เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1892 วิเคราะห์ชูอิง

บทที่ 1892 วิเคราะห์ชูอิง

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1892 วิเคราะห์ชูอิง

หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ เฉินกงเจ๋งกล่าวคําว่า  กลับไป  ในใจก่อนจะถูกส่งตัวไปยังเกาะเริ่มต้นอีกครั้ง

เขาปรากฏตัวขึ้นใกล้กับหอคอยเกียรติยศ

ตอนนี้ชื่อของเขาปรากฏอยู่บนเสาและระบุว่าเขาได้แต้มบุญเก้าแต้ม

เฉินกงเจิ้งขมวดคิ้ว

ภารกิจนี้ทําให้เขาได้รับแต้มบุญเก้าแต้ม?

มันน้อยเกินไป นี่ไม่เป็นไปตามความคาดหวังของเฉินกงเจิ้ง

 ชูอิงทําภารกิจไปก่อนหน้าประมาณสิบภารกิจงั้นหรือ? เมื่อคิดถึงเรื่องนี้คิ้วของเฉินกงเจิ้งยิ่งขมวดแน่น

เขามองรายการสมบัติและรู้สึกหนาวเย็นอยู่ในใจ

วิญญาณอมตะและทรัพยากรอมตะต้องใช้แต้มบุญมากกว่าหมื่นแต้ม!

ยังมีอีกปัญหา หากบางคนแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะไปก่อน ข้าจะเสียโอกาส

 ตอนนี้ชองนําหน้า ข้าต้องไล่ตามเขาให้ทัน! 

เฉินกงเจิ้งรู้สึกถึงความเร่งด่วน

 ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่ง  เฉินตันเดินเข้ามาทําความเคารพเฉินกงเจิ้ง แม้เขาจะเสร็จสิ้นภารกิจก่อนแต่เขาไม่รีบรับภารกิจที่สอง

ในความเป็นจริงพวกเขาตกลงกันก่อนที่จะรับภารกิจแรกว่าจะมาพบกันหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจของพวกเขา

เฉินกงเจิ้ง เฉินตัน เฉินฉี เฉินเซียว เฉินหน่าย เหรินซิ่วผิง และตงฮั่วเป็นกลุ่มแรกขณะที่เสี่ยวหมิงเฉิน เฟิงเจียงฮวา กุ้ยฉีเย่ ถูเทาเทา และเจิ้งลั่วชื่อเป็นกลุ่มที่สอง

ทั้งสองกลุ่มแยกออกจากกันอย่างชัดเจน

เห็นได้ชัดว่ากลุ่มของเฉินกงเจิ้งแข็งแกร่งกว่า แต่ในถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้า พวกเขาไม่สามารถจัดการฝ่ายตรงข้าม

 สวรรค์ทิ้งทางรอดให้ผู้คนเสมอ! ทุกคน นี่เป็นโอกาสที่ดี ตราบเท่าที่เราคว้ามันมาได้ เราจะมีโอกาสจัดการเฉินกงเจิ้งในอนาคต เราต้องทํางานอย่างหนัก เราต้องสามัคคีเพื่อความหวังที่จะรอดชีวิต  เสี่ยวหมิงเฉินกระตุ้นกลุ่มของเขา

เจิ้งถั่วซื้อ ถูเทาเทา และคนอื่นๆพยักหน้า พวกเขารู้สึกถึงความร้ายแรงของสถานการณ์และแรงกดดันจากเฉินกงเจิ้ง

แม้พวกเขาจะปลอดภัยในถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้า แต่หลังจากสามร้อยวัน พวกเขาจะถูกส่งออกไปและต้องเผชิญหน้ากับเฉินกงเจิ้งอีกครั้ง

 บอกข้า พวกเจ้าค้นพบสิ่งใดบ้าง  เสี่ยวหมิงเฉินกล่าว

พวกเขาแลกเปลี่ยนข้อมูลกันโดยไม่ปิดบัง

การค้นพบของทุกคนคล้ายกับเฉินกงเจิ้งเสี่ยวหมิงเฉินสรุปในตอนท้าย  ข้อจํากัดของถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้าถือเป็นเครื่องป้องกันสําหรับพวกเรา อย่างน้อยตอนนี้เฉินกงเจิ้งก็ไม่สามารถทําสิ่งใดกับพวกเรา 

 พวกเราได้รับแต้มบุญเพียงเก้าแต้มหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ ดูเหมือนรางวัลสําหรับภารกิจจะอยู่ระหว่างหนึ่งถึงสิบ 

 แต่ข้ามีความรู้สึกว่าหอคอยเกียรติยศจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในอนาคต 

เจิ้งถั่วซื้อและถูเทาเทามองหน้ากัน เจิ้งถั่วซื้อลังเลแต่ยังเปิดปากถาม  พี่เมี่ยว เนื่องจากท่านสามารถสัมผัสถึงตําแหน่งของวาฬมังกรฟ้าและน่าพวกเรามาที่นี่แต่มันยังเป็นสถานที่แปลกใหม่สําหรับท่านเช่นนั้นหรือ? 

เสี่ยวหมิงเฉินเผยรอยยิ้มขมขึ้น  น้องเจิ้ง น้องถู หากขาบอกว่าข้าไม่รู้ว่าเหตุใดข้าจึงสามารถรับรู้ถึงตําแหน่งของวาฬมังกรฟ้า พวกเจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่? เมื่อหลายปีก่อนข้อมูลเกี่ยวกับวาฬมังกรฟ้าเริ่มปรากฏขึ้นในใจของข้าอย่างกะทันหัน แรกเริ่มมันค่อนข้างคลุมเครือ ข้อมูลเหล่านั้นจึงชัดเจนขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ ในที่สุดข้าก็ตระหนักว่า มันคือวาฬมังกรฟ้าที่เรียกหาข้า 

 หากข้ารู้วิธีจัดการมันและมีทางลัด ข้าคงใช้มันไปแล้ว ข้าจะเผชิญหน้ากับภัยคุกคามของเฉินกงเจิ้งได้อย่างไร? เมื่อเราอยู่ด้านนอก เฉินกงเจิ้งโจมตีพวกเรา หากข้ารู้ว่ามันเป็นภาพลวงตา ข้าคงพยายามตายตั้งแต่แรก 

 สหาย คํากล่าวของข้าเป็นความจริงทั้งหมด ไม่มีการหลอกลวง! 

เจิ้งถั่วซื้อและถูเทาเทาเห็นการแสดงออกที่จริงจังของเสี่ยวหมิงเฉินและพยักหน้า  เราเชื่อท่าน 

เป็นเพียงเวลานี้ที่กู้ยฉีเย่กล่าว  พูดถึงเรื่องนี้ ข้าจําสิ่งหนึ่งได้ ก่อนหน้านี้เมื่อชูอิงถูกโจมตีด้วยดาบเสียง เขา เร่งความเร็วเพื่อหลบหนีมันแต่เขาพุ่งเข้าไปหาวิหคเพลิงสายฟ้าแรกก่าเนิด หลังจากนั้นเขาก็เสียชีวิตจาก สายฟ้าของวิหคเพลิงสายฟ้าแรกกําเนิด 

 ถูกต้อง ข้าก็เห็นเช่นกัน  เฟิงเจียงกล่าวเสริม

 มันแปลกที่เขาแสวงหาความตายเช่นนั้น ดูเหมือนชองจะรู้บางอย่างเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้  ดวงตาของเทาเทาส่องประกายขึ้น

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนไม่รู้ว่าการตายด้วยน้ํามือของเฉินกงเจิ้งจะได้รับการยอมรับจากวาฬมังกรฟ้าเช่นกัน เพื่อความปลอดภัย เขาจึงเลือกวิธีตายเช่นเดียวกับชีวิตก่อนหน้า

แต่นี้ทําให้เขาเปิดเผยข้อบกพร่องออกมา

มันเหมือนกับเฉินกงเจิ้งที่พยายามหลีกเลี่ยงตงฮัวขณะใช้ดาบเสียง

 เสี่ยวหมิงเฉิน  เสียงของเฉินตันดังขึ้นขณะที่เขาเดินเข้ามาหากลุ่มของเสี่ยวหมิงเฉิน

ด้านหลังเฉินตันยังมีเฉินกงเจิ้ง เหรินซิ่วผิง และคนอื่นๆ

 ไม่จําเป็นต้องกังวล  เฉินดันยิ้ม  เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาให้กับพวกเจ้าแต่มาเพื่อสร้างความร่วมมือ

 ความร่วมมือ? ช่างไร้ยางอายนัก! 

 ผู้ใดที่ต้องการสังหารพวกเราก่อนหน้านี้! 

เฟิงเจียงและฮวาตี้กล่าวด้วยความไม่พอใจ

อย่างไรก็ตามเมี่ยวหมิงเฉินหยุดพวกเขาและมองไปที่เฉินกงเจิ้ง

เฉินกงเจิ้งพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวเสียงเรียบ  นี่เป็นการตัดสินใจของข้า เป็นความจริงที่ข้าเคยโจมตีพวกเจ้ามาก่อน แต่ลองคิดกลับกันหากพวกเจ้าเป็นข้า พวกเจ้าจะปล่อยข้าไปหรือไม่? 

 ไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการฆ่าพวกเจ้าแต่ในสถานที่แห่งนี้ข้าทําได้เพียงต้องร่วมมือกับพวกเจ้าเท่านั้น 

 ข้าขอสาบานต่อชื่อเสียงของตระกูลเฉินของข้า ข้าสัญญาว่าแม้หลังจากออกจากถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้า เราก็จะไม่ทําร้ายพวกเจ้า ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปทั้งหมด 

 แต่พวกเจ้าต้องบอกทุกสิ่งที่พวกเจ้ารู้เกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้กับพวกเรา 

 ชื่อเสียงของตระกูลเฉิน…  เสี่ยวหมิงเฉินไตร่ตรอง กลุ่มผู้อมตะที่อยู่รอบๆรู้สึกหวั่นไหวกับข้อเสนอนี้เช่นกัน

เฉิงกงเจิ้งเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลเฉิน คํามั่นสัญญาของฝ่ายธรรมะมีน้ําหนักมากและตอนนี้เขาก็กําลังใช้ชื่อเสียงของตระกูลเฉินกับเรื่องนี้ มันมีความน่าเชื่อถือค่อนข้างสูง

แน่นอนว่าวิธีที่ดีที่สุดคือการทําข้อตกลงพันธมิตรบนเส้นทางแห่งข้อมูล

เจิ้งลั่วซื้อและเฉินหน่ายเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูล แต่ถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้าค่อนข้างจํากัดวิธีการของพวกเขา

 ทุกคนลองคิดดู นี่เป็นโอกาสเดียวของพวกเจ้า หากพวกเจ้าพลาด พวกเจ้าจะเสียใจในภายหลัง  เฉินตัน ข่มขู่ด้วยรอยยิ้ม

เสี่ยวหมิงเฉินและคนอื่นๆเงียบ

หลังจากสามร้อยวัน พวกเขาจะถูกส่งตัวออกไป คํามั่นของเฉินกงเจิ้งไม่สามารถเชื่อถือได้อย่างสมบูรณ์ เขาสามารถกลับคําพูดในภายหลัง

แต่ในสถานการณ์นี้เสี่ยวหมิงเฉินและคนอื่นๆ ไม่สามารถละทิ้งโอกาสที่จะรอดชีวิต

เมียวหมิงเฉินพยักหน้า  ข้ายอมรับข้อเสนอ ข้าจะร่วมมือกับพวกท่านและบอกทุกอย่างที่ข้าร์

เฉินกงเจิ้งยิ้ม  ดี คนฉลาดต้องสามารถยอมจํานนต่อสถานการณ์ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า กล่าวต่อไป 

เสี่ยวหมิงเฉินเผยรอยยิ้มขมขึ้น  ข้าไม่มีสิ่งใดจะกล่าวจริงๆ 

เขายสิ่งที่เขาเคยกล่าวกับถูเทาเทาและเจิ้งลั่วซื้อก่อนหน้านี้

เฉินตันโกรธมาก  เจ้ากาลังกล่าวว่าเจ้าไม่รู้สิ่งใดเลยเช่นนั้นหรือ? เจ้าคิดว่าตระกูลเฉินของเราหลอกง่ายงั้นหรือ? 

อย่างไรก็ตามเฉินกงเจิ้งยังพิจารณามันอย่างลึกซึ้ง

เขารู้สึกว่าคํากล่าวของเมียวหมิงเฉินอาจเป็นเรื่องจริง คําพูดสามารถโกหกแต่การกระทําไม่สามารถหลอกลวง ระหว่างการเดินทางมาที่นี่ การกระทําของเสี่ยวหมิงเฉินล้วนอยู่ในสายตาของเฉินกงเจิ้ง เขาดูไม่เหมือนคนที่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับวาฬมังกรฟ้า

กุ้ยฉีเย่กล่าวแทรก  เราพึ่งวิเคราะห์กันก่อนหน้านี้ ชูอิงน่าสงสัยมาก เขาอาจรู้ข้อมูลภายในบางอย่าง 

ดวงตาของกลุ่มผู้อมตะส่องประกายขึ้น

เหรินซิวผิงเผยรอยยิ้มเย็นชา  เจ้าบอกว่าคนผู้นั้นแสวงหาความตาย เขามาที่นี่และตื่นขึ้นเป็นคนแรก เขาปล้นสะดมทรัพยากรอมตะทั้งหมดและท่าภารกิจจนได้แต้มบุญเกือบร้อยแต้มงั้นหรือ? ฮัม 

เป็นเพียงเวลานี้ที่ฟางหยวนปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน

เขาทําภารกิจเสร็จสิ้นขณะที่แต้มบุญของเขาบรรลุถึงหนึ่งร้อยสองแต้ม

กลุ่มผู้อมตะมองฟางหยวนขณะที่ฟางหยวนก็มองพวกเขา

บรรยากาศค่อนข้างแปลกประหลาดแต่ฟางหยวนไม่แปลกใจ

ผู้อมตะล้วนมีไหวพริบ แม้เฉินกงเจิ้งจะยโส แต่ในสถานที่แห่งนี้มันเป็นไปได้ที่พวกเขาจะสร้างความร่วมมือ โดยเฉพาะเมื่อกลุ่มของเมียวหมิงเฉินกังวลเกี่ยวกับอนาคตของพวกเขา

เฉินตันยิ้มและเดินเข้าไปหาฟางหยวน  น้องช 

เขาเริ่มทักทายด้วยทัศนคติที่ดีกว่าก่อนหน้าที่เขากล่าวกับเดี่ยวหมิงเฉิน

ในสถานการณ์ปัจจุบันฟางหยวนมีค่ามากกว่าเมี่ยวหมิงเฉินอย่างเห็นได้ชัด

แต่ฟางหยวนกลับเพิกเฉยต่อเฉินตันอย่างสิ้นเชิง

รอยยิ้มของเฉินดันแข้งค้าง มุมปากของเขากระตุก ความโกรธปะทุขึ้นในใจของเขา แต่บางคนเดินเข้ามาตบไหล่ปลอบใจเขา

มันคือเฉินกงเลิ้ง

เฉินตันระงับความโกรธ เขาไม่กล้าทําสิ่งใด

 น้องชาย  เฉินกงเจิ้งหัวเราะเบาๆ  พวกเราร่วมมือกัน… 

 หลีกไป!  ฟางหยวนกันเสียงขัดจังหวะเฉินกงเจิ้งโดยไม่ลังเล

ทุกคนตกใจ

ดวงตาของเฉินกงเจิ้งเบิกกว้างเล็กน้อย เขาตกตะลึงกับสถานการณ์นี้

นานเท่าใดแล้วที่ไม่เคยมีผู้ใดปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้?

เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลเฉิน เขาเป็นผู้อมตะระดับแปดที่ยิ่งใหญ่ แต่บางคนกลับกล้าหยาบคายต่อหน้าเขา?

กระทั่งซ่งฉีหยวนก็ยังต้องรักษาทัศนคติที่ดีต่อเขา

แต่ชอิงผู้นี้กลับไม่แยแสเขาแม้แต่น้อย

ทุกคนไม่รู้ว่าควรจะชื่นชมความกล้าหาญของชูอิงหรือหัวเราะกับความโง่เขลาของเขา

หลังจากนั้นฟางหยวนก็หายตัวไปทันที เขารับภารกิจอื่นและจากไปอีกครั้ง

กลุ่มผู้อมตะยืนมองหอคอยเกียรติยศด้วยสายตาว่างเปล่า

เฉินกงเจิ้งหัวเราะเบาๆทําลายความเงียบ  ชูอิงผู้นี้ช่างกล้าหาญนัก ข้าจะรอดูความกล้าหาญของเขาหลังจากพวกเราออกจากสถานที่แห่งนี้ 

เขาเผยรอยยิ้มแต่ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยเพลิงแค้นและเจตนาสังหาร

 เสี่ยวหมิงเฉิน ชูอิงผู้นี้เป็นผู้ใดกันแน่ เขามีภูมิหลังอย่างไร?  เฉินตันหันกลับมาถามด้วยน้ําเสียงก้าวร้าว

เสี่ยวหมิงเฉินถอนหายใจและยักไหล่  หากขาบอกเจ้าว่าข้าไม่รู้ที่มาของเขา เจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่? 

 ฮ่าฮ่า  มุมปากของเฉินตันกระตุก เขาหัวเราะเสียงแห้ง

หากเสี่ยวหมิงเฉินไม่รู้ภูมิหลังของชูอิง เขาจะเชิญคนผู้นี้เข้าร่วมในการสารวจวาฬมังกรฟ้าได้อย่างไร

 ชอิง ขากําลังจะตายเพราะเจ้า  เมี่ยวหมิงเฉินเผยรอยยิ้มขมขึ้นแต่เขายังไม่ยอมแพ้ เขาตัดสินใจโยนปัญหานี้ให้กับเหรินซิ่วผิง

 เหตุผลที่ข้าไว้ใจชอิงเพราะเหรินซิ่วผิง พี่เหริน เหตุใดท่านไม่อธิบายเรื่องนี้? จําเป็นต้องปิดบังงั้นหรือ? 

คํากล่าวของเสี่ยวหมิงเฉินท่าให้ทุกคนมองไปที่เหรินซิ่วผิง

เหรินชิวผิงตัวสันและรู้สึกถึงแรงกดดัน เขาต้องอธิบายทุกสิ่งที่เขารู้

กลุ่มผู้อมตะเรียนรู้เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการเข้าร่วมของชูอิงในที่สุด

เมียวหมิงเฉินยังอธิบายต่อ  แท้จริงแล้วข้าไม่ได้ติดต่อชูอิงมากนัก ข้าเคยเชิญเขาเข้าร่วมในการประชุมการคําเพียงครั้งเดียว ในเวลานั้นตงฮัวและถูเทาเทาก็อยู่ด้วย 

เฉินกงเจิ้งหันหน้าไปทางคนทั้งสอง

ดูเทาเทาและตงฮันพูดสิ่งที่พวกเขารู้ทั้งหมด

เฉินกงเจิ้งได้ยินคํากล่าวของพวกเขาและขมวดคิ้ว

มีข้อมูลมากมายแต่พวกมันล้วนไร้ประโยชน์

 ชูอิงผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดา เฉินกงเจิ้งสังหรณ์แต่เขายังมั่นใจในตนเอง อย่างไรก็ตามเขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า! 

 

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท