ตอนที่ 551 เรื่องขายหน้า
เหยียนเค่อตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นไม่รู้เหมือนกันว่าตนเองกลับมาที่ห้องได้อย่างไร มึนหัวนิดหน่อยแต่โดยรวมก็ยังไม่เป็นอะไรมาก
กำลังจะลุกจากเตียงไปกินน้ำก็ได้ยินเสียงเปิดประตู เซ่าหมิงฟ่านถือถ้วยน้ำซุปแก้สร้างเมาเดินเขามาเห็นว่าเพื่อนตื่นแล้ว ก็หัวเราะ “อ้าว ทำไมตื่นแล้วล่ะ อันนี้ไม่ใช่ซย่าเสี่ยวมั่วทำนะ”
เหยียนเค่อขมวดคิ้ว มองไปทางเพื่อนอย่างงงๆ “นายพูดอะไร”
“ก็ไม่รู้ว่าเมื่อคืนใครเอาแต่พูดว่าอยากดื่มน้ำซุปที่ซย่าเสี่ยวมั่วทำ ฉินซื่อหลานทำอยู่สิบกว่ารอบแต่ก็โดนนายคว่ำทิ้งหมดเลย”
เมื่อคืนเหยียนเค่อทำพวกเขาขนลุกจริงๆ ตอนนี้เซ่าหมิงฟ่านนึกถึงเรื่องเมื่อคืนก็ยังอดตะลึงไม่หาย เหยียนเค่อจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้ลางๆ ยกมือตบหน้าผาก ชื่อเสียงที่เขาสั่งสมมาทั้งชีวิตถูกทำลายเพราะเรื่องเมื่อคืนนี่แหล่ะ
เมื่อคืนเขาดื่มกับพวกไม่ประมาณตนซีเฉิงจนพวกนั้นเมาล้มไปตามๆกัน ตนเองยังพอประคองสติกลับมาที่โรงแรมได้ แต่พอเจอเซ่าหมิงฟ่านในห้องนอนก็เริ่มประคองสติไม่อยู่ เดินหอบผ้าห่มไปยังห้องข้างๆ
เซ่าหมิงฟ่านมองดูเพื่อนตัวเองล้วงหยิบคีย์การ์ดออกมากระเป๋าแล้วเปิดประตูห้องข้างๆ แล้วก็ตรงไปยังโซฟา ปากพร่ำเรียกซย่าเสี่ยวมั่ว “มั่วมั่ว ฉันอยากกินซุปฝีมือเธอ”
เซ่าหมิงฟ่านมองไปรอบๆห้องถึงได้ตระหนักได้ว่านี่คือห้องของซย่าเสี่ยวมั่ว แต่ว่าภายในห้องกลับไม่มีแม้แต่เงาของหญิงสาว เขาเดินไปปลุกเรียกสติเพื่อน แต่ดูเหมือนก็ไม่ได้ผลอยู่ดี
เหยียนเค่อเลื้อยอยู่บนโซฟาทำท่าทางน่ารัก ไม่ฟังที่เซ่าหมิงฟ่านพูดเลยสักนิด ปากก็เอาแต่เรียกชื่อซย่าเสี่ยวมั่วราวกับอัดเสียงไว้
“มั่วมั่ว มั่วมั่ว มั่วมั่ว…”
เซ่าหมิงฟ่านแทบจะโดนชายหนุ่มล้างสมองอยู่แล้ว สุดท้ายจึงทำได้แค่ไปปลุกฉินซื่อหลานที่หลับไปแล้วให้ตื่นขึ้นมาทำน้ำซุปแก้สร่างเมาให้
ฉินซื่อหลานลองเปลี่ยนอยู่หลายวิธี แต่ก็ถูกเด็กชายเลือกกินอย่างเหยียนเค่อปัดทิ้งหมด เซ่าหมิงฟ่านโมโหจนแทบอยากจะอาศัยตอนชายหนุ่มเมาต่อยเขาไปสักที แต่พอเห็นท่าทางน่าสงสารของเพื่อนที่เอาแต่กอดผ้าห่มของซย่าเสี่ยวมั่วไว้ก็อดใจอ่อนไม่ได้ สุดท้ายก็เลือกที่จะไม่เห็นให้รู้สึกรำคาญใจ เดินกลับห้องไปปล่อยให้เพื่อนอยู่ในนั้นไปคนเดียว
เพียงแต่ว่า…เซ่าหมิงฟ่านชี้ไปที่เตียงกับโซฟา “นายเดินจากโซฟาไปที่เตียงเองเหรอ”
เหยียนเค่อจำเรื่องราวได้ทั้งหมดแล้ว นึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่เขารับไม่ได้มากที่สุด
“นายหุบปากไป เอาซุปมานี่”
เซ่าหมิงฟ่านมองสีหน้าเพื่อนที่ดูนิ่งลง รู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลสักอย่าง ดูเหยียนเค่อที่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้า แต่ก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติเป็นพิเศษ เขาดูไม่ออกจริงๆว่ามันมีอะไรผิดปกติ
จึงลองทางออกไปมั่วๆ “นายทำไอ้นั่นเหรอ”
“แค่ก แค่ก แค่ก” ดีนะไม่สำลักจนตาย
เซ่าหมิงฟ่านเลยคิดออกขึ้นมาทันที เปล่งเสียงออกมาอย่างรู้ทัน “อ๋อ” “เมื่อคืนนายนึกถึงซย่าเสี่ยวมั่วแล้วก็ทำไปด้วยใช่ไหม…”
เซ่าหมิงฟ่านยังพูดไม่ทันจบประโยคก็ถูกเหยียนเค่อกดทับลงบนเตียง เหยียนเค่อเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “หุบปาก”
เซ่าหมิงฟ่านไม่คิดว่าตัวเองจะทายถูก ผู้ชายที่เย็นชาอย่างเหยียนเค่อนึกไม่ถึงว่าจะมีวันที่ควบคุมความต้องการของตัวเองไม่อยู่ ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ
“มีอะไรน่าอายล่ะ” เซ่าหมิงฟ่านรู้สึกสนใจ คุยกับเหยียนเค่อต่อในเรื่องนี้แต่เหยียนเค่อไม่ปริปากพูดสักคำ
“รีบไสหัวออกไป” เหยียนเค่อไม่มีอารมณ์คุยเรื่องส่วนตัวพวกนี้
เซ่าหมิงฟ่านยังไม่ถอดใจวิ่งไปดูในห้องน้ำ ในที่สุดก็หาหลักฐานเจอ แต่ว่าเขาก็ต้องแลกมากับผลลัพธ์ที่ต้องโดน
เหยียนเค่อที่อยากจะถีบเพื่อนอยู่แล้ว คราวนี้เลยเข้าไปเตะไล่เพื่อนออกจากห้องไป
ตอนที่ 552 โดนหัวเราะเยาะ
เซ่าหมิงฟ่านมองประตูที่ปิดลงส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ แล้วก็อดไม่ได้หลุดขำออกมา ในเมื่อเขารู้ความลับของเหยียนเค่อขนาดนี้ต้องรีบไปเล่าให้ฉินซื่อหลานฟัง
เหยียนเค่อรู้สึกปวดหัว นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ขอบเตียงจากนั้นก็มุดตัวเองไปอยู่ในผ้าห่ม
ชื่อเสียงของเขาโดนซย่าเสี่ยวมั่วทำลายหมดแล้วจริงๆ ถ้าเกิดพวกนั้นรู้เรื่องนี้เข้าไม่รู้ว่าจะหัวเราะเยาะกันขนาดไหน
เขาพลิกตัวไปมาอย่างรับไม่ได้อยู่หลายรอบ พอถูกบีบจนไม่มีอากาศหายใจจึงโผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม เส้นผมนุ่มลื่นถูกขยี้จนยุ่งเหยิงไปหมด แต่จู่ๆก็นึกเรื่องนั้นขึ้นมาอีก
“ซย่าเสี่ยวมั่ว!” เหยียนเค่อกัดฟันพึมพำ เอื้อมมือไปหยิบหนังสือที่หล่อนวางไว้ที่หัวเตียงมาเปิดดู ในใจมีความรู้สึกราวกับโดนข่มขืนแล้วไม่รับผิดชอบ
เดิมทีเขายังคิดว่าซย่าเสี่ยวมั่วไม่อยากเห็นหน้าตน เลยกะวางตนเองจะกลับไปก่อนให้หล่อนอยู่เที่ยวต่อที่นี่อีกหน่อย แต่ปรากฏว่าหล่อนกลับไปเร็วกว่าเขาเสียอีก ดังนั้นตอนนี้เขาก็ไม่ต้องรีบกลับไปแล้ว
เซ่าหมิงฟ่านเล่าเรื่องที่ตนไปรู้มาให้ฉินซื่อหลานฟังอย่างออกรสออกชาติ ใบหน้าของฉินซื่อหลานเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“หึหึ คงจะอัดอั้นมานาน”
ทั้งคู่คุยกันอีกสักพัก ผ่านไปไม่เท่าไหร่เรื่องก็ไปถึงหูของสวีอันหราน
เมื่อคืนตอนสวีอันหรานกลับมาถึงสวีรั่วชีก็หลับไปแล้ว พอเปลี่ยนชุดให้หล่อนเสร็จก็เดินไปนอนที่ห้องรับแขกข้างๆ ตื่นมาตอนเช้าก็ยังรู้สึกไม่ค่อยดี พอได้ยินฉินซื่อหลานมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟังก็แทบจะล้มลงไปอีกรอบ
“จริงเหรอ”
“ฉัน ไม่ๆ พี่สามเห็นเองกับตา” ฉินซื่อหลานพอจบก็เงยหน้ามองฟ้าหัวเราะออกมา “ในที่สุดเหยียนเค่อก็มีวันนี้”
สวีอันหรานรู้สึกมึนกว่าเดิม “นี่ฉันตื่นหรือยังเนี่ย ทำไมรู้สึกจะยืนไม่ตรงอีกแล้ว”
ฉินซื่อหลานไม่คิดว่าสีอันหรานจะมีปฏิกิริยาแบบนี้ เอ่ยออกไป “ปลดปล่อยมากไป?”
สวีอันหรานมีสติขึ้นมาทันที “ชิ ฉันไปปลดปล่อยที่ไหนได้ล่ะ คำนี้เก็บไว้ใช้กับเหยียนเค่อเถอะ”
ฉินซื่อหลานกะจะไปล้อเลียนเหยียนเค่อสักหน่อย ตกลงกับสวีอันหรานแล้วว่าจะผลัดกันไป ให้เหยียนเค่อได้รู้ถึงความรู้สึกที่พวกเขาเคยโดนชายหนุ่มล้อบ้าง และที่สำคัญให้พวกเขาได้รู้ถึงความรู้สึกที่ได้ล้อเลียนเหยียนเค่อบ้าง
เหยียนเค่อนั่งอยู่ตรงหน้ากระดานวาดภาพของซย่าเสี่ยวมั่ว ตามองไปตรงหน้าทะเลที่อยู่ด้านนอก ภาพบนแผ่นกระดานยังวาดไม่เสร็จ มีแค่โครงร่างเท่านั้น มีภาพทะเลเป็นพื้นหลังส่วนด้านหน้าเป็นเค้าโครงหน้าคน ชายหนุ่มดูอยู่ครู่หนึ่งก็ไม่ได้สนใจอะไรต่อ ม้วนภาพเก็บใส่ที่เก็บภาพให้เรียบร้อย
กระดานวาดภาพของซย่าเสี่ยวมั่วหล่อนหาซื้อมาใช้พลางๆ แต่ที่เก็บภาพเป็นอันเดิมที่หล่อนเคยใช้อยู่ประจำ ตรงปลายของม้วนเก็บยังมีชื่อของหล่อนที่เป็นสีเงินติดอยู่ อีกทั้งด้านในก็มีภาพอยู่อีกสองสามภาพ
เมื่อเปิดดุก็พบว่าเป็นภาพที่หล่อนเคยวาดเมื่อนานมาแล้ว เหยียนเค่อคลี่ภาพที่ใหญ่ที่สุดออกมาดู เมื่อเห็นภาพปรากฏขึ้นตกหน้าก็ตกตะลึง
“นี่มันคืออะไรเนี่ย” เหยียนเค่อมองภาพด้านข้างของตัวเองอย่างรังเกียจ “ทำไมหน้าถึงขาวขนาดนี้ ริมฝีปากฉันแดงขนาดนี้เลยหรือไง แดงกว่าสีประตูอีก”
เหยียนเค่อคิดว่าซย่าเสี่ยวมั่วต้องเข้าใจอะไรเขาผิดถึงได้ไม่ชอบเขา
หรือว่าเธอจะไม่ชอบคนหน้าหวาน?แต่ว่ามู่หยางหน้าหวานกว่าเขาอีกก็ยังไม่เห็นว่าหล่อนจะรังเกียจเท่าไหร่เลย หรือว่าเป็นเพราะเขายังหน้าหวานไม่พอ?
ไม่สิ ที่จริงหน้าเขาก็ไม่ได้หวานอยู่แล้ว เหยียนเค่อคิดคำนวณ กัดฟันกรอด เก็บภาพนี้เอาไว้ส่วนภาพที่เหลือเก็บใส่คืนให้ซย่าเสี่ยวมั่วตามเดิม