ตอนที่ 441 ทำให้ตกใจจนล่าถอย
เด็กสาวคนนั้นร่ายยาวออกมาเป็นชุด ก่อนจะถามซย่าเสี่ยวมั่วอย่างสนอกสนใจ “คุณรู้จักคนนี้ด้วยเหรอคะ”
ซย่าเสี่ยวมั่วมองเธอยิ้มๆ “ค่ะ รู้จัก”
เด็กสาวเห็นสีหน้าของเธอแล้วก็พบว่าคำถามของตนล้ำเส้นเกินไปหน่อย จึงมองเธออย่างขัดเขิน
ซย่าเสี่ยวมั่วก็แค่รู้สึกว่า เมื่อก่อนหลายคนพูดกันว่าคนอังกฤษจะสง่างาม เคร่งขรึม หรือแม้กระทั่งเย็นชา เป็นครั้งแรกที่ได้เจอเด็กสาวที่ร่าเริงขนาดนี้
“คุณพูดต่อก็ได้ค่ะ ฉันคิดว่าคุณน่ารักมากเลย” ซย่าเสี่ยวมั่วยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร
เด็กสาวได้ยินแล้วก็รู้สึกขวนเขิน แต่ก็ยังคุยกับซย่าเสี่ยวมั่วต่อด้วยความกระตือรือร้น “ฉันเคยเห็นแต่รูปของเขาเท่านั้น วิดีโอของเขาไม่มีแล้ว รู้ไหมคะว่าทำไมฉันถึงจำเขาได้”
ซย่าเสี่ยวมั่วไม่ได้ตอบ เธอจึงพูดต่อ “พวกเราเคยฝึกท่าทางโดยการวิเคราะห์รูปภาพของเขา ถึงแม้ว่าระยะเวลาเรียนจะไม่นานนัก แต่ท่าทางของเขาก็เป็นท่าที่ยอดเยี่ยมท่าหนึ่งเลยค่ะ”
ช่างเป็นผู้มีฝีมือที่น่ายกย่องจริงๆ เธอแค่ออกมาวาดรูปแต่ดันมาเจอคนที่จำเขาได้จากวาดภาพเสียอย่างนั้น ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกจนปัญญา
ซย่าเสี่ยวมั่วไม่เข้าใจว่าเหตุใดพวกเขาถึงให้คะแนนประเมินเหยียนเค่อสูงขนาดนั้น จึงทำได้เพียงเล่นมุกฝืดออกมาเท่านั้น “ฉันว่าอาจจะเป็นเพราะม้าของเขาดีกว่าม้าของคนอื่นก็ได้นะคะ”
เด็กสาวชะงักไปก่อนจะหัวเราะออกมา “อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ค่ะ”
ทั้งคู่คุยกันอยู่นานพอสมควร ตัวเด็กสาวเองก็รู้สึกว่าตนจะกินเวลาซย่าเสี่ยวมั่วมากเกินไปแล้ว จึงเอ่ยขอโทษซย่าเสี่ยวมั่ว “ขอโทษที่รบกวนนะคะ”
“ไม่หรอกค่ะ” การได้คุยกับคนแปลกหน้าก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะนานไปหน่อย แต่ไม่มีผลกระทบอะไรกับตัวของซย่าเสี่ยวมั่วนัก
หญิงสาวพลิกตัวกระโดดขึ้นหลังม้าแล้วยิ้มให้ พลางส่งสายตาซุกซนให้ซย่าเสี่ยวมั่ว เป็นเชิงบอกให้เธอมองกลุ่มผู้ชายตรงนั้นที่ยืนมองดูเธออยู่ แล้วเอ่ยให้กำลังใจ “คุณกับคนในใจของคุณนี่สุดยอดเหมือนกันเลยนะคะ”
ซย่าเสี่ยวมั่วโบกมือ เธอไม่ใช่คนที่ชอบคิดว่าตัวเองด้อยกว่าคนอื่น ต่อให้เหยียนเค่อดีเลิศขนาดไหนก็ไม่ได้ทำให้เธอเสียความมั่นใจในตัวเอง อย่างไรเสียทั้งคู่ก็อยู่คนละโลกอยู่แล้ว
เมื่อวาดภาพเสร็จตะวันก็ใกล้จะตกดินเสียแล้ว คนที่ขี่ม้าก็เริ่มทยอยจูงม้ากลับแล้ว ซย่าเสี่ยวมั่วม้วนกระดาษวาดรูปเก็บใส่กระบอก พับขาตั้ง เก็บกระดานแล้วเดินจากไป
“คุณเป็นจิตกรเหรอครับ” มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินจูงม้าตามหลังซย่าเสี่ยวมั่วมา
ซย่าเสี่ยวมั่วกะเอาจากสายตา คิดว่าเขาน่าจะเด็กกว่าตนอย่างน้อยห้าปี เธอส่ายหน้า “ฉันเป็นนักวาดการ์ตูนค่ะ” จิตรกรนั่นมันคนแบบพ่อเธอต่างหาก
“แล้วคุณ…” เด็กหนุ่มอยากจะชวนคุยต่อ แต่ซย่าเสี่ยวมั่วกลับไม่สนใจที่จะสานต่อกับเขา
“ฉันแต่งงานแล้วค่ะ” ปกติไม่ค่อยพูด แต่พอพูดขึ้นมาก็รุนแรงเหมือนกัน
ซย่าเสี่ยวมั่วมองทะลุปรุโปร่ง ถ้าคุณบอกว่าตอนนี้มีแฟนแล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก ขนาดบอกว่ามีสามีแล้วบางคนยังไม่สนใจเลย
เด็กหนุ่มคนนั้นนึกไม่ถึงว่าเธอจะแต่งงานแล้ว จึงถามขึ้นด้วยเสียงตะกุกตะกัก “คุณอายุเท่าไรแล้วเหรอครับ”
ซย่าเสี่ยวมั่วจงใจแกล้งเขา “ฉันห้าสิบแปดแล้วค่ะ ไม่กี่วันก่อนเพิ่งจะไปฉีดกรดไฮยาลูรอนมาเอง ลองจับดูไหมคะ”
เด็กหนุ่มคนนั้นถอยหลังไปหนึ่งก้าว “ข…ขอโทษครับ คุณป้า” ก่อนจะจูงม้าเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย
คราวนี้ซย่าเสี่ยวมั่วกลายเป็นฝ่ายหดหู่ใจบ้าง สภาพเธอดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ เขาเคยเห็นคุณยายอายุห้าสิบแปดที่แบกกระดานวาดรูปกับขาตั้งโดยไม่หายใจหอบหรือไง ใบหน้าผ่องใสขาวนวลขนาดนี้ เหมือนคนที่ฉีดกรดไฮยาลูรอนมางั้นเหรอ
เฮ้อ ซย่าเสี่ยวมั่วส่ายหัวแบกกระบอกใส่ภาพและกระดานเดินออกไปอย่างเชื่องช้า
ตอนที่ 442 ความรู้สึกที่คะนึงถึง
“ท่านประธานครับ”
เหยียนเค่อรู้สึกหลับยากติดต่อกันหลายวัน กำลังเคลิ้มจะหลับก็ถูกปลุกขึ้นเสียก่อน จึงขมวดคิ้วถามอย่างติดรำคาญ “มีอะไรครับ”
ผู้ช่วยหวังก็ไม่อยากรบกวนเขาตอนนี้หรอก แต่เหยียนเค่อก็จะไปแล้ว และตอนนี้ก็มีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการ เขาเองจำใจทำเหมือนกัน
“ตั๋วเครื่องบินจองไว้เรียบร้อยแล้ว สัมภาระของท่านจะโหลดลงเครื่องหรือจะถือขึ้นเครื่องดีครับ”
เหยียนเค่อนวดขมับ เขายังไม่ได้เก็บกระเป๋าเลย ถึงแม้ว่าซย่าเสี่ยวมั่วจะไร้ประโยชน์ แต่ก็ยังช่วยเขาจัดกระเป๋าได้ ตอนนี้เขาทำได้เพียงจัดการด้วยตัวเองเท่านั้น
“เอาล่ะ ผมเข้าใจแล้ว วางของไว้ที่นี่แหละ” เหยียนเค่อมองของที่เขาหยิบมาแล้วชี้ไปที่โต๊ะ
ผู้ช่วยหวังวางเอกสารในมือลงก่อนจะรายงานให้เหยียนเค่อทราบ “วันนี้คุณสวีอิ๋งอิ๋งออกจากบ้านครับ”
เหยียนเค่อโบกมือ ถ้าสวีอิ๋งอิ๋งอยากเรียกให้นักข่าวมาไล่ตาม เขาก็ขัดไม่ได้ ก่อนจะบอกให้ผู้ช่วยหวังไปสนใจเรื่องอื่นแทนเรื่องของสวีอิ๋งอิ๋ง “เดี๋ยวประธานสวีจะจัดการเอง พวกคุณคอยติดตามทิศทางของเหยียนกรุ๊ปไว้”
“ครับ”
เหยียนเค่อหยิบกุญแจรถที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วเดินออกไปอย่างไม่ยี่หระ “ผมขอกลับบ้านก่อน เดี๋ยวพวกคุณเลิกงานแล้วผมจะเข้ามาอีกที”
ผู้ช่วยหวังเดินตามหลังเขาไปก่อนจะกำชับ “เอกสารพวกนั้นท่านช่วยตรวจให้เสร็จก่อนพรุ่งนี้เช้าก็ดีนะครับ”
“ใครเป็นเจ้านายกันแน่” เหยียนเค่อหันไปมองเขาปราดหนึ่ง กล้าดีอย่างไรมาเร่งให้เขาทำงาน
ผู้ช่วยหวังรู้สึกน้อยใจจริงๆ เขาก็แค่เอ่ยเตือนเพราะอยากให้เหยียนเค่อเดินทางอย่างมีความสุขโดยไม่ต้องพะว้าพะวงก็เท่านั้นเอง
เหยียนเค่อก็แค่ล้อเขาเล่น สาวเท้าเดินนำไปข้างหน้า “ผมจะพยายามทำให้เสร็จก่อนสี่ทุ่มนะ”
ผู้ช่วยหวังพยักหน้าอย่างจนใจ สี่ทุ่มกับพรุ่งนี้เช้าก็ไม่ได้ต่างกันมาก เว้นเสียแต่วันนี้เขาต้องอยู่ทำงานนอกเวลาเป็นเพื่อนเหยียนเค่ออีกแล้ว
เมื่อเหยียนเค่อถึงบ้านแล้วล้มตัวลงบนโซฟาก็อยากจะหลับไปทันที แต่สมองกลับยังคงตื่นตัวอยู่
นานแล้วที่เหนื่อยจนนอนไม่หลับแบบนี้ เหยียนเค่อพลิกตัว ทำให้เกิดรอยยับบนเสื้อสูทที่สวมอยู่บนร่าง
เมื่อก่อนยายโง่ซย่าเสี่ยวมั่วชอบนอนหลับไปบนขาของเขา นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่เขาปล่อยให้ซย่าเสี่ยวมั่วนั่งลงกับพื้น
เธอมักจะนอนทับจนทำให้เขาขาชาไปเสียทุกครั้ง ถ้านอนทับลงบนร่างก็คงจะเป็นอัมพาตครึ่งตัว เหยียนเค่อหลุดหัวเราะออกมา ก่อนจะยกแขนขึ้นปิดทับดวงตา
มันจะมีคนหนึ่งที่ทำให้คุณรู้สึกว่า ไม่ว่าเธอจะทำอะไรคุณก็สามารถรับได้ทั้งหมด ต่อให้เธอทำไม่ถูกคุณก็พยายามแก้ไขข้อผิดพลาดของเธอได้อย่างอดทน
เหยียนเค่อพบว่าเมื่อตนคิดถึงซย่าเสี่ยวมั่วแล้วก็ยิ่งปราศจากความง่วงไปมากขึ้นไปอีก แถมยังลอบยิ้มเหมือนคนบ้าอีกด้วย เขาลุกขึ้นนั่ง ถอดเสื้อสูทและคลายเน็คไทออก ก่อนจะไปหากระเป๋าเดินทางที่ซย่าเสี่ยวมั่วช่วยเขาจัดในตอนนั้น
หลังจากเขากลับมาก็เคยเปิดกระเป๋าใบนั้นแล้ว แต่มีเสื้อผ้าบางส่วนกับผ้าปูที่นอนที่ยังไม่ได้เอาออกมา แค่จัดตามแบบเดิมแล้วเพิ่มเสื้อผ้าเข้าไปอีกสองสามตัวก็น่าจะเพียงพอ
กระเป๋าเดินทางหลายใบที่วางเรียงกันอยู่ในห้องแต่งตัวถูกลากออกมา บนกระเป๋าของเหยียนเค่อ
นอกจากป้ายที่เขียนชื่อแขวนไว้แล้วก็ไม่มีอย่างอื่นอีก เป็นสไตล์ที่แตกต่างกับซย่าเสี่ยวมั่วโดยสิ้นเชิง
เขาหยิบชุดลำลองออกมาสองสามตัวก่อนจะเพิ่มชุดทางการเข้าไปแทนแล้วสอดรูปภาพสองสามใบไว้ในนั้นด้วย รูปแบบการจัดกระเป๋าก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมนัก เหยียนเค่อมองดูผลลัพธ์จากการที่เขาเสียแรงไปไม่น้อยอย่างพึงพอใจ หลังจากปิดกระเป๋าแล้วก็ลากไปไว้ที่ข้างประตู รอให้ผู้ช่วยหวังส่งคนมาเอากระเป๋าของตัวเองไปโหลด
มีบางนิสัยของคนอื่น ที่กลายมาเป็นความเคยชินของตัวเองเพราะว่าหัวใจยินยอมเปิดรับนิสัยนั้น หลังจากเหยียนเค่อเก็บของเสร็จแล้วก็เข้าไปอาบน้ำ ตอนหยิบผ้าขนหนูไม่ทันระวังจึงเผลอไปโดนแก้วน้ำที่อยู่บนชั้นวาง โชคดีที่ไม่แตก แต่กลับทำให้เหยียนเค่อที่ถือแก้วอยู่ในมือจมสู่ความทรงจำอีกครั้ง
พูดตามตรง เขาไม่ชอบจมสู่ความทรงจำเป็นประจำแบบนี้ เขาถึงกับเกลียดที่จะต้องนึกถึงเรื่องราวในอดีต หากนึกถึงเรื่องอื่นเขาสามารถหยุดห้ามความคิดของตนได้ แต่เมื่อเห็นของใช้บางอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวซย่าเสี่ยวมั่ว เขาก็อดคิดถึงเธอขึ้นมาไม่ได้ แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตก็ทำให้เขาสามารถคิดถึงเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ความรู้สึกเช่นนี้ช่างทรมานใจจริงๆ