท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยที่ได้รับการดัดแปลงซึ่งเข้ากันได้ดีกับเส้นทางแห่งพลังปราณ สิ่งสําคัญที่สุดคือบรรพชนทะเลปราณปลดปล่อยกลิ่นอายระดับแปดที่แท้จริงออกมาอย่างชัดเจน

ราชันมังกรคิดว่าฟางหยวนยังเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด

แท้จริงแล้วไม่เพียงราซันมังกร แต่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยิ่งใหญ่เช่นเทพธิดาจื่อเว่ยหรือกระทั่งคนทั้งโลกก็คือเช่นเดียวกัน

ต่างจากชีวิตก่อนหน้า ตอนนี้ความลับเรื่องมิติช่องว่างจักรพรรดิยังไม่ถูกเปิดเผย

ฟางหยวนปกปิดความลับเรื่องนี้เอาไว้เป็นอย่างดี

ท่าไม้ตายอมตะคลื่นกรงเล็บมังกร!

ราชันมังกรตัดสินใจต่อสู้โดยไม่ลังเล

นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง มันสร้างรอยกรงเล็บขึ้นกลางอากาศ

ฟางเจิ้งที่อยู่ในศาลานกกระเรียนอ้าปากค้างเมื่อคิดว่าราชันมังกรเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อนและยังเป็นการลอบโจมตีอีกด้วย!

แต่บรรพชนทะเลปราณกลับกลายเป็นกลุ่มหมอกควันและหายตัวไปจากจุดนั้นทันที

ฟางหยวนเฝ้าระวังราชันมังกรมาตั้งแต่แรก นี่คือเขตแดนอมตะของเขา มันง่ายสําหรับเขาที่จะหลบการโจมตีนี้

การแสดงออกของราชันมังกรไม่เปลี่ยน การโจมตีก่อนหน้าเป็นเพียงการทดสอบ

ตอนนี้เขาตรวจสอบแล้ว นี่เป็นเขตแดนอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณ วิธีบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงจะถูกจํากัดพลังอํานาจอย่างมากที่นี่

ในกรณีนี้เขาต้องใช้วิธีการอื่น

ราชันมังกรไม่ได้หันหลังกลับแต่กระแสลมกรรโชกแรงกลับก่อตัวขึ้นและพุ่งเข้าปิดล้อมศาลานกกระเรียนเอาไว้เพื่อปกป้องมัน

 ขอบคุณท่านราชันมังกร!  ฟางเจิ้งไม่กล้ารอและเร่งขอบคุณ

ราชันมังกรไม่สนใจและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอีกครั้ง หลังจากไม่นานเขาก็ผลักฝ่ามือส่งปราณมังกรหลายตัวออกไป

ปราณมังกรกึ่งโปร่งแสงเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว หากพวกมันพบตําแหน่งของศัตรู พวกมันจะโจมตีด้วยตัวมันเอง

 ท่านราชันมังกรไม่ใช่ผู้อมตะระดับแปดทั่วไป!  ฟางเจิ้งสรรเสริญเมื่อเห็นปราณมังกรที่ยิ่งใหญ่

แต่ในจังหวะนี้ราชันมังกรกลับเงยหน้าขึ้นด้วยสายตาแหลมคม

 เสียงนั่น?  ฟางเจิ้งได้ยินเสียงบางอย่างและต้องเงยหน้าขึ้นเช่นกัน

ในเวลาต่อมาปากของเขาก็อ้ากว้างขณะที่รูม่านตาหดเล็กลง

เขาเห็นปราณกระบี่ขนาดใหญ่โตที่มีความยาวมากกว่านับพันเมตรคล้ายดาบเทพสงครามพุ่งลงมาราวกับต้องการตัดผ่าโลกใบนี้ออกเป็นสองส่วน

พลังอํานาจของปราณดาบสร้างสายลมกรรโชกแรงและเสียงฟ้าร้องดังไปทั่ว ฟางเจิ้งตกใจมาก เขาเป็นเหมือนมดตัวน้อย ปราณมังกรที่เคยสง่างามดูเหมือนไส้เดือนตัวน้อยทันที

ในช่วงเวลาสําคัญราชันมังกรตะโกนและใช้ท่าไม้ตายของเขา

กําแพงปราณ!

กําแพงปราณเป็นวิธีป้องกันทั่วไปบนเส้นทางแห่งพลังปราณแต่ท่าไม้ตายนี้ของราชันมังกรไม่ง่ายเช่นนั้น

เขาสร้างกําแพงปราณสามชั้นขึ้นมาในครั้งเดียว

 ปัง! 

ปราณดาบปะทะกําแพงปราณทําให้เกิดเสียงดังสนั่น

แม้ฟางเจิ้งจะอยู่ในศาลานกกระเรียนแต่สายตาของเขายังกลายเป็นพล่าเลือน เขารู้สึกวิงเวียนขณะที่เลือดไหลออกมาจากรูหูของเขา

กําแพงปราณพังทลายลงขณะที่ปราณดาบกระจัดกระจายออกไป ปราณดาบส่วนที่เหลือไม่ใช่ภัยคุกคามอีกต่อไป

ศาลานกกระเรียนเหมือนแพขนาดเล็กที่ลอยอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่และต้องเผชิญหน้ากับคลื่นลมอย่างต่อเนื่อง

ฟางเจิ้งใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อรักษาเสถียรภาพของมันเอาไว้ ใบหน้าของเขากลายเป็นซีดขาว เขาหอบหายใจอย่างหนักหน่วงและอยู่ในสภาพที่น่าสมเพช

 คนผู้นี้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?  ฟางเจิ้งตกตะลึง ความรู้สึกปลอดภัยจากก่อนหน้าถูกทําลายลงอย่างสมบูรณ์

ราชันมังกรได้รับบาดเจ็บ เขาแสดงออกด้วยความเคร่งขรึม ตอนนี้เขาไม่สามารถผ่อนคลายได้อีกต่อไป

เขาเงยหน้ามองบรรพชนทะเลปราณที่ลอยอยู่ด้านบน ทั้งสองอยู่ห่างกันค่อนข้างมาก

ปราณดาบก่อนหน้าเปิดเผยตําแหน่งของฟางหยวน

ราชันมังกรกล่าว  นั่นเป็นปราณดาบที่ทรงพลัง แม้มันจะไม่ซับซ้อน แต่เจ้าจะใช้มันได้กี่ครั้ง? 

ฟางหยวนยิ้มและสงบมาก

การโจมตีก่อนหน้านี้ทรงพลังเกินไป ราชันมังกรคิดว่าฟางหยวนสามารถใช้มันหลังจากเตรียมตัวมาเป็นเวลานาน

นี่คือตรรกะทั่วไป แต่ราชันมังกรไม่รู้ว่าฟางหยวนเป็นข้อยกเว้น

 โอ้ เจ้าหมายถึงสิ่งนี้งั้นหรือ? มันเป็นเพียงการโจมตีธรรมดา  หลังกล่าวจบคำ ฟางหยวนก็ชี้นิ้วไปที่ศาลานกกระเรียน

 ครืน ๆ 

ปราณดาบถูกส่งออกไป

 ครืน 

ปราณดาบเล่มที่สองถูกส่งตามไปอีกครั้ง

 ครืน ๆ 

ปราณดาบเล่มที่สามถูกส่งออกไปด้วยพลังเท่าเดิม

ร่างของฟางเจิ้งแข็งค้าง เขาตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์

 นี่..  กระทั่งราชันมังกรยังตกใจมาก การปลดปล่อยปราณดาบของฝ่ายตรงข้ามง่ายดายเกินไป มันไม่ต่างจากการดื่มน้ํา

แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร?

แน่นอนว่ามันเป็นไปได้

ฟางหยวนมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งพลังปราณมากกว่าหนึ่งล้านร่องรอยด้วยการสนับสนุนของเขตแดนอมตะ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะสามารถทําสิ่งนี้

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งพลังปราณของราชันมังกรมีเพียงสามสิบส่วนของฟางหยวน

ด้วยเหตุนี้ปราณดาบของฟางหยวนจึงสามารถทําลายกําแพงปราณสามชั้นของราชันมังกร

‘เขาแข็งแกร่งมาก ผู้ใดจะคิดว่าทะเลตะวันออกจะมีตัวละครเช่นนี้ ฮ่าฮ่า น่าสนใจ ‘ดวงตาของราชันมังกรส่องประกายขึ้นด้วยเจตจํานงแห่งการต่อสู้

เขามองไปรอบๆ ปราณดาบกําลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

 มันนานมากแล้วตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ข้าต้องต่อสู้อย่างจริงจัง  ราชันมังกรสูดหายใจลึกก่อนจะระเบิดกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่ออกมา

เสียงคํารามของมังกรดังขึ้นขณะที่เขาพุ่งเข้าไปหาปราณดาบ

ฟางหยวนต่อสู้กับราชันมังกรอย่างดุเดือดขณะที่อาณาจักรแห่งความฝันใต้ทะเลยังสงบเงียบ

 ศิษย์น้อง ระวัง ข้าเตรียมท่านี้ไว้แล้ว  ร่างแยกมนุษย์มังกรของฟางหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ไท่ฉินเผยรอยยิ้มละเอียดอ่อน  ศิษย์พี่ ไปพร้อมข้า 

 ดี  ร่างแยกมนุษย์มังกรโบกมือและส่งกองทัพมดบินออกไปปสร้างเป็นแม่น้ําสีทองไหลไปทางไท่ฉิน

ไท่ฉินโบกมือส่งมอบินที่ดูราวกับแม่น้ําสีทองออกไปเช่นเดียวกัน

กองทัพมดสองฝูงพบกันกลางอากาศแต่พวกมันไม่ได้ต่อสู้กัน ตรงข้ามพวกมันหลอมรวมเป็นหนึ่งโดยไม่มีการบาดเจ็บล้มตาย

กองทัพมดรวมตัวกันอย่างสมบูรณ์อยู่บนท้องฟ้า

ภายใต้แสงส์ทอง ร่างแยกมนุษย์มังกรมองไก่ฉันด้วยสายตาอบอุ่น

ไท่ฉินมองตอบด้วยสายตาที่ไม่สามารถปิดซ่อนความรักที่นางมี

 ศิษย์น้อง 

 ศิษย์พี่ 

ทั้งสองเดินเข้าไปหากันและสัมผัสได้ถึงความรักอันลึกซึ้งที่มีต่อกัน กองทัพมดบินที่อยู่รอบๆเต้นรําอย่างมีความสุข

อย่างไรก็ตามอีกไม่นานทั้งสองต้องแยกจากกัน

 ศิษย์น้อง ข้าต้องไปแล้ว เห้อ.. ข้าอยากอยู่กับเจ้าตลอดไป แต่ข้าไม่อาจต่อต้านท่านพ่อ ตอนนี้ข้ามีครอบครัวแล้ว ข้าทําให้เจ้าลําบากแล้ว  ร่างแยกมนุษย์มังกรจูบลาไท่ฉิน

ไท่ฉินส่ายศีรษะ  ไม่ ไม่ลําบากเลย ศิษย์พี่ ท่านถูกบังคับให้ทําเช่นนี้ขณะที่ข้าเลือกสิ่งนี้ด้วยความสมัครใจ ข้าจะรอท่านอยู่ที่นี่เสมอ ท่านสามารถมาที่นี่ได้ทุกเมื่อ 

หลังจากนั้นร่างแยกมนุษย์มังกรก็กลับไปยังวังอักษรศิลป์

มันเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว ดวงจันทร์ลอยอยู่บนท้องฟ้า เขามองวังบนยอดเขาและรู้สึกเศร้าใจ

เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรผู้หนึ่งบินเข้ามาหาเขา

 พี่ใหญ่ เมื่อท่านไม่อยู่ พี่สะใภ้ลอบไปพบฟานจื่ออย่างลับๆอีกครั้ง  ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรรายงานด้วยความไม่พอใจ

 ฮืม นางเพศยา!  ร่างแยกมนุษย์มังกรของฟางหยวนแสดงออกด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ความโกรธที่รุนแรงปะทุขึ้ในหัวใจของเขา

 

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท