เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1840 กําเนิดวังมังกร

บทที่ 1840 กําเนิดวังมังกร

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1840 กําเนิดวังมังกร

อู๋ส่วยเป็นคนฉลาดและเด็ดเดี่ยว เขามองการณ์ไกลและมีบุคลิกที่แข็งกร้าว เขาไม่อ่อนแอเหมือนผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรส่วนใหญ่ เขารวบรวมทรัพยากรอย่างลับๆเพื่อแผนการสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด

แต่ช่วงเวลาดีๆมักอยู่ไม่นาน เมื่อเผ่ามนุษย์มังกรแข็งแกร่งขึ้น เผ่ามนุษย์ก็ยิ่งต่อต้านพวกเขามากขึ้น ในความเป็นจริงกระทั่งอู่ส่วยก็ยังต้องยอมรับว่าเหตุผลส่วนใหญ่มาจาการแย่งชิงผลประโยชน์ระหว่างเผ่ามนุษย์มังกรกับเผ่ามนุษย์

แต่การคงอยู่ของราชันมังกรทําให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ไม่กล้าสร้างปัญหาให้พวกเขามากนัก

ในวันเกิดของราชันมังกรมีการเฉลิมฉลองครั้งใหญ่

ตัวอักษรคําว่าอายุยืนถูกเขียนไว้ในวังหลังใหญ่ของราชันมังกรอย่างเด่นชัด

ราชันมังกรนั่งอยู่บนที่นั่งหลักและรายล้อมไปด้วยบุตรหลานเผ่ามนุษย์มังกร

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรเดินเข้าไปมอบของขวัญทีละคน

 ท่านพ่อ ขอให้ท่านอายุยืนหมื่นปี  ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรผู้หนึ่งมอบดอกไม้หยกให้กับราชันมังกร

 ท่านพ่อ ข้าขอให้ท่าน…  พ่อของอู๋ส่วยมาที่นี่เช่นกัน

ราชันมังกรพยักหน้าด้วยการแสดงออกที่เคร่งขรึม เขาสั่งให้คนรับใช้รับของขวัญทั้งหมด

หลังจากบุตรก็เป็นหลาน

การแสดงออกของราชันมังกรอ่อนโยนมากขึ้นและเผยรอยยิ้มอบอุ่นมากขึ้น

 ท่านปู่ ข้ามาที่นี่เพื่ออวยพรวันเกิดท่าน! ขอให้ท่านอายุยืนยาวดั่งทะเลตะวันออกและเอก เขาของภาคใต้ นี่คือสัตว์อสูรที่ข้าล่ามาด้วยตนเอง ข้าหวังว่าท่านปู่จะชอบมัน  มนุษย์มังกรหนุ่ม คุกเข่าลงบนพื้นและส่งจานที่วางไว้ด้วยม้าน้ําให้กับราชันมังกร

 นี่คือม้าน้ําแห่งความสุข มันรวดเร็วและยากที่จะจับ 

 นายน้อยเจ็ดเป็นผู้อมตะระดับหก มันยากมากสําหรับเขาที่จะฆ่ามัน แต่ผู้ใดจะคิดว่าเขาจะสามารถจับมันทั้งเป็น! 

 ข้าได้ยินมาว่าเพื่อจับม้าน้ําแห่งความสุข นายน้อยเจ็ดใช้เวลาหนึ่งเดือนอยู่ที่ก้นทะเลโดยไม่เคลื่อนไหว ความกตัญญูของเขาช่างน่าประทับใจนัก 

ผู้คนที่อยู่รอบๆพูดคุยกัน ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หลายคนเข้าร่วมในงานเลี้ยงครั้งนี้เช่นกัน

นายน้อยเจ็ดเป็นหลานชายคนโปรดของราชันมังกร เขายิ้มและรับม้าน้ําแห่งความสุขเอาไว้ และกล่าว  ดี ดี ดี ข้ามีความสุขมาก 

แต่เมื่อถึงคราวของอู่ส่วย ราชันมังกรกลับหุบยิ้ม  ในสถานการณ์ปัจจุบัน เจ้าคือหลานชายที่ประสบความสําเร็จมากที่สุดของข้า แต่จําไว้ว่าการไปไกลเกินไปอาจส่งผลเสีย 

 ทราบแล้ว  อู๋ส่วยเดินออกไปด้วยความเคารพ

คืนนั้นราชันมังกรเรียกอู่ส่วยไปพบที่ห้องทํางานของเขา

 คืนเกาะดอกไม้แดนใต้ให้พวกเขา  ราชันมังกรกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

อู๋ส่วยตกใจเล็กน้อย เขาฝืนยิ้ม  ท่านปู่ ท่านอาจไม่รู้ ข้าได้รับเกาะนี้เป็นรางวัล ข้าวางแผนที่จะทําให้มันเป็นบ้านของเผ่ามนุษย์มังกร 

ราชันมังกรแสดงออกอย่างเคร่งขรึม  อู๋ส่วย อย่าคิดว่าไม่มีผู้ใดสามารถมองเห็นอุบายเล็กๆ ของเจ้า เกาะดอกไม้แดนใต้เป็นของนิกายเมฆาวายุ แต่เจ้าคว้ามันมาด้วยแผนการบางอย่างเจ้า พยายามทําสิ่งใด? นํากลุ่มมนุษย์มังกรของเจ้าอย่างถูกต้อง มันไม่ดีงั้นหรือที่จะอยู่ในนิกาย? เหตุใดเจ้าต้องย้ายไปอยู่ที่เกาะดอกไม้แดนใต้? บอกข้า เจ้าต้องการสิ่งใด? 

อู๋สวยกลั้นหายใจ หลังจากชั่วครู่เขาก็เปิดปากตอบ  ท่านปู่ ข้าไม่ได้มีความทะเยอทะยานมากมายนัก ข้าเพียงต้องการให้คนของข้ามีชีวิตที่ดีขึ้น 

 ชีวิตที่ดีขึ้นงั้นหรือ? นั่นเป็นความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่!  ราชันมังกรขึ้นเสียง

อู๋ส่วยยอมรับ  ท่านปู่ ต่อให้นี่เป็นความทะเยอทะยาน แล้วอย่างไร? เราไม่มีสิทธิที่จะทะเยอทะยานเช่นนั้นหรือ? เราไม่มีสิทธิที่จะต่อสู้เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นงั้นหรือ? 

 เหตุใดเราต้องอยู่ที่นี่? ท่านปู่ ท่านไม่รู้หรือว่าผู้อมตะเผ่ามนุษย์เหล่านั้นข่มเหงและเอาเปรียบพวกเราอย่างไร? 

 ข่มเหงงั้นหรือ? เอาเปรียบงั้นหรือ? ตลอดหลายปีที่ผ่านมาข้าได้ยินแต่การกระทําของเจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าจึงโปรดปรานเจ้าเจ็ดมากที่สุด? เพราะเขาเห็นความงามของโลกใบนี้ เขาเป็นคนใจดีจากส่วนลึกของหัวใจ เขาไม่เคยคิดเรื่องความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับมนุษย์มังกร แต่เจ้า? เจ้าใช้ชื่อของข้าทําชั่วไปทั่ว เจ้าแย่งอาณาเขตของผู้คนและฉกชิงผลประโยชน์ของนิกายเพื่อตนเอง หยุดการกระทําทั้งหมดโดยเร็วที่สุด!  ราชันมังกรตะคอกเสียงเย็น

 ท่านปู่ หากผู้อมตะเผ่ามนุษย์ไม่ปฏิบัติต่อเราเช่นนี้ เหตุใดพวกเราถึงต้องทําเรื่องเหล่านี้? 

 มนุษย์อันใด? มนุษย์มังกรอันใด? มนุษย์กับมนุษย์มังกรแตกต่างกันอย่างไร?  ราชันมังกรตําหนิ

 หากไม่มีความแตกต่างระหว่างเผ่าพันธุ์ แล้วเขาบนศีรษะของข้าคือสิ่งใด? หางด้านหลังของข้าหมายความว่าอย่างไร?  อู๋ส่วยกล่าวด้วยความโกรธ  ท่านปู่ ท่านเป็นมนุษย์ที่กลายเป็นมนุษย์มังกร ชีวิตส่วนใหญ่ของท่านถูกใช้ไปในฐานะมนุษย์ ท่านเป็นมนุษย์มังกรเพียงช่วงเวลาสั้นๆ! 

 แต่พวกเรา? 

 ท่านปู่ ท่านเคยคิดเกี่ยวกับพวกเราบ้างหรือไม่? พวกเราเกิดมาเป็นมนุษย์มังกร พวกเราเกิดมาพร้อมกับเขาบนศีรษะและหางบนหลัง! 

 พ่อแม่และผู้อาวุโสทุกคนบอกข้าตั้งแต่ยังเด็กว่าพวกเรามีต้นกําเนิดมาจากมนุษย์ แต่เมื่อข้ายังเด็ก เด็กรอบตัวข้าต่างล้อเลียนข้าเพราะรูปร่างหน้าตาของข้า พวกเขาทําตัวเหินห่างจากข้า พวกเขาดึงหางและกลั่นแกล้งข้า ทั้งหมดนี้บอกข้าว่าข้าไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเผ่าพันธุ์มนุษย์! 

 เมื่อข้าโตขึ้น ข้าก็ตระหนักว่าไม่ใช่เพียงแค่เด็กๆ แต่มนุษย์ผู้ใหญ่ก็ปฏิบัติต่อพวกเราแตกต่างออกไปเช่นกัน พวกเขาเพียงใช้วิธีที่ละเอียดอ่อนมากขึ้นเท่านั้น 

 หากข้าล้มเหลว พวกเขาจะบอกว่ามันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์มังกรที่จะพ่ายแพ้ต่อมนุษย์ หากข้าประสบความสําเร็จ พวกเขาจะกล่าวว่ามนุษย์มังกรสามารถมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร เขาใช้แผนการหรืออุบายใด 

 มนุษย์เหล่านั้นมักคิดว่าพวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พวกเขาดูถูกมนุษย์มังกรว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่ด้อยกว่า พวกเขากล้าดีอย่างไร! 

 มนุษย์มังกรไม่ด้อยกว่าพวกเขา พวกเราเกิดมาพร้อมกับร่างกายและร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งทาสที่เหนือกว่ามนุษย์เหล่านั้น หากผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ไม่ใช้วิญญาณ การการต่อสู้ด้วยร่างกายของพวกเขาจะไม่สามารถทําร้ายร่างกายของพวกเรา สิ่งที่พิเศษกว่านั้นก็คืออายุขัยของพวกเรายืนยาวมากกว่าพวกเขา มนุษย์เหล่านั้นมีอายุขัยสั้นกว่าพวกเรามาก 

 ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มากมายเปลี่ยนตนเองเป็นมนุษย์มังกรเพราะพวกเขาต้องการยืดอายุขัย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาละทิ้งความเป็นมนุษย์ของตนเองแต่พวกเขากลับดูถูกเผ่ามนุษย์มังกร นี่เป็นความคิดที่ผิด! 

 พอแล้ว!  ราชันมังกรทุบโต๊ะด้วยใบหน้ามืดครื้ม

 ไม่!  เสียงของอู่ส่วยสงบลงแต่เขายังมองราชันมังกรอย่างกล้าหาญ  ท่านปู่ ท่านคือผู้สร้างวิธียืดอายุขัยโดยการเปลี่ยนเป็นมนุษย์มังกร หากไม่มีท่าน เผ่ามนุษย์มังกรจะเกิดขึ้นได้อย่างไร? ท่านคือบรรพบุรุษของเผ่ามนุษย์มังกร เหตุใดท่านต้องเข้าข้างมนุษย์เหล่านั้นตลอดเวลา? เราคือ ครอบครัวของท่าน! ข้าจะไม่คืนเกาะดอกไม้แดนใต้แม้ข้าต้องตาย ท่านปู่ หากท่านยืนยันเช่นนั้น ท่านต้องจบชีวิตของข้าเป็นอันดับแรก 

หลังกล่าวจบคํา อู๋ส่วยก็หันหลังและเดินจากไป

ราชันมังกรไม่ได้หยุดอู่ส่วย เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน

 เห้อ…บุตรหลานของข้าโตแล้ว พวกเขามีความทะเยอทะยานของตนเอง 

 แต่พวกเขาไม่เคยใส่ใจภาพรวมของมนุษยชาติ 

 ข้าประมาทเกินไปหรือไม่? คลื่นมนุษย์มังกรก่อตัวขึ้นแล้วโดยมีข้าเป็นคนเปิดประตูกั้นน้ํา? 

อู๋ส่วยได้รับเกาะดอกไม้แดนใต้ นั่นทําให้นิกายเมฆาวายุไปหาราชันมังกรเพื่อขอให้เขานําเกาะดอกไม้แดนใต้กลับมาให้นิกายเมฆาวายุ แต่อู๋ส่วยไม่ฟังคําสั่งของราชันมังกรและยังยืนกรานเที่จะทําตามความตั้งใจของเขา

นิกายเมฆาวายุไม่ยอมแพ้ พวกเขาใช้ทุกวิธีเพื่อปราบปรามอู๋ส่วย

อู๋ส่วยจัดการกับพวกเขาและรักษาเสถียรภาพอย่างยากลําบาก ขณะที่ราชันมังกรไม่ทําสิ่งใด เขาไม่ช่วยหลานชายของเขาแม้แต่น้อย มีเพียงผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรบางส่วนที่ลอบช่วยเหลือเขาอย่างลับๆ

เนื่องจากความช่วยเหลือของผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรและการคงอยู่ของราชันมังกร นิกายเมฆาวายุจึงไม่สามารถแสดงท่าที่ก้าวร้าวมากเกินไป ส่วยประสบความสําเร็จในการย้ายผู้คนของเขาไปอาศัยอยู่ที่เกาะดอกไม้แดนใต้

แต่เรื่องเกาะดอกไม้แดนใต้ยังไม่จบเพียงเท่านี้

แม้มันจะผ่านไปนับร้อยปี นิกายเมฆาวายุก็ยังไม่ยอมแพ้ พวกเขายังพยายามทวงคืนเกาะดอกไม้แดนใต้อยู่เสมอ

อู๋ส่วยจัดการปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร้ที่ติ นิกายเมฆาวายุไม่ประสบความสําเร็จ

 หลังจากร้อยปี ในที่สุดแผนการของข้าก็บรรลุผล!  อู๋ส่วยมองคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่อยู่ด้านหน้าอย่างมีความสุข

ย้อนกลับไปเขาคว้าเกาะดอกไม้แดนใต้มาเพราะต้องการสถานที่ลับเพื่อสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะ

พ่อของอู๋ส่วยยืนอยู่ด้านข้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ  เจ้าประสบความสําเร็จจริงๆ! บุตรของข้า เจ้ายอดเยี่ยมกว่าข้ามาก! 

 แม้นิกายต่างๆจะปราบปรามและพยายามแย่งชิงเกาะดอกไม้แดนใต้ของข้ามาตลอดหลายปี แต่ข้าก็พบการเผชิญหน้าโดยบังเอิญหลายครั้ง ข้าได้รับทรัพยากรมากมาย ในเวลาเดียวกัน ด้วยความช่วยเหลือจากผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรตลอดหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา ในที่สุดคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดหลังนี้ก็ถูกสร้างขึ้น  อู๋ส่วยยิ้ม  ให้เวลาข้าอีกสองสามร้อยปี ข้าอาจทําให้มันกลายเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด! 

 มันมีชื่อหรือไม่?  พ่อของอู๋ส่วยถาม

 ในฐานะผู้สร้าง ข้าจะตั้งชื่อมันว่า…วังมังกร!  ดวงตาของอู๋ส่วยส่องประกายขึ้น

 วังมังกร?  การแสดงออกของพ่ออู่ส่วยเปลี่ยนแปลงไป  นี่อาจไม่เหมาะสม? 

 ฮ่าฮ่าฮ่า เหตุใดจึงไม่เหมาะสม? มันสามารถเปรียบเทียบกับวังสวรรค์!  อู๋ส่วยหัวเราะ

 บุตรของข้า เจ้าควรพิจารณามันใหม่ ในสายตาของมนุษย์ วังมังกรอาจเป็นสัญญาณของการก่อกบฏ 

 ฮ่าฮ่าฮ่า  อู๋ส่วยหัวเราะเสียงเย็น  พวกเขาสามารถคิดสิ่งที่พวกเขาต้องการ 

 อย่ากล่าวเช่นนั้น มนุษย์ยังเป็นผู้ปกครองโลกใบนี้ 

 ท่านพ่อ  อู๋สวยยกมือขึ้น  อย่าพูดอีกเลย ข้าตัดสินใจแล้ว นี่คือคฤหาสน์วิญญาณอมระวังมังกร! 

 

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท