เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1853 เด็กดี

บทที่ 1853 เด็กดี

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1853 เด็กดี

 คู คู คู… 

เสียงนกดังอยู่บนท้องฟ้า ฝูงนกขนาดใหญ่ราวกับเมฆสีดำที่เคลื่อนเข้ามาใกล้เมืองภูผา

ในถ้ําสวรรค์นักรบอสูร เมืองภูผาเป็นหนึ่งในสิบสองเมืองที่พิเศษที่สุด

เมืองนี้สร้างขึ้นบนจุดสูงสุดของหน้าผา ผู้คนและพฤติกรรมทางสังคมของที่นี้ค่อนข้างมีเอกลักษณ์

 นกก้นอ้วนกลับมาแล้ว! 

 เร็ว เตรียมพร้อมสําหรับการป้องกัน! 

 ทุกคน อย่าตกใจ นักรบอสูรของเรากําลังมาก! 

เมืองภูผากําลังตกอยู่ในความโกลาหล

ฝูงนกก้นอ้วนส่งเสียงกรีดร้องอยู่บนท้องฟ้าเหนือเมืองภูผา

พวกมันมีมงกุฎอยู่บนศีรษะ ร่างกายของพวกมันเต็มไปด้วยขนที่ยุ่งเหยิง กันของพวกมันใหญ่โตเป็นพิเศษ

ท่ามกลางฝูงนก ราชาวิหคมีร่างกายใหญ่โตเป็นสองเท่าของนกกันอ้วนธรรมดา มันมองเมืองภูผาก่อนจะปล่อยอึก้อนโตลงไป

อึก้อนโตที่ทั้งเหม็นและน่าขยะแขยงของมันมีขนาดเท่าบ้าน

 บึ้ม! 

เมื่อมันตกลงมา มันทําลายส่วนหนึ่งของกําแพงเมืองทันที

โชคดีที่มีคนอยู่ที่นั่นไม่มาก ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

 บึม บึม บึม! 

เมื่อราชาวิหคโจมตีเมืองภูผา ฝูงของมันก็เริ่มโจมตีเช่นกัน

มันเหมือนฝนตกหนัก แต่มันเป็นฝนอึ

บ้านเรือนจํานวนมากพังทลายลงและจมอยู่ในกอง แม้แต่รูปปั้นเจ้าเมืองที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองยังถูกปกคลุมไปด้วยอึนก

หลังการโจมตีระลอกแรก ราชาวิหคกระพือปีกพุ่งไปในอากาศพร้อมกับฝูงของมันก่อนที่พวกมันจะบินวนกลับมาอีกครั้ง

 นักรบอสูร โจมตี!  เป็นเพียงเวลานี้ที่หัวหน้ากองทหารที่ปกป้องเมืองภูผาตะโกนเสียงดังและนํากองทัพของเขาบินขึ้นสู่ท้องฟ้าเผชิญหน้ากับฝูงนกก้นอ้วน

การต่อสู้ครั้งใหญ่ปะทุขึ้นกลางอากาศ

 อินทรีย์น้อย ไปสู้ด้วยกัน! กล้หรือไม่?  เจิ้งปู้ตู๋ลอบออกจากคฤหาสน์ของเจ้าเมือง เขากล่าวกับอินทรีย์ หางศรที่เกาะอยู่บนไหล่ของเขา

อินทรีย์หางศรกรีดร้องด้วยความเย่อหยิ่งด้วยใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของมัน มันกระพือปีกและจกใบหน้าของเจิ้งปู้ตู๋อย่างแผ่วเบาราวกับมันโกรธท่าที่ดูถูกของเจ้านายของมัน

 เมื่อเจ้าไม่กลัว ข้าก็จะไปกับเจ้า!  เจิ้งปู้ตู๋ยิ้ม เขาดูเหมือนเด็กไร้เดียงสาแต่แท้จริงแล้วเขาคือร่างแยกของฟางหยวน เขาถูกรับมาเป็นศิษย์โดยเจ้าเมืองภูเขา เขาใช้เวลามากมายกับอินทรีย์วัยเยาว์ตัวนี้ ตอนนี้เขาเข้าใจมันเป็นอย่างดี ในสถานการณ์ปัจจุบัน อินทรีย์หางศรเต็มไปด้วยเจตจํานงแห่งการต่อสู้

 ไปกันเถอะ อินทรีย์น้อย!  เจิ้งปู้ตู๋ตะโกนเสียงดัง

อินทรีย์หางศรกรีดร้องและทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับลูกศรก่อนจะบินกลับมาหาเจิ้งปู้ตู๋

เจิ้งปู้ตู๋ตะโกน  แปลงร่าง! 

เขากระตุ้นใช้วิญญาณ แสงสว่างส่องประกายขึ้น อินทรีย์หางศรหนุ่มพุ่งเข้าปะทะร่างของเจิ้งปู้ตู๋และหลอมรวมเป็นหนึ่ง

ร่างกายของเจิ้งปู้ตู๋ขยายใหญ่ขึ้นเป็นยักษ์สูงสามเมตร ศีรษะของเขาเปลี่ยนเป็นนกอินทรีย์ ปีกขนาดใหญ่งอกออกมาจากแผ่นหลัง แขนและขาของเขากลายเป็นกรงเล็บอินทรีย์

มนุษย์อินทรีย์เจิ้งปู้ตู๋กระพือปีกบินเข้าสู่สนามรบทันที

 นั่นเสี่ยวตู๋ เขาแอบออกไปต่อสู้ เด็กคนนี้!  หญิงวัยกลางคนมองเจิ้งปู้ตู๋จากระยะไกลด้วยความกังวล

นางเป็นลูกสะใภ้ของเจ้าเมืองภูผา นางเคยมีบุตรชายผู้หนึ่งแต่เขาตายตั้งแต่ยังเด็ก

หลังจากเจ้าเมืองภูผารับเจิ้งปู้ตู๋มาเป็นศิษย์ เขากลายเป็นสมาชิของครอบครัวนี้อย่างรวดเร็ว หญิงงามวัยกลางคนผู้นี้รับเขาเป็นบุตรบุญธรรมและมอบความรักทั้งหมดของนางที่มีต่อบุตรที่เสียชีวิตไปให้กับเจิ้งปู้ตู๋

ด้านข้างนางเป็นชายวัยกลางคน เขาเหลือเพียงร่างกายส่วนบน ร่างกายส่วนล่างของเขาถูกตัดออกอย่างสมบูรณ์ แต่ใบหน้าของเขายังเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ตอนนี้เขาดูค่อนข้างร่าเริง

เขามองเจิ้งปู้ตู๋และสรรเสริญ  ฮ่าฮ่าฮ่า เด็กคนนี้ช่างชอบการต่อสู้นัก เขาเต็มเต็มความคาดหวังของอาจารย์ ท่านพ่อ ท่านมีศิษย์ที่ดี 

 เขาก็เป็นบุตรของเจ้าเช่นกัน  เจ้าเมืองภูผาลูบเคราของตนอย่างมีความสุข

เดิมทีเขารับเจิ้งปู้ตู๋มาโดยบังเอิญเพราะอินทรีย์หางศรเห็นเจิ้งปัติเป็นครอบครัวของมัน เจ้าเมืองไม่สามารถแยกทั้งสองออกจากกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป เจ้าเมืองภูผากลับพบว่าเจิ้งปู้ตู๋มีพรสวรรค์ที่หาได้ยาก

เจิ้งปู้ตู๋ทํางานอย่างหนักและทําให้เจ้าเมืองภูผาพอใจมาก สิ่งสําคัญที่สุดคือบุคลิกของเจิ้งปู้ตู๋ เขาเป็นคนกล้าหาญและใจดี เขาเหมือนแสงอาทิตย์ที่มอบความอบอุ่นให้กับหัวใจของผู้คน

 ระวัง!  บนท้องฟ้า เจิ้งปู้ตู๋ตะโกนและเร่งความเร็ว

เขาใช้กรงเล็บส่งใบมีดสายลมออกไปสังหารนกก้นอ้วนตัวหนึ่ง

 ขอบคุณมาก เสี่ยวตู๋  นักรบอสูรที่ได้รับความช่วยเหลือรู้สึกซับซ้อน

ในช่วงเวลาปกติเขามักดูถูกเจิ้งปู้ตู๋ เขาจะหัวเราะกับความอ่อนแอของฝ่ายหลังและกล่าวว่ามันเป็นเพียงเพราะความโชคดีของเขา

แต่ตอนนี้ดูเหมือนความสามารถในการต่อสู้ของเจิ้งปัญ์จะเหนือกว่าเขาไปแล้ว เจิ้งปู้ตู๋ยังช่วยชีวิตเขาโดยไม่สนใจความขัดแย้งในอดีต

 อย่าคิดมาก พวกเราเป็นสมาชิกเมืองภูผาเช่นเดียวกัน  เจิ้งปู้ตู๋กล่าว

หลังจากได้ยินถ้อยคําเหล่านี้ นักรบอสูรผู้นั้นยิ่งรู้สึกซับซ้อนมากขึ้น

 จัดกลุ่มใหม่และปกป้องเมือง!  เจิ้งปู้ตู๋กระตุ้น

 ตกลง!  นักรบอสูรพยักหน้าและเข้าสู่การต่อสู้ที่ดุเดือดอีกครั้ง

เจ้าเมืองภูผาเห็นฉากนี้และต้องประเมินเจิ้งปู้ตู๋ใหม่

 เด็กคนนี้  หญิงวัยกลางคนยกคิ้วขึ้น  ข้าจะจัดการเขาเมื่อเขากลับมา! 

 ฮ่าฮ่าฮ่า  ชายวัยกลางคนนั่งอยู่บนรถเข็นหัวเราะร่าเริง

เจ้าเมืองภูผาพยักหน้าเบาๆโดยไม่กล่าวสิ่งใด

 หลังการต่อสู้ครั้งนี้ ความประทับใจของทุกคนที่มีต่อข้าจะดีขึ้นอีกมาก เจิ้งปู้ตู๋ลอบวิเคราะห์สถานการณ์อย่างสงบ

นักรบอสูรรู้สึกขอบคุณเขา แต่ความจริงก็คือเจิ้งปู้ตู๋ก็รู้สึกขอบคุณฝ่ายตรงข้ามเช่นกัน

 หากไม่มีคนเช่นเขา ข้าจะแสดงบุคลิกที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร?

ในฐานะศิษย์ของเจ้าเมือง เขาทําให้หลายคนรู้สึกอิจฉา

ฟางหยวนเข้าใจความคิดของทุกคนและตั้งใจเลือกศัตรูที่ดูชั่วร้ายแต่ไม่เป็นอันตรายต่อเขาจริงๆ

หลังจากเขาพบศัตรูที่ดูเหมือนบังเอิญ พวกเขาก็ทะเลาะกันด้วยวาจาก่อนจะพัฒนาสู่การต่อสู้ในที่สาธารณะ

เขากลับบ้านด้วยรอยฟกช้ำและขอให้เจ้าเมืองภูผาฝึกฝนเขาอย่างเข้มข้นมากขึ้นโดยไม่อธิบายเหตุผล ด้วยวิธีนี้เจ้าเมืองภูผาจึงต้องตีความด้วยตัวเขาเอง

แรกเริ่มฟางหยวนต้องการใช้ศัตรูผู้นี้เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง ด้วยภัยพิบัตินกก้นอ้วน มันทําให้เขาได้รับโอกาส

เมื่อโอกาสปรากฏขึ้นตรงหน้า เจิ้งปู้ตู๋ก็ใช้โอกาสนี้ช่วยเหลือศัตรูของเขาภายใต้การเฝ้ามองของทุกคน

หลังจากเข้ามาที่นี่ ขาโชคดีเสมอ ดูเหมือนร่างหลักจะมีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งโชคมากขึ้น เขาช่วยข้าได้มาก

หลังการต่อสู้อันดุเดือด ฝูงนกกันอ้วนพ่ายแพ้

การแสดงของเจิ้งปู้ตู๋โดดเด่นมาก เขาเกือบฆ่าราชาวิหคแต่เจ้าเมืองตะโกนบอกให้เขาหยุด

หลังการต่อสู้ครั้งนี้ เจิ้งปู้ตู๋ไปถามเจ้าเมืองด้วยความสับสน  ท่านปู่ เหตุใดท่านจึงไม่ให้ข้าฆ่าราชาวิหคที่ดุร้ายตัวนั้น? หากไม่มีมัน เมืองภูผาของเราจะไม่พบหายนะนี้อีก 

 เสี่ยวตู๋  เจ้าเมืองภูผาตบศีรษะเจิ้งปู้ตู๋เบาๆและกล่าวด้วยความยินดี  แม้เจ้าจะฆ่าราชาวิหคตัวนี้ พวกมันก็จะเลือกราชาตัวใหม่ 

 แล้วเหตุใดท่านปู่ไม่จัดการพวกมันด้วยตนเอง? ด้วยความแข็งแกร่งของท่าน ท่านสามารถกวาดล่างพวกมันทั้งหมด  เจิ้งปู้ตู๋ถามอย่างไร้เดียงสา

เจ้าเมืองภูผายิ้ม  นั่นเป็นเพราะอื่นกเป็นสิ่งที่ดี มันจะทําให้ที่นี่อุดมสมบูรณ์ ในความเป็นจริงขบวนสินค้าจํานวนมากต้องการแลกเปลี่ยนสินค้าของพวกเขากับอื่นกของพวกเรา 

 เป็นเช่นนั้น? อึที่เหม็นเน่าเป็นสมบัติ!  เจิ้งปู้ตู๋แสดงออกด้วยความประหลาดใจ

เจ้าเมืองภูผาหัวเราะ  เสี่ยวตู๋ ปู่สอนเจ้าไปแล้วว่าอย่าตัดสินตําราจากหน้าปกของมัน เจ้าไม่สามารถมองเพียงรูปลักษณ์ของสิ่งต่างๆบนโลกใบนี้ 

 ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะจดจําคําสอนของท่านปู่เอาไว้  เจิ้งปู้ตู๋พยักหน้า

 อืม เด็กดี  เจ้าเมืองภูผาเผยรอยยิ้มและคิดกับตนเอง นอกเหนือจากนั้นยังมีเหตุผลอื่น แต่เจ้ายังเด็กเกินไป มันยังเร็วเกินไปที่เจ้าจะเรียนรู้เหตุผลเหล่านั้น

หลังจากบอกลาเจ้าเมืองภูผา ฟางหยวนก็ออกจากคฤหาสน์เจ้าเมือง

คฤหาสน์ของเจ้าเมืองใหญ่โตเหมือนเมืองในเมือง

ในเมือง ผู้คนเริ่มฟื้นฟูเมืองของพวกเขาแล้ว ภัยพิบัตินกก้นอ้วนทําให้ร่างแยกเจิ้งปู้ตู๋ของฟางหยวนมีชื่อเสียง นอกจากนั้นมันยังทําให้เขาเข้าใจถ้ําสวรรค์นักรบอสูรมากขึ้น

ราชานกก้นอ้วนเป็นจักรพรรดิ์อสูร มันมีความแข็งแกร่งเท่ากับผู้ใช้วิญญาณระดับห้า ข้าเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่ง แต่ด้วยพลังของอินทรีย์หางศร หลังจากรวมร่างกับมัน ความแข็งแกร่งของข้าจึงเหนือกว่าจักรพรรดิอสูรตัวนี้ พลังการต่อสู้ในสวรรค์แห่งนี้ได้รับมาอย่างง่ายดาย ดังนั้นการบ่มเพาะรูปแบบดั้งเดิมของผู้ใช้วิญญาณจึงไม่ได้รับความนิยม

 หากการบ่มเพาะรูปแบบดั้งเดิมเฟื่องฟู เมืองแห่งนี้จะมีคฤหาสน์วิญญาณหลายหลังเป็นป้อมปราการ ฝูงนกก้นอ้วนจะไม่สามารถสร้างหายนะเช่นนี้ 

 อย่างไรก็ตามมันมีผลประโยชน์ซ่อนอยู่ในภัยพิบัติ 

 เมืองภูผาตั้งอยู่บนหน้าผา ล้อมรอบด้วยภูเขาหิน พวกเขาต้องใช้มูลนกในการเพาะปลูก มูลนกเป็นทรัพยากรที่ดึงดูดขบวนสินค้าจากแดนไกลให้เข้ามาค้าขายที่นี่

 เมืองภูผายังสามารถใช้การทดสอบนี้เพื่อคัดเลือกบุคคลที่มีความสามารถ แรงกดดันจากภายนอกจะส่งเสริมความสามัคคี ชาวเมืองจะเกิดศรัทธาในตัวผู้ปกครอง 

ท่าไม้ตายอมตะกลืนกินสิ่งมีชีวิตส่งผลกระทบต่อสวรรค์ทั้งหมด ผู้ใช้วิญญาณสามารถใช้พลังอํานาจของมันเพื่อแปลงร่าง กระบวนการนี้ต้องการให้พวกเขาใช้อารมณ์เชิงบวก ดังนั้นนักรบอสูรส่วนใหญ่จึงมักเป็นคนอารมณ์ดี

 แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าผู้คนที่นี่ไร้เดียงสา ตัวตนระดับสูงมีความสามารถและเจ้าเล่ห์เช่นกัน 

ฟางหยวนคิดเรื่องเหล่านี้ขณะที่เขาออกไปที่เมืองชั้นนอก

 อา…ท่านเจิ้งปู้ตู๋ 

 นายน้อยเจิ้งปู้ตู๋ 

 คารวะนายน้อย! 

 นายน้อยต่อสู้อย่างกล้าหาญ พวกเราเห็นท่านจากที่นี่ 

ระหว่างทาง ฟางหยวนได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากทุกคน

เขาเผยรอยยิ้มและเกาศรษะด้วยความเขินอาย  ทุกคน อย่าเรียกข้าว่านายน้อยหรือนายท่าน โปรดเรียกข้าว่าเสี่ยงตู๋ 

 ท่านลุง ให้ข้าช่วยท่าน  ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปหาชายชราและฉกพลั่วมาจากมือของเขา

 ท่านลุง ท่านควรพักผ่อน ข้าจะช่วยขุดอื่นกเหล่านี้  ฟางหยวนกล่าว

 โอ้ เสี่ยวตู๋ เจ้ามาช่วยข้าอีกแล้ว เด็กดี เด็กดี  ชายชรากล่าวด้วยดวงตาที่เปลี่ยนเป็นสีแดง

แม้เจิ้งปู้ตู๋จะเป็นศิษย์ของเจ้าเมืองและมีสถานะพิเศษ แต่เขากลับออกมาช่วยเหลือชาวบ้านโดยไม่คํานึงถึงสถานะและไม่กลัวความเหน็ดเหนื่อยหรือสกปรก ทําให้ผู้คนรู้สึกชื่นชมเขาเป็นอย่างมาก

ฟางหยวนทํางานและคิด ดูจากเวลา มันใกล้ถึงเวลาที่ร่างหลักของข้าจะดําเนินการแล้ว ความก้าวหน้าของข้าเพียงอย่างเดียวไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ในเวลาอันสั้น ร่างหลักต้องส่งภัยพิบัติสัตว์อสูรลงมาขณะที่ข้าต้องร่วมมือกับเขา

ภัยพิบัติสัตว์อสูรจากร่างหลักจะไม่ใช่ปัญหาเล็กน้อยเช่นภัยพิบัตินกก้นอ้วน

ขณะที่ชาวเมืองกําลังยกย่องเขา พวกเขาไม่รู้ว่าฟางหยวนกําลังวางแผนชั่วที่เป็นภัยคุกคามต่อถ้ําสวรรค์นักรบอสูรทั้งหมด

 

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท