ในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที เครื่องส่งเสียงอีกครั้ง “ระบบโหลดเสร็จเรียบร้อย เริ่มโหมดฉายภาพหน้าจอ”
เมื่อเสียงของหุ่นยนต์สิ้นสุดลง หน้าจอสามมิติสีน้ำเงินเสมือนจริงก็ถูกฉายภาพกลางอากาศ
ตามลำดับจากซ้ายไปขวา——
(ผูกโปรแกรมกับรูม่านตา) —— (โหมดแม่บ้าน) (โหมดวิจัยทางวิทยาศาสตร์) (โหมดความสามารถรอบด้าน)
เฉิงเจวี้ยนยังคงเท้าคางมองอย่างเอื่อยเฉื่อยอยู่บนโต๊ะ
ฉินหร่านเหลือบมองเฉิงหั่ว เอามือล้วงกระเป๋า เลิกคิ้วขึ้นแล้วพูดอย่างเป็นกันเอง “ปัญ-ญา-ประ-ดิษฐ์ เคยได้ยินคำนี้ไหม?”
เฉิงหั่ว “….”
เฉิงหั่วพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
เฉิงหั่วก้มหน้าลงพลางรู้สึกว่าตัวเองเดินวนรอบEA3ตลอดทั้งบ่ายราวกับคนโง่
เฉิงสุ่ยเองก็วางตะเกียบลงอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ปัจจุบันนี้บริษัทไอทีหลายแห่งกำลังพัฒนาระบบอัจฉริยะ ทว่าของพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นระบบอัจฉริยะปลอมๆ แม้ว่าจะมีระบบสั่งงานด้วยเสียง แต่ก็มีสวิตช์หลักเพื่อเปิดใช้งาน
พวกเขาพยายามศึกษามาตลอดช่วงบ่ายและยังคิดจะไปสถานประมูลเพื่อต้องการจะไปขอคู่มือจากอวิ๋นกวงกรุ๊ป ศึกษาอยู่ตั้งนานก็ทำอะไรไม่ได้
มีเพียงเฉิงมู่ที่ดูสงบและกินข้าวคำสุดท้ายจนเสร็จ
“คุณหนูฉิน ผมไปรอที่ห้องฝึกซ้อมนะครับ” เฉิงมู่วางตะเกียบลง ใบหน้ายังคงปูดบวม หลังจากทักฉินหร่านและเฉิงเจวี้ยนเสร็จด้วยท่าทีเฉยเมยก็ไปที่ห้องฝึกซ้อม
ฉินหร่านพยักหน้า “นายไปก่อนเลย”
เมื่อผ่านเฉิงหั่วที่กำลังอยู่ในอาการตกตะลึง เฉิงมู่ก็ชะงัก
เขาเหลือบมองเฉิงหั่วแล้วพูดกับEA3ว่า “EA3 นายมีชื่อไหม?”
(เสี่ยวเฮย)
เฉิงมู่ตอบ “อ๋อ” มันเป็นชื่อรุ่นเดียวกับเสี่ยวเอ้อร์ จากนั้นเขาก็เดินไปห้องฝึกซ้อมต่อ
นอกจากหน้าจะบวมไปหน่อย สีหน้าของเขาก็ยังคงดูทึมทื่อเหมือนเมื่อก่อน
เฉิงหั่วรู้สึกจริงๆ ว่าเป็นความตั้งใจของเจ้างั่งเฉิงมู่
เฉิงหั่วมองตามแผ่นหลังเขา จากนั้นก็เอื้อมมือลูบหน้าตัวเอง เขาหันไปมองฉินหร่าน “คุณหนูฉิน คุณ…สุดยอดจริงๆ”
หลังจากเริ่มระบบแล้ว เฉิงหั่วก็เข้าใจวิธีจัดการEA3แล้ว
ฉินหร่านไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก เธอขึ้นไปเปลี่ยนชุดแล้วตามไปที่ห้องฝึกซ้อม
“ฉันรู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนโง่…” เฉิงหั่วพึมพำพลางมองไปทางเฉิงสุ่ยแล้วมองมาที่เฉิงเจวี้ยน
เฉิงเจวี้ยนยกมือขึ้น พูดอย่างเฉื่อยชา “อืม” และไม่ได้พูดอะไรอีก
EA3สตาร์ทเครื่องแล้ว เฉิงหั่วไม่คิดจะกินข้าวต่อ ดังนั้นเขาจึงขอให้เสี่ยวเฮยแนะนำฟังก์ชันของมัน เมื่อผูกกับระบบ มันก็จะผูกกับรูม่านตาของเฉิงเจวี้ยนโดยตรง
“เรียบร้อยแล้ว เปิดโหมดความสามารถรอบด้าน”
เฉิงหั่วเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่ “นายท่าน เอาหุ่นยนต์ตัวนี้ให้พวกเราหน่วยข่าวกรองศึกษาก่อนดีกว่า?”
เฉิงเจวี้ยนพยักหน้าและให้สิทธิ์เฉิงหั่วใช้มันก่อน
เฉิงหั่วกำลังจะกลับไปยังหน่วยข่าวกรองด้วยความกระตือรือร้น ขณะกำลังจะเดินไปก็นึกอะไรขึ้นได้ เขาชะงักเท้าทันทีและหันไปมองเฉิงเจวี้ยนที่เดินไปถึงบันไดแล้ว “นายท่าน เมื่อเช้าลูกพี่เป็นคนใช้เครื่องมือทดสอบพลังหมัดเหรอ?”
พอพูดถึงตรงนี้ เฉิงสุ่ยก็มองไปทางเฉิงเจวี้ยน
เฉิงเจวี้ยนได้ยินเสร็จก็เลิกคิ้ว พูดด้วยความสุขุม “เปล่า ไม่ใช่ฉัน”
พอพูดจบก็เดินขึ้นบันไดไป
เมื่อเฉิงหั่วที่ยืนกับเสี่ยวเฮยอยู่ตรงหน้าประตูได้ยินดังนั้นก็หยุดเท้า จากนั้นมองไปที่เฉิงสุ่ยที่เดินออกมาพร้อมกัน “เมื่อกี้ฉันฟังผิดไปใช่ไหม?”
ถ้าไม่ใช่เฉิงเจวี้ยน งั้นยังมีใครต่อยได้ถึง 1321?
เฉิงสุ่ยเงียบไปสักพัก เฉิงสุ่ยยังไม่รู้เรื่องทหารรับจ้างพวกนั้น แต่เขารู้ว่า…
“น่าจะเป็น…คุณหนูฉินมั้ง” เฉิงสุ่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เฉิงหั่วเดินซวนเซและค่อยๆ เงยหน้าขึ้น “เพื่อน นายพูดจริงดิ?”
เฉิงสุ่ยมองตาเขาอย่างเงียบๆ
เฉิงหั่ว “….”
เขาเหมือนกำลังจะตาย
**
อีกด้านหนึ่ง ฉินหร่านกำลังซ้อมให้เฉิงมู่
สำหรับยาห่อใหญ่ที่กู้ซีฉือส่งมานั้น ซือลี่หมิงคิดว่าชาตินี้เขาคงไม่สามารถทานยาได้เยอะขนาดนี้ได้
แต่เฉิงมู่กลับกินยาแต่ละชนิดไปหลายเม็ดต่อวัน รวมๆ กันก็เกือบสี่สิบถึงห้าสิบเม็ด ซึ่งเป็นปริมาณที่เยอะเกินไปสำหรับคนทั่วไปในหนึ่งสัปดาห์
หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ซือลี่หมิงยังเห็นอยู่เลยว่าเฉิงมู่ยังลุกไม่ขึ้น แต่ตอนนี้กลับมายืนได้และฮึกเหิมอยากจะซ้อมกับฉินหร่านอีกครั้ง เขาก้มหน้าลงจดบันทึกสภาพร่างกายปัจจุบันของเฉิงมู่ลงไปโดยไม่แสดงอารมณ์ผ่านทางสีหน้า
คราวนี้ฉินหร่านไม่สู้กับเฉิงมู่ เธอแตะคางแล้วมองซือลี่หมิง “นายไปสู้กับเฉิงมู่”
ซือลี่หมิงชี้มาที่ตัวเอง “ผม?”
เฉิงมู่เพิ่งจะซ้อมได้แค่วันเดียวเอง
“อือ ใช้กำลังให้เต็มที่” ฉินหร่านกอดอกแล้วถอยไปด้านข้างเพื่อให้ซือลี่หมิงไปสู้กับเฉิงมู่
ซือลี่หมิงวางสมุดกับปากกาลง
ตอนที่สู้กับเฉิงมู่ก่อนหน้านี้เขาจงใจออมมือให้ ตอนนี้ฉินหร่านสั่งให้เขาใช้กำลังให้เต็มที่ เขาจึงกำหมัดและเตรียมจะใช้กำลังเต็มที่
“เพื่อน ระวังตัวด้วย!” เขาออกหมัดอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เฉิงมู่ยังซ้อมได้แค่วันเดียว แน่นอนว่ายังเอาชนะซือลี่หมิงไม่ได้ แต่ระหว่างที่สู้กับเฉิงมู่นั้น ซือลี่หมิงก็แอบตกใจอยู่ลึกๆ เฉิงมู่พัฒนาขึ้นมามากเมื่อเทียบกับครั้งที่แล้ว นี่เป็นวิธีการสู้แบบไม่คิดชีวิต! และยิ่งไปกว่านั้นเฉิงมู่ยังกินยาวิเศษที่ฉินหร่านให้ไปเป็นกอง!
การฝึกพิเศษของฉินหร่านได้แสดงประสิทธิภาพเบื้องต้นแล้ว
ซือลี่หมิงยิ่งอิจฉาเขาไปกันใหญ่ ชกไปที่หน้าเขาโดยเฉพาะ
**
เฉิงหั่วพาเสี่ยวเฮยกลับไปยังหน่วยข่าวกรอง
เริ่มทำการเชื่อมต่อเสี่ยวเฮยเข้ากับพอร์ตคอมพิวเตอร์
เสี่ยวเฮยยืนอยู่ข้างๆ เขาแทบจะไม่ต่างอะไรกับตอนบ่าย
เฉิงสุ่ยเหลือบมองเฉิงหั่ว เนื่องจากเขาไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับโค้ดต่างๆ พอเล่นกับความแปลกใหม่ของเสี่ยวเฮยได้สักพักก็กลับไปจัดการงานที่เหลือของวันนี้
หลังจากนั้นไม่นาน เจอร์รี่ก็เข้ามาพร้อมกับคอมพิวเตอร์ “คุณเฉิงหั่ว ทางสถานประมูลได้ตอบกลับมาแล้วครับ!”
พวกเขาต่างก็ไม่กล้าแตะต้องเสี่ยวเฮยตลอดทั้งบ่าย นอกจากคุณลุงคนนั้นที่ถังชิงพูดถึง เฉิงหั่วก็ให้เจอร์รี่ติดต่อกับสถานประมูลของลานจอดเครื่องบินเพื่อสอบถามคู่มือจากเจ้าของหุ่นยนต์ที่นำมาประมูล
เจอร์รี่เพิ่งได้รับข้อความตอบกลับเมื่อครู่นี้
เฉิงหั่วบันทึกโค้ดท่อนหนึ่งลงไป ทำการวิเคราะห์อย่างละเอียดและจมภวังค์อยู่กับโค้ดหน้าตาประหลาดๆ เมื่อได้ยินเสียงเจอร์รี่ เขาก็เงยหน้าขึ้น
“ทางนั้นว่ายังไงบ้าง?” เขายื่นมือนวดขมับแล้วส่งสัญญาณให้เจอร์รี่เอาคอมพ์มาวางบนโต๊ะ
บนหน้าจอเป็นข้อความตอบกลับจากสถานประมูล
เนื่องจากเฉิงเจวี้ยนเป็นผู้ซื้อ ทางสถานประมูลย่อมรู้ดีว่าเป็นเรื่องซีเรียส พวกเขาจึงตั้งใจหาผู้ประมูลและแคปภาพข้อความตอบกลับของผู้ประมูลส่งมาให้——
(ขออภัย ทางเราก็ไม่รู้วิธีการใช้หุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ตัวนี้ มันน่าจะเป็นสินค้าตัวอย่าง เพราะไม่อย่างงั้นทำไมถึงมีแค่สามตัวมาจนถึงตอนนี้ล่ะ? ต้องขอบพระคุณผู้ซื้อที่ใช้เงินกว่าสิบล้านในการประมูลEA3)
ต่อไปเป็นข้อความตอบกลับอย่างเป็นทางการจากสถานประมูล (ขออภัยอย่างสูง ด้วยความเคารพ คุณเจอร์รี่…)
เจอร์รี่ทุบโต๊ะด้วยความโมโห ดวงตาแดงก่ำ “คุณเฉิงหั่ว คนที่เอามาประมูลโกงเราชัดๆ! ผมจะสืบมาให้ได้ว่าเป็นใคร!”
ถึงขนาดกล้าโกงพวกเขา
เฉิงหั่วเองก็เป็นคนอารมณ์ร้อนเหมือนเขา ทุกคนทั้งหน่วยข่าวกรองต่างก็อารมณ์เสียและโกรธแค้น
เดิมทีเจอร์รี่คิดว่าเฉิงหั่วจะโมโหสุดขีดเมื่อได้ยินประโยคนี้ แต่กลับไม่คิดว่าเขาจะแค่เอนหลังพิงเก้าอี้และยังยิ้มได้
“คุณเฉิงหั่ว?” เจอร์รี่พูดเบาๆ และสงสัยหน่อยๆ ว่าเฉิงหั่วโมโหจนเพี้ยนไปแล้วหรือไม่
เฉิงหั่วไม่พูดอะไร เขายื่นมือไปหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเปิดกล้องเพื่อเตรียมอัดวิดีโอ
“เสี่ยวเฮย ไปรินน้ำมาสองแก้ว”
เสี่ยวเฮยที่ไม่ขยับมาแต่ไหนแต่ไร ตอนนี้ดวงตากลับค่อยๆ สว่างขึ้น “ครับ คุณเฉิงหั่ว”
เนื่องจากต้นแบบของมันถูกออกแบบมาให้เหมือนมนุษย์ พฤติกรรมและการเคลื่อนไหวจึงให้ความรู้สึกต่างจากหุ่นยนต์ทั่วไปตามท้องตลาด
มันรินน้ำมาสองแก้วด้วยความรวดเร็ว เฉิงหั่วหยิบไปหนึ่งแก้ว จากนั้นก็ส่งสัญญาณให้เจอร์รี่หยิบไปอีกหนึ่งแก้ว
เจอร์รี่…ตัวแข็งทื่อไปหมด
“เสี่ยวเฮย นับจำนวนประชากรทั้งหมดในรัฐ M ซิ” เขาสั่งต่ออย่างสบายอกสบายใจ
ยี่สิบวินาทีต่อมา เสี่ยวเฮยก็ฉายภาพสามมิติสีน้ำเงินออกมาตรงหน้า
แถวบนสุดคือจำนวนประชากรทั้งหมด ส่วนด้านล่างคืออัตราส่วนชายหญิง
นอกจากนี้ยังเป็นข้อมูลแบบเรียลไทม์
เจอร์รี่ “…” นี่คือหุ่นยนต์จริงๆ เหรอเนี่ย? เกรงว่าจะไม่ใช่แค่เสี่ยวเฮยตัวเดียว? อวิ๋นกวงเป็นพ่อมดหรือไงถึงได้เอาของแบบนี้ออกมาขาย?
แม้จะเป็นการคำนวณข้อมูลจำนวนประชากรรัฐ M ก็ตาม แต่ก็ไม่น่าจะเร็วขนาดนี้…
“เอาล่ะ ไปชาร์จแบตตัวเองเถอะ” เฉิงหั่วหยุดอัดวิดีโอ จากนั้นก็ส่งวิดีโอให้เจอร์รี่แล้วเงยหน้าขึ้น “นายบอกให้สถานประมูลส่งวิดีโอนี้ให้คนที่เอามาประมูลด้วย”
เฉิงหั่ววางโทรศัพท์ลงแล้วทำการค้นคว้าโค้ดต่อ ทันทีที่แตะแป้นพิมพ์ก็เงยหน้าพูดมาอีกประโยค “อ้อ จริงด้วย ถือโอกาสขอบคุณทางนั้นด้วยนะที่อุตส่าห์ขายหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์อันล้ำค่านี้ให้เราด้วยเงินเพียงสิบล้านเท่านั้น จริงๆ เลย”
ขณะที่รอโค้ดรันไปเรื่อยๆ ระหว่างนั้นยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจ…ฉินหร่านกับเฉิงมู่ดูคุ้นเคยกับเสี่ยวเฮยมากไปหรือเปล่า?
เขาหยิบโทรศัพท์พิมพ์ถามเฉิงมู่ (คุณหนูฉินเป็นบุคคลภายในอวิ๋นกวงกรุ๊ปใช่ไหม?)
คืนนี้ทั้งคืนมีคนอดไม่ได้ที่อยากจะใช้ค้อนทุบหัวตัวเองเพิ่มมาอีกหนึ่งราย
เจอร์รี่ส่งวิดีโอไปแล้ว สายตายังคงมองไปทางเสี่ยวเฮยโดยที่ยังไม่ยอมไปไหน
เวลานี้ถังชิงก็ถือโทรศัพท์เดินมาหาเฉิงหั่ว คนที่เจอเธอระหว่างทางต่างก็ทักทายเธออย่างสุภาพ “คุณถัง”
ถังชิงพยักหน้าและเดินตรงไปหาเฉิงหั่ว น้ำเสียงคมชัดกำลังระงับความตื่นเต้น “รุ่นพี่เฉิงหั่ว คุณลุงฉันตอบกลับมาแล้วค่ะ เขารู้เกี่ยวกับEA3ด้วย!”