ตอนที่ 201 ความสัมพันธ์คลุมเครือ
ซย่าเสี่ยวมั่วเปิดเวยปั๋ว โพสต์ล่าสุดของเซียวอู๋อี้คือ [บังเอิญเจอผู้ชายที่มีความสัมพันธ์กับนักวาดการ์ตูนคนหนึ่งมาดื่มชากับภรรยาที่ร้านน้ำชา] ด้านล่างเป็นรูปเหยียนเค่อก้มหน้า มือยกถ้วยน้ำชา ส่วนตรงข้ามกันเป็นผู้หญิงผมยาวตรงในชุดกระโปรงสีชมพู และรูปที่ซย่าเสี่ยวมั่วนั่งกินข้าวกับเหยียนเค่อ
ผู้ชายคือคนเดียวกัน ส่วนตัวตนของนักวาดการ์ตูนคนนั้นไม่ต้องบอกก็รู้กันดี
ซย่าเสี่ยวมั่วเดือดดาลจนถึงขีดสุด และก็กลับกลายเป็นสงบนิ่ง แถมยังนั่งพินิจชื่นชมรูปที่เซียวอู๋อี้ถ่ายที่ร้านน้ำชาอีกด้วย
รู้สึกว่าเหยียนเค่อแต่งตัวคุ้นมาก วันนี้ตนก็น่าจะเห็นเหมือนกัน
ครุ่นคิดอยู่นานก็นึกไม่ออกว่าเคยเดินสวนกับเขาหรือไม่ ทำได้เพียงยอมแพ้ นั่งพินิจรูปนี้อย่างตั้งใจ
เมื่อเธอเห็นกาน้ำชาสองใบก็ขมวดคิ้ว ต่อให้เธอกับเซียวอู๋อี้ดื่มชาด้วยกันก็ไม่ได้แยกกาเหมือนพวกเขา เหยียนเค่อเกลียดผู้หญิงคนนี้แค่ไหนกันล่ะเนี่ย
จากนั้นรายละเอียดต่างๆ ก็ปรากฏออกมาให้เห็น ท่าทางที่เหยียนเค่อยกถ้วยชาขึ้นดูไม่ใส่ใจอย่างเห็นได้ชัด มือถือถ้วยชารู้สึกว่าจะหล่นลงได้ตลอดเวลา ถ้าคิดดูก็จะรู้ว่า รำคาญคนที่อยู่ตรงข้ามแค่ไหน…
คอมเม้นต์ข้างใต้ก็หารายละเอียดพวกนี้เจอเช่นกัน ค่อนแขวะว่าเซียวอู๋อี้ไม่มีสมอง จิตใจสกปรก คิดแต่เรื่องน่าขยะแขยง
แต่ซย่าเสี่ยวมั่วก็ยังอึดอัดใจอยู่ดี ถ้านั่นเป็นภรรยาของเหยียนเค่อล่ะ นอนนิ่งอยู่บนโซฟาสักพักจึงจะกลับสู่ภวังค์ เธอไม่ได้เป็นอะไรกับเหยียนเค่ออยู่แล้ว พวกนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา เซียวอู๋อี้ต่างหากที่เป็นศัตรูเบอร์หนึ่ง
ซย่าเสี่ยวมั่วที่คิดอะไรได้แล้วก็โพสต์รูปแผ่นหลังของทั้งคู่ลงบนเวยปั๋วอย่างไม่ใส่ใจนัก ก่อนจะอธิบาย [ความสัมพันธ์ของฉันกับเขาคนนั้นดีเอามากๆ แล้วก็ไม่เคยได้ยินข่าวเรื่องแต่งงานของเขาเลย ถ้าเขาแต่งงานฉันจะยินดีกับเขาทันทีอย่างแน่นอน] แถมยังแปะประกาศเรื่องหนึ่ง คือฝ่ายตนได้ทำการฟ้องร้องที่เซียวอู๋อี้ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของเธอเรียบร้อยแล้ว
……
เหยียนเค่อกอดโทรศัพท์แล้วผล็อยหลับไป ไม่รู้เลยสักนิดว่าเกิดอะไรขึ้น
ชวีไหน่ทำงานล่วงเวลาเห็นรูปเจ้านายของตนที่ถูกปล่อยออกไปก็ทำการปิดบัญชีทางการเวยปั๋วของเซียวอู๋อี้ทันที
ค่อนแขวะในใจ ทุกอย่างล้วนแต่เป็นสิ่งที่บริษัทมอบให้ แต่นี่ยังไปทำร้ายเจ้านายอีก ไม่อยากมีชีวิตต่อแล้วสินะ
……
ซย่าเสี่ยวมั่วหลับไปเพียงสี่ชั่วโมง คุณแม่ซย่าก็มาสะกิดปลุก
“ตื่นได้แล้ว ไปบ้านคุณตา”
“ทำไมไม่ไปบ้านคุณปู่ล่ะ” ซย่าเสี่ยวมั่วกำผ้าห่มไม่ปล่อยแล้วพึมพำ
“ใครไม่รู้บ้างว่าปู่แกตามใจแกน่ะฮะ ถ้าฉันบังคับให้แกแต่งงาน ปู่แกก็มีอาการแรงกว่าพ่อแกอีก แล้วก็ลุงคนโตของแกด้วย” คุณแม่ซย่าเปิดม่านออกแล้วพึมพำ “บอกว่าต่อไปต้องหาลูกเขยที่มีความสามารถ ไม่อย่างนั้นปู่กับลุงแกจะตีให้พิการเลย”
“แม่หวังสูงจัง” ซย่าเสี่ยวมั่วลุกจากเตียงแล้วสางผม “เมื่อคืนบอกว่าผู้ชายสองขาคนหนึ่งก็พอ ตอนนี้มาบอกว่าจะเอาคนมีความสามารถ ถ้าลูกเขยแม่เพิ่งลืมตาดูโลกจะร้อนใจจนร้องไห้แล้วหรือเปล่า”
“เถียงเก่ง!” คุณแม่ซย่าเฉดนิ้วใส่กะโหลกเธอ “รีบไปแต่งตัวสวยๆ ซะ เราจะได้รีบไป”
ซย่าเสี่ยวมั่วสวมชุดกระโปรงผ้าฝ้ายสไตล์ค่อนข้างโบราณ ปกคอเป็นสีฟ้าคราม ตรงขอบปักลายดอกกล้วยไม้สวยงาม ชายกระโปรงเป็นสีขาว ประณีตงดงามและดูเรียบร้อย
คุณพ่อซย่ามองดูสองสาวเดินลงมาจากบ้านก็รู้สึกภูมิใจ เมียของตนว่าสวยแล้ว แต่ลูกสาวสวยยิ่งกว่า เขาช่างเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก
ตลอดทางไปบ้านคุณตา ซย่าเสี่ยวมั่วก็หลับไปตื่นหนึ่ง
บ้านคุณตาของซย่าเสี่ยวมั่วอยู่ทางตอนใต้ของเมือง แถมบ้านเดี่ยวสองชั้นที่ติดภูเขาใกล้แม่น้ำเป็นของรัฐบาลอีกด้วย
ตอนเด็กๆ เธออยู่ที่นี่ตลอด โดนพี่ใหญ่เหยียบย่ำอยู่ทุกวัน คิดถึงความซื่อของลูกพี่ลูกน้องผู้ชายอีกคน เธอก็รู้หลักเหตุผลหนึ่งมาตั้งแต่เด็ก ก็คือ ปัญญาชนผู้มีความรู้รับมือยากเสียยิ่งกว่าทหารที่มีกำลังและความกล้าหาญอีก
ตอนที่ 202 แฟนสาวของพี่ชายคนโต
การเดินทางกินเวลาถึงสี่ชั่วโมง ซย่าเสี่ยวมั่วยังคงนอนหลับอยู่บนรถ คุณพ่อซย่ากับคุณแม่ซย่าก็ลงจากรถไปก่อน ไม่ได้สนใจเธอ
เสิ่นมั่วหลีนั่งอยู่บนโซฟา ไม่เห็นเด็กสาวเดินตามคุณอาของตนมาก็ถามขึ้น “น้าครับ ซย่าเสี่ยวมั่วไม่มาเหรอ”
คุณแม่ซย่าชี้ไปด้านหลัง “หลับอยู่บนรถน่ะ ตอนนี้ยังไม่ตื่นเลย แล้วแฟนเธอล่ะ”
เสิ่นมั่วหลีดื่มชาหนึ่งคำอย่างสงบ แล้วยกอ่างน้ำที่วางอยู่ข้างๆ โซฟามาวางบนโต๊ะ
คุณแม่ซย่าชะโงกหัวมองไปด้านในบ้าน
ในเวลานี้คุณพ่อน่าจะออกไปด้านนอก ไม่อยู่บ้าน มีแค่เสิ่นมั่วหลีที่พักอยู่บ้าน หรือว่าสาวน้อยคนนั้นจะโดนคุณพ่อลากออกไปเดินเล่นแล้วกันนะ
ซย่าเสี่ยวมั่วตื่นแล้วจึงพบว่าเหลือเพียงตัวเองที่ยังอยู่บนรถ เช็ดคราบน้ำลายตรงมุมปาก ลงจากรถแล้วเดินเข้าบ้าน ได้ยินเสียงเย็นชาของพี่ชายของตนดังขึ้น “เขาค่อนข้างขี้อายน่ะครับ”
ซย่าเสี่ยวมั่วรีบวิ่งเข้าไปโอบไหล่พี่ชายของตนอย่างตื่นเต้นดีใจ “แฟนพี่ล่ะ พามาให้ฉันดูหน่อย”
ยังไม่ถึงเวลาอาหาร เธอตื่นได้ทันเวลาพอดี
เสิ่นมั่วหลีดันมือของซย่าเสี่ยวมั่วออกอย่างรังเกียจ “เธออย่าทำให้เขาตกใจสิ”
“ฮั่นแน่ๆ มีคนที่พี่ปกป้องด้วยเหรอเนี่ย คิดไม่ถึงเลยจริงๆ” เธอโวยวาย
ใบหน้าขาวสะอาดเย็นชาของเสิ่นมั่วหลี ไม่มีความเปลี่ยนแปลง แม้แต่น้ำเสียงก็เป็นแบบโมโนโทน ทำเพียงใช้มือลูบกลีบดอกบัวสีขาวตรงหน้าของตน “เขาชื่อชิงจิน”
“เส้นเลือดดำ[1]?” ซย่าเสี่ยวมั่วมองดูเขาลูบกลีบดอกไม้อย่างงุนงง
“ชื่อในยุคปัจจุบันคือ ‘ชิงเหอ[2]’”
คุณพ่อซย่าคุณแม่ซย่ายังคงรอให้ผู้หญิงที่เขาพูดถึงปรากฏตัวออกมา แต่มองซ้ายแลขวาแล้วก็ยังไม่เห็นใคร
“เอ่อ” ซย่าเสี่ยวมั่วที่รู้สึกตัวก่อนใคร ยื่นมือไปจิ้มอ่างน้ำตรงหน้าของตน แล้วเอ่ยถามอย่างลังเล “ดอกไม้ดอกนี้คงไม่ใช่แฟนพี่หรอกใช่ไหม”
เสิ่นมั่วหลีพยักหน้าราวกับมันเป็นเรื่องปกติธรรมดา “เขามีสถานะเป็นแฟนของฉัน เขามีชีวิตนะ ฉันเลี้ยงเขาให้โตมาเองเลย ฉันจะรับผิดชอบเขาเอง”
ซย่าเสี่ยวมั่วหลุดหัวเราะออกมา งั้นเธอไปปลูกแตงกวาบ้างดีกว่า
“พี่บอกว่าขี้อายมากเลยไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่หาต้นไมยราบสักต้นล่ะ” เธอลูบกลีบดอกบัว ยิ้มทักทายกับเขา “สวัสดีค่ะ ฉันเป็นน้องสาวของแฟนคุณ”
คุณแม่ซย่าโมโหเด็กไม่รู้ประสาพวกนี้จนเดินออกจากบ้านไปแล้ว แต่คุณพ่อซย่ายังกอดพุงนั่งขำอยู่
เสิ่นมั่วหลียังคงดื่มชาอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนแต่อย่างใด ไม่รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องน่าขันสักนิด
“พี่เจ๋งมากเลย ฉันก็จะหาสักคนเหมือนกัน” ซย่าเสี่ยวมั่วดีใจเป็นอย่างมาก
เสิ่นมั่วหลีปรายตามองเธอหนึ่งที ก่อนจะเอ่ยออกมาตามตรง “ถ้าใช้มุกนี้ไปแล้วครั้งหนึ่งจะใช้ซ้ำไม่ได้แล้วนะ แล้วฉันก็พูดความจริงด้วย”
“ไม่มั้ง ชาติที่แล้วพี่เป็นฤๅษีหรือไง” ซย่าเสี่ยวมั่วมีสีหน้าตกตะลึง ทำไมมันประหลาดเช่นนี้
เสิ่นมั่วหลีส่ายหัว “พวกเขาให้ฉันหาคนมีชีวิต ฉันหาไม่เจอ ก็เลยคบไปก่อน ถึงจะเป็นใบ้ก็เถอะ”
“งั้นฉันคบกับหมาบ้านฉันดีกว่า ยังไงก็มีครบทุกอย่าง”
เสิ่นมั่วหลีพยักหน้า “เธอก็เหมาะจะคบกับพวกสัตว์ดีนะ”
ซย่าเสี่ยวมั่วเหลือบมองเขา “ปัญญาชนที่สุภาพเรียบร้อยอย่างพี่ด่าคนอื่นงั้นเหรอ!”
“คนกินธัญพืชห้าอย่าง การพูดคำหยาบคายเป็นความสามารถที่พลั้งเผลอออกมา ทุกคนล้วนมีมาตั้งแต่เกิด” เสิ่นมั่วหลีเอ่ยตอบอย่างเกียจคร้าน น้ำเสียงไพเราะทำให้คนฟังรู้สึกสบายหู
“นี่ แล้วไม่มีนักเรียนมาชอบพี่เลยเหรอ” ซย่าเสี่ยวมั่วศอกใส่เขาเบาๆ ในสมองจินตนาการฉากในละครโศกนาฏกรรมของเด็กสาวที่มาตามจีบพี่เสิ่นคนหล่ออย่างยากลำบาก
เสิ่นมั่วหลีเหลือบมองเธอ “สมอง…คิดแต่อะไรก็ไม่รู้”
ซย่าเสี่ยวมั่วนั่งมองเขาอย่างหมดคำจะพูด อย่านึกว่าเธอไม่รู้ว่าศาสตราจารย์เสิ่นเปลี่ยนรูปปากกลางคันนะ แถมยังจะพูดสำนวนผิดๆ นั่นอีก ไม่สมเป็นคนมีความรู้เลยจริงๆ
——
[1] เส้นเลือดดำ ในภาษาจีนอ่านว่า ชิงจิน (พ้องเสียงกับชื่อดอกบัว)
[2] ชิงเหอ ชื่อดอกบัวสายพันธุ์หนึ่ง