ตอนที่ 297 คุยงานในยามค่ำคืน
ซย่าเสี่ยวมั่ววางตะเกียบจึงจะพบว่าเธอคุยกับเหยียนเค่อสามประโยคแล้วแทะน่องไก่ไปสองน่อง กินหมูนึ่งมะเขือเสียเกลี้ยงจาน จึงอดไม่ได้ที่จะโพสต์เวยปั๋วอีกครั้ง [คุยไปยังไม่ถึงห้าประโยค ฉันก็กินไปเยอะขนาดนี้แล้ว นี่ต้องเป็นสิ่งที่สวรรค์ส่งมาลงโทษฉันแน่เลย]
เหยียนเค่อไม่เห็นโพสต์นี้ของเธอ เขาเพิ่งตื่นก็รีบลุกขึ้นมาดูอีเมล แล้วเตรียมรับมือกับลูกน้องที่กระจายอยู่ในแต่ละเขต
“YAN เพิ่งตื่นเหรอ หน้าตาดูหงุดหงิด” ผู้รับผิดชอบของเขตยุโรปเอ่ยหยอกล้อ เหยียนเค่อเห็นหน้าเขาก็หยุด
“นายเป็นคนจีนก็ช่วยพูดภาษาจีนได้ไหม”
“พูดภาษาอังกฤษทุกคนจะได้เข้าใจ” ผู้รับผิดชอบของเขตทวีปอเมริกาโผล่ออกมา
เหยียนเค่อล่ะยอมใจคนในกลุ่มนี้จริงๆ “เวลาต่างกันเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ อีกสองคนล่ะ”
“น่าจะใกล้แล้วล่ะ” ผู้รับผิดชอบของเขตยุโรปที่ค่อนข้างสนิทกับเหยียนเค่อเอ่ยหยอกล้อ “เพิ่งลุกจากเตียงของแม่สาวคนนั้นมาหรือไง ทำไมดูรำคาญพวกเราแบบนั้น”
“ฉันเพิ่งลุกจากเตียงของนายนั่นแหละ ไม่รู้เหรอ” เหยียนเค่อเอามือเท้าศีรษะ อ่านเอกสารไปพลางต่อล้อต่อเถียงกับเขา
ผู้รับผิดชอบของเขตทวีปอเมริกาหัวเราะ “แจ็กสันก็มีวันนี้เหมือนกันเหรอเนี่ย แต่วันนี้ YAN ใส่ชุดลำลอง สไตล์แตกต่างไปจากปกตินะ”
‘แจ็กสัน’ ผู้รับผิดชอบเขตยุโรปเข้ามาแฉความลับของเหยียนเค่อ “เห็น YAN ท่าทางจริงจังอย่างนี้ นี่แหละคือสไตล์ที่แท้จริงของเขา”
เหยียนเค่อเงยหน้าขึ้นมองคนที่พูดขึ้นอย่างสบายๆ ปราดหนึ่งก่อนจะเอ่ยยิ้มๆ “หลายปีมานี้ฉันให้เซอร์วิสเยอะเกินไปใช่ไหม ถึงทำให้นายปีกกล้าขาแข็งขนาดนี้”
แจ็กสันรีบหุบปากอย่างรู้ตัว เงินเดือนของเขายังอยู่ในกำมือของนายคนนี้อยู่ ถึงจะสนิทกันก็ตาม แต่ก็หลุดพ้นจากชีวิตที่ต้องทำงานให้นายคนนี้ไปไม่ได้
ผู้รับผิดชอบของแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และผู้รับผิดชอบของเขตแอฟริกาต่างก็มาครบหมดแล้ว กำลังคุยสนุกกันก่อนที่การประชุมจะเริ่มอย่างเป็นทางการ
เหยียนเค่อถือว่าเป็นคนที่รวดเร็ว แต่ประเด็นคือจิตใจไม่จดจ่ออยู่กับเอกสาร แนวคิดที่วางแผนไว้เขียนไปได้เจ็แปดสิบเปอร์เซ็นต์ก็ไม่เขียนต่ออีก นั่งฟังพวกนั้นพูดพล่าม
ผู้รับผิดชอบของแอฟริกาก็เป็นคนที่เหยียนเค่อตามตัวเข้ามา ตากแดดอยู่ที่นั่นจนตัวจะเกรียมอยู่แล้ว แถมยังเล่าประสบการณ์แปลกประหลาดของตนให้พวกเขาฟังอย่างออกรสออกชาติ
“นายไปเที่ยวหรือว่าไปทำงานน่ะ” แจ็กสันฟังเขาพูดว่าที่ทุ่งหญ้าในแอฟริกา อยู่ดีๆ อาจจะมีสิงโตหรือไม่ก็ช้างโผล่ออกมาได้ จึงจงใจยุยงให้เหยียนเค่อควบคุมลูกน้องที่มัวแต่ทำอะไรตามใจตัวเองกันสักที
เหยียนเค่อนั่งฟังอย่างเบื่อหน่าย เหลือบตาขึ้นมองเขาทีหนึ่ง “เขากำลังเอาชีวิตไปทำงานอยู่ ถ้านายอิจฉาที่เขาไปอยู่ที่นั่นแล้วสนุกพวกนายสองคนก็สลับกันสิ”
“ช…ช่างเถอะ” แจ็กสันรู้สึกเหมือนยกก้อนหินทับเท้าตัวเอง เปิดเอกสารเตรียมตัวเปิดประชุม
ทุกคนต่างก็เตรียมพร้อมหมดแล้วและนั่งรอเหยียนเค่อเงียบๆ อยู่พักใหญ่ แต่เห็นเหยียนเค่อยังคงพลิกเปิดเอกสารตรงหน้าต่อไปโดยไม่ส่งเสียง
“คือ บอสครับ บอสไม่จัดการองค์ประชุมเหรอครับ”
“พวกนายไปจัดการกันเองเถอะ วันนี้ฉันเหนื่อยนิดหน่อย” เหยียนเค่อรู้สึกมึนหัว จึงตอบกลับไปอย่างเหน็ดเหนื่อยง่วงงุน
แจ็กสันมองเขาราวกับล่วงรู้อะไรบางอย่าง ก่อนจะไปคุยกับคนอื่นๆ ลับหลัง
[บอสโดนสาวสวยจัดหนักหรือเปล่า]
[นายหยุดเลยนะ ถ้าบอสเห็นนายเตรียมตัวร้องไห้ได้เลย]
…
เหยียนเค่อที่ไม่รู้ว่าพวกเขาทำอะไรลับหลังตนเอ่ยขึ้น “กำไร, ผลกำไรและขาดทุน, โครงการของไตรมาสต่อไป แล้วมีอะไรอีก เริ่มพูดไปทีละคน”
เมื่อต้องทำงานแจ็กสันก็เป็นคนที่จริงจังเช่นกัน “กำไรมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ห้าเปอร์เซ็นต์ ผลกำไรของธุรกิจหรือว่าของสถานบันเทิงต่างๆ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในไตรมาสนี้ยังสามารถรักษาระดับไว้ได้อยู่ครับ แต่ธุรกิจใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวยังคงขาดทุนอยู่ ไตรมาสต่อไปจะพยายามทำให้ธุรกิจเสื้อผ้าขาดทุนน้อยลงครับ ส่วนโครงการโดยละเอียดจะส่งเข้าไปให้ในอีเมลนะครับบอส”
ตอนที่ 298 ค่ำคืนในฤดูใบไม้ร่วงอันเงียบเหงา
เหยียนเค่อไม่ได้ฟังสิ่งที่เป็นประโยชน์นัก จึงยกมือขึ้นขัดจังหวะพวกเขา น้ำเสียงเจือความแหบแห้งจากการโต้รุ่ง “มีแต่แบบนี้หมดเลยเหรอ จะไม่เปลี่ยนรูปแบบกันสักหน่อยหรือไง”
คนที่เหลือนิ่งอึ้งไป อะไรคือความหมายของคำว่า ‘มีแต่แบบนี้หมดเลยเหรอ’ ?
“ถ้ามีแต่แบบนี้ก็ไม่จำเป็นต้องประชุมต่อหรอก จบการประชุม ฉันง่วงจะตายอยู่แล้ว” เหยียนเค่อเอามือเท้าศีรษะแล้วโบกมืออย่างหงุดหงิดงุ่นง่าน เขาง่วงจนปวดหัวไปหมดแล้ว “ส่งเมลมาให้ฉันแล้วไปนอนกันเถอะ”
นอกจากผู้รับผิดชอบของเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้ยินประโยคนี้แล้วดีใจนั้น คนที่เหลือก็ไม่ได้รู้สึกดีใจอะไรเลย
“พวกเรายังเป็นตอนกลางวันอยู่เลย”
“ทางนี้พระอาทิตย์เพิ่งจะขึ้นเอง”
“…”
เหยียนเค่อจบการวิดีโออย่างเอาแต่ใจ หลังจากได้รับอีเมลแล้วก็ไปจัดการตัวเองแล้วไปอาบน้ำนอน ออกมาจึงจะเห็นโพสต์ของซย่าเสี่ยวมั่ว แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าซย่าเสี่ยวมั่วพูดถึงใคร พึมพำในใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะนอนแผ่บนเตียงแล้วห่อตัวด้วยผ้าห่ม กะว่าจะหลับสักงีบ
ผู้รับผิดชอบหลายคนยังคงพูดคุยกันในกลุ่มแชตส่วนตัว คาดเดากันว่าบอสใหญ่คิดจะไปทำอะไรกันแน่ถึงทิ้งพวกเขาไว้ในกลุ่มอย่างนั้น
ฉินซื่อหลานเขียนวิทยานิพนธ์ไปได้ครึ่งหนึ่งจึงจะนึกไปถึงเด็กที่ถูกทอดทิ้งอย่างเซ่าหมิงฟ่าน จึงรีบเข้าไปที่บริษัทเพื่อคอยเอาอกเอาใจเขา
เซ่าหมิงฟ่านมีความรับผิดชอบยิ่งกว่าเหยียนเค่อเสียอีก แม้ว่าอีกฝ่ายจะพ่นคำพูดไร้ประโยชน์ออกมาเป็นชุด เขาก็ยังอดกลั้นความรู้สึกอยากจะด่าคนเอาไว้ได้ แล้วนั่งฟังพวกเขาพล่ามต่อไป
ฉินซื่อหลานนั่งเขียนวิทยานิพนธ์ต่ออยู่ที่มุมห้อง ไม่ฟังเสียงรอบข้าง
หลังจากเซ่าหมิงฟ่านทำงานเสร็จก็เอนตัวลงบนโซฟาแล้วหลับตาพักผ่อน “นายมาหาฉันทำไม”
“นายไปพักได้แล้ว ไอ้เหยียนให้ฉันมาดูนายหน่อย” ฉินซื่อหลานเคาะแป้นพิมพ์เร็วขึ้น ไม่ชายตามองเขาสักนิด
“ดูว่าฉันตายหรือยังน่ะเหรอ” เซ่าหมิงฟ่านเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิด
ไม่ว่าใครถ้าถูกทิ้งให้ทำงานจนหัวหมุนอยู่ที่นี่ทุกวันเป็นเวลานานเข้าก็คงรู้สึกสงสัยแบบนี้เหมือนกัน
“คงงั้นมั้ง” ฉินซื่อหลานเซฟไฟล์งาน แล้วหันมาคุยเล่นกับเขา “ฉันจะเล่าอะไรให้ฟัง ฉันไปหลอกถามซย่าเสี่ยวมั่วมา นึกไปถึงว่าเหยียนเค่อจะโดนปฏิเสธแรงขนาดนั้น”
สองหนุ่มไร้คู่นั่งคุยเรื่องก็อซซิปกันในค่ำคืนฤดูใบไม้ผลิ หัวเราะราวกับคนสติไม่ดี
พอซย่าเสี่ยวมั่วว่างก็เริ่มอยู่ไม่สุข โพสต์เซอร์วิสในเวยปั๋วไปหลายอย่างก่อนจะไปโทรศัพท์หาสวีรั่วชี ส่วนสวีรั่วชีที่กำลังหลับได้ที่เกือบจะฉีกผ้าปูเตียงทิ้งแล้ว
“เธอโทรมาหาฉันทำไมเนี่ย” เธอเอ่ยถามพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ซย่าเสี่ยวมั่วก็เหมือนจะรู้ว่าตัวเองได้ก่อเรื่องใหญ่เอาไว้เสียแล้ว ในใจรู้สึกหวาดกลัว “ยังจำได้ไหมที่เธอบอกว่าจะไปนัดบอดเป็นเพื่อนฉันน่ะ”
“ฉันตกลง ตอนนี้ฉันจะนอนแล้ว บ๊ายบาย!” สวีรั่วชีรู้สึกว่าคบคนปัญญาอ่อนเป็นเพื่อน
ซย่าเสี่ยวมั่วที่โดนวางหูโทรศัพท์ใส่มองดูหน้าจอมืดสนิทแล้วนึกสงสารตัวเอง สวีรั่วชีที่มีแฟนเปลี่ยนไปจริงๆ ด้วย ไม่รักเธอเหมือนแต่ก่อนแล้ว
สมองของเหยียนเค่อก็กำลังคิดถึงเรื่องที่ซย่าเสี่ยวมั่วจะไปนัดบอดเหมือนกัน เขากำลังคิดว่าจะไปปรากฏตัวที่นั่นอย่างไรจึงจะสมเหตุสมผลและไม่ทำให้ซย่าเสี่ยวมั่วสงสัย
เขายังจำได้ว่าครั้งก่อนที่ไปที่นั่นก็คือตอนที่ซย่าเสี่ยวมั่วนัดคุยกับหลี่หมิงฉวี มาการองของที่นั่นก็รสชาติไม่เลว แต่มาการองที่ไหนก็มีขายทั้งนั้น สมองของเขาแล่นช้าๆ อย่างเลอะเลือนก่อนจะค่อยๆ เข้าสู่ห้วงนิทรา
ท้องฟ้ายามค่ำคืนมืดดำ ก้อนเมฆแหวกว่ายซ่อนตัวอยู่ความมืด สายลมฤดูใบไม้ร่วงพัดเอาใบไม้ที่กองทับถมอยู่บนพื้นให้ลอยปลิวขึ้นอย่างเบาๆ จนแตกกระจายแล้วจึงจับตัวกันเป็นกลุ่มก้อน สั่นสะท้านอยู่ในซอกหลืบของก้อนหินบนพื้นถนน
ในค่ำคืนที่ขาดคนให้กอดคลายหนาว เดียวดายราวกับเส้นด้ายที่พันขดเข้าด้วยกัน คนริมหน้าต่างนั้นโดดเดี่ยวอ้างว้าง แต่กลับเห็นคนที่เหมือนกับเธอในความฝัน และตนได้กลายเป็นตัวเอกในความฝันของเธอคนนั้น ทั้งคู่ซุกตัวเข้าหากันเพื่อหาความอบอุ่น อิงแอบแนบชิดกัน