ตอนที่ 251 ข่มขู่
เหยียนเค่อคุยเรื่องสัพเพเหระกับผู้ช่วยของตนอยู่ เมื่อเดินกลับขึ้นมาก็เห็นคนยืนบังอยู่ที่หน้าประตู จึงค่อยๆ หยุดเดิน
ผู้ช่วยและบอดี้การ์ดที่เดินตามอยู่ข้างหลังต่างก็มองหน้ากันเลิ่กลั่ก สงสัยในตัวตนของผู้หญิงคนนี้
เหยียนเค่อหยิบกุญแจยื่นให้ผู้ช่วยที่อยู่ด้านหลัง เป็นเชิงให้พวกเขาเข้าห้องไปก่อน เหล่าผู้ช่วยเดินเรียงกันเข้าไปด้านใน ส่วนบอดี้การ์ดก็แยกย้ายกันไปนั่งหลบอยู่รอบๆ
คติของเหยียนเค่อคือ ‘ศัตรูไม่เคลื่อนไหว เราก็ไม่เคลื่อนไหว ถ้าศัตรูเคลื่อนไหว ฉันก็จะไม่เคลื่อนไหว’
เซียวอู๋อี้กำลังรอให้เขาปริปากพูดอยู่ นึกไม่ถึงว่าพวกเขาทั้งคู่จะเอาแต่ยืนนิ่งๆ กันอยู่ที่หน้าประตู เธอจึงทำได้เพียงเอ่ยปากอย่างกระอักกระอ่วน “ท่านประธาน”
เหยียนเค่อกอดอกแล้วจ้องเขาเขม็ง ไม่พูดอะไร
ความเย่อหยิ่งของเซียวอู๋อี้ก็สลายหายไปในทันที หลบสายตาเขาอย่างลุกลี้ลุกลน
ตอนเหยียนเค่อทำหน้านิ่งนั้น ดวงตาสุกใสคู่นั้นราวกับอ่านใจคนที่ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ทำให้คนมองอดหวั่นเกรงไม่ได้
“ฉันอยากคุยกับท่านหน่อยน่ะค่ะ” เซียวอู๋อี้กำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว
“ว่ามาสิ” ในที่สุดเหยียนเค่อก็พูดออกมา แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะให้เธอเข้าไปในห้องทำงานแต่ยังใด ทำเพียงยืนพิงราวบันไดรอให้เธอเอ่ยปาก
นี่แตกต่างกับภาพที่เซียวอู๋อี้จินตนาการไว้มากทีเดียว แม้แต่หัวข้อที่เป็นความลับสักหน่อยเธอก็ยังพูดไม่ออกเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการทำตามแผนการของตัวเองเลย
“ฉันอยากรู้ว่าท่านคือคนที่ช่วยมั่วอวี๋เล่นงานใช่ไหม”
“ใช่” เหยียนเค่อตอบรับฉะฉาน
เซียวอู๋อี้เริ่มหายใจติดขัด “งั้นท่านบอกฉันหน่อยได้ไหมคะว่าเพราะอะไร”
“ไม่ได้” เหยียนเค่อเห็นเธอปากสั่นก็รู้สึกสะใจเหมือนได้แก้แค้นให้ซย่าเสี่ยวมั่ว
บอดี้การ์ดที่อยู่รอบด้านได้ยินบทสนทนานี้ ก็คิดในใจ ‘ท่านประธานทำแบบนี้จีบสาวไม่ติดหรอกนะครับ’
“สิ่งที่เขาให้ท่านได้ฉันก็ให้ได้เหมือนกัน ท่านช่วย…” เธอยังไม่ทันพูดจบ เหยียนเค่อก็พูดขัดขึ้นมาก่อน “ไม่”
เซียวอู๋อี้หน้าซีดเผือด หวาดกลัวผู้ชายคนนี้ถึงขีดสุด
เหยียนเค่อพูดทีเล่นทีจริง “เขายังให้ครั้งแรกกับฉันได้ แต่เธอน่ะไม่”
บอดี้การ์ดที่ได้ยินต่างก็ยิ้มและซุบซิบกัน ที่แท้ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ใช่คนที่เจ้านายชอบ แต่เขาโมโหถึงขีดสุดเพราะเธอคนนี้ทำร้ายผู้หญิงของเขานี่เอง
สีหน้าของเซียวอู๋อี้แย่มาก สุดท้ายจึงเยาะเย้ย “เขาก็เหลือแค่นั้นแหละค่ะ”
“แต่ยังไงก็ดีกว่าคุณ” เหยียนเค่อตอบเสียงเย็นเยียบ ไม่อยากคุยกับเขาต่อแล้ว “เรื่องที่คุณสงสัยไม่มีหลักฐาน ไม่ว่าผมจะออกหน้าแทนซย่าเสี่ยวมั่ว หรือว่าเล่นงานคุณก็ตาม ทั้งหมดล้วนเป็นความต้องการของผมเพียงฝ่ายเดียว ไม่เกี่ยวอะไรกับซย่าเสี่ยวมั่ว”
คำตอบนี้โจมตีเซียวอู๋อี้อย่างหนักหน่วง
ทุกสิ่งที่เธอปรารถนา ซย่าเสี่ยวมั่วก็ได้มันมาโดยไม่ต้องเปลืองแรงเสียทุกครั้ง ซย่าเสี่ยวมั่วคือศัตรูตัวฉกาจของเธออย่างแท้จริง
“ไม่รู้ว่าถ้าซย่าเสี่ยวมั่วรู้ตัวตนของท่านแล้วจะยังรู้สึกขอบคุณท่านหรือเปล่านะคะ” เซียวอู๋อี้ไม่เห็นประโยชน์อะไร จึงไม่สนใจและก็ไม่เกรงกลัวเหยียนเค่ออีกต่อไป ดวงตาจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้าเขม็ง
เหยียนเค่อมองเธออย่างประหลาดใจ มุมปากแสยะกว้างขึ้น แต่น้ำเสียงกลับเยียบเย็น “ขู่ผมงั้นเหรอ?”
เซียวอู๋อี้เผลอก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว ตกใจกลัวจนพูดไม่ออก
เหยียนเค่อละสายตา “ผมไม่เคยหลอกซย่าเสี่ยวมั่ว สิ่งที่เขาควรจะรู้ก็รู้หมดแล้ว สิ่งที่เขาไม่รู้ผมก็ไม่ได้ปิดบังเหมือนกัน” ก่อนจะโบกมือไล่อย่างไม่ใส่ใจนัก “คุณไปได้แล้ว ผมยังไม่ได้แบนคุณนะ ดังนั้นอย่าทำให้ผมโมโหอีก”
เซียวอู๋อี้มองเขาที่เดินเข้าห้องทำงานไปโดยไม่เหลียวมองมาเลยสักนิด จนกระทั่งเสียงปิดประตูด้านหลังดังขึ้นจึงได้สติ
ไม่ได้แบนฉันงั้นเหรอ? พอเธอขอโทษแล้วก็ไล่เธอออกบริษัทมันต่างอะไรกับการแบนกันล่ะ?
ซย่าเสี่ยวมั่ว เป็นเพราะเธอ ฉันจะเอาเธอลงนรกไปด้วย!
เธอเคียดแค้นในใจ แล้วเดินลงบันไดไปอย่างเลื่อนลอย
ตอนที่ 252 ทำลายความอยากอาหาร
ตั้งแต่ที่เซียวอู๋อี้ปรากฏตัวขึ้นในสายตาของซย่าเสี่ยวมั่วอีกครั้ง นี่ก็เป็นครั้งแรกที่อันหร่านเห็น
ซย่าเสี่ยวมั่วด่าคนอย่างบ้าคลั่งขนาดนี้
“เธอไม่กินข้าวแล้วเหรอ”
ซย่าเสี่ยวมั่วเอากล่องข้าววางไว้บนโต๊ะแล้วขยี้หัวตัวเอง “อ๊ากกก ทำไมฉันเห็นอาหารน่าอร่อยนี่แล้วต้องเห็นเป็นหน้าของเซียวอู๋อี้ด้วย! ทำเอาฉันไม่อยากอาหารเลย! ฉันอยากเอาหมูพะโล้นี่ไปราดหน้ายายนั่นจริงๆ!”
อันหร่านพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงบ้าคลั่งเช่นนี้
“เธอนี่มันสายกินจริงๆ”
ซย่าเสี่ยวมั่วขยี้หัวจนผมยาวๆ ของเธอกระเซอะกระเซิงไปหมด สองมือเท้าคางด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยาก “ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะเอามื้อกลางวันที่เหลือกลับไปกินที่บ้าน”
อันหร่านดันกล่องข้าวของตนไปให้ “ถ้างั้นเอาของฉันไปด้วยไหม”
“เธอเห็นฉันเป็นแมวจรจัดหรือไงหา ไม่เอาย่ะ!” ซย่าเสี่ยวมั่วดันกลับไปให้เธอ พองลมเต็มแก้ม “ฉันไม่ได้จนถึงขนาดที่ไม่มีเงินซื้อข้าวสักหน่อย”
อันหร่านหยิบกล่องข้าวของตนกลับคืนมา ไม่แกล้งเธอต่อ “ตั้งใจทำงานล่ะ วันนี้วาดเพิ่มอีกสองสามตอนนะ”
ซย่าเสี่ยวมั่วโยนปลอกปากกาใส่อันหร่าน “ทำไมเธอถึงใจจืดใจดำเสียยิ่งกว่าพวกนายทุนอีกล่ะ!”
อันหร่านหลบหลีกการลอบโจมตีของเธอได้ทัน รีบเดินออกจากห้องแล้วยิ้มให้ซย่าเสี่ยวมั่วอย่างสะใจ
ซย่าเสี่ยวมั่วลุกขึ้นไปเก็บปลอกปากกาด้วยความอัดอั้นตันใจ ครุ่นคิดคำพูดของเซียวอู๋อี้ แต่กลับจับจุดอะไรไม่ได้เลย
บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ด้านนอกห้องทำงานของเหยียนเค่อเกือบจะทำให้อันหร่านที่วิ่งขึ้นบันไดมาถึงกับไถลตกลงไปด้านล่าง
“พวกคุณอย่ามาขู่ขวัญฉันเลยนะคะ ฉันเป็นคนดี!”
อันหร่านกอดตัวเองแน่น มองชายฉกรรจ์ตรงหน้า กลัวจนทำตัวไม่ถูก
“มีบัตรยืนยันว่าเป็นคนดีหรือเปล่า” ชายหนุ่มหนึ่งในนั้นถามเธออย่างจริงจัง
อันหร่านทำหน้างง ก่อนจะหยิบบัตรประชาชนของตนออกมาจากกระเป๋ากางเกง “ฉันมีบัตรประชาชนค่ะ”
ชายหนุ่มสองคนมองหน้ากันแล้วยิ้ม ผู้หญิงคนนี้ช่างซื่อจริงๆ จึงหลีกทางให้เธอเดินเข้าไป
อันหร่านลูบหน้าอกตัวเอง ก่อนจะรีบเข้าไปรายงานเหยียนเค่อ
“ประธานเหยียนคะ!”
เหยียนเค่อได้ยินเสียงลับๆ ล่อๆ จึงเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นอันหร่านจึงชี้ไปที่โซฟาทางด้านนั้น “นั่งก่อนค่อยพูด”
กะจากสายตาแล้วคิดว่าโซฟาอยู่ไกลเกินไป อันหร่านปฏิเสธ “ฉันยืนพูดได้ค่ะ เมื่อกลางวันเซียวอู๋อี้เจอซย่าเสี่ยวมั่วที่ร้านอาหาร เกือบจะเปิดเผยตัวตนของท่านออกไปแล้ว”
เหยียนเค่อพยักหน้า “เขามาหาผมแล้ว”
อันหร่านไม่รู้ว่า ‘เขา’ ที่เหยียนเค่อพูดถึงคือใคร เพราะซย่าเสี่ยวมั่วอยู่กับเธอตลอด หรือว่าเซียวอู๋อี้จะมาหาเขาโดยไม่กลัวตายงั้นเหรอ
“แล้วฉันควรจะทำอย่างไรคะ” เธอค่อนข้างใส่ใจชีวิตของตนเองมากกว่า
“ปล่อยไปตามธรรมชาติ” เหยียนเค่อดูเอกสารก่อนจะเอ่ยปากขออีกครั้ง “คุณไปนั่งตรงนั้นก่อนค่อยพูด”
อันหร่านโบกมือ “ไม่ต้องหรอกค่ะ”
“คุณบังแสงผม…”เหยียนเค่อไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป เอ่ยอย่างตรงไปตรงมา
อันหร่านหุบปากฉับ เดินไปนั่งบนโซฟาอย่างขัดเขิน เธอว่าแล้ว ผู้ชายอย่างเหยียนเค่อคงไม่หวังดีขนาดนั้น
“ถ้าซย่าเสี่ยวมั่วรู้ก็ปล่อยให้เขารู้ไปเถอะ ยิ่งพยายามปกปิดก็ยิ่งถูกเปิดเผยได้เร็วขึ้น” เหยียนเค่อ
มองสถานการณ์ได้เฉียบขาด “แล้วผมก็ไม่มีอะไรให้ต้องกลัว”
ท่านไม่มีอะไรให้ต้องกลัว แต่ฉันมีนี่คะ…ไม่ว่าจะพูดอย่างไร อันหร่านก็ไม่สบายใจอยู่ดี
“คุณดูพวกผู้ชายตรงนั้นซิ มีคนไหนที่คุณถูกใจบ้าง”
“คะ?” อันหร่านมองดูผู้ชายที่นั่งก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่รอบโซฟาปราดหนึ่ง ไม่รู้ว่าเหยียนเค่อจะมาไม้ไหนอีก
ผู้ช่วยมุมปากกระตุก เจ้านายของพวกเขานึกอะไรขึ้นได้ก็พูดออกมาจริงๆ
เหยียนเค่อละมือจากงานที่ทำ ก่อนจะอธิบาย “ทุกคนเป็นวัยรุ่นที่อายุค่อนข้างมากแล้ว หน้าตาดี มีรถมีบ้านมีหน้าที่การงานที่มั่นคง แถมยังมีเจ้านายที่เข้าใจลูกน้อง ใครเห็นใครก็รักด้วย ดังนั้นคุณลองพิจารณาดูหน่อยไหม”
อันหร่านได้รับความหวังดีเช่นนี้ก็รู้สึกตื่นตระหนก ตอบตะกุกตะกัก “ด…ได้ค่ะ”
เหยียนเค่อเปลี่ยนห้องทำงานตัวเองให้เป็นสถานที่นัดบอดทันที แถมเล่นเป็นพ่อสื่อให้อย่างเต็มที่
อันหร่านจับจูงมือกับผู้ชายหนึ่งในนั้นอย่างงุนงง กลายเป็นคนมีเจ้าของโดยไม่รู้ตัว