ตอนที่ 545 เข้างาน
พอถึงชายหาดก็เห็นบรรดาสื่อต่างๆ ยืนออกันอยู่เต็มไปหมด
สวีอันหรานกับสวีรั่วชีได้รับการคุ้มครองพาเข้าไปด้านในพิธีก่อน เสิ่นจิ้งเฉินลงจากรถมองไปรอบๆ ก็แทบถูกพวกนักข่าวที่กรูกันเข้ามาทำให้ตกใจแทบช็อค รีบกลับไปขึ้นรถไม่กล้าออกไป
เหยียนเค่อที่เดิมที่ก็ไม่ชอบเสวนากับพวกนักข่าวอยู่แล้วไม่มีทางลงไปแน่นอน ซย่าเสี่ยวมั่วก็พอมีชื่อเสียงอยู่บ้างลงไปตอนนี้ก็ไม่รอดแน่ๆ
ทั้งสามคนจึงทำได้เพียงรอให้นักข่าวซาไปก่อนจึงจะลงจากรถ
เสิ่นจิ้งเฉินพึมพำอย่างไม่สบอารมณ์ “ไหนบอกว่าไม่แถลงข่าวไง ทำไมนักข่าวเต็มไปหมดเลย”
“ด้านในเข้าไปไม่ได้หรอก เลยไม่แปลกที่จะยืนออกันเต็มด้านนอกแบบนี้” เหยียนเค่อไม่แปลกใจเลยสักนิด
พวกนักข่าวพวกนี้อยากได้ข่างานแต่งใหญ่แบบนี้นี้ไปเขียนข่าวกันทั้งนั้น ต่อให้ไม่ได้เข้าไปในงานก็ต้องมาอยู่แล้ว
เสิ่นจิ้งเฉินมองออกไปด้านนอก จำนวนนักข่าวยังคงเยอะอยู่ พนักงานรักษาความปลอดภัยก็ยังไม่มา พวกเขาจึงทำได้เพียงนั่งรออยู่บนรถ
“นายพาซย่าเสี่ยวมั่วเข้าไป เดี๋ยวทางนี้ฉันรับมือเอง” เสิ่นจิ้งเฉินกวักมือเรียกการ์ดที่ยืนอยู่ข้างรถสองคน กะว่าจะเดินเข้าไปในงานแบบนี้เลย
“พวกนายสองคนไปทางเส้นทางลับ พาพวกที่เหลือไปด้วย”
“แล้วนายล่ะ” เสิ่นจิ้งเฉินมองเหยียนเค่ออย่างตกใจ
ซย่าเสี่ยวมั่วเงี่ยหูฟังคนทั้งคู่วางแผนกัน โดยตัวเองแกล้งนั่งนิ่งๆ
เดิมทีเหยียนเค่อก็ไม่ได้อยากมาร่วมงานแต่งอยู่แล้ว จะเข้าไปตอนไหนก็เหมือนๆ กัน “พวกนั้นแยกย้ายเมื่อไหร่ก็เข้าไปเมื่อนั้นแหล่ะ”
…การที่เขามาร่วมงานครั้งนี้ก็เป็นเพราะมันเลี่ยงไม่ได้จริงๆ
เสิ่นจิ้งเฉินเห็นท่าทางของเพื่อนก็ไม่ได้เซ้าซี้ต่อ ดึงซย่าเสี่ยวมั่วลงจากรถ
ตัวซย่าเสี่ยวมั่วถูกเสิ่นจิ้งเฉินหนีบไว้ที่แขนแล้วพาวิ่งไปเส้นทางลับ
“ดีนะที่เธอผอม ถ้าเป็นสวีอิ๋งอิ๋งพี่คงเหนื่อยตายแน่ๆ ” เมื่อเข้ามาในงานได้เรียบร้อย เสิ่นจิ้งเฉินก็รีบหาที่นั่งพัก
ความจริงช่วงที่ซย่าเสี่ยวมั่วลดความอ้วนก็ดูเหมือนยังไม่ค่อยเห็นผลเท่าไหร่นัก แต่ช่วงที่เธอออกไปเที่ยวหนึ่งอาทิตย์นั้นเธอพยายามทำให้น้ำหนักกลับมาเท่าเดิมแต่ก็กลายเป็นว่าผอมลงกว่าเดิมสองกิโล คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะถูกหนีบวิ่งเข้ามาในงาน
“ฉันไม่อยากผอมขนาดนี้ คนผอมไม่หน้าอกแบนก็เตี้ย แต่ฉันดันเป็นทั้งสองอย่างเลยนี่”
เสิ่นจิ้งเฉินหัวเราะ “อย่างนั้นเธอก็ยิ่งไม่ควรอ้วน ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็น อ้วน หน้าอกแบน เตี้ย”
ความจริงเสิ่นจิ้งเฉินคิดว่ารูปร่างก็น้องตนก็สมส่วนดี ไม่ถึงกับหน้าอกแบน ส่วนสูงก็ตามมาตรฐาน แต่หากถ้าเอาไปเปรียบเทียบกับสวีรั่วชีก็ยังถือว่าเตี้ย
“พี่” ซย่าเสี่ยวมั่วเงื้อมีตีไปที่แขนของพี่ชาย แล้วคุยกับชายหนุ่มอย่างจริงจังในเรื่องนี้ “ฉันรู้สึกว่าวันนี้พี่ไม่รักเลยฉันเลย”
“เธอต้องเข้าใจว่าพี่ชายเธอไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองก็ต้องได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเป็นธรรมดา” เสิ่นจิ้งเฉินพูดจาเรื่อยเปื่อยให้หล่อนฟัง
ซย่าเสี่ยวมั่วไม่อยากเสียเวลาพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องกับพี่ชายตนเอง เอาเท้าไปเขี่ยทรายเล่น รอพิธีอย่างเป็นทางการเริ่ม
“ถอดรองเท้าก่อนค่อยเล่น” เสิ่นจิ้งเฉินคิดว่าผู้หญิงปล่อยความเป็นธรรมชาติของตัวเองออกมา อีกอย่างที่สวีอันหรานเลือกจัดงานบนหาดทรายก็เพราะไม่อยากให้พวกเพื่อนเจ้าสาวดูสูงไปกว่าสวีรั่วชี
ซย่าเสี่ยวมั่วไม่เคยรู้ว่าต้องใส่ใจอะไรแบบนี้ด้วย ก้มลงไปถอดสายรองเท้าแล้วเตะรองเท้าไปวางไว้ที่ใต้เก้าอี้
ซย่าเสี่ยวมั่วอยากลงไปนั่งบนทรายเลยด้วยซ้ำ หล่อนหยิบแก้วไวน์มาแล้วใส่ทรายลงไปในแก้วเอาเอามานั่งเล่นบนโต๊ะ
เสิ่นจิ้งเฉินเห็นน้องสาวนั่งเล่นสนุกอยู่คนเดียว มุมปากยังคงยักยิ้มอยู่อย่างนั้น สักพักก็รู้สึกว่ามีคนเดินมาทางตนจึงหันหน้าไปมองเห็นเหยียนเค่อที่ยืนอยู่ไม่ไกลจึงโบกมือเรียก “ทางโน้นเคลียร์หมดแล้วเหรอ”
เหยียนเค่อจ้องมองผมของซย่าเสี่ยมั่วอยู่สักพัก จากนั้นก็เบนสายตาหนี “อืม เรียบร้อยหมดแล้ว”
ซย่าเสี่ยวมั่วได้ยินเสียงชายหนุ่ม ก็แอบเอาเท้าไปเขี่ยรองเท้าที่อยู่ใต้เก้าอี้มาใส่ให้เรียบร้อย แล้วหันไปพูดกับเสิ่นจิ้งเฉิน “ฉันไปหาเสี่ยวชีที่โต๊ะนั้นนะ” จากนั้นก็คว้าแก้ววิ่งไป
เหยียนเค่อมองตามไปนิ่งๆ จนเห็นว่าหล่อนวิ่งไปถึงโต๊ะหน้าสุดอย่างปลอดภัยจึงได้นั่งลงตรงที่นั่งเดิมของหล่อน
ตอนที่ 546 ไม่อยากเห็น
“นายกับซย่าเสี่ยวมั่วมันอย่างไรกันแน่” เสิ่นจิ้งเฉินรู้ว่าคราวที่แล้วซย่าเสี่ยวมั่วทำให้เหยียนเค่อโกรธ แต่ทั้งคู่ทำสงครามเย็นกันนานเกินไปจนดูไม่สมเหตุสมผล
เหยียนเค่อไม่เอ่ยพูด หยิบแก้วเบียร์ดื่ม
“ฉันกับซย่าเสี่ยวมั่วไม่ได้มีอะไรกัน นายห้ามคิดไปไกลนะ” เสิ่นจิ้งเฉินรีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลม อธิบายให้เพื่อนตนฟัง
เหยียนเค่อเหล่มองเสิ่นจิ้งเฉิน แล้วพูดอย่างเนือยๆ “เธอไม่อยากเห็นหน้าฉัน ไม่เกี่ยวกับนายหรอก”
“เธอไม่อยากเห็นหน้านาย?” เสิ่นจิ้งเฉินชี้ไปที่หล่อนซึ่งอยู่ห่างออกไป เรื่องของความรู้สึกนี่มันช่างซับซ้อนจริงๆ
“หืม?”
“ไม่เชื่อเหรอไง” เหยียนเค่อไม่ใช่คนตาบอด เขาไม่ได้โกรธที่ซย่าเสี่ยวมั่วอยู่ใกล้ชิดกับเสิ่นจิ้งเฉิน แต่เขาโมโหที่พอหล่อนเห็นหน้าเขาแล้วต้องเว้นระยะห่างทุกครั้ง
เสิ่นจิ้งเฉินส่ายหน้าแล้วก็รีบเปลี่ยนเป็นพยักหน้า ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตนจะส่ายหน้าหรือพยักหน้าดี
เหยียนเค่อหัวเราะเบาๆ “ทำไมฉันรู้สึกว่าสติปัญญานายมันคืนให้มนุษย์ยุคหินไปหมดแล้วล่ะ”
“ทำไมนายรู้ว่าทุกวันนี้ฉันกำลังศึกษาเรื่องมนุษย์ยุคหินบนภูเขาอยู่ล่ะ” ได้ยินคำนี้เสิ่นจิ้งเฉินแทบอยากกระอัก “ฉันแทบจะตายอยู่ที่นั่นอยู่แล้ว”
เหยียนเค่อไม่คิดว่าปฏิกิริยาตอบสนองกลับของเสิ่นจิ้งเฉินจะรุนแรงขนาดนี้ อยากจะดึงมือที่ถูกเสิ่นจิ้งเฉินบีบอยู่ออก ชายหนุ่มเอ่ยเตือน “ปล่อยมือฉันซะ”
“ไม่ ถ้านายจะแต่งงานกับยายสวีอิ๋งอิ๋งนั่น แต่งกับฉันแทนเสียยังดีกว่า ฉันจะได้ไม่ต้องทำงานแล้ว”
เสิ่นจิ้งเฉินเหิมเกริมจับมือของเหยียนเค่อไปลูบแก้มตน เหยียนเค่อสะอิดสะเอียนจนแทบอยากจะถีบเพื่อนตน
พอซย่าเสี่ยวมั่วเดินมานั่งข้างหน้าก็รู้สึกว่าตนตัดสินใจผิด หันมองสวีอิ๋งอิ๋งที่นั่งอยู่ด้านซ้ายมือและมู่หยางที่นั่งอยู่ด้านขวา ส่วนตนนั่งนิ่งๆ ไม่พูดไม่จาอยู่ตรงกลาง ส่วนแก้วเบียร์ถูกเธอฝั่งกลบไว้ในทรายตอนกลับก็คงต้องขุดมันขึ้นมา
“ตกลงคุณอายุเท่าไหร่กันแน่” มู่หยางเห็นซย่าเสี่ยวมั่วก็ตาวาว ตะลึงจนต้องเอ่ยชม
ซย่าเสี่ยวมั่วเลือกที่จะเงียบ สายตามองไปยังสวีรั่วชี
ทำไมเธอถึงไม่รู้ว่าเพื่อนเจ้าบ่าวของสวีอันหรานมีมู่หยางด้วย แถมยังยืนกรานให้ฉินซื่อหลานกับเซ่าหมิงฟ่านไปคู่กับสวีอิ๋งอิ๋ง
หลังจากที่ซย่าเสี่ยวมั่วเสนอเรื่องนี้ สวีรั่วชีก็แจ้งเหตุผลที่เธอเถียงไม่ได้ “อย่างไรซะสวีอิ๋งอิ๋งก็ถือเป็นพี่สะใภ้ของพวกเขาให้มาจับคู่กับคงไม่เหมาะ”
ในใจซย่าเสี่ยวมั่วก็รู้ดีว่า คงกำหนดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าให้มู่หยางมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว
“ผมชื่อมู่หยาง คุณคือซย่าเสี่ยวมั่วใช่ไหม” มู่หยางยังคงสนใจในตัวซย่าเสี่ยวมั่วแม้ว่าจะถูกหล่อนเย็นชาใส่
ซย่าเสี่ยวมั่วรู้แต่ว่าชายหนุ่มคือหลายชายของตระกูลมู่ สำหรับชื่อของเขาเธอไม่ได้รู้สึกสนใจอยากจะรู้สักนิด ได้ยินเขาแนะนำตัวก็พยักหน้าให้ส่งๆ
ฉินซื่อหลานกับเซ่าหมิงฟ่านยุ่งจนหาตัวไม่เจอ แล้วทำไมสองคนนี้มานั่งเชิดหน้าชูตาคุยเล่นกับเธออยู่ตรงนี้ล่ะ
ซย่าเสี่ยวมั่วอดที่จะเอ่ยเตือนขึ้นไม่ได้ “พิธีใกล้เริ่มแล้ว พวกคุณไม่คิดไปช่วยหน่อยหรือไง”
มู่หยางเห็นว่าหล่อนเริ่มพูดกับตนก็ดีใจ เอ่ยบอกหล่อน “เดี๋ยวพวกเราขึ้นไปยืนเฉยๆ ก็ได้แล้ว ตอนนี้ไม่ต้องรีบ”
“อ้อ” ซย่าเสี่ยวมั่วยิ้มไม่ออก ถ้าไม่ได้โดนสวีรั่วชีกำชับมาว่าเธอต้องนั่งตรงนี้จ้างให้ตายเธอก็ไม่มานั่งหรอก
ไม่นานเท่าไหร่ พิธีก็เริ่มขึ้น พวกเขาทั้งคู่ก็ไปแล้ว ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกสบายหูขึ้นมาก หยิบแก้วเบียร์ขึ้นมาจากกองทรายกะว่าเดี๋ยวค่อยมองหาที่ทิ้ง
ซย่าเสี่ยวมั่วแอบหันไปมองเหยียนเค่อ ในใจรู้สึกมีความสุขแต่ก็รู้สึกเศร้าไปด้วย เสียงเพลงบรรเลงดังขึ้นเธอจึงกะจะหันกลับไปมองที่เวทีแต่สายตาก็ไปประสานกับเสิ่นจิ้งเฉินเข้าพอดี
เสิ่นจิ้งเฉินเริ่มสบสน นี่คือสิ่งที่เหยียนเค่อเรียกว่าไม่อยากเห็นหน้าเหรอ? น้องสาวเขาแอบมองมาทางนี้อยู่เป็นนาน เฮ้อ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทั้งคู่กำลังคิดอะไรกันอยู่