ลืมรักเลือนใจ – ตอนที่ 22 แสดงจิตวิญญาณออกมา?
ได้ยินเช่นนี้ พวกของเฮ่อซานซานและหวังเฉี่ยวฮุ่ยพลันอึ้งไป
เพราะหลินเยียนยืนอยู่หลังสุด พวกเธอจึงไม่เห็น
ทีแรกหลินเยียนหมุนตัวเตรียมเดินออกไปแล้ว ไม่คิดว่าจู่ๆ เจียงอีหมิงจะเรียกตน จึงต้องชะงักฝีเท้า
“เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” พอเห็นหลินเยียน ใบหน้าของเฮ่อซานซานก็เผยความชิงชังอย่างเก็บไม่อยู่
คนไร้ประโยชน์แบบนี้ กล้ามาเข้ารับการคัดเลือกบทแบบนี้ได้อย่างไร
“หลินเยียนเธอทำอะไร ที่แบบนี้ไม่ใช่ที่ของคนอย่างเธอ ยังไม่รีบออกไปอีก!” ป้าสะใภ้หวังเฉี่ยวฮุ่ยฉกจ้องหลินเยียนแล้วตะเบ็งเสียงอย่างเย็นเยียบ ออกคำสั่งทำทีเหมือนที่นี่เป็นบ้านของตนอย่างไรอย่างนั้น
ทีแรกลูกสาวได้บทนี้มาแล้ว หลินเยียนโผล่มาจากไหน เสียเวลาพวกเขาจริงๆ!
อย่างไรหลินเยียนก็เป็นแค่คนไร้ประโยชน์ เป็นแค่ตัวประกอบยังไม่มีใครเอา จะแสดงบทท่านประธานหญิงจอมเผด็จการออกมาให้ดีได้อย่างไร
ลูกสาวของเธอเป็นถึงนักศึกษาจากวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่ง คนอย่างหลินเยียนไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเป็นคนถือรองเท้าให้ลูกสาวเธอด้วยซ้ำ จะเอาอะไรมาแย่งกับซานซาน
“ทุกท่าน ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เรียนเฉพาะทางมา แม้แต่มหาวิทยาลัยก็ไม่เคยเห็น บทตัวประกอบยังแสดงได้ไม่ดี แคสไปก็เสียเวลา ฉันว่าให้เธอออกไปเสียเถอะ!” จู่ๆ หวังเฉี่ยวฮุ่ยก็พูดกับเฝิงอานหวา
เฮ่อซานซานเองก็เสริมขึ้น “ผู้หญิงคนนี้เป็นปริงที่รู้จักกันดีในวงการบันเทิง วันๆ เอาแต่สร้างข่าวอื้อฉาว คิดว่าทุกคนก็คงรู้จัก”
“นี่มัน…” เฝิงอานหวาลำบากใจขึ้นมาทันที อย่างไรก็ต้องทำตามขั้นตอน จะไล่ออกไปทั้งที่ยังไม่ได้ลองแคสได้อย่างไร
“โวยวายอะไรกัน เห็นที่นี่เป็นที่ไหน!” จู่ๆ เจียงอีหมิงก็ลุกขึ้นตะเบ็งเสียงอย่างขึ้งโกรธ
เขานึกถึงผู้หญิงที่ชื่อหลินเยียนคนนี้ เขาเคยเห็นประวัติของเธอว่าไม่เหมาะจริงๆ แต่เพราะรูปหนึ่งในประวัติของเธอ เขาจึงให้โอกาสผู้หญิงคนนี้ได้ลองแคส
ทว่าผู้หญิงที่อยู่ในรูปดูกระฉับกระเฉงและมีชีวิตชีวา ไม่เหมือนกับสภาพของเธอในตอนนี้ เจียงอีหมิงจึงผิดหวังไม่น้อย
แต่ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่อยากให้บทสำคัญแบบนี้ถูกซานซานทำพัง
ไม่เปิดโอกาสให้คนรอบข้างอ้าปาก เจียงอีหมิงพลันหันมองหลินเยียน “หมายเลข 33 เริ่มแคสได้!”
หลินเยียนสูดหายใจเข้าลึกๆ เดินไปอยู่ตรงกลางเวที
หลังจากถูกพักการแข่งขัน เธอก็กลับประเทศมาอย่างหมดกำลังใจ
เพราะขาซ้ายของเธอบาดเจ็บ หลังจากนั้นก็หมดกำลังใจไม่ได้เข้ารับการรักษาที่เหมาะสม ส่งผลให้อาการบาดเจ็บบนขาซ้ายกำเริบ จนแทบจะไม่สามารถแข่งรถได้อีก
เธอกับหันอี้เซวียนเป็นรักทางไกลมาโดยตลอด เพื่อให้มีเวลาอยู่กับเขา และเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตน เธอจึงเข้าวงการบันเทิง และไม่กล้าแตะต้องสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการแข่งรถอีก
ตอนนั้นหลินซูหย่ารับผิดชอบงานของเธอแต่เพียงผู้เดียว
แต่เธอคิดไม่ถึงว่า หลินซูหย่าจะเสแสร้งต่อหน้าเธอ ใช้เหตุผลว่าต้องการเพิ่มความนิยมให้กับเธอ สร้างกระแสและข่าวฉาวให้เธอไปทั่ว
จนกระทั่งภายหลัง แม้เธอกับหันอี้เซวียนเป็นแฟนกันจริงๆ แต่พูดออกไปกลับไม่มีใครเชื่อแล้ว
หลินเยียนเรียนรู้ไวมาก แต่กับเรื่องที่ไม่สนใจกลับยากที่จะทุ่มเท
ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้ใช้เวลากับการพัฒนาทักษะการแสดงมากนัก บวกกับบทส่วนใหญ่ที่หลินซูหย่าเลือกให้เธอก็เป็นละครรีเมค ทำให้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ภายนอกแย่ลงไปอีก
หลังจากนั้นเธอก็เริ่มใช้เวลากับการฝึกทักษะการแสดง แต่ยังไม่ทันที่เธอจะรับงาน ก็พบว่าหันอี้เซวียนและหลินซูหย่าแอบคบกันลับหลังเธอ…
เพราะได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจอย่างหนัก เธอจึงทรุดไปอย่างสิ้นเชิง บวกกับถูกหลินซูหย่าเล่นงานทุกทาง ถูกบีบจนแทบจะจนตรอก…
แม้ว่าคืนนั้นหลังจากกลับจากงานเลี้ยงวันเกิดของหลินซูหย่า อารมณ์ของเธอจะดีขึ้นมาก แต่เธอก็ยังไม่มั่นใจในสถานะของตน ว่าจะเริ่มต้นใหม่ได้หรือยัง…
ขณะนั้นเองเจียงอีหมิงพลันเตือนด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ “สถานการณ์กับบทเธอสามารถคิดเองได้ตามความเหมาะสม ขอเพียงแค่สามารถแสดงจิตวิญญาณของตัวละครนี้ออกมาก็พอแล้ว เริ่ม!”
หลินเยียน “…”
หลินเยียนได้ยินแล้วจนปัญญา คนด้อยความสามารถอย่างเธอ ยังจะให้แสดงจิตวิญญาณออกมา
ความต้องการนี้คงจะสูงเกินไปหน่อย…
ไม่ว่าอย่างไร ก็ลองดูแล้วกัน
โชคดีที่ความสามารถในการเรียนของเธอเก่งกาจกว่าคนทั่วไปมาโดยตลอด หวังว่าสิ่งที่ทุ่มเทไปในช่วงที่ผ่านมาจะไม่สูญเปล่า