บทที่ 23 ทำไมถึงเป็นคุณ
“ป้าง!”
ภายในอาคารบ้านพักอาศัยระดับไฮเอนด์ สีหน้าของหานหยุนซีเขียวไปหมด ขว้างปาแจกันอย่างบ้าคลั่ง
“ทำไม!”
“เป็นไปไม่ได้ ทำไมถึงไม่ใช่ฉัน!”
“ผู้หญิงคนนั้นคือใคร คือใคร!”
แม่ของเธอตกใจมาก กอดหานหยุนซีเอาไว้แล้วกล่าว: “หยุนซีหนูอย่าโกรธเลย เรายังมีโอกาส คุณชายคนนี้อาจจะไม่ใช่คนที่ส่งสินสอดมาก็ได้!”
“หยุนซี ในกลุ่มแชทของตระกูลก็ได้ถามแล้ว ไม่มีใครได้รับเชิญไปที่เขาจื่อเช่วเลย หานหยู่ถิงก็ยังอยู่บ้าน ดังนั้นสิ่งที่แม่พูดไม่ผิดหรอก อาจจะเป็นเพราะเราคิดผิดไปเอง!”
หานหยุนซีจึงได้ค่อยๆสงบลง กำหมัดไว้แน่น “ใช่ ยังมีโอกาส หนูยังมีโอกาส หนูต้องแต่งเข้าตระกูลมหาเศรษฐีให้ได้”
ในเวลาเดียวกัน หานหยู่ถิงก็กำลังร้องไห้เสียใจอยู่ที่บ้าน
“แม่คะ ทำไมไม่ใช่หนู ทำไมคะ?”
หลิวเซียงหลันสองผัวเมียไม่รู้จะปลอบใจยังไง โชคดีคือลูกสาวบ้านอื่นๆของตระกูลหานก็ไม่ถูกเลือก
ภาพที่ถูกถ่ายโดยโดรนยังคงถูกถ่ายทอดอย่างต่อเนื่อง ผู้หญิงที่คลุมเสื้อคลุมไว้ถูกสายตานับไม่ถ้วนจ้องมองอยู่ เดินเข้าไปในคฤหาสน์สูงศักดิ์
“จุ๊”
หลิวเซียงหลันยิ่งดูยิ่งรู้สึกว่ามันผิดปกติ “นี่มันยังไงกัน คุณชายคนเมื่อกี้ กับคุณหนูคนนี้ ทำไมฉันถึงรู้สึกคุ้นเคยจัง!”
“เมียจ๋า คุณโมโหจนเบลอหรือเปล่า”
“หยุดภาพ แล้วก็ขยายภาพให้ฉัน”
หานเจี้ยนเย่ส่ายหัวกล่าว: “ขยายใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์ บนเขาจื่อเช่วเดิมทีหมอกก็หนาอยู่แล้ว แล้วเป็นกลางคืนอีกด้วย คลิปไม่ชัด ขยายมันก็ยิ่งเบลอ”
“มันน่าแปลกใจจริงๆ!” หลินเซียงหลันพูดพึมพำ
หานหยู่ถิงเช็ดน้ำตา จ้องมองไปที่คลิปอีกครั้ง ก็รู้สึกไม่ปกติเหมือนทั่วไป จู่ๆ เธอก็มีความคิดที่น่าตกใจปรากฏขึ้นมาในหัว: “รูปเงานี้ เหมือนพี่สาวมากเลย หรือว่า……….
ไม่ใช่ไม่ใช่ พี่สาวแต่งงานไปแล้ว อีกอย่างเธอก็ไปที่สวนสาธารณะหลิงหู
ความคิดนี้ได้ถูกหานหยู่ถิงหักล้างไปแล้ว
……
เขาจื่อเช่ว ที่คฤหาสน์สูงศักดิ์
หานหยู่เยนรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในฝันจริงๆ ใต้ฝ่าเท้าที่เธอเหยียบไว้นี่คือสถานที่ที่ทุกคนในเมืองเจียงใฝ่ฝันที่อยากจะเข้ามา
กรีบกุหลาบลอยเต็มอยู่บนอากาศ เสียงดนตรีที่เข้าสู่จิตวิญญาณ พรมแดงที่สดใสและชวนให้หลงใหล……
ใจกลางห้องโถงที่โอ่อ่าและเจิดจรัส มีกู่เจิงอยู่เครื่องหนึ่ง ผู้ชายที่ใส่สูทกำลังดีดทำนองเพลงอยู่
《ผีพาหยู่》
ท่วงทำนองนี้หานหยู่เยนคุ้นเคยมากนัก เป็นเพลงที่เธอชอบที่สุดเพลงหนึ่ง ฟังแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
เพลงที่คุ้นเคย แผ่นหลังนี้ก็คุ้นเคย
หัวใจของหานหยู่เยนเต้นระรัว เธอเดินได้ช้ามาก เมื่อเดินมาถึงด้านหลังของชายคนนี้ เพลง《ผีพาหยู่》เล่นจบพอดี
ลุกขึ้น หันมา
“เป็นคุณจริงๆด้วย!”
หานหยู่เยนกุมปากตัวเองเอาไว้ สะดุ้งตกใจ
โล่เฉินดวงตาสดใสเป็นประกาย หัวเราะกล่าว: “ทำไมจะเป็นผมไม่ได้? เพลง《ผีพาหยู่》เล่นได้เป็นยังไงมั่ง นี่เป็นเพลงที่คุณชอบ เพียงแต่มันเป็นเพลงเศร้า ไม่เหมาะกับงานมงคลแบบนี้เลย”
“แต่ว่าคุณชอบฟัง มันก็เลยเหมาะไปเลย ผมเลยดีดให้คุณฟัง!”
“วันนั้นผมบอกว่าผมมีกุญแจของคฤหาสน์สูงศักดิ์ อยากพาคุณมาเที่ยว แต่คุณไม่เชื่อ ไม่มีวิธีแล้ว ผมเลยต้องใช้วิธีนี้เชิญคุณมาที่นี่!”
“พอดีเลย ผมติดค้างการจัดงานแต่งงานให้คุณอยู่!”
หานหยู่เยนตาแดง อยากพูดแต่ว่าพูดไม่ออก
โล่เฉินเดินมาข้างหน้า พลางเช็ดน้ำตาให้เธอ พลางกล่าวกับเธอด้วยความอ่อนโยน “สามปีมานี้ คุณลำบากแล้ว ขอโทษด้วย”
ฮืม!
น้ำตาที่เท่าเม็ดถั่วก็ได้ไหลออกมาทันที น้ำตาของหานหยู่เยนเหมือนดั่งสายฝน
“ทำไม?”
“ผมมีความลำบากของตัวเอง เรื่องเหล่านี้ผมยังบอกกับคุณไม่ได้ รอให้ถึงเวลาก่อน ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”
“คุณมันไอ้สารเลว!”
หานหยู่เยนทุบตีที่หน้าอกของโล่เฉินอย่างบ้าคลั่ง ร้องได้แล้วระบาย “คุณรู้หรือไม่ ว่าสามปีมานี้ฉันถูกคนพวกนั้นดูถูกเยาะเย้ยมันทรมานแค่ไหน คุณรู้มั้ยว่าฉันอยากมีผู้ชายสักคนคอยปกป้องฉัน รักเอ็นดูฉัน”
“ผมรู้”
คุณไม่รู้หรอก คุณมันคนโง่ คุณไม่เข้าใจอะไรเลย คนเหล่านั้นเยาะเย้ยคุณ ด่าคุณ คุณรู้หรือเปล่าว่าฉันทรมานแค่ไหน คุณเป็นสามีของฉัน พวกเขามีสิทธิ์อะไรมาด่าคุณ แต่ว่าฉันมันไม่มีประโยชน์ ไม่สามารถช่วยคุณ ได้แต่มองดูคุณถูกรังแก
โล่เฉินปากสั่น ลำคอเหมือนโดนอุดด้วยก้อนหินก้อนใหญ่
เขารีบกอดหานหยู่เยนอย่างแนบแน่น
“ขอโทษ เป็นความผิดของผมเอง ทุกอย่างได้ผ่านไปแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว”
หานหยู่เยนร้องไห้อย่างถึงที่สุด ความน้อยอกน้อยใจที่สะสมมาสามปีได้ถูกปลดปล่อยออกมาทั้งหมด ในใจโล่เฉินก็รู้สึกดีมาก
หานหยู่เยนร้องไห้อย่างถึงที่สุด ความอัดอั้นในระยะเวลาสามปีมานี้ได้ถูกปลดปล่อยออกมาหมด หัวใจของโล่เฉินซาบซึ้งมาก
เขาเดินทางไปมาแล้วทั่วสารทิศ สัตว์ประหลาดแก่ที่มีอายุห้าพันปี ก็มีบางครั้งที่ดูผิดพลาดไปเหมือนกัน
สามปีมานี้ หานหยู่เยนด่าเขาไปไม่น้อย ชักสีหน้าให้เขา ดุเขา
ตลอดเวลาที่ผ่าน เขาคิดว่าหานหยู่เยนรังเกียจเขา จะไล่เขาออกไป เพื่อที่จะแบ่งแยกความสัมพันธ์ที่ชัดเจนกับเขา
ใครจะไปรู้ หานหยู่เยนนั้นแคร์เขามาโดยตลอด
ในความเป็นจริง โล่เฉินไม่เข้าใจเอง เพราะการแสดงออกและการดุด่าที่ไม่ดีเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่าหานหยู่เยนนั้นห่วงใยเขา
หากผู้หญิงคนหนึ่งเย็นชาใส่คุณ ทำเป็นคุณเป็นอากาศธาตุ ไม่ถามไม่ถ่าย นั่นถึงจะเป็นการดูถูกที่แท้จริง
หลังจากสิบห้านาทีผ่านไป ดาดฟ้าของคฤหาสน์
มองไปไกลๆ ในคืนเดือนมืดเมืองเจียงที่มีสีสัน จราจรที่แออัด ในตรงนี้ มีความรู้สึกเหมือนเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ทั้งหมด ดินแดนอันกว้างใหญ่ใครคือนายตัวจริง
“สินสอดคุณเป็นส่งไป?”
“เกิดความผิดพลาดเล็กน้อย เดิมที่จะมอบมันให้คุณโดยตรง คิดไม่ถึงว่าได้ส่งไปที่งานวันเกิดของคุณย่าก่อน” โล่เฉินกล่าวอย่างอายๆ
หานหยู่เยนพูดอย่างงอนๆ: “มันทำให้ทุกคนเข้าใจผิดอย่างมาก”
โล่เฉินเอียงคอ รอยยิ้มเต็มหน้า “ตอนนี้มีความสุขแล้วใช่มั้ย? ผู้หญิงเหล่านั้นยังคงเดากันอยู่ว่าใครเป็นคนส่งสินสอดไป แย่งกันที่จะแต่งเข้าตระกูลมหาเศรษฐี ยังเยาะเย้ยคุณอีก กลับไม่รู้ คุณนั้นได้ทุกอย่าง”
“พอได้แล้ว ฉันไม่มีอารมณ์ไปแก่งแย่งกับพวกเขาหรอก”
หานหยู่เยนใช้นิ้วม้วนผมตัวเอง แสดงออกถึงความรัก โล่เฉินไม่ได้สังเกต มุมปากของเธอเหมือนจะมีรอยยิ้ม
“คฤหาสน์สูงศักดิ์หลังนี้คุณเป็นซื้อเหรอ?”
“หากพูดให้ถูกคือมีคนมอบให้”
คำพูดนี้ฟังแล้วทำให้หัวใจของหานหยู่เยนหลุ่นตุ๊บ
“คนอื่นมอบให้เมื่อเทียบกับตัวเองซื้อ” ยิ่งทำให้น่าตกใจมากกว่า
ต้องรู้ว่าราคาคฤหาสน์สูงศักดิ์นี้แพงลิบลิ่วแค่ไหน ตั้งหนึ่งร้อยแปดสิบล้านนะ ไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆเลย อีกอย่างคนที่ซื้อคฤหาสน์นี้ต้องเป็นคนใหญ่คนโตแน่เลย
เมื่อคนใหญ่คนโตได้มอบคฤหาสน์หลังนี้ให้กับโล่เฉิน มันก็เพียงพอที่จะบอกว่าภูมิหลังของโล่เฉินนั้นน่ากลัวแค่ไหน
“หากพูดออกไปก็คงไม่มีคนเชื่อ คุณชายมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยยอมแต่งงานเข้าบ้านฝ่ายหญิง ถูกคนอื่นดูถูกมาสามปี ฉันว่าคนมันเป็นพวกโรคจิตป่ะ คุณชายที่วันๆไม่รู้ว่าจะทำอะไร!”
หานหยู่เยนไม่รู้จะพูดยังไง มองบนแล้วกล่าว: “เจ้าของบริษัทเฉิงหยู่ก็เป็นคุณใช่มั้ย ฟ่านหมิงเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาคุณ ดังนั้นฉันจึงได้เซ็นต์สัญญาณฉบับนี้อย่างง่ายๆ ฉันพูดถูกใช่หรือไม่?”
“ไม่ถูก!”
“ห๊า?” หานหยู่เยนแปลกใจมาก
สีหน้าของโล่เฉินจริงจังมาก มองออกไปไกลแล้วกล่าวอย่างเรียบเฉย: “ฉันไม่ใช่คุณชายอะไรหรอก กลับเป็นคนที่โชคดีคนหนึ่ง”
“หมายความว่ายังไง?”
“เมื่อสามเดือนก่อน ผมได้ช่วยผู้ชายคนหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่คิดว่าเขาจะเป็นผู้ที่มีอิทธิพล เขาตอบแทนบุญคุณผมด้วยคฤหาสน์หลังนี้ และสินสอดพวกนั้นก็เหมือนกัน บริษัทเฉิงหยู่ก็ไม่ใช่ของผม แต่ว่าฟ่านหมิงเป็นเพื่อนสมัยเรียนของผมจริงๆ”
โล่เฉินปฏิเสธเรื่องทั้งหมด
เขากลัวมาก กลัวที่จะถูกหักหลัง
แน่นอน เปอร์เซ็นต์ที่หานหยู่เยนจะหักหลังนั้นน้อยมาก น้อยจนเกือบจะไม่มี แต่โล่เฉินก็ไม่กล้าที่จะเสี่ยง
ลูกศิษย์ที่ติดตามเขามาสิบปี สุดทั้งก็ยังได้ทรยศหักหลังเขาเลย!
ภายใต้เวลาที่ยังไม่สามารถฟื้นฟูกำลังที่เพียงพอ โล่เฉินเตือนตัวเอง ต้องทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง
อันที่จริง การเคลื่อนไหวในคืนนี้ถือว่าใหญ่มากแล้ว
หากเพราะไม่ใช่ต้องการปลอบใจหานหยู่เยน เขาไม่มีทางที่จะทำเรื่องเอิกเกริกขนาดนี้
“หากผมเป็นคุณชายจริงๆ ไม่มีทางที่จะยอมให้หานหยุนซีดูถูกผมถึงสามปีหรอก นอกจากผมจะเป็นคนโง่ ต่อให้ผมเต็มใจ ตระกูลของผมก็ไม่มีทางที่จะยอมให้ผมถูกรังแก ตระกูลหานคงจะกลายเป็นเถ้าถ่านไปนานแล้ว!”
หานหยู่เยนขมวดคิ้ว พยักหน้า: “คำพูดนี้มีเหตุผล งั้นคุณก็โชคดีมากจริงๆ”
“เรื่องในคืนนี้ทั้งหมดผู้มีอิทธิพลคนนั้นจัดการให้ แต่บุญคุณก็มีจำกัด ผมไม่สามารถที่จะอาศัยบุญคุณช่วยชีวิตนี้แล้วไปเรียกร้องให้ผู้มีอิทธิพลทำโน่นนี่ตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นหากวันหนึ่งเขาโมโหขึ้นมา พวกเราต่างก็ต้องตาย!”
“ใช่ไง เราเป็นประชาชนธรรมดาทั่วไป ยังไงก็อย่าไปยุ่งกับพวกคนมีอิทธิพลดีกว่า สังคมไม่เหมือนกัน!” หานหยู่เยนเป็นคนที่มีจุดยืนอย่างมาก
โล่เฉินหัวเราะกล่าว: “วางใจเถอะ ผมรู้จักความพอเหมาะ”
ทันใดนั้น หานหยู่เยนก็หัวเราะขึ้นมา หากพูดกลับมา ตอนนี้คุณก็เป็นมหาเศรษฐีแล้วนะ มีคฤหาสน์หลังนี้ ฐานะของคุณสามารถเทียบเคียงได้กับตระกูลใหญ่ในเมืองเจียงเลย
“ความลับ หากถูกเพ่งพายออกไป พวกเราก็จะยุ่งยากกันมาก”
“ฉันเข้าใจ คุณวางใจเถอะ ฉันจะไม่พูดออกไปแม้แต่คำเดียว” หานหยู่เยนตบที่หน้าอกตัวเอง ให้คำมั่นสัญญา
“คืนนี้จะนอนค้างที่นี่มั้ย?”
แน่นอน ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้มาสักครั้ง ฉันต้องสัมผัสชีวิตของพวกมหาเศรษฐีหน่อยละ
“นอนด้วยกัน?”
“อย่าหวังให้มันมากเลย”
เช้าวันที่สอง หลังจากที่ทานข้าวเช้าเสร็จ
ด้านนอกคฤหาสน์ หานหยู่เยนได้ขึ้นเครื่องบินส่วนตัวไปแล้ว โล่เฉินโบกมือให้เธอ “คุณไปที่บริษัทก่อน ผมยังมีธุระอีกหน่อย”
“โล่เฉิน”
“ทำไมเหรอ?”
หานหยู่เยนกัดริมฝีปากแดง เรื่องที่คุณพูดกับฉันเมื่อคืนฉันเชื่อคุณ ฉันก็รู้ว่าฐานะของคุณต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน แต่ฉันจะไม่ถามให้มากความ สามปีแล้ว คุณไม่ได้บอกฉันเลย คงจะยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม
“รอให้ถึงเวลาที่เหมาะสม ฉันก็จะรู้ทุกอย่าง ใช่มั้ย?”
โล่เฉินยิ้มแล้ว
ไม่ว่านานแค่ไหน หานหยู่เยนก็ยังเป็นคนที่อ่อนโยนและเข้าใจคน ทำให้เขารู้สึกสบายใจอย่างมาก
เขาพยักหน้าซ้ำๆ “ใช่ แน่นอน”