ตอนที่ 503 ว่าด้วยเรื่องกินข้าว
ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกเป็นห่วงอนาคตตัวเองมาก แต่กลับไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเป็นเสิ่นมั่วหลีต่างหากที่เป็นคนเสี้ยมสอนเรื่องไม่ดีให้เหยียนเค่อ
หญิงสาวขยี้หัวตัวเองระบายความเครียด จู่ๆก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
เธอเอ่ยอย่างไร้อารมณ์ “เชิญค่ะ”
เบลล์ค่อยๆแง้มประตู เห็นซย่าเสี่ยวมั่วดูท่าทางหงุดหงิดเลยคิดว่าเป็นเพราะเรื่องที่ตนพูดเมื่อเช้าทำให้หญิงสาวเสียใจ จึงทนดูไม่ได้ เอ่ยถามเสียงเบา “ขอเข้าไปได้ไหม”
“เอ๋” ซย่าเสี่ยวมั่วเงยหน้าขึ้นมา เห็นว่าเป็นเบลล์จึงลุกขึ้นยืนต้อนรับ “สวัสดีค่ะผู้จัดการ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
คนที่ถูกเชิญให้เข้ามาในห้องอย่างเบลล์ไม่รู้จะเริ่มพูดอะไรกับซย่าเสี่ยวมั่วดี จึงเอ่ยออกไปอย่างคิดไม่ออก
“เธอทานข้าวหรือยัง”
“ยังค่ะ” มือที่กำลังรินน้ำอยู่ของซย่าเสี่ยวมั่วชะงักไปชั่วครู่ คงจะไม่ได้มาหาเรื่องเธอแบบสวีอิ๋งอิ๋งอีกคนหรอกนะ
เบลล์ก็รู้สึกว่าการชวนคนที่เพิ่งเจอกันแค่สองครั้งไปทานข้าวมันออกจะดูแปลกๆ แถมไม่รู้จะหาเหตุผลมาหว่านล้อมอย่างไรด้วย แต่หากเธอยังมัวแต่พะวงนู่นพะวงนี่อยู่แบบนี้ เธอกับซย่าเสี่ยวมั่วคงไม่มีโอกาสได้ทานข้าวด้วยกันสักมื้อแน่
“อย่างนั้นพักเที่ยงไปหาอะไรทานด้วยกันไหม”
“ช่วงนี้ฉันลดความอ้วนอยู่น่ะค่ะ ตอนเที่ยงไม่ทานข้าว” เธอปฏิเสธไม่ใช่เพราะไม่อยากเจอเบลล์แต่เป็นเพราะเหยียนเค่อหาว่าเธออ้วน ตั้งแต่ตอนนั้นเธอเลยคุมเรื่องอาหารมากขึ้น อีกอย่างวันนี้เธออารมณ์ไม่ดีจึงไม่อยากอาหารแม้แต่น้อย
ซย่าเสี่ยวมั่วรู้ว่าเหตุผลที่ดูสมเหตุสมผลของเธอสำหรับเบลล์อาจฟังไม่ค่อยขึ้น แต่เบลล์ก็ไม่มีสิทธิ์บังคับให้เธอไปกินข้าวด้วย หล่อนเอ่ยอย่างเสียดาย “โอเค แต่ว่าลดน้ำหนักก็ต้องดูแลสุขภาพด้วยนะ ความจริงเธอก็ผอมมากอยู่แล้ว”
“เหรอคะ” ซย่าเสี่ยวมั่วค่อนข้างรู้สึกถูกชะตากับ Belleตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ แต่เธอไม่รู้จะพูดอะไรกับหล่อนดี
เบลล์นั่งอยู่ต่อสักพัก ต่างฝ่ายต่างรู้สึกอึดอัด บรรยากาศค่อนข้างมาคุ เธอคิดว่าไม่ควรจะอยู่ต่อนานกว่านี้ จึงเอ่ยลาซย่าเสี่ยวมั่ว
พอเบลล์ออกไปซย่าเสี่ยวมั่วก็นอนแผ่ลงบนโซฟา ผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งนิสัยดีอย่างหล่อน ถ้าเธอเป็นผู้ชายก็คงหลงรักตายเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้ชายที่มีเซ้นส์เรื่องผู้หญิงดีแบบเหยียนเค่อ
เสินมั่วหลีพาเหยียนเค่อไปกินข้าวที่โรงอาหาร ดึงดูดสายตาเกือบทุกคู่ที่นั่น
“พวกเพื่อนของพี่มองผมแบบประหลาดๆ” เหยียนเค่อรับถาดอาหารมาจากเสิ่นมั่วหลี ตักข้าวใส่ถ้วย จากนั้นก็เดินไปหาที่นั่งกัน
“ปล่อยไปเถอะ”
แต่ก่อนเสิ่นมั่วหลีกินข้าวคนเดียวตลอด บางครั้งอาจมีกินกับเสิ่นจิ้งเฉิน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีคนมานั่งกินข้าวด้วย ไม่แปลกหรอกที่พวกเพื่อนเขาจะดูตกใจ
“อาหารที่นี่รสชาติแย่กว่าที่ YAN อีกนะ” เหยียนเค่อนึกถึงครั้งที่เขากลับไปกินอาหารที่โรงเรียนเก่า ยิ้มนิดๆ ”แต่ถือว่าดีกว่าโรงอาหารของโรงเรียนทั่วไปเยอะ”
“นี่ยังไม่อร่อยอีกหรอ” ระบบดูแลของโรงอาหารที่นี่ถือว่าดีมากแล้วนะ ยังสู้ YAN ไม่ได้อีกหรอ อย่างนั้นอาหารของ YAN มันจะอร่อยขนาดไหนกันนะ
“ก็ถือว่าพอได้” เหยียนเค่อเอ่ยงึมงำขึ้นมาคำหนึ่ง “อาหารที่ไหนก็อร่อยสู้เธอทำไม่ได้”
เอาจริงๆนะ ตอนนี้เสิ่นมั่วหลีเพิ่งรู้สึกว่าตนเองโดนเหยียนเค่อแสดงความรักที่มีต่อซย่าเสี่ยวมั่วให้เขาดูทั้งวัน มันทำร้ายเขายิ่งกว่าตอนที่เสิ่นจิ้งเฉินแสดงความรักกับแฟนเก่าของเจ้าตัวเสียให้ดูอีก
“ฉันจะรอวันที่ร่วมมือกับ YAN แล้ว หวังว่าคงจะมีที่ให้ฉันไปกินข้าวนะ” เสิ่นมั่วหลีรู้สึกว่าเขาก็ทนมาพอแล้วกับการที่ต้องนั่งกินข้าวคนเดียวทุกวันที่โรงอาหาร
เหยียนเค่อยิ้ม พูดชี้ทางสว่างให้เสิ่นมั่วหลี “การหาภรรยาที่ทำกับข้าวได้เป็นเรื่องสำคัญนะ”
เสิ่นมั่วหลียิ้มไม่ออกกับคำพูดของเหยียนเค่อ เอ่ยถามอย่างจริงจัง “อย่างนั้นถ้าฉันแต่งกับผู้หญิงที่ทำกับข้าวไม่เป็น คงต้องไปเปิดร้านอาหารแทนใช่ไหม”
“พี่แต่งกับผู้ชายที่ทำอาหารเป็นแทนก็ได้”
คำพูดนี้นี่ได้รับการถ่ายทอดมาจากซย่าเสี่ยวมั่วใช่ไหม กล้าคิดว่าเขาชอบผู้ชายเหรอ เสิ่นมั่วหลีตั้งใจกินข้าว แค้นนี้เขาจะไปคิดบัญชีกับซย่าเสี่ยวมั่วแทน และจะเพิ่มให้อีกเท่าตัวด้วย
ตอนที่ 504 จนปัญญา
ขณะที่เหยียนเค่อกับซย่าเสี่ยวมั่วทำสงครามเย็นกันอยู่นั้น ฝ่ายของสวีอันหรานก็ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่
หลังจากเขากลับมาก็รู้สึกว่าเวลาสวีรั่วชีพูดกับเขาน้ำเสียงมันแฝงไปด้วยความโกรธ แต่เขาก็ไม่กล้าโมโหใส่หล่อน ทั้งคู่เลยได้แต่เก็บไว้
“สวีรั่วชี เก็บของกลับบ้านเราเถอะ” สวีอันหรานทนไม่ไหวแล้ว ยิ่งเห็นกระเป๋าเดินทางและของใช้ของหล่อนยังวางอยู่ในห้องนอนรับแขก ก็ยิ่งโมโหแทบบ้า
สวีรั่วชีไม่สนใจสักนิดเดียว “ฉันบอกกับซย่าเสี่ยวมั่วแล้วว่าจะอยู่ที่นี่อีกอาทิตย์หนึ่ง” ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเป็นสวีอันหรานที่กลับมาก่อนกำหนดหนึ่งอาทิตย์เอง
สวีอันหรานเหนื่อยก็เหนื่อยแต่รีบกลับมาขนาดนี้เพราะใครกันล่ะ ตอนนี้ยังต้องมารองรับอารมณ์ของหล่อนอีก
“มีอะไรพูดออกมาตรงๆได้ไหม อย่าเป็นแบบนี้” สวีอันหรานยังคงใช้น้ำเสียงอ่อนโยนงอนง้อหญิงสาว แต่สวีรั่วชีกลับไม่รู้สึกอะไรเลย
“ไม่มีอะไรหนิ” สวีรั่วชีเชิดคอตรง ใครมองก็รู้ว่ามีอะไรปิดบัง
สวีอันหรานปวดหัว แต่ก่อนตอนเขาสองคนยังไม่ได้คบกัน สวีรั่วชีง้อง่ายมาก ทำไมตอนนี้ยิ่งใกล้ชิดกันยิ่งรู้สึกว่ามากยากขึ้น เรื่องอะไรก็ตามถ้าเขาอยากรู้ต่อให้เป็นเรื่องของเมืองจิงตู เขาที่อยู่เมือง N ก็สามารถรับรู้ได้ แต่เขาหาสาเหตุไม่ได้จริงๆว่าสวีรั่วชีโกรธเขาเรื่องอะไร
ทั่งคู่นั่งนิ่งอยู่บนโซฟา ขณะที่เงียบกันอยู่ทั้งคู่นั้นประตูห้องก็เปิดออก ทั้งคู่หันไปมองทางประตูพร้อมกัน
บรรยากาศที่เงียบผิดปกติทำให้ซย่าเสี่ยวมั่วตกใจ เธอแอบมองผ่านช่องว่างของชั้นหนังสือ พอมองเห็นทั้งคู่ก็รีบหมุนตัวจะเดินหนีออกไป
แต่สวีอันหรานเรียกซย่าเสี่ยวมั่วเอาไว้ก่อน หากหล่อนไม่เดินเข้ามา เขากับสวีรั่วชีก็ไม่รู้จะจัดการกับบรรยากาศตอนนี้ยังไงดี
“ช่วงนี้ยังไงก็รบกวนฝากเสี่ยวชีด้วยนะ” เดิมทีสวีอันหรานอยากปรึกษากับสวีรั่วชีเรื่องงานแต่งงาน แต่ดูจากลักษณะของสวีรั่วชีตอนนี้ หากถูกเร่งมากไปอาจจะโมโหไม่แต่งเลยก็เป็นได้
ซย่าเสี่ยวมั่วไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างสองคนนี้ เมื่อคืนตอนที่สวีอันหรานโทรมาหาเสี่ยวชีก็ยังเห็นยังคุยกันดีๆอยู่ ทำไมตอนนี้กลายเป็นแบบนี้แล้ว
สวีอันหรานลุกขึ้นยืน เอื้อมไปหยิบเสื้อสูทที่วางพาดไปตรงโซฟา เตรียมตัวกลับบ้าน
ซย่าเสี่ยวมั่วขยับถอยห่างจากประตูหลบให้สวีอันหราน เห็นว่าสวีรั่วชีไม่คิดจะขยับ เธอเลยเดินออกไปส่งสวีอันหรานเอง
“สรุปพวกนายสองคนมีเรื่องอะไรกันแน่ ทำไมดูร้ายแรงจัง” ตอนแรกซย่าเสี่ยวมั่วนึกว่าทั้งคู่แค่มีปากเสียงกันนิดหน่อย แต่ดูจากลักษณะท่าทางของสวีรั่วชีน่าจะไม่ใช่แบบนั้น
สวีอันหรานถอนหายใจ ความเหนื่อยล้าจากการอดนอนเผยให้เห็นผ่านขอบตา ชายหนุ่มนวดขมับ ไม่รู้จะเล่าให้ซย่าเสี่ยวมั่วฟังอย่างไร “ผมก็ไม่แน่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น อาจเป็นเพราะเธอไม่อยากเห็นหน้าผม”
เป็นครั้งแรกที่ซย่าเสี่ยวมั่วเห็นคนที่สุขุมอ่อนโยนอย่างสวีอันหรานทำหน้าหมดหวังแบบนี้ จึงเอ่ยปลอบใจ “อย่าคิดอะไรแบบนั้น สวีรั่วชีไม่มีทางไม่อยากเห็นหน้านายหรอก คงเป็นเพราะกำลังท้องเลยอารมณ์ไม่ดี”
“ขอบคุณ” สวีอันหรานฝืนยิ้ม “ฝากเสี่ยวชีด้วยนะ เกิดอะไรขึ้นโทรหาผมได้ทันที”
“ได้ นายไม่ต้องห่วง ฉันต้องดูแลเธออยู่แล้ว” ซย่าเสี่ยวมั่วพยักหน้ารับ เธอก็ไม่อยากเห็นทั้งคู่เป็นแบบนี้ต่อไป
“ฉันว่าช่วงนี้นายอย่างเพิ่งโทรมาหาเสี่ยวชีดีกว่า รอให้เธอทนไม่ได้ก็คงจะเป็นฝ่ายโทรหานายแทน”
สวีอันหรานกำลังจะเอ่ยพูด ก็โดนซย่าเสี่ยวมั่วพูดแทรกขึ้น “ถ้านายคิดถึงเธอ ฉันจะพาเธอออกไปให้นายเห็นเอง”
เห็นสวีอันหรานเป็นแบบนี้เธอก็อดยิ้มไม่ได้ รู้สึกเห็นใจชายหนุ่ม แต่ตอนนี้คนท้องสำคัญที่สุด เธอคงทำได้แค่นี้ เรื่องอื่นก็จนปัญญาเหมือนกัน