Sign in Buddha’s palm 55 ทุกอย่างพรั่งพร้อม ตัดผ่านสู่ระดับ‘อรหันต์‘
“จอมมาร!”
คุนคงแตะหน้าผากของตนลงบนพื้นโดยไม่รู้ตัว เขาไม่กล้ามองตรงๆ ไปที่ชายในชุดคลุมสีดำ
ต่อหน้ากลิ่นอายอันน่าสยดสยองของชายชุดดำ คุนคงรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนเรือท้องแบนที่อาจจะอับปางลงด้วยคลื่นลมได้ทุกเมื่อ
“แปรสภาพร่างกาย แปรสภาพกำลังภายใน…”
คุนคงรับรู้ได้แต่เพียงความว่างเปล่าในจิตใจ
แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงจอมยุทธในสามระดับกลาง แต่ด้วยฐานะของสาวกพรรคมารเขาก็ค่อนข้างจะเข้าใจเกี่ยวกับการแบ่งระดับของยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง
ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งหากต้องการจะก้าวหน้าในเส้นทางการฝึกยุทธ มีเพียงแต่จะต้องฝึกฝนต่อไปในทั้งสามด้าน คือ กายเนื้อ พลังศักดิ์สิทธิ์ และกำลังภายใน
ไม่ว่าจะเป็น กายเนื้อ กำลังภายใน หรือพลังศักดิ์สิทธิ์ หากแปรสภาพสำเร็จแม้หนึ่งอย่างก็จะกลายเป็นจุดสูงสุดของระดับชั้นที่หนึ่ง
ปัจจุบันมียอดปรมาจารย์ขั้นจุดสูงสุดที่มีชื่อเสียงอยู่เพียงไม่กี่คน อาทิ ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวน และนักพรตจางทายาทตระกูลจอมยุทธแห่งเขาหวู่ตั้ง
คุนคงไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าประมุขพรรคมารคนก่อนไม่เพียงจะกลายเป็นยอดปรมาจารย์ระดับจุดสูงสุดภายในช่วงห้าสิบปี แต่ยังถึงขนาดแปรสภาพพลังได้ถึงสองครั้ง คือ ร่างกายและกำลังภายใน
ความแข็งแกร่งที่น่าหวาดกลัวนี้เกินจินตนาการของจอมยุทธทั่วๆ ไปจะใฝ่ฝันถึง และถ้าไม่นับเรื่องที่ไม่สามารถเหินฟ้าหรือดำดินได้ เขาย่อมเป็นผู้แข็งแกร่งจนเกินต้านบนผืนพิภพนี้
“สงฆ์ศักดิ์สิทธิ์นิรนาม!”
ภาพพระหนุ่มสวมจีวรสีเทาคนนั้นพลันปรากฏขึ้นในใจของคุนคงอย่างไม่ทราบสาเหตุ
แม้เขาจะได้พบเห็นพระหนุ่มผู้นั้นเพียงครั้งเดียวจากไกลๆ แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือภาพของอีกฝ่ายกลับสลักลึกลงไปในใจของเขา
“ครั้งนี้จอมมารจะเป็นคนลงมือ ความเกลียดชังที่ฝังลึกอยู่ในใจของผองพรรคมารจะต้องถูกส่งกลับไปให้หมด!”
ร่องรอยของความโล่งใจฉายชัดในแววตาของคุนคง
…
ณ วัดเส้าหลิน
ระฆังโบราณสั่นเสียงดังเหง่งหง่าง
ที่ด้านหน้าของลานโพธิ์
[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ ได้รับโอสถ ‘โอสถทลายขอบเขต‘ ]
เสียงจักรกลที่แสนเย็นยะเยือกดังขึ้นด้านในหูของซูฉิน
“โอสถทลายขอบเขต?”
ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย
โอสถทลายขอบเขตคือโอสถที่จะช่วยทำลายคอขวดของการฝึกฝนวิทยายุทธ
แน่นอนว่าโอสถชนิดนี้ไม่ได้ทำให้ปัญหาคอขวดถูกแก้ไขไปเสียทั้งหมด โดยปกติแล้วการใช้โอสถทลายขอบเขตตอนที่อยู่ในสามระดับล่างเพื่อขึ้นไปสามระดับกลางมีส่วนช่วยให้ประสบความสำเร็จเพิ่มขึ้นถึงหนึ่งในสิบส่วน
อย่าได้ดูถูกอัตราความสำเร็จที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นอันขาด ไม่รู้ว่ามีผู้ฝึกยุทธสามระดับล่างจำนวนมากเท่าไหร่ที่ติดคอขวดนี้อยู่และไม่สามารถฝ่าไปได้
สำหรับการตัดผ่านจากสามระดับกลางขึ้นไปสู่สามระดับบน โอสถชนิดนี้ไม่ได้มีผลมากเท่าไหร่
ไม่มีใครทราบว่าโอสถทลายขอบเขตมีประโยชน์หรือไม่ต่อยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งที่เตรียมจะตัดผ่านไปยังระดับ ‘อรหันต์‘
แต่ก็ดีกว่าไม่ได้ใช้อะไรเลย
ด้วยความแข็งแกร่งของซูฉินในปัจจุบัน โอสถส่วนใหญ่ที่ใช้เพิ่มพูนความแข็งแกร่งล้วนไม่มีผลกับเขาแล้ว และโอสถทลายขอบเขตก็ถึงว่าเป็นโอสถหายากชนิดหนึ่ง
หลังจากลงชื่อเข้าใช้ เขาก็ใช้เวลาที่เหลือทำความสะอาดลานโพธิ์เป็นเวลานาน จากนั้นจึงเตรียมตัวกลับไปยังลานจิปาถะ
“ปรับสภาพทุกอย่างเกือบเสร็จสิ้นแล้ว”
ซูฉินเดินไปอย่างช้าๆ บนทางเดินสีเขียวของวัดเส้าหลิน พลางคิดหลายสิ่งในใจไปอย่างเงียบๆ
หลังจากพักผ่อนมาหลายเดือน กลายเป็นพระกวาดลานอย่างสมบูรณ์แบบ จิตใจเขาก็สงบเย็นและไม่สนใจเรื่องโลกภายนอกมากนัก
กล่าวได้ว่าขณะนี้ซูฉินอยู่ในช่วงที่ดีที่สุดในรอบสามสิบปีเลยก็ว่าได้
“ก่อนที่จะก้าวหน้าต่อไป ข้าควรจะฝากสิ่งใดไว้กับวัดเส้าหลินดีหรือไม่?”
ซูฉินเดินผ่านห้องโถงใหญ่ มองไปที่พระพุทธรูปทองคำที่ประดิษฐานอยู่ภายใน ความคิดของเขาผันแปรเรรวน
ไม่ทันได้รู้ตัวก็กลายเป็นว่าเขาอยู่วัดเส้าหลินมาตั้งเกือบยี่สิบปีแล้ว
จากเด็กอายุสิบขวบ ยังไม่บรรลุนิติภาวะเสียด้วยซ้ำ ตอนนี้กลับกลายมาเป็นยอดปรมาจารย์ขั้นสมบูรณ์ที่เจนโลกไปเสียแล้ว
“ช่างมันปะไร”
“วัดเส้าหลินก่อตั้งมาเป็นพันปีแล้ว เหล่าอรหันต์มากมายต่างทิ้งมรดกตกทอดเอาไว้ หากศิษย์รุ่นหลังไร้ความสามารถจริงๆ ต่อให้ข้าทิ้งสิ่งใดเพิ่มไว้ มันก็ไม่มีความหมายอยู่ดี”
ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อย แต่กลับดูโล่งใจขึ้นมาก
หลังจากนั้นสักพัก
ซูฉินกลับมาที่ลานจิปาถะ
พระเณรวัยหนุ่มหลายคนกำลังเดินพูดคุยหัวเราะกัน เมื่อพวกเขาพบเข้ากับซูฉินพวกเขาก็กล่าวขึ้นอย่างสำรวมในทันที “ทำความเคารพหลวงลุงเจินกวนขอรับ”
“ทำความเคารพหลวงลุงเจินกวน”
สามเณรวัยรุ่นกลุ่มนี้แสดงความเคารพอย่างสำรวม
“นี่ข้ามาถึงระดับที่เป็น ‘หลวงลุง‘ แล้วงั้นหรือ?”
ซูฉินอดหัวเราะออกมาไม่ได้
ที่วัดเส้าหลิน นับรอบทุกยี่สิบปีเป็นหนึ่งยุคสมัย
ซูฉินอยู่ที่วัดเส้าหลินมาก็เกือบยี่สิบปีแล้ว ถึงแม้เขาจะเป็นเพียงพระกวาดลานแต่ความอาวุโสของเขาก็ถูกยกให้สูงขึ้นตามความแก่พรรษา
เดี๋ยวนี้สาวกรุ่นใหม่ของวัดเส้าหลินล้วนใช้อักษร ‘เฉียน‘[1] นำหน้าชื่อกันแล้ว ซึ่งเป็นรุ่นถัดมาของรุ่น ‘เจิน‘
ไม่นานนักหลังจากที่ซูฉินกลับมาถึง หัวหน้าลานจิปาถะคนใหม่ก็ออกมายืนอยู่ด้านหน้าลาน
“ทำความเคารพหัวหน้าตำหนัก”
ซูฉินมองที่หน้าของหัวหน้าลานจิปาถะคนใหม่แล้วกล่าวคำ
ตั้งแต่หัวหน้าตำหนักคนเก่าจากไป ซูฉินก็สะดวกสบายขึ้นมากเมื่ออยู่กับหัวหน้าตำหนักคนใหม่
นอกจากนี้วัดเส้าหลินไม่ใช่สถานที่ที่ซับซ้อนต้องแก่งแย่งชิงดีอะไร ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็จะไม่มีใครมาสนใจซูฉิน
แม้บางครั้งซูฉินไปที่เขตหวงห้ามด้านหลังภูเขาสักสองสามวันเพื่อปิดด่านฝึกตน หลังจากกลับมาหัวหน้าตำหนักคนใหม่ก็ถามไถ่เขาเพียงไม่กี่คำ จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น
ซูฉินอยู่ที่วัดมาเกือบยี่สิบปี เว้นแต่จะมีเรื่องที่ต้องมอบหมายให้เป็นพิเศษ หัวหน้าตำหนักก็จะไม่จ้ำจี้จ้ำไชซูฉินมากจนเกินไป
“ลานโพธิ์เปิดรับศิษย์ใหม่เมื่อเร็วๆ นี้ เจ้าอยากจะไปลองดูไหม”
หัวหน้าลานจิปาถะคนใหม่ถามตรงๆ
เมื่อยี่สิบปีก่อนตอนที่ซูฉินเข้ามาในวัดเส้าหลินครั้งแรก ไม่พบพรสวรรค์ด้านวิทยายุทธในตัวเขาเลย ด้วยเหตุนี้เขาจึงถูกส่งตัวมาสังกัดลานจิปาถะ
แต่ครานี้ เมื่อลานโพธิ์ต้องการจะคัดเลือกศิษย์เข้าลานหน้าใหม่ หัวหน้าลานจิปาถะคนปัจจุบันก็นึกถึงซูฉิเป็นคนแรก
ลานโพธิ์เป็นศูนย์กลางของการปรุงกลั่นสกัดตัวยาภายในวัดเส้าหลิน ทั้งนี้ยังไม่สนใจเรื่องพรสวรรค์ด้านวิทยายุทธเท่าไรนัก
ถ้าซูฉินได้ไปที่ลานโพธิ์คงจะดีกว่ามากวาดพื้นเฉกเช่นตอนนี้มาก
รู้หรือไม่ว่าลานโพธิ์นั้นเป็นตำหนักที่ลึกลับที่สุดในบรรดาตำหนักของวัดเส้าหลิน ไม่ค่อยจะรับศิษย์ใหม่ๆ จากภายนอกเท่าไหร่
ยากนักที่จะเจอโอกาสเช่นนี้
“ท่านหัวหน้าตำหนัก”
“ข้าก็อายุมากขนาดนี้แล้ว คงไม่อยากจะย้ายไปไหนอีกแล้ว”
ซูฉินสงบนิ่งและเอ่ยกล่าวออกไป
ซูฉินไม่มีความสนใจในลานโพธิ์เลย
หลังจากที่ลงชื่อรับของมายี่สิบปี ไม่รู้ว่าตอนนี้ซูฉินเก็บโอสถกี่เม็ดไว้ในคลัง ในสายตาของซูฉิน ลานโพธิ์ไม่ได้น่าดึงดูดใจเลย
ถ้าเขาต้องการโอสถ ก็แค่ต้องลงชื่อเข้าใช้ไม่ใช่หรือ? ทำไมต้องมัวมาปรุงแต่งโอสถเองด้วยเล่า?
แน่นอนว่าที่ซูฉินไม่กลั่นโอสถนั้น ไม่ใช่เพราะเขาไม่รู้วิธีปรุงแต่งโอสถ
ในช่วงกว่าสองทศวรรษ ซูฉินลงชื่อแล้วได้รับคัมภีร์มาหลายร้อยเล่มที่เกี่ยวข้องกับการปรุงแต่งโอสถจากศาลาพระคัมภีร์
“เข้าใจแล้ว”
หัวหน้าคนใหม่ของลานจิปาถะพยักหน้าเล็กน้อยและไม่พูดอะไรอีก
ไม่กี่วันต่อมา
ที่เขตหวงห้ามภูเขาด้านหลัง
ซูฉินกำลังนั่งขัดสมาธิ
“รอนานไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
ซูฉินนิ่งสงบและตัดสินใจ
ต้องทำให้สำเร็จในครั้งเดียว ไม่มีโอกาสที่สองหรือโอกาสครั้งที่สาม
เนื่องจากซูฉินมาถึงจุดสูงสุดแล้วในตอนนี้ หากเขายังลากยาวต่อไป สถานะที่ดีที่สุดของเขาอาจจะถดถอยลงได้
“จะต้องบรรลุระดับ ‘อรหันต์‘ ในคืนนี้!”
ซูฉินโบกมือผ่านอากาศถี่รัว ขวดโอสถมากมายเกือบร้อยขวดปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา
โอสถเหล่านี้ซูฉินคัดเลือกมาอย่างถี่ถ้วนแล้วว่ามันจะช่วยให้เขาก้าวหน้าไปได้
ตัวอย่างเช่น โอสถทลายขอบเขต โอสถหทัยเยือกแข็ง โอสถก่อตั้งรากฐาน และอื่นๆ
แม้จะมีบันทึกในคัมภีร์โบราณของวัดเส้าหลินว่าการบรรลุระดับอรหันต์นั้นสามารถกระทำได้ด้วยตัวของตัวเองเท่านั้น ผลของสิ่งภายนอกแทบจะไม่สำคัญเลย
แต่ด้วยบุคลิกของซูฉินที่ระมัดระวังตนมากอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมีประโยชน์หรือไม่ก็ต้องเตรียมตัวเอาไว้ก่อน
“ระดับอรหันต์…”
ซูฉินหลับตาลงช้าๆ พลังทั้งสามคือ จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ กำลังภายใน และร่างกายได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างอ่อนโยน กลายเป็นพลังรูปแบบใหม่ ก่อตัวขึ้นมาโจมตีไปที่เขตแดนที่กั้นมนุษย์ไว้จากขอบเขตของระดับ ‘อรหันต์‘
———————————–
[1] 玄xuán : สีดำ, ลึกลับ