ตอนที่ 433 ไม่ให้เกียรติ
หลังจากที่เบลล์กลับออกไปแล้ว เหยียนเฟิงกลับห้องตัวเองก็ไม่มีอะไรทำ ดังนั้นช่วงนี้เขาจึงกลับบ้านบ่อยกว่าเมื่อก่อน
“พ่อครับแม่ครับ” เหยียนเฟิงทักทายพ่อแม่ทันทีที่เข้าบ้าน
คุณพ่อเหยียนรีบเรียกเขาไว้ก่อน “ดูซิว่าน้องชายแกไปทำอะไรงามหน้ามาอีกแล้ว!”
ถึงแม้ว่าบ้านตระกูลอิ่นจะเสื่อมถอยลงไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ต่างกับบ้านตระกูลเหยียนเท่าไรนัก
เหยียนเฟิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ยังไม่ได้ทันขึ้นบ้านไปเปลี่ยนชุดก็โดนคุณพ่อเหยียนเรียกตัวเอาไว้เสียก่อน
คุณแม่เหยียนที่อยู่ในห้องครัวได้ยินว่าคุณพ่อเหยียนเริ่มตำหนิลูกชายคนเล็กของตนอีกแล้วก็รีบวิ่งออกมาด้วยความเคืองขุ่น “มีอะไรก็โทษแต่เจ้าคนเล็ก ทำไมคุณไม่โทษตัวเองที่ให้กำเนิดเขาออกมาล่ะคะ!”
“เขามีเหตุผลที่ทำผิดหรือไง!”
การทะเลาะโต้เถียงในบ้านของทั้งสองคนล้วนเริ่มขึ้นจากเหยียนเค่อทุกครั้ง เหยียนเฟิงชินแล้วล่ะ
“พ่อครับ มีอะไรเหรอ” เหยียนเฟิงเดิมทีก็หน้านิ่งอยู่แล้ว แต่หลังจากพักร้อนสีหน้าของเขาก็ไร้อารมณ์กว่าเก่าเสียอีก
“เหยียนเค่อทำให้ตาเฒ่าอิ่นโมโหจนเข้าโรงพยาบาลไปแล้ว” ตาเฒ่าอิ่นอายุมากกว่าคุณพ่อเหยียนหลายปี แต่เหยียนเค่อกลับก่อเรื่องแบบนี้ขึ้นเสียได้
ทำไมสวีอิ๋งอิ๋งถึงไม่บอกเรื่องนี้กับเขา เหยียนเฟิงขมวดคิ้วบางๆ ในเมื่อสวีอิ๋งอิ๋งรู้ว่าทั้งสองฝ่ายเจรจาไม่สำเร็จ ก็ต้องรู้เรื่องที่ตาเฒ่าอิ่นโมโหจนต้องเข้าโรงพยาบาลด้วยสิ ดังนั้นต้องเกิดอะไรขึ้นอีกแน่ๆ เพียงแต่เธอจงใจปิดบังเขา
“เกิดอะไรขึ้นครับ” เหยียนเฟิงจำต้องฟังข้อมูลจากคุณพ่อเหยียน
คุณพ่อเหยียนเองก็ฟังลูกน้องรายงานมาเหมือนกัน เขารู้แค่เหตุการณ์คร่าวๆ เท่านั้น แต่เกิดอะไรขึ้นบ้างเขาก็ไม่รู้เช่นกัน “วันนี้เหยียนเค่อไปคุยธุรกิจกับตาเฒ่าอิ่น ทำเขาโมโหจนต้องเข้าโรงพยาบาล ยิ่งโตยิ่งไม่รู้ภาษา!”
เหยียนเฟิงยืมคำพูดของคุณพ่อเหยียนเพื่อเอ่ยอ้างถึงเรื่องก่อนหน้านี้ “เรื่องของบ้านหลี่กับบ้านเฉิงยังไม่จัดการเลย แล้วทีนี้จะทำอย่างไรดีครับ”
คุณพ่อเหยียนได้ยินเข้าก็นึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ที่เหยียนเค่อทำร้ายร่างกายคนอื่นจนต้องเข้าโรงพยาบาล นึกถึงท่าทางของเหยียนเค่อตอนกลับมาบ้านก็ยิ่งรู้สึกเดือดดาล “ไอ้ลูกสารเลวนั่นไม่รู้จักหยุดเลยใช่ไหม ต้องทำให้ชื่อเสียงตระกูลเราเสื่อมเสียก่อนใช่ไหมถึงจะพอใจ!”
คุณแม่เหยียนยืนฟังอยู่ข้างๆ รู้สึกโกรธเคืองแต่ไม่กล้าพูดออกมา ลูกชายคนเล็กของเธอไม่ดีตรงไหน มีแค่สองคนนี้นี่ล่ะที่ไม่ชอบใจตรงนั้นตรงนี้
“พ่อครับ ระวังสุขภาพ อย่าโมโหเลยครับ” เหยียนเฟิงเกลี้ยกล่อม
คุณพ่อเหยียนทอดถอนใจ “ยิ่งอีกคนทำให้สบายใจได้มากเท่าไร อีกคนก็ทำให้กลุ้มใจได้มากเท่านั้น เอาล่ะ แกก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ขึ้นไปพักผ่อนเถอะ”
“ครับ” เหยียนเฟิงพยักหน้า เขาก็ไม่มีอารมณ์มาพูดคุยกับคุณพ่อเหยียนแล้วเหมือนกัน
สวีอิ๋งอิ๋งได้รับโทรศัพท์จากเหยียนเฟิงก็ใจแกว่ง
“ฮัลโหล เหยียนเฟิง”
“เธอมีเรื่องอะไรที่ลืมบอกฉันไปหรือเปล่า” เหยียนเฟิงลูบแก้วน้ำที่เมื่อก่อนเบลล์ใช้เป็นประจำ หลังจากที่เบลล์ไปแล้วเขาก็เอาแก้วน้ำของเธอมาใช้
สวีอิ๋งอิ๋งไม่รู้ว่าควรจะเล่าเหตุการณ์นี้ให้เขาฟังอย่างไร อมพะนำอยู่นานแต่ก็ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา “พี่อย่าโมโหนะ ฉัน…”
เหยียนเฟิงนิ่งเงียบ สวีอิ๋งอิ๋งก็นึกว่าเขาโมโหเสียแล้ว แต่ความจริงเหยียนเฟิงก็แค่จ้องมองแก้วน้ำนั่นอย่างเหม่อลอยก็เท่านั้น
“พูดมาให้ชัดเจน อย่าให้ฉันต้องรู้เรื่องนี้จากปากคนอื่น” เหยียนเฟิงเกลียดการทรยศ ในขณะเดียวกันก็เกลียดการปิดบังกันด้วย ถ้าเขารู้ว่าสวีอิ๋งอิ๋งปิดบังเขาเรื่องอะไร ก็อย่าหวังที่จะก้าวเท้าเข้ามาในเหยียนกรุ๊ปอีกเลย
สวีอิ๋งอิ๋งเล่าเรื่องราวให้เขาฟังคร่าวๆ เหยียนเฟิงฟังแล้วรู้สึกรำคาญ หัวคิ้วขมวดเข้าหากันก่อนจะเอ่ย “เธอทำให้ตาเฒ่าอิ่นโมโหจนต้องเข้าโรงพยาบาลใช่ไหม”
สวีอิ๋งอิ๋งอยากจะแก้ต่างให้ตัวเอง แต่เหยียนเฟิงก็พูดขัดขึ้นมาเสียก่อน “ไม่ต้องพูดแล้ว เรื่องนี้ห้ามเอาเหยียนกรุ๊ปเข้าไปเกี่ยวเด็ดขาด ส่วนเหตุผลเธอคิดเอาเองแล้วกัน”
สวีอิ๋งอิ๋งคิดไม่ถึงว่าเขาจะใจร้ายถึงเพียงนี้ เธออยากทำลายสัญญาระหว่างเหยียนเค่อกับบ้านตระกูลอิ่นจึงก่อให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่ตอนนี้เหยียนเฟิงกลับบอกว่าการกระทำของเธอไม่เกี่ยวกับ
เหยียนกรุ๊ปเสียอย่างนั้น
ตอนที่ 434 เล่นงานกันเอง
“ที่ฉันทำแบบนี้ก็เพื่อเหยียนกรุ๊ปนะ!” สวีอิ๋งอิ๋งรีบแก้ต่างให้ตัวเอง
เหยียนเฟิงรู้ว่าตอนนี้จะพูดไม่ไว้หน้าสวีอิ๋งอิ๋งไม่ได้ จึงปรับเสียงให้อ่อนลงแล้วเอ่ยปลอบโยน “เธอลองคิดสิว่าในตอนนี้เหยียนกรุ๊ปตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแค่ไหน แต่สวีอันหรานกับ
เหยียนเค่อเป็นเพื่อนกัน สิ่งที่ตระกูลสวีทำไป ส่วนหนึ่งก็เป็นคำสั่งของเหยียนเค่อ ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นก็แสดงให้เห็นว่าเหยียนเค่อไม่อยากร่วมงานกับบ้านตระกูลอิ่น”
สวีอิ๋งอิ๋งเข้าใจความหมายของเขาแล้ว ถ้าลากเหยียนกรุ๊ปเข้าไปเกี่ยว ก็จะไม่มีผลกระทบอะไรกับเหยียนเค่อเลย แต่ถ้าบอกว่าเรื่องนี้ทำไปในนามของบ้านตระกูลสวี ความหมายก็จะแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
“ค่ะ” สวีอิ๋งอิ๋งตอบรับ
หลังจากวางสายแล้ว เหยียนเฟิงก็ทอดมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยแววตาที่ลึกซึ้งสุดหยั่ง คนโง่นี่ควบคุมง่ายจริงๆ เขาไม่เชื่อหรอกว่าระหว่างครอบครัวกับเพื่อน สวีอันหรานยังจะเลือกเหยียนเค่ออยู่
เหยียนเฟิงคำนวณได้ถูกเผง แต่เขาประเมินความเร็วในการจัดการปัญหาของเหยียนเค่อและความอ่อนไหวของสวีอันหรานไว้ต่ำเกินไป
สิ่งที่เหยียนเฟิงคิดนั้น เหยียนเค่อได้คำนวณไว้ตั้งนานแล้ว เขาโจมตีสวีอิ๋งอิ๋งตั้งแต่แรกแล้ว เนื่องจากอีกฝั่งหนึ่งเป็นเหยียนกรุ๊ป อีกฝั่งหนึ่งเป็นบ้านตระกูลสวี ดังนั้นเขาจึงทำให้เรื่องนี้เป็นความผิดของสวีอิ๋งอิ๋ง ทว่าต้องเกี่ยวพันกับบ้านตระกูลสวีและเหยียนกรุ๊ปทั้งสองฝ่ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ไม่ว่าจะเป็นเหยียนเฟิงหรือว่าสวีอันหรานก็ตาม ในเมื่อกล้าคิดร้ายกับเขา ก็ต้องกล้าจะยอมรับผลที่ตามมา เหยียนเค่อลอบขบฟัน แต่เขาก็ยังมีน้ำใจโทรไปแจ้งให้สวีอันหรานรู้ก่อน
“ทำไมนายต้องเล่นงานฉันด้วยเนี่ย” สวีอันหรานอยากจะขว้างโทรศัพท์ทิ้ง ให้เขาสบายใจหน่อยไม่ได้เลย
เหยียนเค่อร้องเหอะ “พูดอย่างกับนายไม่เคยเล่นงานฉัน”
สวีอันหรานยัดเยียดสวีอิ๋งอิ๋งให้เขา แถมยังกล้าเอาคลิปของเขาตั้งแต่สมัยสิบปีที่แล้วไปให้
ซย่าเสี่ยวมั่วอีก เรื่องคราวนี้สวีอิ๋งอิ๋งก็เป็นคนทำเอง เขาไม่โยนเรื่องนี้ให้เป็นความรับผิดชอบของบ้านตระกูลสวีทั้งหมดก็นับว่าเมตตามากแล้ว
สวีอันหรานยังนึกไม่ถึงว่าเหยียนเค่อจะรู้เรื่องคลิปแล้ว ก็นึกว่าเหยียนเค่อหาเรื่องใส่ตัวเขาเพราะปัญหาเรื่องสวีอิ๋งอิ๋งเท่านั้น จึงโวยวายเสียงดัง “นี่มันเกี่ยวอะไรกับฉัน มันเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ของทั้งสองบ้านกำหนดไว้แล้ว ฉันเปลี่ยนแปลงได้ที่ไหนกันล่ะ”
“ช่วยไม่ได้ เรื่องนี้ก็เกิดไปแล้ว แถมยายโง่สวีอิ๋งอิ๋งยังเสนอตัวไปทำเองด้วย บ้านตระกูลสวีควรจะทำยังไงคงก็ไม่ต้องให้ฉันเตือนหรอกใช่ไหม” เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเหยียนเค่อเลยสักนิด เขาไม่ใช้เรื่องที่
สวีอิ๋งอิ๋งทำลายสัญญาระหว่างบ้านตระกูลอิ่นกับ YAN ป่าวประกาศว่าตนเป็นผู้รับเคราะห์ก็ดีเท่าไรแล้ว
หลังจากที่สวีอันหรานรู้ที่มาที่ไปทั้งหมดแล้วก็คิดว่าเขาไม่ควรตำหนิเหยียนเค่อ แถมควรจะขอบคุณเขาด้วย ถ้าเหยียนเค่ออยากเล่นงานเขาจริง ก็โยนปัญหานี้ให้บ้านตระกูลสวีทั้งหมดเลยก็ได้ ต่อให้ไม่ได้เล่นตุกติกอะไร คนอื่นก็คิดว่าบ้านตระกูลสวีจงใจทำอยู่แล้ว แต่เหยียนเค่อก็ช่วยให้บ้านตระกูลสวีพ้นข้อกล่าวหาก่อนแล้ว ตอนนี้อย่างมากที่สุดก็นับว่าเป็นเพราะการอบรมสั่งสอนที่บกพร่องจึงทำให้เกิดเรื่องน่าอัปยศเช่นนี้
“เฮ้อ ทำไมนายไม่โยนตัเขาออกไปนะ” เรื่องนี้ทำให้ชื่อเสียงของสวีอิ๋งอิ๋งและบ้านตระกูลสวีเสื่อมเสียไปไม่น้อย ถึงแม้สวีอันหรานจะไม่ใช่เจ้าบ้านที่ให้ความสำคัญกับความเป็นไปของวงศ์ตระกูลเหมือนคนรุ่นก่อน แต่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นก็น่าอับอายขายหน้าเช่นกัน
เหยียนเค่อหัวเราะ จู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นได้จึงร้อง ‘อ้อ’ ออกมา “ฝากไปบอกสวีอิ๋งอิ๋งหน่อย ว่าขอบคุณมาก”
สวีอันหรานไม่เคยยื่นมือเข้าไปยุ่งในเรื่องธุรกิจระหว่างบ้านตระกูลอิ่นกับ YAN เลย จึงไม่รู้ว่าสถานการณ์ที่แท้จริงเป็นอย่างไร ทว่าเขาได้ยินเหยียนเค่อพูดเช่นนี้ แล้วคิดไปถึงผู้อาวุโสของพวกเขาแล้วก็พอจะเข้าใจขึ้นมานิดหน่อย
สวีอันหรานก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร ตอนนี้เขาจำต้องไปหาสวีอิ๋งอิ๋งคืนนี้เลย ในเมื่อเรื่องราวชัดเจนแบบนี้แล้ว บ้านตระกูลสวีย่อมติดหนี้บุญคุณเหยียนเค่อหนึ่งครั้ง “ไม่ว่ายังไงก็ตาม ขอบคุณนะ”
ความจริงเหยียนเค่อก็ไม่ได้อยากทำตัวเป็นคนดีอะไรนักหรอก “ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก ความจริงฉันไม่อยากให้นายได้พักน่ะ”
สวีอันหรานอึดอัดใจ ไอ้หมอนี่มันน่าโมโหชะมัด ถึงพูดไปเยอะแค่ไหนเขาก็ไม่ยอมรับอยู่ดี เพียงแต่แอบดีใจคนเดียวเท่านั้น และเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหยียนเค่อจะอารมณ์เสียอะไรทุกวัน…