ตอนที่ 535 เรื่องเดียวที่อึดอัด
“เธอก็น่าจะรู้ดีนะ ในพวกฉันทั้งหมด มีแต่ยืนข้างฉันเท่านั้นถึงจะไม่โดนเปรียบเทียบมากนัก”
ซย่าเสี่ยวมั่วเหล่ไปมองชายหนุ่ม หมอนี่พูดจาให้เข้าหูคนไม่เป็นสินะ
วันนี้เหยียนเค่อเปลี่ยนมาใส่ชุดสูทสีขาว ซึ่งเป็นคนละแบบกับฉินซื่อหลาน ของชายหนุ่มเป็นชุดสูทมีกระดุมทั้งสองด้าน ส่วนด้านในก็ใส่เป็นเสื้อเชิ้ตผ้าไหมสีดำล้วน ทำไมถึงดูดีขนาดนี้นะ
“เออ เมื่อกี้เธอจะพูดว่าอะไรนะ ยังพูดไม่จบเลย” ฉินซื่อหลานเห็นหญิงสาวมองจ้องไปที่ด้านหลังของเหยียนเค่อก็ไม่กล้าเอ่ยล้อเล่น จึงทำได้แต่ขัดจังหวะการชื่นชมของหล่อน
ซย่าเสี่ยวมั่วหันไปมองชายหนุ่มอย่างงงๆ คิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง “อ๋อ ฉันจะบอกว่า ฉันสงสัยว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ในห้องพักฉัน”
“ทำไม” ฉินซื่อหลานไม่เข้าใจความคิดหล่อน
ซย่าเสี่ยวมั่วเอ่ยด้วยความสงสัยอย่างหนัก “เมื่อเช้าพอฉันตื่นขึ้นก็เห็นผ้าห่มคลุมอยู่บนตัวฉันทั้งๆที่มันควรจะอยู่ในตู้”
เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล
ฉินซื่อหลานคาดเดา “น่าจะเป็นเพราะเธอเดินละเมอไปหยิบมา”
เขาไม่เชื่อพวกเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติ ในทางการแพทย์การมองว่าเป็นการเดินละเมอไปหยิบดูน่าเชื่อถือกว่าบอกว่ามีผีอยู่เป็นไหนๆ
สีหน้าของเหยียนเค่อที่เดินอยู่ด้านหน้ายังคงนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง สวีอันหรานหันมองเหยียนเค่อแวบหนึ่งจากนั้นก็ยิ้มอย่างนึกสนุก
“เป็นการกระทำของคน เธออย่าคิดมากเลย”
ซย่าเสี่ยวมั่วพยักหน้า วันนี้เป็นวันแต่งงานของสวีอันหราน ไม่ควรพูดเรื่องอะไรแบบนี้หรอก
“ฉันเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าตอนกลางคืนนายมีนิสัยชอบแอบย่องไปนู่นไปนี่” สวีอันหรานแกล้งเอ่ยล้อเลียนพลางตบบ่าเหยียนเค่อ
“ฉันก็เพิ่งรู้ว่านายชอบเตียงฉันมากขนาดนี้”
สวีอันหรานถูกแขวะกลับก็ถึงกับพูดไม่ออก วันนี้เขาเป็นถึงเจ้าบ่าวเชียวนะ ช่วยไว้หน้ากันหน่อยไม่ได้หรือไง
ฉินซื่อหลานที่อยู่ด้านหลังเอื้อมมือมาเกาะไหล่สวีอันหราน ปลายคางเพยิดไปยังเหยียนเค่อที่อยู่ด้านหน้าสุด “เฮ้ย นายไปแย่งเตียงมันเหรอ”
“ใครแย่ง ฉันแค่จะไปนอนกับมัน แต่เกือบถูกมันเตะลอยออกมาจากห้อง” สวีอันหรานระบายความแค้นให้เพื่อนฟัง
ซย่าเสี่ยวมั่วได้ยินก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
“เธอก็เคยเหรอ” ฉินซื่อหลานหันไปถามซย่าเสี่ยวมั่ว
ซย่าเสี่ยวมั่วสายหน้า “ก็เพราะไม่เคยไง เลยคิดว่ามันตลก” ถ้าเกิดเธอเคยเป็นเหมือนกันตอนนี้ก็คงไปอวดครวญอยู่กับสวีอันหรานแล้ว
“ก็จริง เธอน่าจะเป็นคนเดียวที่นอนเตียงเดียวกับเหยียนเค่อแล้วยังมีชิวิตอยู่ต่อได้”
ซย่าเสี่ยวมั่วได้ฟังก็หน้าแดง ตีไปที่หลังของฉินซื่อหลานเต็มแรง ขนาดเหยียนเค่อที่เดินอยู่หน้าสุดยังได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของฉินซื่อหลาน
ฉินซื่อหลานแค่พูดขึ้นมาลอยๆประโยคหนึ่ง เดิมทีคิดว่าซย่าเสี่ยวมั่วต้องโต้กลับมาว่า “ใครเคยนอนเตียงกับนายนั่นกัน” แต่กลับกลายเป็นโดนโจมตีกลับรุนแรงแบบนี้ เขารู้สึกแทบจะกระอักเลือดแล้ว
สวีอันหรานกลับลูบคางตัวเอง แล้วกระซิบข้างหูของฉินซื่อหลานที่ยังคงเจ็บอยู่ “ดูท่าว่าจะจริงนะ”
ซย่าเสี่ยวมั่วมองคนทั้งคู่กระซิบกระซาบกันอย่างสงสัย เหยียนเค่อหันกลับมามองว่าฉินซื่อหลานเป็นอะไร ทั้งสองสบสายตากันอีกครั้ง แต่ว่าเหยียนเค่อก็เบนสายตากลับอย่างรวดเร็ว ส่วนซย่าเสี่ยวมั่วก็รีบหลบสายตาเช่นกัน ในใจของซย่าเสี่ยวมั่วยิ่งเกิดความรู้สึกอึดอัดมากขึ้นกว่าเดิม
ตอนนั่งรถ ซย่าเสี่ยวมั่วก็รู้สึกอัดอัดอีกครั้ง
ทั้งสี่คนไปด้วยรถคันเดียวกัน ฉินซื่อหลานเป็นคนขับ ยืนฟังสวีอันหรานบอกกำหนดการทั้งหมดอยู่ตรงประตูรถ เหยียนเค่อเข้าไปนั่งที่เบาะหลังรถรอแล้ว ซย่าเสี่ยวมั่วอยากนั่งเบาะข้างคนขับ แต่สวีอันหรานยืนขวางประตูรถอยู่ เบาะหลังก็ดันมีเหยียนเค่อนั่งอยู่
เธอลังเลอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็เอื้อมมือไปเปิดประตูหลัง พอเปิดเสร็จก็ได้ยินฉินซื่อหลานพูด “หรือวันนี้เป็นวันแต่งงานของเธอกับเหยียนเค่อ”
ซย่าเสี่ยวมั่วสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ หันไปมองสวีอันหราน
สวีอันหรานหลบให้หล่อน แล้วช่วยเปิดประตูรถให้ “โทษที” แม้คำพูดจะดูเคร่งขรึมแต่ในใจแอบลอบยิ้ม
ตอนที่ 536 น่าตกตะลึง
เหยียนเค่อมองดูซย่าเสี่ยวมั่วผ่านกระจกติดฟิล์มทึบอย่างห้ามใจไม่ได้ ตอนที่ประตูรถเปิดในใจก็เริ่มรอคอย แต่ว่าต่อมาก็ถูกทำลายลง ประตูรถถูกปิดดังเดิม คนที่เขาคิดถึงไม่ได้ก้าวขึ้นมานั่ง
เหยียนเค่อมองไปทางฉินซื่อหลานอย่างโกรธแค้น น่าจะให้มันเหนื่อยต่ออีกสักสามสี่วัน จะดูสิว่าจะแผลงฤทธิ์อีกไหม
ซย่าเสี่ยวมั่วนั่งเยื้องกับเหยียนเค่อ ภายในรถเต็มมีแต่ความเงียบ แต่ภายนอกกลับมีแต่เสียงพูดคุยของสวีอันหรานกับฉินซื่อหลาน
เหยียนเค่อใช้นิ้วนวดขมับตัวเอง จากนั้นเปิดกระจกรถเรียกฉินซื่อหลาน “ขึ้นมาคุยบนรถ”
พวกเขาจะไปที่ที่พักของสวีอันหรานที่อยู่ไม่ไกลจากที่พักของสวีรั่วชีก่อน พวกเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่มากันก่อนล่วงหน้าเร็วก็ล้วนพักที่นั่น เมื่อพวกเขาเตรียมพร้อมเสร็จเรียบร้อยจึงจะไปหาสวีรั่วชี
“ถ้าไม่ใช่เพราะสมองฉันไม่แล่นจู่ๆดันอยากไปนอนกับนายเมื่อคืน วันนี้ฉันคงไม่ต้องตื่นเช้าขนาดนี้” หลังจากขึ้นมาบนรถสวีอันหรานก็เริ่มบ่น
เหยียนเค่อไม่อยากอยู่รวมกับคนพวกนั้นเลยแยกออกมาพักโรงแรม อีกอย่างที่พักก็เต็มแล้ว ทำให้บางส่วนที่มาถึงทีหลังต้องมาพักโรงแรมเหมือนกัน
“ทำอย่างกับว่านอนหลับได้อย่างนั้นแหล่ะ” เหยียนเค่อเอ่ยพูดด้วยเสียงราบเรียบ ดูได้จากไปหน้าที่ยิ้มแย้มจนไม่รู้จะยิ้มอย่างไรของสวีอันหรานก็รู้ได้ว่าเขามีความสุขขนาดไหน
ใบหน้าสวีอันหรานเต็มไปด้วยการรอคอย “นอนไม่หลับ แต่ก็รอให้นายมารับได้ จากนั้นเราค่อยไปรับเสี่ยวชี”
“ฝันไปเถอะ” เหยียยนเค่อรับไม่ได้กับคำพูดฝันหวานของสวีอันหราน
ฉินซื่อหลานก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ “อันหรานนายดีใจเกินใช่ไหม ทำไมรู้สึกเหมือนนายยังไม่ตื่นเต็มที่”
ซย่าเสี่ยวมั่วหยิบลิปสติกออกมาจากกระเป๋า ไม่ได้สนใจในสิ่งที่พวกชายหนุ่มพูดกัน
สวีอันหรานกำลังจะโต้กลับก็ถูกเหยียนเค่อกดดันด้วยสายตา ทั้งคู่จ้องกันอยู่ครู่หนึ่ง จนสวีอันหรานนึกสงสัยว่าวันนี้เป็นตนแน่ใช่ไหมที่จะแต่งงาน
“เสี่ยวมั่ว ยังไม่ได้แต่งหน้าใช่ไหม”
“ฮะ” ซย่าเสี่ยวมั่วกำลังเหม่อ ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองก็ดึงสติกลับมา แล้วพยักหน้า “อืม”
“อย่างนั้นจะไปแต่งที่บ้านเสี่ยวชีใช่ไหม”
ซย่าเสี่ยวมั่วพึมพำ “ที่โน่นแต่งไม่ได้ไม่ใช่หรือไง”
สวีอันหรานรู้ว่าภรรยาตนเองท้องจึงแต่งหน้าไม่ได้ จึงเอ่ยออกไปตามสถานการณ์ “อย่างนั้นก็แต่งบนรถนี่ แหล่ะ”
ซย่าเสี่ยวมั่วยู่ปาก พยักหน้ารับ “อือ”
ภายในรถเงียบ ซย่าเสี่ยวมั่วหยิบแปรงมาปัดหน้า พอรถหยุดตรงไฟแดงฉินซื่อหลานเลยหันไปมองซย่าเสี่ยวมั่วอย่างสนใจ “ตอนหน้าสดสวยกว่า”
ซย่าเสี่ยวมั่วกลอกตาใส่ชายหนุ่ม เธอเพิ่งจะแค่ทาลิปสติกเองเขาก็มองรู้แล้วเหรอว่าเธอแต่งหน้าไม่สวย มีตาวิเศษหรือไงกัน
ฉินซื่อหลานก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง พอไฟเขียวก็หันไปตั้งใจขับรถ
เทคนิคการแต่งหน้าของซย่าเสี่ยวมั่วดีมาก ขนาดการเขียนตายังเก่งกว่าช่างแต่งหน้ามืออาชีพบางคนด้วยซ้ำ พอแต่งเสร็จหญิงสาวก็เก็บของเข้ากระเป๋า ฉินซื่อหลานหันมองหล่อนอย่างละเอียดอีกรอบ จนเกือบจะขับรถชนต้นไม้
เหยียนเค่อตบไปที่ด้านหลังเบาะของฉินซื่อหลาน “ขับดีๆหน่อย!”
ฉินซื่อหลานรู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับความยุติธรรม “เพราะหล่อนนั่นแหล่ะ”
สวีอันหรานเขยิบไปทางเหยียนเค่อแล้วมองจ้องไปที่ใบหน้าด้านข้างซย่าเสี่ยวมั่ว น่าตะลึงจริงๆ มิน่าฉินซื่อหลานถึงตะลึง ในใจเริ่มรู้สึกอันตราย “เสี่ยวมั่ว เธอสวยขนาดนี้ เสี่ยวชีของฉันจะไปเทียบได้อย่างไร”
ซย่าเสี่ยวมั่วก็ตกใจ ตนเนี่ยนะสวย? เธอเหลือบไปมองเหยียนเค่อแวบหนึ่ง จากนั้นหันไปมองสวีอันหรานแล้วเอ่ย “ไม่หรอก เสี่ยวชีเป็นตัวเอกของงาน อีกอย่างฉันไม่เป็นเพื่อนเจ้าสาว”