ตอนที่ 339 ไม่อยากข้องเกี่ยว
ซย่าเสี่ยวมั่วคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะถูกคนหน้าเงินอย่างฉินซื่อหลานจัดให้อยู่ห้องพักผู้ป่วยของ
เหยียนเค่อ ขนาดจะ ‘ประดิษฐ์คำพูดสวยหรู’ ฉินซื่อหลานยังขี้เกียจจะพูดเลย จึงพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “อย่างไรเสียเหยียนเค่อก็ปล่อยให้ห้องนี้ว่างตลอดแหละ ถึงห้องว่างก็ต้องจ่ายเงินจองไว้ เธอก็ทนอยู่นี่ไปก่อนเถอะ เหยียนเค่อไม่รังเกียจเธอหรอกน่า”
ครึ่งชั่วโมงก่อนที่ซย่าเสี่ยวมั่วจะเข้าพักก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกของเหยียนเค่อตอนต้องเขาโรงพยาบาลแล้ว ตอนแรกพยาบาลต่างก็พากันเข้ามาในห้องด้วยเหตุผลต่างๆ นานา แต่เมื่อพบว่าเธอเป็นผู้หญิงก็เดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันหลังมามอง จากนั้นก็เริ่มน้อยลงเรื่อยๆ นอนพลิกไปพลิกมาอยู่เกือบชั่วโมง คนกลุ่มนี้จึงจะหยุด
“ฉันจะไปร้องเรียนพยาบาลที่นี่!” ซย่าเสี่ยวมั่วถูกรบกวนจนนอนไม่หลับ
ฉินซื่อหลานที่นั่งตรวจการบ้านให้เสี่ยวฝูเอ๋อร์อยู่เถียงข้างๆ คูๆ [นี่ก็แสดงว่าน้องพยาบาลของเราอยากมีชีวิตที่ดีและดูแลผู้ป่วยเต็มที่ไงล่ะ]
“พูดให้มันดีๆ” ซย่าเสี่ยวมั่วกดเสียงต่ำ
ฉินซื่อหลานขยับเนกไทของตน [เดี๋ยวพวกเขาก็ไม่เข้ามากวนเธอแล้วล่ะ]
“มีการปฏิบัติแบบไม่เท่าเทียมด้วยเหรอ”
[นี่เรียกว่าเหยียดเพศต่างหาก] ฉินซื่อหลานวงผิดจุด ก่อนจะใช้ปากกาขีดทิ้ง [ฉันไม่คุยกับเธอแล้ว รอผู้ชายของเธอเข้ามาก่อนค่อยมาเรียกฉันแล้วกัน ฉันตรวจการบ้านให้เสี่ยวฝูเอ๋อร์]
ยังไม่ทันที่ซย่าเสี่ยวมั่วจะพูดต่อก็ได้ยินเสียงเสี่ยวฝูเอ๋อร์ตำหนิฉินซื่อหลานดังออกมาจากทางด้านนั้น “พี่ตรวจให้ฉันผิดอีกแล้วนะ” จึงวางสายลงไปอย่างรู้สถานการณ์ อย่างไรเสียการรบกวนวัยรุ่นอายุมาก ทำลายดอกไม้ของชาติก็ไม่ใช่เรื่องถูกต้อง
เหยียนเค่อคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะอ่อนแอขนาดนี้ โดนน้ำสาดใส่นิดเดียวก็ต้องล้มหมอนนอนเสื่อเสียแล้ว
“ไหนบอกว่าเซียมซีดี การแต่งงานราบรื่นไงล่ะ ทำไมเธอยังหาคู่ไม่ได้เลยล่ะ แถมยังมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ ฉันอีก” เหยียนเค่อไม่เข้าใจ ในเวยปั๋วกะพริบไฟแจ้งเตือนว่าซย่าเสี่ยวมั่วได้เพิ่มโพสต์ใหม่ ในรูปเป็นห้องพักผู้ป่วยและแผ่นหลังของพยาบาลที่ตนคุ้นเคยเป็นอย่างดี
ทำไมพวกเขาต้องเกี่ยวข้องกันมากขนาดนี้ด้วย ไม่อยากเข้าไปพันเกี่ยว แต่กลับต้องมาเกี่ยวพันกันโดยไม่รู้ตัว ขนาดเขาตัดขาดกับเธอแล้วก็ยังจงใจหาเหตุผลมาเจอกันอีกครั้งได้อีก
ทุกครั้งที่อยากเขียนจุดฟูลสต็อปด้วยมือของตนเอง กลับเป็นการเริ่มต้นวรรคใหม่อีกครั้ง เมื่อไรความสัมพันธ์ของเขากับซย่าเสี่ยวมั่วจะสิ้นสุดตามจุดฟูลสต็อปนั้นได้จริงๆ เสียที
มนุษย์บนโลกใบนี้ ต้องมีสักคนที่กว่าจะได้พบเจอนั้นแสนยากเข็ญ แต่ทว่าสำหรับเขากับซย่าเสี่ยวมั่วแล้วกลับไม่ใช่คนคนนั้นที่ยากเย็นกว่าจะตามหาจนเจอ เธอเห็นเขาเป็นเหมือนแขกคนหนึ่งในชีวิตที่ผ่านเข้ามาและผ่านออกมาไป แม้กระทั่งไม่หวังว่าจะได้พบตนอีก ส่วนเขานั้น ก็แค่ทำเรื่องที่มันไรซึ่งความหมายลงไปอีกครั้งก็เท่านั้น
ในค่ำคืนฤดูใบไม้ผลิอันหนาวเหน็บ คนหนึ่งนอนหลับใหลอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล ส่วนอีกคนนอนลงบนเตียง คิดถึงคนที่เข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้วทั้งหัวใจ
สวีอันหรานกอดคนรักของตนอย่างอิ่มเอมใจ ในที่สุดครั้งนี้ก็ไม่มีใครมาแย่งสวีรั่วชีไปจากเขาแล้ว
สวีรั่วชียกมือขึ้นพลิกเปิดดูแฟ้มเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะของสวีอันหรานอย่างไม่ใส่ใจนัก “นี่อะไร”
“หนังสือสัญญาของสนามบินหนานซาน” สวีอันหรานเปิดให้เธอดูจนถึงหน้าสุดท้าย “เป็นสถานการณ์การลงทุนของบ้านเราน่ะ”
สวีรั่วชีไม่สนใจเรื่องนี้นัก เมื่อกี้ตอนสวีอันหรานพลิกแฟ้มเอกสารอยู่นั้นเธอเห็นชื่อของตัวเอง จึงพลิกกลับไป
“หาอะไรเหรอ”
“เมื่อกี้ฉันเห็นชื่อตัวเอง” สวีรั่วชีตอบอย่างมั่นใจ
อย่างไรเสียสวีอันหรานก็อ่านมาหมดแล้วตั้งแต่ต้นจนจบจึงรู้ว่าเธอพูดถึงตรงไหน จึงพลิกเปิดไปด้านหน้าให้ “นั่นเป็นสัญญาหนานซานฉบับถ่ายเอกสารที่เหยียนเค่อให้มาน่ะ ก็เลยมีเอกสารที่มีชื่อเธอด้วย”
สวีรั่วชีรอให้เขาหากระดาษแผ่นนั้นออกมาให้ตนดูอย่างอยากรู้อยากเห็น อย่างไรเสียเธอก็เพิ่งเคยเห็นชื่อของตนในเอกสารของสวีอันหรานเป็นครั้งแรก
ตอนที่ 340 โชคดีแค่ไหน
“ตรงนี้” สวีอันหรานหากระดาษแผ่นนั้นออกมาและชี้ให้เธอดู
ในวงเล็บด้านหลังชื่อของสวีอันหรานเขียนชื่อของเธอไว้อยู่ มองแล้วดูเหมาะสมคู่ควรกันเป็นอย่างมาก
สวีรั่วชีชี้ไปที่ชี้ไปที่วงเล็บที่อยู่ด้านหลังของแต่ละรายชื่อ ก่อนจะเอ่ยอย่างประหลาดใจ “วงเล็บตรงนี้หมายความว่ายังไงอะ ทำไมต้องเขียนชื่อคนพวกนี้ไว้ข้างในด้วย”
“เอ่อ” สวีอันหรานไม่รู้ว่าควรจะอธิบายอย่างไร
“ข้างหลังตรงนี้ทำไมต้องเติมวงเล็บไปอีกอันด้วยล่ะ” สวีรั่วชีกัดไม่ปล่อย เขย่าคอของสวีอันหรานอย่างป่าเถื่อน
สวีอันหรานเองก็จำใจ ทำได้เพียงเฉลยไขข้อข้องใจให้เธอรู้ “อันนี้แสดงชื่อของคนที่จะเป็นผู้สืบทอดลำดับที่หนึ่งหากพวกเราพบเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ฉันไม่ยกตัวอย่างแล้วกันนะ ไปคิดเอาเอง”
สวีรั่วชีเข้าใจ ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับชื่อด้านหลังของเหยียนเค่อมากนัก แต่รู้สึกพูดไม่ออกกับชื่อด้านหลังเซ่าหมิงฟ่านมากกว่า “เซ่าหมิงฟ่านเขียนชื่อเหยียนเค่อไว้ข้างหลัง? ทำไมล่ะ”
หรือว่าตอนนั้นเซ่าหมิงฟ่านจะไม่ได้ชอบฉินจาน แต่เป็นคนที่ฉินจานชอบอย่างเหยียนเค่อ? สวีรั่วชีคิดไปถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เซ่าหมิงฟ่านปฏิบัติต่อเหยียนเค่อ ยิ่งคิดก็นิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้มากทีเดียว
“อย่าคิดเพ้อเจ้อน่า!” สวีอันหรานเคาะกะโหลกเธอ เห็นสีหน้าไม่อยากจะเชื่อสายตาของเธอแล้วก็รู้ทันทีว่าในหัวเธอคิดอะไรอยู่
“งั้นเซ่าหมิงฟ่านชอบเหยียนเค่อเหรอ” สวีรั่วชีมีความอยากรู้อยากเห็นเต็มเปี่ยม
สวีอันหรานกุมหน้าผาก ทำไมเขาเพิ่งมารู้ว่าเมียของตนก็มีความอยากรู้อยากเห็นแบบนี้ด้วย
“เซ่าหมิงฟ่านคิดว่าเขากับเหยียนเค่อคงเป็นโสดไปตลอดชีวิตน่ะ ก็เลยฝากความหวังไว้กับเหยียนเค่อ”
“งั้นก็เท่ากับว่าซย่าเสี่ยวมั่วเป็นผู้สืบทอดของสองคนเลยน่ะสิ”
“สามคนต่างหาก” สวีอันหรานขยับที่หนีบกระดาษเข้าไปด้านในเผยให้เห็นชื่อของเสิ่นจิ้งเฉินที่อยู่บรรทัดล่าง วงเล็บด้านหลังเขียนเป็นชื่อของซย่าเสี่ยวมั่วกับเสิ่นมั่วหลี
“มีเสิ่นจิ้งเฉินด้วยเหรอ” เรื่องมันไปถึงขนาดนี้แล้วเหรอ ก่อนหน้านี้ทำไมสวีรั่วชีไม่เห็นรู้เลยว่าซย่าเสี่ยวมั่วมีวี่แววว่าจะรวยเลยล่ะ
สวีอันหรานก็ไม่รู้ว่ากลุ่มของพวกเขาเป็นอะไรกัน แม้แต่ฉินซื่อหลานที่อยากเข้าไปสอดรู้สอดเห็นสักหน่อย แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับความรุนแรงป่าเถื่อนเหยียนเค่อ
“ถ้าเกิดอะไรขึ้น ไม่เท่ากับว่าซย่าเสี่ยวมั่วก็เป็นจ้าวแห่งภูเขาลูกนี้เลยหรือไง”
สวีรั่วชีลองคำนวณดู ถ้าคนพวกนี้เกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันขึ้นละก็ หุ้นส่วนที่หนานซานของซย่าเสี่ยวมั่วก็จะสูงขึ้นสี่สิบเปอร์เซ็นต์ถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว ภูเขาทั้งลูกก็จะตกเป็นของเธอ
“อืม” สวีอันหรานพยักหน้า “หุ้นส่วนของเหยียนเค่อคือสามสิบสามเปอร์เซ็นต์”
“…” สวีรั่วชีส่ายหัว ตอนแรกยังคิดว่าจะเลือกอยู่ข้างเสิ่นจิ้งเฉินหรือว่าเหยียนเค่อนั้นเป็นการตัดสินใจที่ยาก แต่ตอนนี้เธอเลือกยืนอยู่ข้างเหยียนเค่อเต็มตัวแล้ว “ถ้าพวกเขาไม่คบกันฉันจะเสียใจแทน
เหยียนเค่อเลย”
ตอนแรกเธอคิดว่าเหยียนเค่อชอบเอาแต่แกล้งซย่าเสี่ยวมั่ว และเธอก็มองออกว่าซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกดีกับเหยียนเค่อ แต่เหยียนเค่อไม่เพียงแต่ไม่แสดงออกอะไรเลยเท่านั้น กลับยังมีคู่หมั้นที่กำลังจะหมั้นหมายกันอีกต่างหาก ดูจากตอนนี้แล้ว เหมือนเหยียนเค่อจะตกหลุมรักลึกยิ่งกว่าซย่าเสี่ยวมั่ว
เธอนึกไปถึงประโยคหนึ่งที่ว่า ใครเริ่มรักก่อน คนนั้นแพ้
แต่เหยียนเค่อกลับเป็นคนที่แพ้ไปก่อนเสียอย่างนั้น บางทีเหยียนเค่อก็คงจะเหมือนกับเธอกระมัง ชอบเขามาก แต่ไม่เคยแสดงออก
“สวีอันหราน ฉันเคยบอกไหมว่าฉันชอบพี่ รักพี่มากๆ เลยนะ” จู่ๆ สวีรั่วชีก็รู้สึกโชคดีที่สวีอันหราน
กล้าที่จะก้าวออกมาหาเธอ
สวีอันหรานชะงักไป มือที่สางผมของสวีรั่วชีค้างเติ่ง “เธอ…”
“ฉันรักพี่ ตั้งแต่ที่ฉันที่พี่เข้ามาในชีวิตฉันเลย”
การได้พบเจอเธอ ชีวิตที่ยากลำบากก็กลายเป็นรากฐานของชีวิตอันแสนหวาน ครอบครัวของฉันทำได้เพียงอยู่เคียงข้างกันในวัยเด็กอันแสนสั้น เพื่อรอคอยให้เธอมาปรากฏตัวขึ้นในชีวิตของฉัน นับแต่นี้ไป ความมืดดำทั้งหมดในชีวิตจะมีเธอคอยจุดไฟเป็นแสงสว่าง