ตอนที่ 321 ภาพบาดตา
เมื่อก่อนเหยียนเค่อไม่เคยรับเงินทอนคืนมาเลย ครั้งนี้ก็แค่เผลอไผลไปเท่านั้น เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเอาเงินทอนยัดให้ซย่าเสี่ยวมั่ว
“ไปเถอะ” เหยียนเค่อก็เหนื่อยแล้ว กลับมาจากหนานซานตั้งแต่เช้าตรู่ แถมยังยืนรออยู่ตั้งนานสองนาน เขาอยากกลับไปพักแล้ว
“ฉันมากับสวีรั่วชี” ซย่าเสี่ยวมั่วไม่สนใจว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร คนสองคนที่อยู่คนละโลกก็ต้องเจียมตัวเองเสียบ้าง “ฉันจะกลับกับเขา”
เหยียนเค่อกลอกตาใส่เธอ คิดเยอะจริงๆ คิดจะหลบหน้าเขาหรือไง
“ฉันมากับสวีอันหราน ดังนั้น…” เธอคิดว่าเขายังจะสนใจตัวเองอยู่หรือไง? เหยียนเค่อหันไปมองคนดื้อรั้น
ซย่าเสี่ยวมั่วหันกลับไปมองสวีรั่วชี เขาไม่เชื่อหรอก ต่อให้เป็นเพื่อนสาวก็เป็นเพื่อนนะ! จะเทียบกับสวีอันหรานได้อย่างไร!
เหยียนเค่อเบี่ยงตัวหลีกทางให้เธอ ซย่าเสี่ยวมั่วเดินไปด้านหลังเพื่อไปหาสวีรั่วชี ขณะกำลังจะตะโกนเรียกสวีรั่วชีอยู่นั้น เมื่อก้าวเท้าไปก็เห็นหัวกลมๆ ของคนสองคนโผล่พ้นขึ้นมาจากโต๊ะ…
เธอรีบหมุนตัวกลับทันที ทำทีเป็นไม่รู้ไม่เห็นแล้วเดินกลับไป เมื่อเดินผ่านเหยียนเค่อก็สูดลมหายใจแล้วเอ่ยขึ้น “เรากลับกันก่อนเถอะ”
เพื่อนสาวไม่สำคัญเท่าสามีทองคำจริงๆ เสียด้วยสินะ เสี่ยวชีผู้ใสซื่อของเธอกลับมากอดจูบกับคนอื่นในร้านกาแฟเนี่ยนะ! แถมยังเป็นผู้ชายอีก…ความรู้สึกหดหู่ผุดขึ้นมาในใจ
“ฉันก็บอกแล้วไง…” เหยียนเค่อเอ่ยขึ้นลอยๆ “เห็นภาพบาดตามาล่ะสิ”
ซย่าเสี่ยวมั่วเงยหน้าขึ้นมองเขาปราดหนึ่งเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เสียงของสวีอันหรานเรียกเหยียนเค่อก็ดังขึ้นไล่หลังมาเสียก่อน ไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกเบิกบานใจจนยิ้มออกมา ทำเอา
เหยียนเค่อรู้สึกแปลกๆ
ทั้งคู่หันกลับไปอย่างเชื่องช้า ให้สองคนนั้นได้มีเวลาเขินอายกันอีกสักหน่อย
เมื่อครู่สวีอันหรานกำลังจูบกับหญิงสาวที่ตนหลงรักอย่างลึกซึ้งอยู่ ก็รู้สึกว่าด้านหลังถูกหยิกอย่างเต็มแรง จนเกือบจะกัดปากของสวีรั่วชีเสียแล้ว
หลังจากสวีรั่วชีผละออกเว้นระยะห่างจากเขาแล้วก็โมโหกลบเกลื่อนความเขิน “เมื่อกี้ซย่าเสี่ยวมั่วเดินมา!”
สวีอันหรานจูบเลียริมฝีปากสีแดงก่ำของเธออย่างไม่รู้จักพอแล้วเอ่ยขึ้นเสียงอู้อี้ “ทำไมเหรอ”
สวีรั่วชีซุกใบหน้าเข้ากับซอกคอของสวีอันหราน หลบเลี่ยงริมฝีปากที่ไล่จูบมาไม่หยุด “ ฉันโมโหแล้วนะ!”
สวีอันหรานตื่นจากภวังค์ความลุ่มหลง ก่อนจะเอ่ยยิ้มๆ “เขินเหรอ”
“หุบปากไปเลย ไปเรียกพวกเขากลับมา!”
สวีอันหรานมองเธอที่เขินอายไม่กล้ามองตน จำต้องไปเรียกสองคนนั้นกลับมา
เมื่อสองคนนั้นเดินกลับมา สวีรั่วชีกำลังจัดทรงผมอยู่ ส่วนสวีอันหรานก็ยืนอยู่ข้างๆ
“นายจะเรียกพวกเรากลับมาทำไม” เหยียนเค่อนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิมของตน ไม่พอใจสวีอันหรานที่กำลังจะทำลายแผนที่จะกลับไปนอนพักผ่อนของตนนัก
“ก็ไม่อยากเอาเปรียบนายน่ะสิ” สวีอันหรานขยับออก ให้เธอกับสวีรั่วชีได้นั่งด้วยกัน ส่วนตนก็ไปนั่งลงข้างๆ เหยียนเค่อ
“เหมาะสมกันจัง” สวีรั่วชีพูดขึ้นเสียงเบาให้ซย่าเสี่ยวมั่วได้ยิน
ซย่าเสี่ยวมั่วกำลังจะพูด แต่เหยียนเค่อก็เอนศีรษะซบบ่าของสวีอันหรานเสียก่อน “ขอฉันพิงหน่อย”
สวีรั่วชีถอนหายใจยาวเหยียด ก่อนจะเอ่ยกับซย่าเสี่ยวมั่วอย่างจริงจัง “ฉันต้องหยุดความสัมพันธ์ของพวกเขาใช่ไหม”
“ให้ตายเถอะ คนที่จู๋จี๋กันมืดฟ้ามัวดินเมื่อกี้ไม่รู้ว่าใครกันเนอะ” ซย่าเสี่ยวมั่วไม่หลงกลเข้าข้างเธอหรอก
สวีรั่วชีทำเป็นไม่สนใจสายตาของคนไม่รู้จักได้ แต่ให้คนที่สนิทสนมใกล้ชิดกับตนมาเห็นภาพนั้นแล้วก็รู้สึกขัดเขินขึ้นมา จึงรีบใช้มือปิดปากซย่าเสี่ยวมั่วไว้ และเอ่ยห้ามอย่างป่าเถื่อน “หยุดพูดได้แล้ว!”
ซย่าเสี่ยวมั่วรู้นิสัยของเธอดี จึงหุบปากฉับอย่างรู้หน้าที่ เพื่อไม่ให้โดนมีดผ่าตัดปาดคอ
ตอนที่ 322 ฆาตกรรมอำพราง
สวีอันหรานเสยผมนุ่มหน้าม้านิ่มๆ ของเหยียนเค่อแล้วเอ่ยถาม “นายไปทำอะไรมา ถึงเหนื่อยจนดูไม่ได้ขนาดนี้”
เหยียนเค่อเงียบ
“หลับแล้วเหรอ” สวีอันหรานจิ้มเข้าที่ผิวนุ่มละเอียดของเหยียนเค่อ ความรู้สึกที่ได้สัมผัสช่างดีเหลือเกิน
เมื่อก่อนซย่าเสี่ยวมั่วก็เคยจับ จึงรู้ว่าผิวของเหยียนเค่อดีขนาดไหน เมื่อเห็นแล้วก็รู้สึกคันไม้คันมืออยากจับบ้าง
“ไสหัวไป” คิ้วตวัดขยับขึ้น ริมฝีปากบางพ่นคำหนึ่งออกมา
“ไม่ได้หลับหรอกเหรอ งั้นเราไปเที่ยวหนานซานกันไหม” สวีอันหรานนี่ชอบพูดแต่เรื่องที่ไม่ควรพูดจริงๆ
เหยียนเค่อยืดตัวขึ้น “ฉันว่าช่วงนี้นายชอบท้าทายขีดความอดทนของฉันมากเลยนะ”
“เฮ้ ใครอนุญาตให้นายใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับแฟนฉันหา” สวีรั่วชีต้องปกป้องเข้าข้างเขาอยู่แล้ว รู้สึกเจ็บใจแทนสวีอันหรานขึ้นมาทันที
เหยียนเค่อกุมหน้าผาก คู่นี้นี่มันเหมาะสมกันจริงๆ ทำตัวไร้เหตุผลกันทั้งคู่
“ให้มันน้อยๆ หน่อย ยายคนที่มีแฟนแต่ไม่มีมนุษยธรรม เมื่อกี้ตอนฉันจะเรียกเธอ เธอทำอะไรอยู่หา” ซย่าเสี่ยวมั่วขุดเอาเรื่องของสวีรั่วชีขึ้นมาพูดอีกครั้ง
“หุบปากไปเลย!” สวีรั่วชีไม่กล้าตะคอกใส่ซย่าเสี่ยวมั่ว รู้สึกกินปูนร้อนท้อง
ซย่าเสี่ยวมั่วเป็นคนที่อยู่ชั้นบนสุดของห่วงโซ่อาหารนี้ เธอกลอกตามองเขา “ฉันจะกลับไปนอน”
“เอาแต่นอนทั้งวันเลยนะเธอ นอกจากนอนนี่ทำอะไรเป็นบ้าง”
ซย่าเสี่ยวมั่วพูดแขวะตัวเอง “กินไง” เมื่อพูดจบก็มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า “ไม่เหมือนเธอหรอก จู๋จี๋ไม่เลือกที่”
สวีรั่วชีโมโหเพราะความเขินจนจะบ้าตายอยู่แล้ว จึงดันซย่าเสี่ยวมั่วออกไป “ไปนั่งตรงนั้นเลย ฉันจะนั่งกับสวีอันหราน”
สวีอันหรานและเหยียนเค่อได้ยินไม่ชัดว่าทั้งคู่กระซิบกระซาบอะไรกัน ทำได้เพียงเดาเรื่องคร่าวๆ จากสีหน้าของสวีรั่วชี
ซย่าเสี่ยวมั่วที่สลับที่กับสวีอันหรานแล้วก็ยังปากร้ายไม่หยุด เพียงแต่ระดับเสียงจากที่ได้ยินกันแค่สองคน ตอนนี้ดังจนได้ยินกันทั้งสี่คนแล้ว
สวีอันหรานเพิ่งจะรู้ว่าฝีปากที่แท้จริงของซย่าเสี่ยวมั่วไม่ได้ใช้ด่าเหยียนเค่อเท่านั้น แต่ยังใช้ด่าแฟนของเขาอีกด้วย
สวีรั่วชีกวักมือเรียกพนักงานเพื่อสั่งกาแฟสองแก้ว ซย่าเสี่ยวมั่วแสยะยิ้ม “เมื่อคืนนอนดึกล่ะสิ”
กาแฟมาเสิร์ฟเรียบร้อยแล้ว สวีรั่วชีสั่งกาแฟดำ ซย่าเสี่ยวมั่วประคองชานมของตัวเองและแสยะยิ้มต่อ “ไม่คิดจะเก็บเด็กไว้หรือไง”
สวีอันหรานช่วงเติมน้ำตาลก้อนลงในกาแฟให้สวีรั่วชี ซย่าเสี่ยวมั่วกุมหน้าผาก “พอแต่งงานแล้วสมองก็เปลี้ยเลยนะ”
เหยียนเค่อมองสวีอันหรานที่อยากปกป้องแฟนตัวเองแต่ก็ไม่อยากไปต่อล้อต่อเถียงกับซย่าเสี่ยวมั่วแล้วอยากจะหัวเราะ ยกมือตบศีรษะของซย่าเสี่ยวมั่ว “กินของเธอไปเถอะน่า กินไปคุยไป เดี๋ยวก็สำลักตายหรอก”
ซย่าเสี่ยวมั่วเพิ่งดูดน้ำมะพร้าวไปคำหนึ่งก็โดนเขาตบหัวเข้าให้ จึงสำลัก เกือบจะพ่นชานมออกมา หลังจากฝืนกลืนลงไปแล้วก็ไอโขลกเสียงดังสนั่น
“เอ่อ…” เหยียนเค่อชะงักไป มือที่ตบหัวของเธอหยุดค้างอยู่กลางอากาศ ก่อนจะเลื่อนลงไปลูบหลัง “เธอไม่เป็นไรนะ?”
ซย่าเสี่ยวมั่วตีเข้าที่แผงอกของเขา แล้วตวัดตามองอย่างโมโห โกรธแค้นอะไรกันนักหนา ถึงมาทำกับเธอแบบนี้!
เหยียนเค่อไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ยื่นมือไปดึงกระดาษทิชชูมาเช็ดน้ำตาให้เธอ
สวีรั่วชีนั่งสะใจอยู่ข้างๆ “คงไม่ได้ไอแพร่เชื้ออะไรออกมาใช่ไหม”
ซย่าเสี่ยวมั่วไอโขลกอยู่พักหนึ่งจึงดีขึ้น ก่อนจะหยัดตัวตรงแล้วหายใจเข้าลึก
เหยียนเค่อรินน้ำอุ่นให้เธอ ซย่าเสี่ยวมั่วดื่มน้ำเข้าไปอีกหลายอึกจากแก้วในมือของเหยียนเค่อ ภายในลำคอจึงดีขึ้นกว่าเมื่อครู่
สวีรั่วชีมองเหยียนเค่อที่กังวลกับท่าทีของซย่าเสี่ยวมั่วก็ไม่ยิ้มสะใจอีก ก่อนจะเสนอ “เดี๋ยวออกไปกินข้าวเที่ยงกันเถอะ”
ซย่าเสี่ยวมั่วดื่มน้ำ ยังรู้สึกคอแห้งอยู่ “ฉันอยู่กับผู้หญิงร้ายกาจแบบเธอต่อไปไม่ได้แล้ว ฉันจะกลับบ้านไปนอน”
เธอยกมือขึ้นจับมือของเหยียนเค่อที่ยังลูบหลังเธออยู่ให้หยุด “มีแต่คนคิดจะทำร้ายข้า มีแค่เตียงเท่านั้นที่น่าเชื่อถือ”
“อย่ามาไร้สาระ ไปกินข้าวกัน ไม่แกล้งเธอแล้วน่า” สวีรั่วชีร้องขอแกมบังคับ