เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1867 ตัวอ่อนของจิตวิญญาณสวรรค์

บทที่ 1867 ตัวอ่อนของจิตวิญญาณสวรรค์

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1867 ตัวอ่อนของจิตวิญญาณสวรรค์

เทพอมตะบัวสวรรค์ เทพอมตะสวรรค์พิภพ และเทพปีศาจคลั่ง?  หัวใจของฟางหยวนสั่นไหว

ตามคําอธิบายของชนพื้นเมือง ฟางหยวนสามารถเชื่อมโยงถึงผู้อมตะระดับเก้าในประวัติศาสตร์

ความคิดต่างๆพุ่งผ่านจิตใจของฟางหยวน พวกเขามาที่นี่งั้นหรือ? ในชั้นเจ็ด ข้าเห็นเส้นทางที่ถูกทิ้งไว้โดยผู้อมตะระดับเก้าเพียงสามสายพวกมันเป็นของเทพอมตะตะวันเดือดเทพปีศาจจิตวิญญาณและเทพอมตะสวรรค์พิภพนี่หมายความว่ามีผู้อมตะระดับเก้าอย่างน้อยห้าคนมาที่นี่

ฟางหยวนรู้สึกสับสนและตกตะลึงเล็กน้อย

 ดูเหมือนผู้อมตะระดับเก๋คนอื่นๆจะมาที่นี่เช่นกัน บางที่เส้นทางที่พวกเขาทิ้งไว้อาจถูกทําลายไปตามกาลเวลา

เทพปีศาจบัวแดงถือกําเนิดขึ้นเมื่อหนึ่งล้านปีก่อนในยุคโบราณ เขาปรากฏตัวขึ้นหลังจากเทพปีศาจคลั่ง

ในยุคกลางเมื่อสามแสนปีก่อน เทพอมตะบัวสวรรค์ เทพปีศาจปล้นสวรรค์ และเทพอมตะตะวันเดือดปรากฏตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง บรรพชนผมยาวอยู่ในยุคนี้ เนื่องจากเขาเป็นมนุษย์ขนที่มีอายุยืนยาวเขาจึงสามารถร่วมงานกับเทพปีศาจปล้นสวรรค์และเทพอมตะตะวันเดือด

หลังจากนั้นก็เป็นยุคปลายเมื่อหนึ่งแสนปีก่อน เทพปีศาจจิตวิญญาณ และเทพอมตะสวรรค์พิภพปรากฏตัวขึ้นในยุคนี้

ในยุคปัจจุบัน ตามคําทํานาย เทพอมตะแห่งความฝันจะถือกําเนิดขึ้น นางจะเป็นเทพอมตะที่แข็งแกร่งที่สุด

เทพอมตะตะวันเดือด เทพปีศาจจิตวิญญาณ และเทพอมตะสวรรค์พิภพทิ้งเส้นทางของพวกเขาเอาไว้ในชั้นที่เจ็ดของปีศาจคลั่ง นั่นเป็นร่องรอยที่พวกเขาพุ่งทะยานเข้าไป

ทั้งสามเป็นผู้อมตะระดับเก้า ดังนั้นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ของพวกเขาจึงคงอยู่มาถึงปัจจุบัน

อย่างไรก็ตามแม้ผู้อมตะระดับเก้าจะทิ้งร่องรอยของพลังงานแห่งเดีเอาไว้แต่พวกมันก็จะเลือนหายไปตามกาลเวลา

ความสงสัยของฟางหยวนได้รับค่าตอบมากขึ้นในเวลานี้

 เหตุใดผู้อมตะระดับเก้ามากมายจึงมาที่นี่?

 ปีศาจคลั่งดึงดูดตัวตนระดับนี้จริงๆ

 พวกเขาไปถึงชั้นเก๊หรือไม่?

 ค่ายกลวิญญาณอมตะของชั้นเก้ยังทํางานอยู่ หากพวกเขาไปถึงชั้นเก่า เหตุใดพวกเขาไม่ทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะและนําวิญญาณอมตะระดับเก้าออกไป?

หากพวกเขาไปไม่ถึงชั้นเก้าและหยุดอยู่ที่ชั้นแปด เหตุใดพวกเขาจึงสร้างโลกของตนเอง?

ฟางหยวนไตร่ตรองและต้องการไปดูโลกของผู้อมตะระดับเก้าเหล่านั้น

เขาไม่สามารถหาเส้นทางเพื่อไปยังชั้นเก้า

ในช่วงเวลาที่เขาอยู่ชั้นเจ็ด เขาไม่เคยคิดว่าจะพบฉากที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ในชั้นแปด

บางทีเขาอาจพบเบาะแสบางอย่างจากโลกของผู้อมตะระดับเก้า

แม้มันจะไม่มีเบาะแสเกี่ยวกับชั้นเก้า แต่โลกเหล่านั้นอาจมีมรดกของพวกเขาเก็บไว้

แม้มันจะไม่มีมรดกที่แท้จริง แต่ตราบเท่าที่มีบางสิ่งทิ้งไว้ กระทั่งมันจะไม่มีนัยสําคัญต่อผู้อมตะระดับเก้าแต่มันอาจมีประโยชน์อย่างมากต่อฟางหยวน

 น่าสนใจ เจ้ารู้หรือไม่ว่าโลกเหล่านั้นอยู่ที่ใด?  ฟางหยวนถาม

มนุษย์หมอกส่ายศีรษะ พวกเขาไม่รู้ พวกเขาเคยได้ยินมาเพียงเท่านี้

 ท่านนักปราชญ์ เราอยู่ในโลกใบนี้และไม่สามารถออกไปข้างนอกอันตรายเกินไปสําหรับพวกเรา 

ฟางหยวนขมวดคิ้ว  แล้วพวกเจ้ารู้ข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างไร? 

มนุษย์หมอกตอบ  บางเวลา ศิษย์ของนักปราชญ์เหล่านั้นจะเดินทางข้ามความว่างเปล่ามายังโลกต่างๆเพื่อทําธุรกรรมหรือปล้นสะดมพวกเราได้รับข้อมูลเหล่านี้มาจากพวกเขา 

รม่านตาของฟางหยวนหดเล็กลง  ศิษย์ของผู้อมตะระดับเก้างั้นหรือ? พวกเขามีความแข็งแกร่งระดับใด?พวกเขาต้องมีความสามารถพิเศษที่ทําให้พวกเขาสามารถเดินทางข้ามโลก! 

แต่หลังจากไม่นานฟางหยวนก็ตระหนักถึงสิ่งผิดปกติและเปิดปากถาม  หากมีศิษย์ของนักปราชญ์อยู่มากมายเหตุใดพวกเจ้าจึงเรียกข้าว่านักปราชญ์ทันทีเมื่อเห็นข้า? 

มนุษย์หมอกตอบ  เพราะนักปราชญ์ทุกคนมีลักษณ์เหมือนท่าน แต่ศิษย์ของพวกเขามีรูปร่างทุกแบบ 

ฟางหยวนเข้าใจทันที ดูเหมือนที่นี่จะไม่มีมนุษย์ สิ่งที่เรียกว่าศิษย์ของนักปราชญ์อาจเป็นเผ่าพันธุ์อื่นเหมือนมนุษย์หมอกเหล่านี้

กล่าวถึงเรื่องนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางหยวนเคยเห็นมนุษย์หมอก พวกเขาไม่ใช่สัตว์หรือพืชพวกเขาไม่ใช่มนุษย์กลายพันธุ์ แต่พวกเขามีรูปลักษณ์ที่คลุมเครือที่ดูคล้ายมนุษย์

 ท่านนักปราชญ์โปรดช่วยเราด้วย! 

 ท่านนักปราชญ์โปรดกอบกู้โลกใบนี้!

มนุษย์หมอกจํานวนมากอ้อนวอน

 แน่นอน  ฟางหยวนยิ้มและเริ่มโจมตี

 ท่านนักปราชญ์! 

 ท่านกําลังทําสิ่งใด? 

 อา… 

มนุษย์หมอกกรีดร้องด้วยความตกใจ

ในเวลาเพียงสองลมหายใจ ฟางหยวนก็จับมนุษย์หมอกเหล่านั้น

ข้อมูลที่ได้รับจากการซักถามจะเชื่อถือได้อย่างไร?

เขาต้องค้นวิญญาณมนุษย์หมอกเหล่านี้

แต่ผลลัพธ์ค่อนข้างน่าอึดอัดใจ

เพราะมนุษย์หมอกเหล่านี้ไม่มีดวงวิญญาณ!

หากปราศจากดวงวิญญาณ แล้วพวกเขาจะถือเป็นสิ่งมีชีวิตได้หรือไม่?

ฟางหยวนมึนงงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตระหนักถึงบางสิ่ง ดูเหมือนโลกใบเล็กใบนี้จะไม่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณดังนั้นสิ่งมีชีวิตที่นี่จึงไม่มีดวงวิญญาณ

นี่เป็นการค้นพบใหม่ที่น่าสนใจ

ในห้าภูมิภาคและสองสวรรค์ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดมีดวงวิญญาณเป็นของตนเองเนื่องจากการคงอยู่ของร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ

อย่างไรก็ตามมนุษย์หมอกเหล่านี้กลับไม่มี

การขุดค้นความทรงจําของพวกเขากลายเป็นเรื่องยาก

แต่ปัญหานี้ถูกฟางหยวนแก้ไขอย่างรวดเร็ว

ฟางหยวนได้รับข้อมูลทั้งหมดของมนุษย์หมอกเหล่านี้

จากข้อมูล เขาพบว่ามนุษย์หมอกไม่ได้หลอกเขา พวกเขาไม่เคยออกจากโลกใบนี้ แม้ศิษย์ของนักปราชญ์จะมาที่นี่และทําธุรกรรมกับพวกเขา มันก็เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ช่วงเวลานั้นสั้นเกินไปดังนั้นความคิดของมนุษย์หมอกเหล่านี้จึงค่อนข้างเรียบง่าย

ฟางหยวนยังพบว่ามนุษย์หมอกเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ พวกเขาไม่สามารถออกจากที่นี่

 มนุษย์หมอกเหล่านี้คล้ายกับจิตวิญญาณสวรรค์หรือจิตวิญญาณแผ่นดิน  ฟางหยวนคิด

นี้หมายความว่ามนุษย์หมอกเหล่านี้คือตัวอ่อนของจิตวิญญาณสวรรค์หรือจิตวิญญาณแผ่นดินงั้นหรือ? หากข้าสามารถทําความเข้าใจมันอย่างลึกซึ้ง ข้าจะสามารถสร้างจิตวิญญาณสวรรค์หรือจิตวิญญาณแผ่นดินหรือไม่?

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นเมื่อคิดถึงผลประโยชน์ที่ล้ําค่า

เขาต้องการค้นคว้าเกี่ยวกับมัน แต่โลกใบนี้กําลังจะถูกทําลาย เขามีเวลาไม่พอ

 ไม่เป็นไร ข้าเพียงต้องค้นหาต่อไป 

โลกเช่นนี้หายากแต่มันยังมีอยู่

 หากข้าพบโลกของผู้อมตะระดับเก้ นั่นจะดีที่สุด!

จากนั้นฟางหยวนก็เริ่มออกเดินทางไปในความว่างเปล่าเพื่อค้นหาเป้าหมายต่อไป

 พรวด! 

เพิ่งซานกระอักเลือดและกําวถอยหลัง

เขามีร่างกายใหญ่โต เพียงก้าวเดียวก็ส่งผลกระทบต่อเขาเป็นอย่างมาก มันไม่มีปัญหาหากมันเป็นพื้นดินธรรมดาแต่ที่นี่คือชั้นเจ็ดของปีศาจคลั่ง ทุกตารางนิ้วเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋

 ข้าไม่พบร่องรอยของฟางหยวนเลย  เพิ่งซานกล่าวขณะเช็ดคราบเลือดที่มุมปากของตน

ผู้อมตะเงียบ

นักวางแผนถอนหายใจ

ปีศาจอมตะทั้งสามมารวมตัวกันแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเขาแยกกันเพื่อป้องกันฟางหยวน แต่ตอนนี้หลังจากเสียงปีศาจจบลงพวกเขาก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง

ด้านหนึ่งพวกเขารู้สึกว่าแม้ฟางหยวนจะมีชีวิตอยู่แต่เขาย่อมอยู่ในสภาพที่ไม่เป็นภัยคุกคาม

อีกด้านหนึ่งพวกเขาต้องการช่วยฟางหยวน

 เรารู้จักชั้นเจ็ดเป็นอย่างดี ความหวังที่ฟางหยวนจะมีชีวิตอยู่…  เพิ่งซานสายศีรษะ

 ผู้ใดจะคิดว่าฟางหยวนจะตายเช่นนี้  ผู้อมตะปู่ถอนหายใจ

นักวางแผนรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก

พวกเขาไม่มีความคิดที่จะกําจัดความชั่วร้าย เป้าหมายในชีวิตของพวกเขามีเพียงการสํารวจถ้ําปีศาจคลั่งเพื่อค้นหาชีวิตนิรันดร์เท่านั้น

ฐานทัพใหญ่ของตระกูลฟาง

วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ลอยอยู่ในอากาศและปลดปล่อยแสงสีเขียวหยกออกมา

ฟางกง ฟางฮั่วเฉิง ฟางเล้ง และฟางหยุนกําลังเฝ้ามองมันจากสถานที่ห่างออกไป

เป็นเพียงเวลานี้ที่แสงสีเขียวหยกยิงสายฟ้าสีเขียวออกไปทุกทิศทาง

 บีม บีม บีม… 

สายฟ้าแสงสีเขียวตกกระทบพื้นและส่งฝุ่นควันลอยคละคลุ้งขึ้นสู่อากาศ

เมื่อการระเบิดสิ้นสุดลง ต้นหญ้าสีเขียวก็เริ่มเติบโตขึ้นจากหลุมก่อนจะกลายเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่

นี่คือท่าไม้ตายอมตะของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ สายฟ้าหมื่นชีวิต!

ท่าไม้ตายนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของฟางตี้เฉิง

ประตูวังเปิดออก ร่างแยกฟางตี้เฉิงของฟางหยวนเดินออกมาด้วยรอยยิ้ม

 ดี!  ฟางกงหัวเราะเสียงดัง  ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สอง นี้เป็นผลงานครั้งใหญ่ของเจ้า 

 ด้วยวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ตระกูลฟางของเราจะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคและลุกขึ้น!  ฟางหยุนอุทาน

ฟางตี้เฉิงยิ้ม  ด้วยวังหลังนี้ พวกเราจะไม่ถูกกดขี่อีกต่อไป แต่ไม่จําเป็นต้องรีบร้อน มีบางส่วนที่เรายังต้องจัดการทหารถั่วศักดิ์สิทธิ์ต้องใช้เวลาเตรียมการล่วงหน้า 

 อย่ากังวล เจ้าสามารถใช้ทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งไม้จากคลังสมบัติของเราได้ตามที่เจ้าต้องการฟางกงหัวเราะอีกครั้ง

 

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท