เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1860 เจ้ารู้มากเกินไป

บทที่ 1860 เจ้ารู้มากเกินไป

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1860 เจ้ารู้มากเกินไป

ฟางกงที่ซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์รู้สึกกังวล

 เกิดสิ่งใดขึ้น? เหตุใดจึงไม่มีการเคลื่อนไหวจากวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์?  ฟางกงคํานวณเวลา

เนื่องจากซวนปู้จินเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เขาอาจเกิดข้อสงสัย ดังนั้นฟางกงจึงต้องซ่อนตัวอยู่ ใกล้ๆเพื่อเฝ้าระวังอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด

 ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งโปรดสบายใจ ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองวางแผนมาเป็นอย่างดี เขาเหนือกว่า ซวนปู้จิน นอกจากนั้นด้วยการสนับสนุนจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะ ความพ่ายแพ้ของซวนปู่จนเป็นเรื่องที่แน่นอน อย่างไรก็ตามหากมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ผู้อาวุโสสูงสุดล่าดับที่สองสามารถส่งข้อความถึงพวกเราอย่างรวดเร็ว  ผู้อาวุโสสูงสุดล่าดับที่สามฟางฮั่วเฉิงกล่าวด้วยความมั่นใจมาจากด้านข้าง

 เจ้าพูดถูก  ฟางกงพยักหน้า

เป็นเพียงเวลานี้ที่การระเบิดปะทุขึ้นภายในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

ฟางกงและฟางฮั่วเฉิงชําเลืองมองกันขณะที่ฝ่ายหลังกล่าว  มันเริ่มขึ้นแล้ว คฤหาสน์วิญญาณอมตะระเบิดตัวเองแล้ว! 

 ไปดูกันเถอะ!  ฟางกงรีบวิ่งไปที่วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

ประตูของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ถูกปรับแต่งไปแล้ว ดังนั้นฟางกงกับฟางฮั่วเฉิงจึงสามารถเข้าไปได้อย่างง่ายดาย

 ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สอง!  ฟางกงเห็นฟางตี้เฉิงที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสนอนอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง

 ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สอง ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?  ฟางฮั่วเฉิงเริ่มเข้าไปช่วยเหลือ

เขาเป็นผู้อมตะสายรักษาของตระกูลฟาง

ด้วยการรักษาของเขา ฟางตี้เฉิงค่อยๆรู้สึกตัวในที่สุด

เขากล่าวเสียงเบา  ซวนปู้จินซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้ แม้ข้าจะประสบความสําเร็จในการซุ่มโจมตี แต่ข้ายังถูกตอบโต้และได้รับบาดเจ็บสาหัส อย่างไรก็ตามวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์… 

ก่อนที่ฟางตี้เฉิงจะกล่าวจบ ฟางกงกลับกล่าวขัดจังหวะ  ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองอย่าพึ่งกล่าวถึงวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ เจ้าคือสมองของตระกูลฟาง เราไม่สามารถขาดเจ้า ให้ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สามรักษาอาการบาดเจ็บของเจ้าก่อน 

ฟางฮั่วเฉิงกล่าวเสริม  ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองอย่าหักโหมเกินไป อาการบาดเจ็บของท่านไม่เบา ท่านควรฟังผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่ง มาเถอะ ให้ข้าพาท่านไปพักที่ห้องลับ 

 ตกลง  ฟางตี้เฉิงปิดเปลือกตาลงด้วยความอ่อนล้า

เขาถูกนําตัวไปยังห้องลับและรักษาอาการบาดเจ็บ

การรักษาใช้เวลาหนึ่งวันสองคืน

หลังจากการรักษาเสร็จสิ้น ฟางฮั่วเฉิงไปพบฟางกงและรายงาน

 สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?  ฟางกงถาม

ฟางฮั่วเฉิงตอบ  รายงานผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่ง ไม่มีปัญหา ข้าตรวจเลือด ดวงวิญญาณ และร่างกายของผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองอย่างละเอียดแล้ว พวกมันเป็นของจริง ยิ่งไปกว่านั้นโคมไฟวิญญาณและป้ายวิญญาณของผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองควรเป็นตัวของเขาเอง 

ฟางฮั่วเฉิงไม่เพียงรักษาอาการบาดเจ็บของฟางตี้เฉิงแต่เขายังลอบตรวจสอบฟางตี้เฉิง

ฟางกงพยักหน้า  ข้าเชื่อใจผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองแต่การตรวจสอบก็เป็นเรื่องจําเป็น ฟางหยวนสามารถแทรกซึมเข้าสู่ภาคใต้และทําให้กองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้กลายเป็นตัวตลก แม้ซวนปู้จินจะไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับฟางหยวน แต่เขาก็เป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เรายังไม่รู้จักเขาดีพอ เราไม่สามารถประมาท ยิ่งไปกว่านั้นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองยังขอให้ข้าทําเรื่องนี้ด้วยตัวของเขาเอง 

ฟางฮั่วเฉิงหัวเราะ  พวกท่านทั้งสองช่างรอบคอบนัก จากสิ่งที่ข้าเห็น แม้ซวนปู้จินจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งปัญญา แต่เขาเป็นเพียงผู้บ่มเพาะสันโดษ รากฐานของเขามีจํากัด ตระกูลฟางของเราเป็นมหาอํานาจ เราทุ่มเทกับแผนการนี้ ด้วยความแข็งแกร่งที่แตกต่างกัน การกําจัดซวนปู้จินไม่ใช่เรื่องยาก 

 แม้เขาจะตายไปแล้ว ข้าก็ต้องการเห็นศพของเขา มิฉะนั้นข้าจะไม่สามารถผ่อนคลาย  ฟางกงกล่าว

 ฮ่าฮ่าฮ่า เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งปัญญา ไม่ใช่เส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง แม้ผู้อาวุโสสูงสุดล่าดับที่สองจะไม่อธิบาย แต่ข้าก็สามารถคาดเดาได้ว่าซวนปู้จินต้องใช้วิธีการบางอย่างเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเองอย่างกะทันหัน นั้นทําให้การระเบิดที่เกิดขึ้นทําลายทั้งร่างกายและดวงวิญญาณของเขาไปพร้อมกัน  ฟางฮั่วเฉิงกล่าว

ฟางฮั่วเฉิงยังนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงและไม่ได้อธิบายสิ่งใดกับพวกเขา

 ตอนนี้ฟางฮั่วเฉิงคงรายงานฟางกงเรียบร้อยแล้ว ดูเหมือนข้าจะประสบความสําเร็จในการหลอกลวงพวกเขา  ฟางตี้เฉิงคิด

ความจริงก็คือเขาไม่ใช่ฟางตี้เฉิงแต่เป็นฟางหยวน!

ย้อนกลับไปเมื่อฟางฮั่วเฉิงเริ่มแผนการของเขา

 น้องซวนปู้จิน ข้ารู้ว่ามันไม่ยุติธรรมกับเจ้า 

 แต่เราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว โปรดตายเพื่ออนาคตของตระกูลฟาง  ฟางตี้เฉิงโค้งคํานับฟางหยวน

ฟางหยวนเริ่มสาปแช่ง

การแสดงออกของฟางตี้เฉิงกลายเป็นเย็นชา  เจ้าเป็นสมาชิกตระกูลฟาง มันเป็นเรื่องถูกต้องแล้วที่เจ้าจะตายเพื่อตระกูล จงพักผ่อนให้สบาย 

หลังกล่าวจบคํา เขาก็เริ่มขั้นตอนสุดท้าย

เงียบ..

 หือ?  ฟางตี้เฉิงมึนงงเล็กน้อย เขากระตุ้นใช้งานมันอีกครั้ง

เงียบ…

 เกิดสิ่งใดขึ้น?  รูม่านตาของฟางตี้เฉิงหดเล็กลง เขาเร่งตรวจสอบ

ในเวลาเดียวกันการแสดงออกที่ตื่นตระหนกของฟางหยวนก็หายไปและถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มที่น่าขนลุก  โอ้ เจ้ารู้แล้ว 

 นี่เป็นไปได้อย่างไร? ข้าดูแลกระบวนการทั้งหมด้วยตนเอง เจ้าให้คําแนะนําเพียงเล็กน้อยเท่านั้น  ฟางฮั่วเฉิงรู้สึกหนาวสันขณะที่เขากล่าวต่อ  เป็นไปได้หรือไม่ว่า… 

 ฮ่าฮ่าฮ่า  ฟางหยวนปรบมือ  สมกับเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งปัญญา ถูกต้อง แม้ข้าจะให้คําแนะนําเพียงเล็กน้อย แต่มันทําให้วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์สามารถแทรกซึมเข้าสู่คฤหาสน์วิญญาณอมตะและค่ายกลวิญญาณอมตะที่อยู่ด้านนอก ในขณะเดียวกันข้าก็สามารถส่งอิทธิพลต่อวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ 

สิ่งที่ฟางหยวนทําตอนนี้คือใช้พลังอํานาจของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เพื่อสร้างสถานการณ์ปัจจุบัน

ฟางตี้เฉิงมองฟางหยวนและกล่าว  เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่? มันไม่ง่ายเลยที่จะทําสิ่งนี้ให้สําเร็จ! ประการแรก เจ้าต้องมีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลสูงมาก ประการที่สอง เจ้าต้องมีวิธีที่สามารถส่งอิทธิลต่อวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์! 

ฟางหยวนยิ้ม แม้ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของเขาจะต่ํากว่าฟางตี้เฉิง แต่เขามีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกล นี้ทําให้เขามีข้อได้เปรียบ

ฟางหยวนสามารถมองเห็นแผนการของฟางตี้เฉิงและวางแผนต่อต้านเอาไว้แล้ว

ท่าไม้ตายอมตะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม!

ควันสีเขียวลอยขึ้นเหนือศีรษะของฟางหยวนและก่อตัวเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่

วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เริ่มสั่นไหว

ดวงตาของฟางฮั่วเฉิงเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ  เจ้าเป็นคนของวังสวรค์ สารเลว! 

เขาเคยเห็นเฉินอี้ใช้ท่าไม้ตายนี้มาแล้ว

ตอนนี้เมื่อเขาเห็นมันอีกครั้ง เขาจึงเชื่อมโยงซวนปู้จินกับวังสวรรค์และคิดว่าวังสวรรค์ต้องการนาวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์กลับไป

ตั้งแต่ตระกูลฟางถือครองวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาก็ถือเป็นศัตรูของวังสวรรค์แล้ว

เหงื่อไหลลงมาจากหน้าผากของฟางตี้เฉิง หากนี้เป็นการสมรู้ร่วมคิดระหว่างชวนจินกับวังสวรรค์ ซวนปู้จิน ย่อมมีแผนสํารอง บางทีผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์อาจซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆกับฐานทัพใหญ่ของตระกูลฟางแล้ว

เมื่อเห็นฟางตี้เฉิงเข้าใจผิด ฟางหยวนไม่อธิบายแต่ยังให้ความสําคัญกับท่าไม้ตายอมตะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้ท่าไม้ตายนี้อย่างเปิดเผย ในไม่ช้าฟางหยวนก็ตระหนักว่าวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เริ่มยอมรับเขาเป็นเจ้านาย

ฟางตี้เฉิงไม่สามารถขยับเขยื้อน

เดิมทีฟางตี้เฉิงต้องการใช้สิ่งนี้กับซวนปู้จิน แต่ผู้ใดจะคิดว่าเขาจะกลายเป็นฝ่ายถูกกระทํา

 ดี ดีมาก ซวนปู้จิน! ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ ฆ่าข้าซะ!  ฟางตี้เฉิงเย้ยหยันโดยไม่เกรงกลัวต่อความตาย

ฟางหยวนหัวเราะ  เจ้าต้องการใช้ความตายกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณเพื่อแจ้งเตือนฟางกงและคนอื่นๆที่อยู่ข้างนอกงั้นหรือ? เป็นความคิดที่น่ายกย่อง แต่ข้าจะไม่ถูกหลอก

ข้าจะดึงดวงวิญญาณของเจ้าออกมาและใช้ดวงวิญญาณแยกของข้ายึดครองร่างกายของเจ้า ร่างกายของเจ้าจะไม่ตายขณะที่ดวงวิญญาณของเจ้าก็ยังอยู่ ดังนั้นป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง 

 จากนี้ไปข้าจะใช้ร่างของเจ้าแทรกซึมเข้าสู่ตระกูลฟาง ข้าจะค้นวิญญาณของเจ้าอย่างหมดจด ข้าจะปล้นประสบการณ์ ความทรงจํา และข้อมูลทั้งหมดของเจ้า 

 ฮึ่ม เป็นไปไม่ได้ อย่าแม้แต่จะคิด!  ฟางตี้เฉิงกันเสียงเย็น  เจ้าคิดว่าการแยกดวงวิญญาณไม่สามารถตรวจสอบได้งั้นหรือ? รายละเอียดเกี่ยวกับดวงวิญญาณของข้าถูกบันทึกไว้แล้ว ความแตกต่างที่เกิดขึ้นจะทําให้เจ้าถูกเปิดเผย! 

 นอกจากนี้เจ้าก็มีเวลาน้อยเกินไป หากข้าไม่ออกไปในเวลาที่กําหนด ผู้อาวุโสคนอื่นๆจะบุกเข้ามา! 

 เมื่อเวลานั้นมาถึงแม้เจ้าจะมีกําลังเสริมจากวังสวรรค์ แต่เจ้าจะทนได้นานเพียงใด? ผู้อาวุโสสูงสุดล่าดับที่หนึ่งฟางกงจะเปลี่ยนเจ้าเป็นเนื้อบด! 

 ซวนปู้จิน ร่วมมือกับตระกูลฟางของข้า วังสวรรค์กําลังใช้เจ้าแต่พวกเขาไม่สนใจชีวิตของเจ้า  ฟางตี้เฉิงโจ้มน้าว

ฟางหยวนยิ้มและทําให้ใบหน้าของฟางตี้เฉิงกลายเป็นซีดเผือด

 ไม่ เจ้าไม่ได้ถูกส่งมาโดยวังสวรรค์! 

 เจ้า! เจ้าคือฟางหยวน! 

เขาตระหนักถึงเรื่องนี้ในที่สุด

ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมเป็นท่าไม้ตายอมตะของเฉินอี้ขณะที่เฉินอี้ถูกสังหารโดยฟางหยวน เรื่องนี้ ฟางหยวนเป็นคนกระจายข่าวออกไปด้วยตนเอง

ฟางหยวนปรบมือ  สมกับเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งปัญญาอย่างแท้จริง 

ฟางตี้เฉิงกล่าวอย่างยากลําบาก  ฟางหยวน เราสามารถร่วมมือ ไม่จําเป็นต้องสร้างความขัดแย้ง โปรดเชื่อในความแข็งแกร่งและความจริงใจของตระกูลฟาง อา… 

ดวงตาของฟางตี้เฉิงเบิกกว้างขึ้นอย่างกะทันหัน

เส้นเลือดปูนโปนขึ้นบนหน้าผากของเขา ใบหน้าของเขากลายเป็นแดงก๋าราวกับเขาถูกมือที่มองไม่เห็นบีบลําคอและปิดจมูก

 ฟาง…ฟางหยวน…ทุกอย่าง…สามารถ…พูดคุย… 

ฟางหยวนสายศีรษะ  น่าเสียดายที่ปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยิ่งใหญ่ต้องมาตายอยู่ที่นี่ แต่เจ้า…รู้มากเกินไป 

 อา…  ร่างของฟางตี้เฉิงกระตุกสองสามครั้งก่อนที่เขาจะตาย

 

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท