ตอนที่ 427 เตือนด้วยความหวังดี
เหยียนเค่อตื่นเต็มตาเพราะรูปของตนเมื่อสิบปีก่อน ในหัวมีแต่ภาพของซย่าเสี่ยวมั่วนั่งเท้าศีรษะมองเขาแข่งขันขี่ม้า คิดแล้วก็รู้สึกแปลกๆ
เนิ่นนานแล้วที่ผู้ช่วยหวังไม่ได้รับข้อความตอบกลับ หลังจากกลับมาจากการพบปะกับคนกลุ่มนั้นแล้วก็ตั้งใจเดินไปดูที่ห้องทำงานโดยเฉพาะ จากนั้นก็เห็นเหยียนเค่อนั่งกุมหน้าผากแล้วเหม่อลอย…เขาไม่ส่งเสียงอันใดก่อนจะถอยออกมาอย่างเงียบเชียบ ให้เขาออกไปพบลูกค้าตั้งแต่เช้าตรู่ แต่เจ้านายของตนกลับมานั่งเหม่ออยู่ตรงนี้ ทำให้เขาเจ็บปวด, เศร้าใจและผิดหวังเป็นอย่างมาก
เหยียนเค่อรู้ว่าผู้ช่วยหวังโผล่หัวเข้ามา แต่ก็รู้ตัวก่อนจึงไม่ได้เดินเข้ามาหาตน
ไม่รู้ว่าถ้าเจอกันครั้งหน้าซย่าเสี่ยวมั่วจะหัวเราะเยาะเขาอย่างไร ถ้ายายโง่นั่นกล้าหัวเราะเขาล่ะก็ เขาจะจับตัวเธอโยนออกไปเลย เหยียนเค่อคิดอย่างโกรธเคือง ในใจคิดอยากจะสับสวีอันหรานเป็นชิ้นๆ แล้วโยนให้ปลากิน
“ผู้จัดการชวี ไม่ต้องฝืนอดหลับอดนอนหรอกครับ บอสบอกว่าให้คุณกลับบ้านไปพักผ่อนได้เลย” ผู้ช่วยหวังเดินผ่านห้องทำงานของชวีไหน่จึงนึกขึ้นได้ถึงคำที่เหยียนเค่อสั่งไว้ เขาเพิ่งจะมาบอกชวีไหน่ตอนใกล้เที่ยงแบบนี้ ทำให้รู้สึกผิดต่อเธอไม่น้อย
ชวีไหน่ใจกระตุก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นยิ้มแกนๆ “ทำไมคะ? ทำไมถึงให้ฉันพักล่ะ”
“อ๋อ” ผู้ช่วยหวังอธิบายโดยไม่ได้คิดอะไรมาก “เมื่อคืนคุณทำงานล่วงเวลาทั้งคืน บอสบอกว่าถ้าคุณไม่มีงานก็กลับไปพักได้เลยหนึ่งวัน ไม่ต้องอยู่เฝ้าที่นี่”
ชวีไหน่สบายใจขึ้น ใจชื้นขึ้นมาทันที เหยียนเค่อรู้ว่าเธออยู่เฝ้าที่นี่มาทั้งคืนด้วยอย่างงั้นหรือเนี่ย “ขอบคุณที่แจ้งนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ เมื่อเช้าผมเห็นคุณนอนอยู่ก็เลยบอกบอส ใครๆ ก็เหนื่อยเหมือนกันล่ะครับ” ผู้ช่วยหวังพูดประโยคท้ายขึ้นจากใจ
คำพูดของเขาเหมือนฉุดชวีไหน่ให้ลงนรกอีกครั้ง ชวีไหน่ยิ้มอย่างไม่ปิดบัง ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ตอนนี้บอสมีแฟนแล้วเหรอคะ”
“ไม่มีนะครับ” ผู้ช่วยหวังไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา แต่ก็จึงเริ่มเตรียมใจไว้แล้ว
ในฐานะที่เป็นผู้ช่วยของเหยียนเค่อ เขาควรจะรู้ว่าอะไรที่ควรพูด อะไรที่ต่อให้ตายก็เปิดเผยออกมาไม่ได้
ชวีไหน่ทำหน้าอ๋อ ก่อนจะพูดติดตลกแล้วปล่อยผ่านไป “เมื่อคืนบอสบอกว่าเขามีผู้หญิงที่ชอบแล้ว ฉันก็นึกว่าเขามีแฟนแล้วเสียอีก ถ้าบอสมีแฟนคงทรมานชีวิตฝ่ายประชาสัมพันธ์อย่างเราตายเลยค่ะ”
ผู้ช่วยหวังเห็นเธอชวนคุยต่อก็ยิ้มรับอย่างเป็นมิตร “ใช่ครับ คนนิสัยอย่างบอสไม่มีทางทำให้ผู้หญิงที่ตัวเองชอบลำบากหรอกครับ”
ความหมายแฝงในคำพูดนั้นก็คือ เหยียนเค่อไม่มีทางให้ผู้หญิงที่ตัวเองชอบทำงานล่วงเวลาหรอก เพราะฉะนั้นคุณตัดใจเสียเถอะ
“ก็จริงนะคะ” ชวีไหน่ปกปิดความรู้สึกได้เป็นอย่างดี ต่อให้ผู้ช่วยหวังบอกเป็นนัยอย่างชัดเจนแล้วก็ยังคงความสง่าเอาไว้ได้
ผู้หญิงบนชั้นยี่สิบสามจะฮอตมากเป็นพิเศษ แต่ถ้าพวกเธอมีความคิดที่จะชอบเหยียนเค่อล่ะก็ ผลลัพธ์ไม่ได้อยู่ที่ว่าเหยียนเค่อจะจัดการอย่างไร แต่อยู่ที่พวกเธอจะบีบคั้นตัวเองไปได้ถึงจุดไหน
“บอสมีผู้หญิงที่ชอบจริงๆ นั่นล่ะครับ คุณก็รู้ว่าท่านประธานเป็นคนรักเดียวใจเดียว ต่อให้คนอื่นจะดีแค่ไหน แต่สำหรับเขาแล้วก็เป็นแค่คนอื่น” อย่างไรเสียพวกเขาก็ร่วมงานกันมาหลายปี ทำได้เพียงย้ำเตือนนิดหน่อยเท่านั้น เขาเปิดเผยความลับของเหยียนเค่อไปจำนวนหนึ่งแล้ว เดี๋ยวก็ต้องไปสารภาพความผิดอีก
ผู้ช่วยหวังคิดชื่อบทลงโทษให้ตัวเองได้แล้ว ‘โทษฐานที่นินทาเจ้านายลับหลัง…’
ชวีไหน่พยักหน้า แต่กลับยิ้มไม่ออก “ผู้หญิงคนนั้นโชคดีจังนะคะ ที่เป็นคนที่บอสชอบ”
“ไม่ได้เจอเองก็ไม่รู้หรอกครับ บางทีผู้หญิงคนนั้นอาจจะไม่คิดแบบนั้นก็ได้” ผู้ช่วยหวังพูดออกมาเล่นๆ เพื่อจะปลอบใจชวีไหน่เท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะเป็นกระทำความผิดยิ่งใหญ่ต่อเหยียนเค่อ
ตอนที่ 428 ซวย
ผู้ช่วยหวังที่ไปและกลับมาอีกครั้ง ยืนอยู่หน้าประตูอย่างลังเล
“ทำไมครับ”
ผู้ช่วยหวังรู้สึกว่าต้องเป็นเพราะเขาขี้ขลาดเกินไปแน่ๆ เหยียนเค่อถึงเชื่อมั่นในตัวเขามากขนาดนี้ “เมื่อกี้ผมกับผู้จัดการชวีคุยกันเรื่องท่านน่ะครับ”
“แล้วพวกคุณไม่เคยคุยเหรอครับ” เหยียนเค่อเห็นจนชิน ถ้าวันหนึ่งคนกลุ่มนี้ไม่พูดถึงเขาสักสองสามประโยคแล้วจะรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ใช่ว่าเขาจะไม่รู้เสียหน่อย
เจ้านายคือผู้หยั่งรู้ที่แท้จริง ทว่าเรื่องนี้ต้องรายงานเสียหน่อย “ผู้จัดการชวีถามเรื่องส่วนของท่านครับ แต่ผมพูดไปแค่นิดเดียว”
ผู้ช่วยหวังเล่าให้เขาฟังอีกครั้งหนึ่งตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ตกหล่นไปสักคำ
เหยียนเค่อฟังเรื่องราวในตอนแรกแล้วก็ไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อฟังถึงประโยคสุดท้ายแล้วก็คราง ‘หืม?’ ขึ้นมาเสียงสูง “หมายความว่ายังไง”
“ก็แค่เตือนเขาน่ะครับ เขาอาจจะเห็นว่าท่านดี แต่ผู้หญิงคนนั้นอาจจะรู้สึกว่าท่านไม่…ไม่…” ผู้ช่วยหวังอึกอัก เขาพูดผิดไปหรือนี่
“รู้สึกว่า ‘ผมไม่’ อะไร” เหยียนเค่อวางปากกาลงบนโต๊ะ ชักจะเหิมเกริมใหญ่แล้ว กล้ามาแช่งเขาเช่นนี้ “คุณจัดการเองแล้วกัน”
“ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นครับ” ผู้ช่วยหวังตื่นตระหนก เขาไม่ควรบอกเรื่องตัวเองอย่างซื่อสัตย์ขนาดนี้เลย
เหยียนเค่อร้อง ‘เหอะ’ เบาๆ “ถ้าเขาไม่ชอบผมคุณก็จัดการเองแล้วกัน”
ผู้ช่วยหวังตะลึงไป เจ้านายของพวกเขามีความมั่นใจเต็มเปี่ยมมาโดยตลอดไม่ใช่หรือ คนอื่นพูดว่าร้ายเข้าหน่อยก็ตื่นตกใจเป็นด้วยหรือเนี่ย
เหยียนเค่อรู้สึกแย่เพราะคลิปเมื่อครู่มากพออยู่แล้ว ตอนนี้ผู้ช่วยหวังยังมาทำให้เขาต้องซวยอีก ทำเอาเหยียนเค่อรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก
ไม่ว่าใครก็หนีไม่พ้นการทรมานของความรัก ไม่ว่าจะมีความมั่นใจมากเพียงไหน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่ชอบแล้วก็มักจะไม่มั่นใจในตัวเอง แม้แต่เหยียนเค่อเองก็เป็นแบบนี้เช่นกัน ผู้ช่วยหวังคิดเช่นนั้น
“มองผมทำไมครับ” เหยียนเค่อรู้สึกไม่ชอบใจสายตาของเขา “คนที่ไม่มีแฟนอย่างคุณทำไมต้องใช้สายตาสงสารมองผมด้วยครับ”
“ท่านเข้าใจผิดแล้วครับ” ผู้ช่วยหวังสังหรณ์ใจว่าถ้ายังพูดเรื่องนี้ต่อ เขาอาจจะโดนเตะออกไปจากห้องนี้ก็ได้ จึงวกกลับเข้าเรื่องสำคัญ “ผลที่คณะตัวแทนตรวจไม่เลวเลยทีเดียวครับ ไม่ได้ทำให้ลำบากใจมากเกินไป ขั้นต่อไปพวกเราจะทำอย่างไรต่อไปดีครับ”
“ผมจะไปรู้ได้ไงล่ะ คุณก็ลองไปถามพวกพนักงานสิ” ถ้าเรื่องพวกนี้เขาต้องมาคิดเอง แล้วจะจ้างลูกน้องมาทำบ้าอะไรเล่า
“ครับ” ผู้ช่วยหวังไม่ได้เพิ่งโง่ครั้งนี้เป็นครั้งแรก เขารู้สึกชินกับคำพูดเสียดแทงของเหยียนเค่อแล้ว “ตอนบ่าย…”
เหยียนเค่อได้ยินเขาพูดเรื่องสำคัญก็หยิบตารางงานมาพลิกดู “ตอนบ่ายมีตีกอล์ฟกับตาเฒ่าอิ่น”
นี่ก็เป็นคู่ค้าที่รับมือยากอีกคน เขาเป็นคนรุ่นเดียวกับคุณพ่อ ชอบเอาความอาวุโสของตัวเองมากดคนอื่น เหยียนเค่อบอกปัดคนจำพวกนี้มาโดยตลอด แต่ตอนนี้ก็ไม่มีทางเลือกอื่น
“คุยเรื่องธุรกิจกับพวกเขาก็เหมือนผูกมิตร ถ้าพูดแรงไปเดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้งไปอีก” เหยียนเค่อรำคาญที่จะรับมือกับพวกเขาเต็มทน ยิ่งไปกว่านั้นตาเฒ่าอิ่นคนนี้ก็แสร้งเป็นลมตอนที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่จริงๆ
ผู้ช่วยหวังไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร พวกผู้อาวุโสทั้งหลายต่างก็มีความเกี่ยวข้องกับเหยียนเค่อ ถ้าให้ลูกน้องอย่างพวกเขาไปพบก็อาจจะง่ายหน่อย พูดคุยเล่นกันแป๊บเดียวก็ผ่านไปได้แล้ว แต่ถ้าเหยียนเค่อไปคุยเองล่ะก็คงรำคาญมากจริงๆ
“ช่างเถอะ คุณออกไปได้แล้ว” เหยียนเค่อโบกมือ ไม่ลืมที่จะพูดเสริมอีกประโยค “ไม่ต้องสนใจ
ชวีไหน่ คุณไม่รู้เรื่องอะไรเลยแล้วจะพูดออกไปแบบนั้นได้อย่างไร”
“ครับ” ผู้ช่วยหวังน้อยใจ เขาไม่ได้รู้น้อยอย่างที่เขาบอกเลย ใครกันที่ตอนแรกขับรถไปชนเขา ใครกันที่ช่วยเขาเซ็นชื่อตอนอยู่ที่ศูนย์นิทรรศการ เรื่องพวกนี้เขารู้ทั้งหมดนั่นแหละ
เหยียนเค่อไม่รู้ว่าเขาบ่นอะไรอยู่ในใจ นอกจากเรื่องนี้แล้วก็ไม่มีอะไรให้ต้องคุยกันอีก “ฝั่งฮุยเถิงน่าจะจัดการไม่ไหว ถ้าคุณว่างก็ไปช่วยงานทางนั้นหน่อยแล้วกัน”