ตอนที่ 483 ปากโพล่ง
อันหร่านพูดเรื่องที่ซย่าเสี่ยวมั่วรับไม่ได้ด้วยน้ำเสียงที่มีความสุข
“ฉันคบกับบ.ก.แล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า เธออวยพรให้พวกเราหน่อยเร็ว”
ซย่าเสี่ยวมั่วเริ่มรู้สึกมึนงงชีวิต ตอนนั้นที่เธอเดามันคือบ.ก.คงเอาการ์ดแต่งงานไม่ก็การ์ดร่วมงานฉลองลูกชายครบ 1 ขวบมาให้อันหร่านไม่ใช่เหรอ ทำไมอยู่ดีๆ เรื่องมันกลับกลายเป็นมาขออันหร่านแต่งงานซะได้
“เธอแน่ใจนะว่าไม่ได้ละเมออยู่”
“ฉันเคยละเมอพูดที่ไหนกันล่ะ ไม่อย่างนั้นให้เธอคุยกับแฟนฉันแทนไหม”
ฟังคำพูดของอันหร่านก็น่าจะเดาได้ว่าเธอกำลังเมา แต่ก็ได้ยินเสียงผู้ชายดังมาจากข้างๆ จริงๆ และฟังจากน้ำเสียงนั้นก็เป็นเสียงของบ.ก.เก่าของเธอไม่ผิดแน่
จากที่เคยบอกว่าจะอยู่ครองโสดเป็นเพื่อนเธอ ดันจะทิ้งเธอไปแต่งงานซะแล้ว ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกใจหายเล็กน้อย
“ขอให้พวกเธอมีความสุขมากๆ แต่ขอเวลาให้ฉันร้องไห้แปป”
อันหร่านหัวเราะ “ร้องออกมาเลยๆ ”
ซย่าเสี่ยวมั่วไม่ได้ยินเสียงจากอีกฝ่ายแล้ว จึงตัดสายทิ้ง
เธอเพิ่งจะวางสายจากอันหร่าน ก็มีเสียงเรียกเข้าดังขึ้นมาอีก เธอเริ่มหงุดหงิด นี่ยังไม่จบใช่ไหมอันหร่าน
เมื่อเสียงดังเป็นครั้งที่ห้า เธอจึงยื่นมือไปกดรับสาย ตอบกลับไปอย่างหงุดหงิด “อะไร!”
เสิ่นจิ้งเฉินไม่รู้ว่าอีกฝ่ายโมโหอะไรมา จึงถามด้วยความแปลกใจ “เป็นอะไร ทำไมต้องอารมณ์เสียขนาดนี้”
“พี่” ซย่าเสี่ยวมั่วปิดประตูห้องครัวจากนั้นก็เดินออกมา กล่าวทักทายเสิ่นจิ้งเฉิน
เดิมทีเสิ่นจิ้งเฉินคิดว่าเขาไม่ได้โทรมาหาซย่าเสี่ยวมั่วตั้งนาน คงจะได้ฟังน้ำเสียงทักทายที่ดูกระตือรือร้นกว่านี้ แต่นี่กลับกลายเป็นน้ำเสียงนิ่งๆ แทน จึงรู้สึกไม่ค่อยพอใจ “เป็นอะไร ไปโกรธใครมา”
“เปล่าซะหน่อย” ถ้าเป็นในเวลาอื่น ได้ยินเสียงพี่ชายโทรมาหาเธอคงตื่นเต้นดีใจแน่ แต่ในช่วงเวลาแบบนี้เธอดีใจไม่ออกจริงๆ
เสิ่นจิ้งเฉินไม่รู้ว่าน้องสาวไม่สบายใจเรื่องอะไร จึงได้แต่เปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้น “ตอนนี้พี่อยู่ที่บ้านพี่ใหญ่ เหยียนเค่อกับพี่ใหญ่เข้ากันได้ดีเลยนะ”
เมื่อฟังถึงเรื่องนี้เธอก็รีบฟ้องเสิ่นจิ้งเฉินทันที “เมื่อวาน พี่ใหญ่ขู่ฉันด้วย บอกว่าพี่ไม่อยู่จะทำอะไรฉันก็ได้”
“เอ่อ เรื่องนี้…” เสิ่นจิ้งเฉินไม่รู้จะเอ่ยตอบน้องสาวอย่างไรดี “มันพูดยากนะ แต่ไม่ว่าพี่จะอยู่หรือไม่อยู่ ถ้าพี่ใหญ่จะจัดการเธอขึ้นมาจริงๆ พี่ก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี”
“พี่นี่พึ่งไม่ได้เลยจริงๆ !” เธอว่าค่อนแคะ ขนาดน้องสาวโดนรังแกยังช่วยเหลือไม่ได้เลย
“เธอต้องมองโลกในแง่ดีสิ ยังไงพี่ชายคนนี้ก็รักเธอนะ” เสิ่นจิ้งเฉินถนัดนักล่ะเรื่องหยอดคนน่ะ ชอบหลอกล่อให้คนอื่นหลงอยู่เรื่อย
“ดียังไงล่ะ วันนี้เพื่อนฉันก็เพิ่งคบกับแฟน สวีรั่วชีก็ท้องแล้ว ตอนนี้เหลือฉันคนเดียว เหงาจะแย่อยู่แล้ว” ซย่าเสี่ยวมั่วโอดครวญ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าเมื่อกี้เธอเพิ่งหลุดพูดอะไรออกมา
เสิ่นจิ้งเฉินมองไปยังสวีอันหรานแวบหนึ่ง แล้วถามกลับไปอย่างไม่แน่ใจ “สวีรั่วชีท้องเหรอ”
สวีอันหรานได้ยินชื่อภรรยาของตนกับประโยคที่พูดเมื่อครู่ก็แทบจะพุ่งเข้ามา “เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ”
เสิ่นจิ้งเฉินจึงรู้ตัวว่าตนเผลอพูดชื่อสวีรั่วชีออกมา แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามบอกเด็ดขาดว่ารู้มาจากเสี่ยวมั่ว ดังนั้นเขาจึงแกล้งหันไปหัวเราะกลบเกลื่อนกับสวีอันหราน “ก็เมื่อกี้ฉันถามนายไง สวีรั่วชีท้องแล้วเหรอ”
เซี่ยเสี่ยวมั่วได้ยินเสียงเสิ่นจิ้งเฉินคุยกับสวีอันหราน จึงได้แต่เอามือตบปากตัวเอง ทำไมเรื่องแค่นี้ยังเผลอหลุดปากพูดออกไปนะ นี่ถ้าสวีรั่วชีรู้มีหวังเธอโดนฆ่าตายแน่ๆ แค่คิดก็ขนลุกไปทั้งตัวแล้ว
ตอนที่ 484 คอยห่วงใย
สวีอันหรานไม่ได้คะยั้นคะยอถามต่อ แต่ก็ยังติดใจในคำพูดเมื่อสักครู่ของเสิ่นจิ้งเฉินอยู่ ชายหนุ่มนั่งเงียบไป ในใจเริ่มเกิดความรู้สึกแปลกๆ
เสิ่นจิ้งเฉินค่อยโล่งใจ แต่ก็ไม่กล้าอยู่ในห้องกับสวีอันหรานต่อตามลำพัง ชายหนุ่มรีบวิ่งไปออกไปเข้าห้องน้ำแล้วแอบต่อสายโทรหาซย่าเสี่ยวมั่ว
“พี่บ้าไปแล้วหรือไง ถึงได้โทรหาฉันต่อหน้าสวีอันหราน” ซย่าเสี่ยวมั่วโมโหแทบบ้า
“อยากจะฆ่าพี่จริงๆ เลย”
เสิ่นจิ้งเฉินก็รู้สึกผิด เขาแค่ตกใจในเรื่องที่ซย่าเสี่ยวมั่วบอก จนลืมตัวไปว่าสวีอันหรานนั่งอยู่ข้างๆ ตน แต่ชายหนุ่มก็ยังอยากรู้เรื่องที่คุยค้างอยู่เมื่อครู่อยู่ดี
“จริงหรือเปล่า ที่สวีรั่วชีท้องน่ะ”
“พี่เงียบไว้เลยนะ เมื่อกี้คือเรื่องโกหก” ซย่าเสี่ยวมั่วรู้ดีว่าแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วจึงทำแค่ห้ามไม่ให้เสิ่นจิ้งเฉินเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่นต่อ
“ถ้าพี่ยังคิดว่าพี่เป็นพี่ฉันอยู่ ก็เหยียบเรื่องนี้ไว้เลยนะ ห้ามพูดไปเด็ดขาด”
เสิ่นจิ้งเฉินคิดว่าน้องสาวเขาก็คงโดนสวีรั่วชีขู่ไว้เหมือนกัน แต่ว่าเรื่องนี้ถึงเขาจะรู้เร็วกว่าคนอื่นแต่ก็ไม่คิดจะแพร่งพรายออกไปอยู่แล้ว
“รู้แล้วน่า พี่ไม่พูดหรอก แต่ถ้าสวีอันหรานไปถามสวีรั่วชีเอง ก็ไม่เกี่ยวกับพี่นะ”
“ทำไมจะไม่เกี่ยว ถ้าไม่ใช่เพราะพี่สวีอันหรานจะนึกถึงเรื่องนี้ไหมล่ะ” ซย่าเสี่ยวมั่วตะเบงเสียงใส่พี่ชายตนเอง จนรู้สึกว่าคอเธอแทบจะพังอยู่แล้ว
เธอกำลังจะกำชับพี่ชายอีกครั้ง แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากปลายสาย
“มาหลบทำอะไรในนี้ รีบออกไปกินข้าวได้แล้ว” เมื่อครู่เหยียนเค่อเข้าไปหยิบของในห้องนอนของตนเอง พอดีเดินผ่านห้องน้ำจึงกะว่าจะเข้ามาล้างมือ แล้วก็ได้เห็นว่าเสิ่นจิ้งเฉินกำลังนั่งคุยโทรศัพท์อยู่บนฝาชักโครก
เสิ่นจิ้งเฉินชักเท้าที่กำลังเหยียดอยู่กลับ เขยิบตัวลุกขึ้นเว้นที่ว่างให้เหยียนเค่อเข้ามา แล้วพูดกับคนในสายด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“รู้แล้วน่า กลับไปครั้งนี้ซื้อของไปฝากเธอด้วย ไว้กลับไปถึงแล้วจะเอาไปให้”
“อืม” ซย่าเสี่ยวมั่วรับคำ แล้วก็ได้ยินน้ำเสียงเย็นชาจากปลายสายดังขึ้น
“มัวทำอะไรอยู่ อากาศหนาวมานั่งในนี้ไม่หนาวหรือไง”
“เสียงนายเป็นอะไรน่ะ” ตั้งแต่เข้ามาในห้อง เสิ่นจิ้งเฉินเพิ่งได้ยินเหยียนเค่อพูดเป็นประโยคที่สอง จึงเพิ่งจับสังเกตได้ว่าชายหนุ่มเสียงแหบ
เหยียนเค่อตบหัวเสิ่นจิ้งเฉินเบาๆ หัวเราะหึหึ “คอฉันปกติกว่าสมองนายก็แล้วกัน”
เสิ่นจิ้งเฉินเบ้ปาก พูดกับซย่าเสี่ยวมั่วที่อยู่ในสายต่อ แต่ซย่าเสี่ยวมั่วกลับไม่ได้มีสมาธิฟังในสิ่งที่เสิ่นจิ้งเฉินพูดเลยสักนิด
“เหยียนเค่อเป็นอะไร”
“น่าจะเป็นหวัด เสียงก็เลยแหบ” เสิ่นจิ้งเฉินก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน และเขาก็ไม่ได้คิดจะสนใจเรื่องคอของเหยียนเค่อ อย่างมากถ้าเกิดกลับไปที่บ้านก็คงซื้อยาจีนมาให้เขาก็เท่านั้น
“เขาไม่ได้หายจากเป็นหวัดแล้วเหรอ” ซย่าเสี่ยวมั่วพึมพำ
“เธอจะสนใจทำไม ว่ามันจะหายหรือไม่หาย” พอเสิ่นจิ้งเฉินเริ่มพูดก็ถูกซย่าเสี่ยวมั่วขัดจังหวะ ในใจจึงเริ่มรู้สึกโมโห
“ทำไมสนใจแค่มันล่ะ ทีพี่อยู่ที่ซีเป่ยก็ลำบากเหมือนกัน ไม่เห็นเธอจะเป็นห่วงพี่บ้างเลย”
ซย่าเสี่ยวมั่วเม้มปาก แล้วเอ่ยถามออกไปอย่างเสียไม่ได้ “อย่างนั้นตอนนี้พี่เป็นอย่างไรบ้างล่ะ ทุกอย่างราบรื่นดีใช่ไหม”
“มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว พี่เธอเป็นใครล่ะ เรื่องลำบากแค่นี้เรื่องจิ๊บๆ สบายมาก”
ซย่าเสี่ยวมั่วหมดคำพูด แล้วเมื่อกี้ใครกันนะเป็นคนบังคับให้เธอต้องถามออกไป ตอนนี้ทำมาเป็นโอ้อวดว่าตนเก่ง
“พี่ว่านะ คราวหน้าพี่จะต้องพาเธอมาเที่ยวด้วยกันให้ได้ บรรยากาศที่นี่ดีมากเลย”
เสิ่นจิ้งเฉินบรรยายสภาพบรรยากาศที่นี่ให้ซย่าเสี่ยวมั่วฟังไม่หยุด จนเธอเริ่มชักจะสงสัยว่าเป็นเพราะเพื่อนๆ ของพี่ไม่มีใครอยากฟังเรื่องพวกนี้หรือเปล่า พี่จึงต้องเอามาพูดให้เธอฟังแทน
ไก่ที่ซย่าเสี่ยวมั่วตุ๋นไว้เริ่มเดือดแล้ว เธอจึงพูดเตือนพี่ชาย “เมื่อกี้เหยียนเค่อไม่ได้มาบอกให้พี่รีบไปกินข้าวหรือไง ถ้าพี่ยังไม่ไปอีกเหยียนเค่อคงไม่เหลือไว้ให้พี่กินแน่ๆ”