บทที่ 40 คุณคอยดู
“มองฉันทำไม ฉันแค่ทำตามหน้าที่ ฉันไม่มีทางปกป้องผู้ที่ทำให้บริษัทเสียผลประโยชน์หรอก ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณย่าเท่านั้น!”
หานหยู่เยนฉลาดหลักแหลม พูดได้อย่างแนบเนียนมาก
แน่นอน หานหยุนเทาแอบลักลอบเงินบริษัท กำเริบเสิบสาน แต่เห็นได้ชัดว่าจะใช้เหตุการณ์นี้ขับไล่หานหยู่เทาออกจากบริษัทนั้นยังเป็นไปไม่ได้ ในใจคุณย่ายังคงลำเอียงคอยปกป้องหลานชายคนโตคนนี้อยู่ดี
หากหานหยู่เยนไม่รู้จักยั้งมือก็อาจทำให้คุณย่าเคืองใจ ทางที่ดีคือหยุดเมื่อสมควรจึงจะเป็นวิธีที่ที่ดีสุด
“คุณย่าครับ ผมสำนึกผิดแล้วครับ ครั้งนี้ท่านให้อภัยผมด้วยครับ ผมคือ ใช่ครับ ผมถูกเลขาเสี่ยงเหม่ยของหานหยู่เยนชักจูงจนหลงทางครับ!”
หานหยุนเทารู้สึกหาแพะรับบาปได้แล้ว จึงพูดอย่างโมโหว่า“คุณย่าครับ เป็นเพราะซุนเสี่ยวเหม่ยนางจิ้งจอกตัวนั้นเลยครับ เธอหลอกให้ผมทำตาม เธอสมควรตายครับ!”
“เพียะ!”
ถูกตบอีกฝ่ามือจนหานหยุนเทามีเลือดไหลออกมาทางจมูก
“ลูกผู้ใหญ่อกสามศอกถูกผู้หญิงตัวน้อยๆหลอกเอาได้ หลานยังกล้ามาพูดอีกเหรอ หน้าตระกูลหานถูกหลานทำขายหน้าหมดแล้ว!”
“ใช่ใช่ใช่ครับ คุณย่าสั่งสอนถูกครับ”
หานเจี้ยนกั๋วก็รีบร้องขอ“คุณแม่ครับ หลายปีมานี้หยุนเทาทำเพื่อบริษัทมาก็ไม่น้อย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกก็อภัยเขาเถอะครับ”
หานเจี้ยนกั๋วพูดพลางส่งสายตาไปให้ญาติๆ
ชั่วครู่ต่อมา ห้องประชุมก็เริ่มมีข้อคิดเห็นกันอย่างหนาแน่น
คุณย่าตัดสินใจเสร็จ กล่าวว่า“รีบคืนเงินหนึ่งล้านห้าแสนมา อีกอย่าง อีกหนึ่งเดือนต่อจากนี้หลานไม่ต้องมาเพ่นพ่านที่บริษัทอีก พิจารณาอยู่บ้านดีๆก็แล้วกัน”
หานหยุนเทารู้สึกเหมือนถูกอภัยโทษยังไงอย่างนั้น
เงินจำนวนหนึ่งล้านห้าแสนหยวน เขาเพิ่งใช้ไปแค่สามแสนกว่า จึงไม่ยากที่จะคืนกลับมา บทลงโทษนี้ถือว่าลำเอียงสุดๆแล้ว
กฎระเบียบของบริษัทตระกูลหานนั้นเข้มงวดมาก การลักลอบทรัพย์สินบริษัทนั้นเป็นความผิดมหันต์ หากเป็นคนอื่น คุณย่าต้องขับไล่ออกจากตระกูลเป็นแน่
“ขอบคุณคุณย่าที่เมตตาครับ”
หานหยุนเทาลุกขึ้นยืน จ้องเขม็งหานหยู่เยนแวบหนึ่ง ก่อนที่จะเดินตามหานเจี้ยนกั๋วออกจากห้องประชุม
ถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่กลับทำให้คนตระกูลหานรู้สึกตื่นตัวกระตือรือร้นขึ้นมา
หานหยู่เยนคุยเรื่องโครงการก่อสร้างเล็กน้อย จากนั้นก็เห็นสีหน้าของญาติๆที่เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและเป็นมิตรมากขึ้น
“เป็นความจริง”หลิวหงรำพึงรำพัน
“เสี่ยวหง ลำบากคุณน้อย ไม่เพียงต้องเป็นผู้จัดการฝ่ายบัญชี ยังต้องควบงานเป็นเลขาของฉันด้วยนะ เงินเดือนก็ให้คุณสองเท่า และเพิ่มโบนัสงามๆให้อีกด้วย”
หลิงหงดีใจยกใหญ่ คาดไม่ถึงว่าโอกาสจะเข้ามาโดยบังเอิญทำให้หน้าที่การงานของเธอก้าวหน้าไปอีกขั้น
“ผู้จัดการค่ะ คุณวางใจได้เลยค่ะ ดิฉันจะภักดีต่อคุณ จะช่วยคุณจัดการทุกอย่างเลยค่ะ”
“ภักดีอะไร ไม่ใช่ให้คุณเป็นทาสฉันสักหน่อย ทำหน้าที่ในงานให้ดีก็พอ หากหานหยุนเทามาหาเรื่องคุณก็ไม่ต้องกลัวทำตามกฎระเบียบ มีฉันอยู่ทั้งคน”
หลิวหงพยักหน้า
เธอเพิ่งจะเดินออกมา ไม่รู้ว่าหานหยุนเทาเดินเข้ามาทางไหน เขาก็มาขวางทางเดินของหานหยู่เยนไว้
“คุยกันหน่อย?”
หานหยู่เยนทำให้เย็นชาใส่ อย่างพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของตนคนนี้ เธอรู้สึกรังเกียจเป็นอย่างมาก “พวกเราไม่มีอะไรต้องคุยกัน”
“ใช่เหรอ หรือคุณไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น ตื่นมาไม่รู้บ้างเลยเหรอว่าร่างกายผิดแปลกอะไรบ้าง?”
หานหยุนเทายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ดวงตาประกายวาววับอย่างประหลาด
หานหยู่เยนรู้อยู่แก่ใจ
เดินมาถึงห้องทำงาน หานหยุนเทาถีบเก้าอี้ออกไปอย่างไม่ยำเกรง ตะโกนด่าทอขึ้นมา “หานหยู่เยนไอ้เฮีย คุณกล้าฟ้องคุณย่าจริงๆด้วย!”
“ทำไมฉันจะไม่กล้า”
“คุณไม่กลัวภาพเปลือยกายถูกเปิดเผยเหรอ เรื่องที่คุณถูกเฮยหนิวข่มขืนเผยแพร่ทั่วเมืองเจียงแล้ว คุณจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนอีก!”
หานหยุนเทาพูดเสียงดังลั่น
“คุณพูดเพ้อเจ้ออะไร”หานหยู่เยนแกล้งทำเป็นโมโห ตวาดกลับไปว่า“เมื่อคืนฉันดื่มจนเมา เฮยหนิวปล่อยพวกเรากลับไป ให้โล่เฉินพาฉันกลับบ้าน ฉันไม่รู้ว่าคุณพูดมั่วอะไรอยู่ ระวังฉันจะฟ้องคุณหมิ่นประมาทนะ”
หานหยุนเทาหยุดชะงัก จากนั้นก็เข้าใจขึ้นมาทันควัน
“ที่แท้เฮยหนิวยังไม่ได้บอกคุณล่ะสิ มิน่าล่ะถึงได้กล้าขนาดนี้ เห็นทีผมใจร้อนไปหน่อย”
“ฉันไม่เข้าใจว่าคุณพูดอะไรอยู่ เชิญคุณออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นฉันจะเรียกคนแล้ว”หานหยู่เยนชี้ไปยังประตู
แต่ทว่าหานหยุนเทาไม่ได้ขยับเขยื้อนแต่อย่างใด กลับนั่งลงอย่างเชื่องช้า เอ่ยน้ำเสียงยากจะหยั่งถึง
“คุณไร้เดียงสาเกินไปแล้ว เฮยหนิวโกรธแค้นต่อคุณ อยากจะได้ตัวคุณ เป็นไปได้ยังไงที่จะปล่อยคุณกลับไปโดยไม่ทำอะไรเลย!”
“คุณกำลังพูดอะไรอยู่กันแน่”
“บอกความจริงให้คุณก็ได้ ในห้องวีไอพีเมื่อคืน หลังจากที่คุณเมาเฮยหนิวก็ข่มขืนคุณ เสพสุขกายคุณสารพัดวิธี และที่สำคัญโล่เฉินก็อยุ่ข้างๆ ระหว่างนั้นก็ได้ถ่ายวิดีโอเก็บไว้ด้วย เสร็จแล้วก็ถ่ายภาพเปลือยกายของคุณไว้ด้วย”
หานหยู่เยน“หน้าเปลี่ยนสีด้วยความตกตะลึง”
เวลาผ่านไปนาน เธอส่ายหัวแรงๆ“เป็นไปไม่ได้ โล่เฉินไม่ได้พูดแบบนี้”
“น่าขำ ไอ้สวะจะกล้าพูดความจริงกับคุณได้ยังไง ในเมื่อคุณไม่เชื่อ งั้นก็รอผมแป๊ปหนึ่ง”หานหยุนเทาพูดจบก็โทรศัพท์ออก
ไม่นานมือถือของหานหยู่เยนก็ดัง“ติ๊งต๊อง”ขึ้นมา
เห็นข้อความสีหน้าของเธอก็ซีดขาว แววตาเต็มไปด้วยความตกใจกลัวและไม่อยากจะเชื่อ
เห็นหานหยู่เยนมีอาการเช่นนี้ หานหยุนเทาก็ชื่นอกชื่นใจ ยกเท้าขึ้นมาไว้บนโซฟา พูดพลางยิ้มอย่างน่าสะพรึงกลัว “เป็นไงบ้าง
รูปถ่ายที่พี่หนิวให้สวยไหม!”
“หานหยู่เทา คุณ คุณวางแผนร้ายๆกับฉัน!”
“ยัยโง่ เพิ่งคิดได้เหรอ เมื่อคืนกล้าไปที่โรงแรมเผิงไหลกับเศษสวะโล่เฉินสองคน เอาความกล้ามาจากไหน แต่ก็เกิดขึ้นแล้ว คุณก็ยอมรับแต่โดยดีเถอะ!”
หานหยุนเทาทำท่าทางควบคุมทุกอย่างในกำมือเสียอย่างนั้น จุดบุหรี่ขึ้นมา กล่าวว่า “หานหยู่เยนฟังให้ดี ตอนนี้คุณทำตัวดีๆหน่อย
ไม่เช่นนั้นก็น่าจะรู้ผลที่จะเกิดขึ้นได้นะ ตั้งแต่ตอนนี้คุณก็คือหุ่นเชิดของผม ผมทำอะไรก็ให้ความร่วมมือซะดีๆ”
พูดจบ ใต้แววตาลึกของเขาก็เผยเพลิงไฟขึ้นมา
เมื่อคืน อาการหลังเมาของหานหยู่เยนทำให้หานหยุนเทาไม่ลืมเลือน ในเมื่อตอนนี้หานหยู่เยนถูกควบคุมแล้ว ถ้าเช่นนั้นก็แสดงว่าให้ทำอะไรก็ต้องทำตามทุกอย่าง
หานหยุนเทารู้สึกว่าให้โล่เฉินถูกสวมเขานั้นเป็นสิ่งที่สะใจมากๆ
แต่ทว่าตอนนี้เวลายังไม่เหมาะสม ต้องค่อยเป็นค่อยไป ไม่เช่นนั้นหากบีบคั้นมากเกินไป อาจทำให้หานหยู่เยนสู้ตายกันไปข้างหนึ่งก็เป็นได้
ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่หานหยุนเทาต้องการ
“เรื่องวันนี้ก็ช่างเถอะ คุณหนีไม่พ้นเงื้อมมือของผมหรอก ทำงานดีๆซะ เพราะผลงานทุกอย่างก็ต้องเป็นของผม ผมยังสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายได้อีกด้วย”
“ไสหัวไป ไสหัวไป!”
“ได้ได้ได้”
หานหยุนเทาเดินไปที่ประตูอย่างได้ใจ หันไปมองร่างกายของหานหยู่เยน ทำท่าทางขึ้นเตียงที่ทุเรศสิ้นดีอย่าง“แทงด้านหลัง”
จากนั้นก็หัวเราะอย่างทะนงตนแล้วเดินจากไป
“ปัง”
ประตูใหญ่ปิดแล้ว สีหน้าของหานหยู่เยนก็เปลี่ยนทันที กลับมาเป็นสงบดั่งปกติ จากนั้นก็หัวเราะเสียงเย็นยะเยือกออกมาครั้งหนึ่ง
ตอนเย็น หานหยู่เยนออกจากบริษัทมาถึงเขตการค้าที่รุ่งโรจน์ที่สุดในเมืองเจียง
“โล่เฉิน”
“มาเร็วดีนี่!”
เมื่อลงจากรถ หานหยู่เยนก็รีบเอ่ยขึ้นมา“ได้ฟังแล้วใช่ไหม หานหยุนเทาฮึกเหิมจริงๆ แต่ก็ได้รับบทลงโทษที่ควรจะมีแล้ว จากนั้นเขาก็เปิดอกคุยกับฉัน ข่มขู่ฉัน ท่าทางได้ใจช่างตลกสิ้นดี ฉันเกือบเผยพิรุธอยู่แล้วเชียว”
“ร่วมแสดงกับเขาต่อไป เวลาสำคัญก็เอาให้ตายไปเลย”
“โล่เฉิน คุณเจ้าเล่ห์มาก”
หานหยู่เยนหัวเราะเยาะ
“เฮ้ย”โล่เฉินจับหน้าผาก พูดแบบจนปัญญา“เพื่อเด็กตัวน้อยๆต้องกังวลใจจะตายอยู่แล้ว”
“พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง จะให้ฉันเรียกพ่อเหรอ?”
“เรียกก็ไม่เป็นอะไร”
“อยากโดนตีใช่ไหม!”
โล่เฉินหัวเราะดังลั่น ทั้งสองวิ่งไปที่ถนนคนเดิน
เดิมทีโล่เฉินอยากไปมือเปล่าในงานเลี้ยงฉลองวันเกิด 1 กันยายน เพราะเขาเป็นคนมีสถานะอยู่แล้ว แต่หานหยู่เยนรู้สึกไม่มีมารยาท
ยืนกรานจะซื้อของขวัญให้ได้
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นาน 1 กันยายนก็มาถึง