เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ – ตอนที่ 191 แหย่ลูกพี่ที่น่ากลัวกว่าหยางเฟยหลายเท่าตัว

ตอนที่ 191 แหย่ลูกพี่ที่น่ากลัวกว่าหยางเฟยหลายเท่าตัว

ฉินหร่านเป็นฝ่ายเดียวที่ประกาศถอนตัวออกมานานแล้วหลายปี

แต่ทางด้านทีมOSTกลับยังไม่ได้แก้สัญญา ตอนที่โค้ชจ่ายเงินในแต่ละเดือน เงินเดือนขั้นต่ำก็ถูกโอนไปที่บัตรใบหนึ่ง

โค้ชถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินที่ฉินหร่านพูด ในไม่ช้าเขาถึงจะรู้ตัวว่าฉินหร่านกำลังพูดถึงอะไร เขาจึงรีบตอบไปว่า “มี! อวิ๋นกวงกรุ๊ปส่งของใหม่มาให้ทุกปี!”

ทุกปีจะมีชุดประจำทีมเพิ่มมาหนึ่งชุด

ขณะนี้เกมแรกเพิ่งเริ่มต้นการแข่งขัน โค้ชไม่รู้ว่าทักษะของฉินหร่านเป็นอย่างไรหลังจากที่ไม่ได้ฝึกซ้อมมาเป็นเวลานาน

และสิ่งสำคัญที่สุดคือฉินหร่านไม่เคยเข้าร่วมการฝึกซ้อมกับลูกทีมคนอื่นมาก่อน

การแข่งขันขึ้นอยู่กับทักษะการควบคุมส่วนตัวและความร่วมมือระหว่างคนในทีม หากโดนไพ่โจมตีแล้วคนอื่นตามไม่ทันหรือเกิดอีกฝ่ายได้รับความช่วยเหลือโดยการใช้ไพ่เสริม ความพยายามที่ทุ่มเทไปล้วนเสียเปล่า

ตอนนี้หยางเฟยลงสนามไม่ได้และยังมอบหน้าที่ให้ฉินหร่าน หากชนะได้ก็ดีอกดีใจกันถ้วนหน้า แต่ถ้าแพ้ ฉินหร่านจะต้องได้รับความกดดันและคำตำหนิจากชาวเน็ตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

หลังจากที่โค้ชอยู่ในอาการตกตะลึง ในใจก็รู้สึกหนักอึ้ง เขาไม่ต้องการให้ฉินหร่านกลายเป็นคนแบกรับข้อหาดังกล่าวในตอนท้าย

แต่ถึงอย่างไรหยางเฟยก็เป็นคนตามฉินหร่านมาในเวลานี้และบอกเองว่าเชื่อศักยภาพในตัวฉินหร่าน

พอคิดดูแล้วโค้ชก็ลืมเรื่องนี้ไปชั่วขณะ เขาไม่เต็มใจที่จะเห็นyanลงสนามมากกว่าเมื่อเทียบกับฉินหร่าน โค้ชมองไปทางฉินหร่าน “เมื่อก่อนเธอใช้ไอดีอะไร? ฉันเอาไอดีใหม่ให้เธอเอาไหม?”

ไอดีเกมของทีมOSTเป็นไอดีเกมมืออาชีพ นอกจากไพ่เทพแล้วก็มีการ์ดไพ่อื่นๆ ครบครัน

แต่ผู้เล่นมืออาชีพต่างก็ชอบใช้ไอดีเกมของตัวเองเมื่อลงสนาม เมื่อก่อนหยางเฟยกับอี้จี้หมิงก็เคยใช้ไอดีสังเวียนในการต่อสู้มาก่อน

ฉินหร่านพิงพนักเก้าอี้แล้วส่ายหน้า “ไม่ต้อง ฉันจะใช้ไอดีตัวเอง”

“งั้น…” เดิมทีโค้ชคิดจะให้ฉินหร่านใช้ไอดีเกมของทีม เพราะที่จริงแล้วทางทีมมีไอดีเกมมืออาชีพอยู่หลายอันที่มีการกำหนดค่ามาตรฐานไพ่เทพ “ก็ได้ ฉันจะไปเอาชุดประจำทีมมาให้เธอและมอบหมายลูกทีมเสียหน่อย”

โค้ชเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรมาก

**

ห้องพักรับรองของลูกทีมคนอื่นๆ ในทีมOSTใหญ่กว่าห้องพักรับรองส่วนตัวของหยางเฟย

โค้ชเดินตรงไปยังที่ของตัวเองและหยิบชุดประจำทีมออกมาหนึ่งชุด

ตอนที่ออกเดินทางมาที่นี่ตอนบ่าย จู่ๆ หยางเฟยก็ให้เขาพกมันมาด้วย ตอนนั้นโค้ชยังคิดว่ามือหยางเฟยมีปัญหาเพียงเล็กน้อย แม้จะแปลกใจกับการตัดสินใจของหยางเฟย แต่เขาก็หยิบมันมาด้วย

ตอนนี้ดูแล้วหยางเฟยคงรู้แล้วว่าสภาพร่างกายตัวเองมีปัญหาแน่ๆ

yanนั่งอยู่ในตำแหน่งด้านในสุด เขายังคีบบุหรี่ไว้ในมือ

ก้มหน้าเลื่อนดูเวยป๋อ

ประเด็นร้อนล้วนเป็นการต่อสู้อันดุเดือดระหว่างอันดับหนึ่งแห่งประเทศ h และอันดับแห่งประเทศจีน

(ถึงเวลาที่จะได้เห็นเทพพระอาทิตย์ผู้หล่อเหลาจนหุบขาไม่ลงแล้วสิ!)

(นี่ยังต้องเดากันอีกเหรอ? แค่ดูผลงานในสนาม ผลลัพธ์ที่ออกมาแทบจะไม่ต้องสงสัย ดูเทพพระอาทิตย์ของฉันก็จบเรื่องแล้ว)

(…) ยังมีความคิดเห็นอื่นๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน

yanเลื่อนดูอยู่เป็นเวลานานพลางยิ้มเยาะ

คอยดูเถอะ ถึงอย่างไรเทพพระอาทิตย์ของพวกเธอก็ลงสนามไม่ได้!

เดิมทีเขาก็เป็นคนดังในทีมอื่นและยังถือว่าพอมีชื่อเสียงอยู่บ้างในแวดวงกีฬาอีสปอร์ตในประเทศ แต่เนื่องจากในทีมOSTยังมีสมาชิกเก่าอยู่หลายคน เขาถูกจัดอันดับตามหลังหยางเฟยและอี้จี้หมิงเท่านั้น

ทุกครั้งที่เขาเล่นกับเด็กฝึกหัด แม้จะลงสนาม แต่ทุกคนก็เห็นเพียงความพยายามของหยางเฟยเท่านั้นหลังจากที่แข่งเสร็จ

แทบจะไม่มีใครเห็นความสามารถของเขาที่ระเบิดออกมา

คนที่ได้รับการสนับสนุนจากทีมเล็กๆ อย่างyanจะทนได้อย่างไร?

วันนี้เขาแค่ต้องการพิสูจน์ว่าเขาก็สามารถยืนอยู่ในจุดสูงสุดเหมือนหยางเฟยได้เช่นกัน ไม่มีหยางเฟยเขาก็สามารถพาทีมOSTชนะได้!

แววตาเต็มไปด้วยความดื้อรั้น เขาอ่านความคิดเห็นเหล่านี้พลางยิ้มเยาะ จากนั้นก็ปิดเวยป๋อเงยหน้ามองไปที่โค้ช

ยาที่คนพวกนั้นให้เขา ตอนนี้ก็น่าจะออกฤทธิ์แล้ว

ตอนนี้โค้ชที่อยู่ในห้องพักรับรองของหยางเฟยมาตลอดได้อธิบายให้คนที่กำลังจะลงแข่งในลำดับถัดไปเกี่ยวกับการ์ดไพ่ที่ทีมWATมักจะใช้ในการแข่งขัน

การที่โค้ชมาที่นี่กะทันหัน yanแทบจะไม่ต้องคิดอะไรมาก ต้องเป็นเพราะเกิดปัญหากับหยางเฟยแน่ๆ โค้ชถึงมาหาเขาเพื่อไปเล่นแทนหยางเฟย

พอนึกถึงเมื่อวานตอนเย็นที่โค้ชบอกเขาว่าจะยอมใช้ผู้เล่นใหม่ที่ไม่เคยลงแข่งมาก่อนอย่างเสี่ยวอวี๋ลงสนามและไม่ยอมใช้เขา yanก็ยิ้มเยาะ

พอตอนนี้โค้ชจะมากราบแทบหัว เขาก็จะไม่ตอบตกลงง่ายๆ

yanคิดอยู่ตลอดว่าโค้ชจะชักชวนตัวเอง แต่โค้ชแค่ไปหยิบชุดประจำทีมในกระเป๋า แทบจะไม่ชายตามองเขาเลยด้วยซ้ำ

เริ่มแรกyanยังคงใจเย็น แต่เมื่อเห็นโค้ชหยิบชุดประจำทีมออกไปโดยไม่พูดสักคำ เขาก็เริ่มนั่งไม่ติดที่

“โค้ช” yanยืนขึ้นและมองไปทางโค้ช เขายิ้มมุมปาก “ยังเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงก็ถึงตาพวกเราแล้ว พวกอี้จี้หมิงเตรียมตัวพร้อมหรือยังฮะ?”

โค้ชหยุดฝีเท้า

หยางเฟยและฉินหร่านไม่ได้บอกโค้ชเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาคาดเดาเอาไว้

ซึ่งโค้ชก็คิดมาตลอดว่านี่เกิดจากปัญหาทางร่างกายของหยางเฟย แต่พอyanพูดประโยคความนัยมาถึงขนาดนี้ โค้ชก็หรี่ตาลงโดยไม่รู้ตัว

เขาหันไปด้วยสีหน้าไม่ค่อยเข้าใจ พูดน้ำเสียงราบเรียบ “พร้อมแล้ว”

yanมีสีหน้าแข็งทื่อราวกับไม่อยากจะเชื่อ แม้จะเป็นเพียงชั่วขณะ แต่โค้ชกลับสังเกตเห็นได้ถึงสายตาครุ่นคิด

เขามองyanเพียงแวบเดียวก็เดินไป

yanที่อยู่ข้างหลังกำหมัด เขาหลุบตาลง แววตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น

โค้ชไม่ได้หาคนเปลี่ยนตัว เพราะฉะนั้นหยางเฟยยังสบายดี?

ยาที่พวกเขาบอกเขาว่าจะทำให้หยางเฟยลงสนามไม่ได้ชั่วคราวเป็นของปลอม?

เวลานี้โค้ชไม่มีเวลามาสนใจเรื่องyan เขาออกไปและสั่งการอย่างเป็นทางการ

ทำการเปลี่ยนชื่อหยางเฟยเป็นฉินหร่าน

“คุณแน่ใจนะว่าจะเปลี่ยนตัวหยางเฟย?” เมื่อเจ้าหน้าที่ที่เป็นแฟนคลับของทีมOSTได้ยินที่โค้ชบอก เขาก็ถึงกับช็อก

จะแข่งขันต่อไปได้อย่างไรถ้าเปลี่ยนตัวหยางเฟย?

คู่ต่อสู้ก็เป็นถึงอันดับที่สองในรอบชิงชนะเลิศ ไม่ใช่ทีมธรรมดาทั่วไป

“โค้ช คุณต้องคิดให้ดีๆ นะ!” เขาพูดอย่างรวดเร็ว

โค้ชส่ายหน้า “คุณไปจัดการเถอะ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้แล้ว”

ถ้าแฟนคลับรู้เรื่องหยางเฟยก่อนล่วงหน้า พอถึงเวลาโค้ชกลัวว่าฉินหร่านจะแบกรับความกดดันไม่ไหว

**

หลังจากแก้ปัญหาเหล่านี้แล้ว โค้ชก็ไปหาฉินหร่านที่ห้องพักรับรองของหยางเฟยและมอบเสื้อให้เธอ “เธอลองใส่ดูซิว่าพอดีไหม”

ชุดประจำทีมจะมีการเปลี่ยนทุกปี ซึ่งจะวัดตามไซต์ของแต่ละคน

ชุดประจำทีมสีดำ พิมพ์ตัวอักษรสามตัว “OST” สีขาวที่แขนเสื้อ

โค้ชไม่รู้ว่าชุดประจำทีมที่เตรียมไว้สำหรับฉินหร่านจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละปีหรือไม่ เขากลัวว่ามันจะใหญ่ไป

สนามการแข่งขันทั้งหมดเป็นห้องปรับอากาศ เมื่อเข้ามาฉินหร่านก็ถอดเสื้อนอกออกและถือโอกาสสวมชุดประจำทีมที่โค้ชเอามาให้เธอ

เฉิงเจวี้ยนเอนตัวไปข้างๆ เพื่อคอยดูเธอค่อยๆ สวมชุดประจำทีม เพียงแวบเดียวก็ดูออกว่าชุดนี้ถูกตัดตามไซต์เธออย่างเห็นได้ชัด

เขาอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปเคาะบนโต๊ะอย่างส่งๆ เลิกคิ้วสวย นี่ยังพอดีอีกเหรอ?

โค้ชผงะไปสักพัก เขาไม่คิดว่าฉินหร่านไม่ได้ร่วมทีมมาถึงสามปีแล้วแต่เธอก็ยังสวมชุดประจำทีมได้พอดีตัว

“พวกนายห้าคนต้องการจะนัดแนะกันก่อนไหม?” ยังมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมงกว่าก่อนจะเริ่มการแข่งขัน โค้ชอดไม่ได้ที่จะกระแอมเสียงเมื่อมองไปที่พวกเขาห้าคนที่รวมตัวกันอยู่

การรวมตัวของทั้งห้าคนนี้ เสี่ยวอวี๋ยังไม่เคยลงสนามอย่างเป็นทางการมาก่อน ส่วนฉินหร่านเองก็ไม่เคยเล่นร่วมทีมกับสมาชิกคนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน

โค้ชจึงรู้สึกกังวลใจ

อี้จี้หมิงที่กำลังถือโทรศัพท์ส่งเวยป๋ออยู่ก็ยังไม่เงยหน้าขึ้น “โค้ช พวกเรากำลังจะลงสนามกันแล้ว นัดแนะกันเวลานี้มันสายไปแล้วและยังส่งผลต่อสภาพจิตใจของคนอื่นๆ ในทีม โค้ชให้เทพฉินประจำที่แทนเทพพระอาทิตย์ก็พอแล้ว ส่วนเรื่องอื่นโค้ชไม่ต้องเป็นห่วง”

อี้จี้หมิงเองก็เป็นผู้เล่นที่มีประสบการณ์ เขาดูมั่นใจโดยไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย ถึงขนาดบอกโค้ชให้ใจเย็น

โค้ชพยักหน้า “ก็ได้”

สิบนาทีผ่านไป ทั้งสองทีมแข่งจบเกมแรก

โค้ชพาพวกฉินหร่านและสมาชิกทีมไปพื้นที่เตรียมตัว

ฉินหร่านหยิบผ้าปิดจมูกสีดำบนที่นั่งของหยางเฟย

“นี่มันอะไร…ของหยางเฟยเหรอ?” เฉิงเจวี้ยนยกมือขึ้น ชี้ไปที่โต๊ะอย่างส่งๆ พลางเลิกคิ้วมองฉินหร่าน

ขณะที่ฉินหร่านกำลังสวมผ้าปิดจมูกก็ตอบอย่างคลุมเครือ “อือ..ที่นั่งของเขาก็คงจะใช่ของเขาแหละมั้ง?”

เฉิงเจวี้ยนพยักหน้าพลางเหลือบมองไปที่ผ้าปิดจมูก เขาคิดว่านี่ยังไม่ได้ถามหยางเฟยเลยว่าเคยใส่มันมาแล้วหรือยัง

เขาก้มหน้าพลางเดินตามหลังฉินหร่านไปอย่างเงียบๆ

ฉินหร่านต้องไปพื้นที่เตรียมตัว ส่วนเขา ลู่จ้าวอิ่ง และเฉิงมู่ไปที่ที่นั่งผู้ชม

ลู่จ้าวอิ่งกดคางแล้วกระซิบถามเฉิงเจวี้ยน “คุณชายเจวี้ยน นายว่าฉินเสี่ยวหร่านไปเป็นเพื่อนร่วมทีมกับเทพพระอาทิตย์ตั้งแต่เมื่อไหร่? การแข่งขันครั้งนี้เธอจะมีปัญหาอะไรไหม? เธอไม่ได้เป็นแค่ไพ่เสริมหรอกมั้ง เพราะเสี่ยวอวี๋คนนั้นเป็นคนเล่นไพ่เสริม…”

ลู่จ้าวอิ่งก็กังวลว่าชาวเน็ตในโลกออนไลน์จะส่งผลกระทบต่อฉินหร่านในทางที่ไม่ดีเหมือนโค้ช

เขากับเฉิงเจวี้ยนต่างจากคนเหล่านี้ หลังจากแพ้เกมการแข่งขัน ชาวเน็ตบนโลกออนไลน์เหล่านี้มักจะชอบหาเรื่องตำหนิได้ตลอดเวลา

ถ้าคราวนี้แพ้ ฉินหร่านจะต้องโดนด่าอย่างไร้ความปรานี…

เขาอุตส่าห์พูดไปตั้งนานสองนาน เฉิงเจวี้ยนก็ยังไม่ขยับ หน้าตายังคงเรียบเฉย

และเย็นชาเล็กน้อย

ฉินหร่านตามโค้ชไปพื้นที่เตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว เฉิงเจวี้ยนยืนอยู่ตรงทางเดินและมองตามแผ่นหลังฉินหร่านอยู่เป็นเวลานานถึงจะจากไป

**

WATเป็นทีมอันดับหนึ่งของประเทศ h ที่ได้ที่สองตลอดกาลในการแข่งขันระดับเอเชีย

แต่เดิมการแข่งขันรอบก่อนชิงชนะเลิศ แม้ว่าจะเป็นการแข่งขันอย่างเป็นทางการ แต่ก็จะไม่จัดให้อันดับที่หนึ่งและอันดับที่สองปะทะกัน อย่างไรก็ตามทางWATได้ซื้อตัวเจ้าหน้าที่อย่างลับๆ ไว้แล้ว

เพื่อที่จะเหยียบทีมเทพที่ไม่เคยพ่ายแพ้ให้จมดินในรอบการแข่งขันรอบก่อนชิงชนะเลิศ

โค้ชของพวกเขากำลังก้มหน้าคุยกับชายที่สวมหมวกแก๊ป “แน่ใจนะว่าเห็นหยางเฟยไปแล้ว?”

“แน่ใจครับ สภาพจิตใจของโค้ชทีมOSTดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

“ถ้าเป็นอย่างนี้แสดงว่าyanนั่นลงมือแล้วสินะ เลวจริงๆ แต่เลวแบบนี้ก็ดีแล้ว” โค้ชทีมWATสูบบุหรี่และหยิบเงินจำนวนหนึ่งให้ชายคนนั้นพลางยิ้ม “ไม่มีหยางเฟยแล้วมันยังจะกล้าพึ่งyanกับอี้จี้หมิงและยังคนเล่นใหม่ที่ไม่ได้ฝึกมาอีกเหรอ คิดจะสู้กับlungของเราเนี่ยนะ? คราวนี้ฉันจะทำให้พวกมันไม่ผ่านเข้ารอบสี่ทีมสุดท้าย!”

ชายคนนั้นรับเงินและหัวเราะออกมา

lungเป็นไพ่ไม้ตายของทีมWATในประเทศ h ซึ่งมีสถานะไม่ต่างกับหยางเฟย

แค่ไม่ได้รับความนิยมเท่าหยางเฟย

ในช่วงสามปีที่ผ่านมาตราบใดที่ทีมOSTเข้าร่วมการแข่งขัน ทีมWATก็จะแตะได้เพียงอันดับสองเท่านั้น

ไม่ใช่ว่าคนของทีมWATไม่เคยคิดจะซื้อตัวคนของทีมOSTในการล้มมวยเพื่อให้พวกเขาแพ้สักยก แต่อย่างไรก็ตามวิธีการนี้ก็ไม่สำเร็จ แม้ว่าราคาจะสูงก็ตามก็ซื้อตัวใครมาไม่ได้

ไม่ง่ายเลยที่จะพบyanที่เป็นจุดบอดของทีม

โค้ชทีมWATให้เงินเสร็จก็เดินไปที่ห้องพักรับรองของพวกเขา จากนั้นก็เรียกลูกทีมของพวกเขาไปที่พื้นที่เตรียมตัว

ทั้งสองทีมลงสนามตามกันมาติดๆ

และเจอกับพวกฉินหร่าน อี้จี้หมิง และคนอื่นๆ เข้าพอดี

lungก็เจอแล้วเช่นกัน เขามองไปที่คนของทีมOSTอย่างเงียบๆ แต่ไม่พบหยางเฟยในหมู่พวกเขา

“หยางเฟยล่ะ?” เขาถามโค้ชด้วยภาษาจีนที่ไม่ค่อยคล่อง

โค้ชทีมOSTตอบอย่างสงบเยือกเย็น “เขามีธุระ มาไม่ได้ชั่วคราว”

ในฐานะที่หยางเฟยเป็นถึงนักกีฬาอีสปอร์ตอันดับหนึ่งในจิ่วโจวอีสปอร์ตทัวร์นาเมนต์ ตราบใดที่เป็นผู้เล่นมืออาชีพก็ไม่มีใครที่ไม่อยากจะเอาชนะเขา lungก็เช่นกัน ดังนั้นพอวันนี้lungไม่เจอหยางเฟย เขาก็ถึงกับขมวดคิ้ว

ทั้งสองทีมเข้าสู่สนาม lungรู้สึกแปลกๆ โค้ชทีมWATเองก็ขมวดคิ้ว

เขาไม่เห็นหยางเฟยอยู่ท่ามกลางสมาชิกทีมOSTและไม่พบyanตามที่คาดการณ์ไว้

เห็นเพียงผู้หญิงที่เป็นผู้เล่นหน้าใหม่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทีมOSTมีลูกทีมเป็นผู้หญิง จึงไม่ได้ประหลาดใจมากนัก

แต่พวกเขาแปลกใจที่ไม่เห็นyanลงสนามมากกว่า

ชายที่เพิ่งรับเงินมานั่งอยู่ข้างๆ พูดเสียงเบาว่า “น่าจะเป็นเพราะพวกเขาจับได้ว่าyanเป็นคนวางยา ถึงได้ไม่ให้เขาลงแข่ง”

หัวหน้าทีมWATพยักหน้าและคิดว่าที่เขาพูดก็มีเหตุผล

“น่าเสียดายจริงๆ” เขามองไปยังกลุ่มคนของทีมOSTพร้อมกับยิ้มอย่างคลุมเครือ “เดิมทีมีyanก็แพ้อย่างน่าอนาถอยู่แล้ว ตอนนี้ยังมีผู้เล่นหน้าใหม่ที่ไม่เคยได้ยินชื่ออีกสองคน…”

ทั้งสองวางแผนมากมายหลายอย่างเพื่อให้OSTแพ้และพยายามอย่างหนักในการใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อไม่ให้เป็นผลดีต่อหยางเฟย

แต่ไม่คิดเลยว่าคราวนี้แผนพวกเขาจะมุ่งเป้าไปที่หยางเฟยโดยตรง

หยางเฟยลงสนามไม่ได้ แต่พวกเขากลับแหย่ลูกพี่ที่น่ากลัวกว่าหยางเฟยหลายเท่าตัว

**

ช่วงพักเบรกระหว่างการแข่งขันสิ้นสุดลงแล้ว

การแข่งขันระหว่างOSTและWATจะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการในเกมที่สอง

ช่วงเวลานี้OSTไม่ได้ประกาศเปลี่ยนตัวหยางเฟยเนื่องจากกลัวเสียจังหวะและส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของฉินหร่าน

แฟนคลับในสนามต่างตะโกนเรียก “เทพพระอาทิตย์” ดังลั่น

ผู้ชมทุกคนที่เฝ้าชมการถ่ายทอดสดต่างก็รอคอยหยางเฟยปรากฏตัวอย่างใจจดใจจ่อ

เจ้าภาพยิ้มพร้อมกับถือไมโครโฟน “ตอนนี้ขอเรียนเชิญทีมที่ทุกคนตั้งตารอคอยกันมากที่สุด——เชิญทีม OSTเข้าสู่สนาม!”

เสียงปรบมือดังสนั่นหวั่นไหว

ทีมOSTปรากฏตัวทีละคนตามลำดับ เริ่มตั้งแต่อี้จี้หมิงและลูกทีมคนอื่นอีกสองคนไปจนถึงเสี่ยวอวี๋

ผู้ชมที่อยู่ในสนามที่กำลังรอคอยหยางเฟยต่างก็เริ่มร้อนรน เสียงเรียก “เทพพระอาทิตย์” ดังขึ้นกว่าเดิม

คนสุดท้ายเดินตามหลังเสี่ยวอวี๋มาติดๆ

สวมผ้าปิดจมูกพร้อมด้วยชุดประจำทีมแบบพอดีตัว มองเห็นหน้าค่าตาไม่ค่อยชัด เห็นเพียงดวงตาอันเยือกเย็นคู่หนึ่ง

ลูกทีมหญิง ไม่รู้จักและไม่เคยได้ยินมาก่อน

ตอนนี้ทุกคนที่ชมอยู่ในสนาม คนที่นั่งดูการอยู่ในร้านอินเทอร์เน็ต หอพัก หรือที่บ้านตัวเองต่างก็มีเสียงระเบิดดัง “ตู้ม” ออกมา

“ฉันเคยเห็นเสี่ยวอวี๋ในเวยป๋ออี้จี้หมิง แต่ว่าคนสุดท้ายคือใคร?”

“เทพพระอาทิตย์ล่ะ? เทพพระอาทิตย์ไปไหน? พวกเราจะดูเทพพระอาทิตย์!”

“เกิดอะไรขึ้นกับทีมOST? ไม่มีเทพพระอาทิตย์ลงแข่งแล้วจะเล่นกันยังไง?”

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

Status: Ongoing

ด้วยว่าพ่อแม่หย่าร้างกันตั้งแต่ยังเล็ก และ ฉินหร่าน ไม่ใช่เด็กประพฤติดี นอกจากจะไม่ตั้งใจเรียนจนผลการเรียนย่ำแย่แล้ว เธอยังหัวรั้นและก่อเรื่องทะเลาะวิวาทจนโดนพักการเรียนไปเป็นปี แตกต่างจาก ฉินอวี่ น้องสาวที่เป็นนักเรียนดีเด่นผู้แสนเพียบพร้อมราวฟ้ากับเหว ด้วยเหตุนี้แม่ของเธอจึงเลือกพาน้องสาวไปอยู่ด้วยเพียงคนเดียวและทิ้งฉินหร่านเอาไว้ท่ามกลางชนบท ปล่อยให้เธอเติบโตเพียงลำพังในความดูแลของคุณยายวัยชรา

สองยายหลานร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาสิบสองปี จนกระทั่งวันหนึ่งคุณยายเกิดป่วยหนักอาการโคม่าต้องส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในเมือง ครอบครัวฉินจึงได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง เมื่อคุณยายไม่สามารถดูแลฉินหร่านด้วยตัวเองได้ต่อไปได้อีก แม่ของเธอจึงอาสารับเลี้ยงเธอไว้แทน กระนั้นก็ยังไม่วายเหน็บแนมหญิงสาวอยู่ตลอดว่าอย่าทำตัวน่าขายหน้า ให้เอาอย่างฉินอวี่ผู้เป็นน้องบ้าง

กระนั้นกลับไม่มีใครล่วงรู้เลยว่านอกจากฉินหร่านจะมีใบหน้างดงามเกินเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว เธอยังมีอีกหนึ่งตัวตนปริศนาที่ซุกซ่อนเอาไว้อยู่ เพราะใครกันล่ะที่ทำข้อสอบกากบาททุกข้อแล้วผลคะแนนสอบจะออกมาได้เท่ากับศูนย์ในทุกๆ วิชา เธอโง่จริงๆ หรือว่าตั้งใจกันแน่…

เช่นเดียวกับ เฉิงเจวี้ยน หมอหนุ่มประจำโรงเรียนที่แสนธรรมดาคนนั้น ทว่า…เขาเป็นแค่หมอประจำโรงเรียนจริงหรือ เมื่อโชคชะตานำพาให้คนสองคนที่ปกปิดตัวตนของตัวเองเอาไว้ได้มาพบกัน หน้ากากของใครจะถูกกระชากออกมาก่อนนะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท