ตอนที่ 293 สิทธิพิเศษในการเยี่ยมไข้
ฉินซื่อหลานยืนแอบฟังอยู่นาน รอจนซย่าเสี่ยวมั่วเดินออกมาแล้วจึงลากเธอไปทันที
“นายรู้ได้ไงว่าฉันอยู่ข้างใน” ซย่าเสี่ยวมั่วถามเขาอย่างฉงนใจ
ฉินซื่อหลานเช็ดมือที่เพิ่งปิดปากซย่าเสี่ยวมั่วเมื่อกี้ ก่อนจะอธิบาย “เหยียนเค่อโทรมาฉันบอกว่าเธอเข้ามา กลัวว่าเธอจะเกิดเรื่อง ก็เลยให้ฉันมาดูน่ะสิ”
เขาจงใจละประธานของประโยคไป ซย่าเสี่ยวมั่วเองก็ไม่ได้ถามต่อว่าใครกลัวว่าเธอจะเกิดเรื่อง เอ่ยตอบด้วยสีหน้าเอือมระอา “อย่าพูดถึงนายคนนั้นที่เมินฉันเลย”
ฉินซื่อหลานก็ไม่อยากพูดถึงเขาหรอก แค่คำพูดเป็นชุดที่ซย่าเสี่ยวมั่วพูดออกไปเมื่อกี้ก็เพียงพอให้
เหยียนเค่อได้ลำพองใจไปอีกนานแล้ว
“คือว่า สมองของหลี่หมิงฉวีผิดปกติหรือเปล่า” ซย่าเสี่ยวมั่วชี้นิ้วไปที่ขมับของตัวเอง แล้วเอ่ยถามอย่างใคร่รู้
“ไม่นี่” ฉินซื่อหลานตอบอย่างแข็งขัน “ผลตรวจออกมาแล้วว่าไม่มีปัญหาอะไร”
ซย่าเสี่ยวมั่วพึมพำ “ทำไมเหมือนคนเป็นโรคจิตเลยนะ”
“วันนี้เหยียนเค่อบอกว่าเขาเป็นโรคประสาท”
“เป็นโรคจิตต่างหาก” ซย่าเสี่ยวมั่วตอบอย่างมั่นใจ “เหยียนเค่อพูดไม่ถูก”
“ความจริง ทางการแพทย์วินิจฉัยว่าหลี่หมิงฉวีมีประสาทที่ผิดปกติ แต่ยังยืนยันไม่ได้ว่าเขาเป็นโรคจิตหรือเปล่า”
“จิตผิดปกติต้องเป็นโรคจิตสิ”
ทั้งคู่ถกเถียงกันเรื่องโรคประสาทกับโรคจิตอยู่นานก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้
“แต่ถ้าไปตรวจ เขาก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก” ฉินซื่อหลานตอบซย่าเสี่ยวมั่วในมุมมองของแพทย์
“งั้นเขาคงทั้งเป็นโรคประสาทแล้วก็เป็นโรคจิตด้วย” ซย่าเสี่ยวมั่วพูดสรุปในมุมมองของตัวเอง
ฉินซื่อหลานก็ไปเปลี่ยนแปลงความคิดส่วนตัวของเธอไม่ได้ ทำได้เพียงปล่อยให้เรื่องนี้จบไป “เดี๋ยวฉันไปส่งเธอกลับบ้าน”
“โอ๊ย รู้ใจจริงๆ” ซย่าเสี่ยวมั่วเอ่ย “มาเยี่ยมไข้ก็ได้รับสิทธิพิเศษแบบนี้ด้วย”
“ความจริงฉันควรจะโยนเธอออกไปมากกว่านะ” มาเยี่ยมหลี่หมิงฉวีแต่อยากจะได้รับสิทธิพิเศษ ยายนี่ช่างไร้เดียงสาจริงๆ
“พวกนายอย่ามาเลือกปฏิบัตินะ ฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขา”
“ถ้าเกี่ยวข้องกันล่ะก็ เธอก็เตรียมตัวโดนเหยียนเค่อฆ่าได้เลย” ฉินซื่อหลานควงกุญแจรถในมือก่อนจะคิดไปถึงเรื่องเมื่อคืน จึงถามขึ้นอย่างใคร่รู้ “เมื่อคืนเธอปฏิเสธเหยียนเค่อไปเหรอ”
“ฮะ?” ซย่าเสี่ยวมั่วมองเขาด้วยสีหน้างุนงง “ฉันปฏิเสธเหยียนเค่อ?” ทำไมเธอไม่รู้ล่ะว่าตัวเองปฏิเสธเหยียนเค่อ
“มือเขาเลือดไหลเลยนะ” ฉินซื่อหลานชี้ไปที่ฝ่ามือของตนด้วยท่าทางเกินจริง ก่อนจะถามอย่างสนอกสนใจ “เธอปฏิเสธเขายังไงเหรอ”
ซย่าเสี่ยวมั่วไม่รู้ว่าเขาพูดถึงอะไร เพียงแสดงความคิดเห็นของตนเท่านั้น “เขาเลือดไหลก็สมน้ำหน้าแล้ว”
“สรุปเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่” ฉินซื่อหลานถามต่ออย่างไม่ยอมแพ้
“ฉันแค่บอกว่าฉันจะชอบใครก็ได้แต่ก็คงไม่ชอบเขา” ซย่าเสี่ยวมั่วครุ่นคิด คำพูดที่เธอบอกออกไปก็มีความหมายประมาณนี้
ฉินซื่อหลานตะลึงอ้าปากค้างจนกรามแทบหลุด ยายนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ ปฏิเสธเหยียนเค่ออย่างไร้เยื่อใยแบบนี้แล้วยังมีชีวิตอยู่ได้แบบครบสามสิบสอง แต่เป็นเหยียนเค่อเสียเองที่บาดเจ็บที่มือ
“นายทำหน้าแบบนั้นหมายความว่าไง” ซย่าเสี่ยวมั่วมองสีหน้าตกตะลึงของเขา “คำถามนี้ฟังแล้วรับไม่ได้เหรอ”
“ก็รับได้แหละ” ฉินซื่อหลานหุบปาก กลับไปเป็นบัณฑิตผู้ถ่อมตนเช่นเดิม ก่อนจะเอ่ยพลางทอดถอนใจ “แล้วเหยียนเค่อก็ดันรับได้อะนะ”
“เขาจะรับได้หรือเปล่าแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน” เรื่องที่เหยียนเค่อปิดบังตัวตนของตัวเองมาโดยตลอดเธอยังไม่ได้ชำระแค้นเลยนะ นับประสาอะไรกับคนอย่างเหยียนเค่อ เธอเอื้อมไม่ถึงหรอก
“เธอรอฉันแป๊บนะ ฉันไปเอารถก่อน”
ไม่นานนัก รถคาเยนน์รูปทรงโฉบเฉี่ยวสวยงามคันหนึ่งก็มาจอดลงตรงหน้าซย่าเสี่ยวมั่ว
ซย่าเสี่ยวมั่วอ้าปากพะงาบ เธอคงตาบอดอยู่นานถึงดูไม่ออกว่าเหยียนเค่อเป็นใคร
ตอนที่ 294 ถอยหนึ่งก้าว
ฉินซื่อหลานขับรถเข้ามา มองผ่านกระจกมองหลังก็เห็นป้ายทะเบียนรถที่โดดเด่นนั่นแล้วหันกลับมา เหยียนเค่อเกินเยียวยาแล้วจริงๆ
“นี่เป็นรถที่ฉันซื้อมาใหม่ เธอเป็นคนแรกเลยนะที่ได้นั่งที่นั่งข้างคนขับ” ฉินซื่อหลานเอามือเท้าศีรษะแล้วหันมามองซย่าเสี่ยวมั่ว
ซย่าเสี่ยวมั่วไม่รู้ว่ามันมีความหมายพิเศษอะไร จึงทำท่าจะเปิดประตูลงไปอย่างไม่เข้าใจความหมายที่เขาจะสื่อ “งั้นฉันไปนั่งเบาะหลังแล้วกัน”
ฉินซื่อหลานหมดคำพูด ล็อกประตูรถก่อนจะเอ่ยเตือน “คาดเข็มขัดให้ดี จะไปแล้ว”
“อ้อ” ซย่าเสี่ยวมั่วยักไหล่แล้วดึงเข็มขัดมาคาด
เหยียนเค่อเห็นรถคันข้างหน้าขับไปยังทิศทางตรงกันข้ามกับบ้านของซย่าเสี่ยวมั่วก็แอบด่าในใจ ไม่น่าฝากซย่าเสี่ยวมั่วไว้กับฉินซื่อหลานเลย ตอนนี้เขายังไม่รู้เลยว่าทั้งคู่กำลังจะไปที่ไหนกัน
“เธอไม่เข้ากับฉันจริงๆ ด้วย” ฉินซื่อหลานพูดถึงหัวข้อสนทนาเดิม “คนขี้อวดอย่างเหยียนเค่อสิถึงจะเข้ากับเธอหน่อย”
ซย่าเสี่ยวมั่วหัวเราะแล้วส่ายหัว “ไม่หรอก การที่คนสองคนจะคบกันนั้น ไม่มีฝ่ายไหนที่เข้าหาก่อนได้ตลอดหรอก ต้องได้รับความร่วมมือจากอีกฝ่ายด้วย ทั้งสองคนถึงจะเข้ากันได้ ก็เหมือนกับที่นายพูดเมื่อกี้ ฉันรู้ว่าหมายความว่าอะไร แต่ฉันไม่อยากตอบนาย ดังนั้นนายก็เลยรู้สึกว่าเราสองคนเข้ากันไม่ได้”
ฉินซื่อหลานตามองถนน ก่อนจะเหลือบมองเธอปราดหนึ่ง “เธอพูดถูก แล้ว…บ้านเธออยู่ไหนเหรอ”
ซย่าเสี่ยวมั่วโดนเขาเปลี่ยนเรื่องกะทันหันจนแทบมึน “หืม?”
“จะให้ฉันไปส่งที่ไหน” ฉินซื่อหลานลืมไปตั้งนานแล้วว่าบ้านเธออยู่ที่ไหน
ซย่าเสี่ยวมั่วเปิดแอปแผนที่ ก่อนจะเลื่อนไปตรงหน้าเขา “นี่”
ฉินซื่อหลานมองปราดหนึ่ง ก่อนจะหมุนพวงมาลัยยูเทิร์นกลับ “แล้วตั้งนานทำไมไม่พูด ทางเมื่อกี้มันคนละทางกับบ้านเธอเลย”
“ฉันก็จำทางไม่ได้เหมือนกัน” ซย่าเสี่ยวมั่วยอมรับผิดอย่างใจฝ่อ “ฉันก็นึกว่านายรู้ว่าบ้านฉันอยู่ไหน”
เหยียนเค่อครุ่นคิดอยู่ในใจหลากหลายเรื่อง เห็นว่าฉินซื่อหลานขับรถพาซย่าเสี่ยวมั่วออกไปแล้วจึงตรงกลับบ้าน
คนขับรถเองก็สังเกตได้ว่าเจ้านายที่นั่งอยู่เบาะหลังอารมณ์ไม่ดี จึงเร่งความเร็วขึ้นกว่าเดิม รีบไปส่งเขาที่บ้านตนจะได้เลิกงานสักที เขายังมีเมียมีลูกต้องคอยดูแลอยู่
รถของเหยียนเค่อกับรถของเหยียนเฟิงออกันอยู่ตรงประตูหน้าบ้านพอดี
เหยียนเค่อสังเกตได้ว่ารถหยุดลง จึงเงยหน้าขึ้นจากเอกสารในมือ แล้วถามด้วยอารมณ์ขุ่น “เป็นอะไรไป”
“ข้างหน้าคือรถของพี่ชายท่านน่ะครับ” คนขับรถไม่เข้าใจ ทำไมรถของคุณชายใหญ่ต้องขับแซงขึ้นไปก่อนด้วย
ความจริงแล้วรถของเหยียนเค่อขับมาถึงประตูหน้าบ้านก่อน แต่เหยียนเฟิงก็ยังจะให้คนขับรถขับแซงขึ้นไป ทำให้รถสองคันออกันอยู่ตรงหน้าประตู
“ประธานเหยียนครับ คราวนี้จะทำยังไงดีครับ” คนขับรถเอ่ยถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ
เหยียนเฟิงมองรถคันตรงข้ามก่อนจะนั่งลูบคางเงียบๆ แล้วจึงเอ่ยออกมาเพียงหนึ่งคำ “รอ”
เหยียนเค่อมองจากกระจกหน้ารถ เก็บของตนก่อนจะสั่ง “ฉันลงรถตรงนี้แหละ คุณกลับรถแล้วก็กลับบ้านได้เลย”
“ครับ” คนขับรถตอบรับอย่างซาบซึ้งในบุญคุณ คนที่เมื่อเกิดเรื่องแล้วต้องให้ลูกน้องออกหน้าก่อนเสมอนั้น ตอนนี้เจ้านายของพวกเขาเริ่มมีมนุษยธรรมขึ้นบ้างแล้ว
เหยียนเฟิงมองดูสถานการณ์ของรถคันตรงข้ามอย่างนึกรำคาญ ผ่านไปเนิ่นนานจึงเห็นเหยียนเค่อเดินลงจากที่นั่งหลังรถแล้วก้าวเดินมาทางนี้ผ่านกระจกรถที่ติดฟิล์มสีชา
เหยียนเฟิงนั่งวางมาดรอให้เหยียนเค่อเข้ามาหา แต่กลับเห็นเขาเดินไปยังหน้ารถของตน ก่อนจะเลี้ยวขวาตรงเข้าบ้าน
ในมือหิ้วกระเป๋าเอกสาร แผ่นหลังที่ค่อนข้างผอมแต่ดูดีค่อยๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา
รถคันตรงข้ามไม่ได้ขับเข้ามา แต่หักเลี้ยวรถขับออกไปแทน เหยียนเฟิงกำหมัดแน่น ถึงนายถอยให้หนึ่งก้าวฉันก็ยังเอาชนะไม่ได้เหมือนเดิม นี่คือสิ่งที่นายจะสื่อใช่ไหม น้องชายสุดที่รักของฉัน
เหยียนเค่อเดินกลับไปอย่างสบายๆ ต้องบอกว่าประตูรั้วหน้าบ้านอยู่ไกลจากประตูบ้านเกินไปจริงๆ ในอนาคตบ้านที่เขาจะอยู่หลังแต่งงานต้องไม่ใหญ่โตขนาดนี้ รู้สึกไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย