Sign in Buddha’s palm 99 คงต้องขอยืมใช้สถานที่ของเจ้าสักหน่อย แค่มาบอกให้รู้ไว้
ในห้องโถงเฉิงเอิน
องค์รัชทายาทหลี่เชิงกะพริบตาปริบๆ
ทีแรกหลังจากที่ซูฉินพูดว่า “ชะตากำลังจะสิ้นสุดลง” เขาก็เตรียมพร้อมรับความโกรธเกรี้ยวของฝ่าบาทแล้ว
แต่ผลที่ได้…
ฝ่าบาทกลับไม่โกรธ แต่ให้รางวัลตอบแทนเสียอย่างนั้น?
นี่…
องค์รัชทายาทหลี่เชิงรู้สึกเหลือเชื่ออย่างมาก
“พี่สาม พี่เป็นอะไรของพี่?”
ซูเยว่หยุนยังไม่ฟื้นจากความตกใจได้มากนัก “ท่านเพิ่งพูดว่าฝ่าบาท…”
“ข้าใช้เวลาอยู่ในวัดเส้าหลินมานานและได้เรียนรู้วิชาการแพทย์อยู่บ้าง”
ซูฉินนึกเหตุผลขึ้นมาได้โดยบังเอิญ “จากรูปลักษณ์ของจักรพรรดิถัง เขากำลังจะตายจริงๆ”
เมื่อซูเยว่หยุนได้ยินสิ่งนี้ นางก็จ้องหน้ากันกับองค์รัชทายาทหลี่เชิง โดยไม่ทันตั้งตัวคลื่นลูกใหญ่ก็ก่อตัวขึ้นในจิตใจของทั้งคู่
ฉะนั้นซูเยว่หยุนและองค์รัชทายาทหลี่เชิงไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าซูฉินเรียกองค์จักรพรรดิถังว่าจักรพรรดิถัง ไม่ใช่ฝ่าบาท
‘ฝ่าบาท‘ เป็นคำเรียกที่ผู้ต่ำศักดิ์ใช้เรียกผู้บังคับบัญชาและอาจสื่อความหมายในเชิงการยอมจำนน
อย่างไรก็ตามองค์จักรพรรดิถังก็คงจะเพียงมองเฉยๆ และไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เลย
…
หลังออกมาจากห้องโถงเฉิงเอิน ซูฉินก็เดินอย่างช้าๆ ไปตามถนนภายในวังหลวง
“จักรพรรดิถังนี่ค่อนข้างน่าสนใจ”
ซูฉินนึกถึงจี้หยกพระราชทานและทองคำกว่าร้อยแท่งที่องค์จักรพรรดิพระราชทานมาให้
“แต่เขาก็ใกล้ตายเต็มทน…”
ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อย ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก
แม้ว่าจะมียอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดที่คอยยื้อชีวิตจักรพรรดิถังต่อไปอยู่โดยไม่คำนึงที่สิ่งที่ต้องแลกมา แต่นั่นมันก็ยังคงไร้ประโยชน์
…
ซูฉินกลับสู่ชีวิตประจำวันเหมือนช่วงเดือนที่ผ่านมาอีกครั้ง
วังหลวงนั้นสะอาดสะอ้าน เงียบสงบ ซูฉินได้รับการหนุนหลังจากองค์รัชทายาท ตราบใดที่เขาไม่เริ่มก่อปัญหาก็แทบไม่มีใครกล้าสร้างความเดือดร้อนให้แก่เขา
ตกดึก
พระจันทร์ลอยสูงเด่น
“ก่อนที่ข้าจะออกจากวัดเส้าหลิน ข้าบรรลุอรหันต์ระดับนภาชั้นที่สามขั้นสมบูรณ์แล้ว”
“สาเหตุที่ยังไม่เริ่มการตัดผ่านในช่วงนี้เพราะข้ารู้สึกว่ายังมีความเสี่ยงมากเกินไปในการเปลี่ยนจากนภาชั้นที่สามเข้าสู่นภาชั้นที่สี่”
ซูฉินนั่งไขว้ขา คิดอยู่ในใจเงียบๆ
นภาชั้นที่สามของขอบเขตอรหันต์ไปสู่นภาชั้นที่สี่ข้องเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนคุณสมบัติบางอย่าง มันไม่เหมือนกับตอนที่ทะลวงระดับนภาชั้นที่หนึ่งไปนภาชั้นที่สองและจากนภาชั้นที่สองไปยังระดับนภาชั้นที่สาม ที่ฝ่าไปได้อย่างง่ายๆ
“คงต้องรอสักพักและดูว่าจะลงชื่อเข้าใช้แล้วได้รับ [คัมภีร์เก้าอิมจินเก็ง[1] มาไหม]
ซูฉินค่อยๆ ลุกขึ้นเดินออกจากห้องใต้หลังคาและเหม่อมองขึ้นไปบนฟ้า
ตอนที่เขาอยู่ในขั้นวิทยายุทธทั้งเก้าระดับชั้น ซูฉินได้ฝึกกายาวัชระคงกระพันและวิชาขัดเกลากายาจันทราเพื่อปรับแต่งร่างกายด้วยพลังหยินสุดขีดหยางสุดขั้วจนร่างกายแข็งแกร่งอย่างมาก
มันทำให้อายุขัยของซูฉินทะยานขึ้นไปอีก
ตอนนี้ซูฉินก้าวเข้าสู่ขอบเขตอรหันต์แล้ว และก่อนที่จะทะลวงขั้นนภาชั้นที่สี่ เขาต้องการที่จะทำเช่นเดิมซ้ำอีกครั้งในรูปแบบเดียวกับตอนที่อยู่ในขั้นวิทยายุทธทั้งเก้าระดับชั้น
เพราะอย่างไรก็ตาม สำหรับซูฉินในปัจจุบันวิชากายาวัชระคงกระพันและขัดเกลากายาจัทราได้หมดประโยชน์ไปเสียนานแล้ว
เกรงว่ามีเพียงแต่วิชาเก้าสุริยันและวิชาเก้าอิมจินเก็งที่เมื่อฝึกร่วมกันเท่านั้นจึงจะเกิดประโยชน์ในตอนนี้
น่าเสียดาย
ซูฉินได้รับคัมภีร์เก้าสุริยันมาก่อนแล้วจากการลงชื่อเข้าใช้ที่วัดเส้าหลิน
แต่คัมภีร์เก้าอิมจินเก็ง…
“ไม่ต้องรีบ”
“ค่อยเป็นค่อยไป”
ความคิดของซูฉินพลิกผันไปมา
แม้ว่าการฝึกวิทยายุทธไม่จำเป็นต้องเดินตามเส้นทางของหยินผสานหยาง แต่ซูฉินก็ตระหนักได้ผ่านดวงตาแห่งสัจจะว่าเขาเหมาะที่จะฝึกทั้งหยินและหยางด้วยกันมากที่สุด
ถ้าเขาฝึกฝนเพียงเก้าสุริยันหรือขัดเกลากายาจันทราอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว อาจไม่เห็นปัญหาในช่วงสั้นๆ แต่อันตรายที่ซ่อนอยู่จะค่อยๆ เผยออกมาในช่วงหลังของการฝึกฝน
เมื่อถึงจุดนั้นมันก็หันหลังกลับไม่ได้เสียแล้ว
“จริงสิ”
“วันนี้โอกาสในการลงชื่อเข้าใช้กลับมาอีกแล้ว”
“ครั้งนี้จะลงชื่อที่ไหนดีนะ?”
ซูฉินก้าวไปข้างหน้าและหายตัวไปจากสถานที่นั้น
เมื่อซูฉินปรากฏตัวอีกครั้ง เขาก็ยืนอยู่หน้าวิหารขนาดใหญ่เสียแล้ว
“ศาลบรรพชนของอาณาจักรถัง?”
ดวงตาของซูฉินสงบนิ่งและค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าไปด้านใน
“เอ๋?”
ซูฉินเหมือนจะรู้สึกได้ถึงบางอย่าง สายตาของเขาจดจ้องไปยังชายชราที่เฝ้าศาลบรรพชนอย่างรวดเร็ว
ชายชราผู้นี้ทั้งผมและเคราเป็นสีขาวทั้งหมด ยืนตัวโงนเงนราวกับเขาจะถูกลมพัดล้มลงไปได้ทุกเมื่อ
ศาลบรรพชนขนาดใหญ่เช่นนี้ถูกปกป้องไว้ด้วยชายชราเพียงคนเดียว
“ไม่คาดคิดเลยว่าอาณาจักรถังจะมีภูมิหลังมากมายเพียงนี้…”
ซูฉินเหลือบมองชายชรา สีหน้าของเขาก็ครุ่นคิด
ชายชราคนนี้อาจจะซ่อนตนเองได้จากทุกคนในวัง แม้กระทั่งยอดฝีมืออย่างขันทีชุดม่วง
แต่ในสายตาของซูฉินเขาพบเบื้องลึกเบื้องหลังของอีกฝ่ายทันที
น่าประหลาดใจที่อีกฝ่ายถึงกับเป็นยอดยุทธในระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุด
แต่สำหรับซูฉินนั้น ไม่ต้องพูดถึงยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุด แม้แต่ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสมบูรณ์ก็ไม่นับเป็นตัวอะไร
“เข้าไปลงชื่อในศาลบรรพชนดีกว่า”
ซูฉินก้าวเท้าไปด้านหน้าและเข้าไปในศาลบรรพชน
แสงในศาลบรรพชนมืดสลัวเป็นอย่างมาก แต่ทุกมุมกลับสะอาดและเป็นระเบียบ เห็นได้ชัดว่ามีคนทำความสะอาดอยู่ทุกวัน
“ระบบ ลงชื่อเข้าใช้”
ซูฉินกล่าวคำในใจเงียบๆ
[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ ได้รับ ‘วิชาราชันล้างพิภพ‘ ]
เสียงจักรกลเย็นชาดังขึ้นในหูของซูฉิน
“วิชาราชันล้างพิภพ?”
ซูฉินขมวดคิ้ว
เวลาต่อมา
ทุกอย่างที่เกี่ยวกับวิชาราชันล้างพิภพก็เอ่อเข้ามาในจิตใจของซูฉิน
วิชาราชันล้างพิภพเป็นเคล็ดวิชาวิถีเต๋าจักรพรรดิที่เมื่อฝึกจนถึงขีดสุดแล้วจะเข้าสู่ขอบเขตตำนานยุทธในทันที
เล่าลือกันว่าปฐมจักรพรรดิของราชวงศ์ถังได้ฝึกฝนวิชาราชันล้างพิภพและยึดครองยุทธภพได้ในที่สุด และด้วยความช่วยเหลือจากโชคชะตาบ้านเมืองเขาจึงก้าวเข้าสู่ขอบเขตอันทรงพลัง สุดท้ายเขาก็ออกข้ามน้ำข้ามทะเลไปตามหาดวงแสงแห่งอายุวัฒนะ
“แม้ว่านี่มันจะไม่ได้มีประโยชน์กับข้าก็ตาม”
“แต่แนวคิดภายในตัววิชาสามารถนำมาใช้อ้างอิงต่อยอดได้”
ซูฉินนึกคิดอย่างรอบคอบถี่ถ้วน ความคิดแปรปรวนไปหลากหลาย
ในขอบเขตของซูฉินตอนนี้นั้น เขาไม่ได้เดินอยู่บนเส้นทางที่ถูกตีกรอบอีกต่อไป แต่จำต้องศึกษาแนวทางนับร้อยเพื่อหาหนทางของตนเอง
“ไม่เลว”
“เป็นเคล็ดวิชาที่น่าสนใจมาก”
ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อยและออกความเห็นเกี่ยวกับวิชาราชันล้างพิภพ
“ปฐมจักรพรรดิราชวงศ์ถัง”
ซูฉินหันเหสายตาและมองไปยังจุดสูงสุดของศาลบรรพชน มีป้ายไม้ที่เป็นของบรรพชนผู้ยิ่งใหญ่ในราชวงศ์ถังอย่างปฐมจักรพรรดิ
แม้ว่าปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถังจะข้ามน้ำข้ามทะเลไปแล้วและไม่ทราบว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่เหล่าจักรพรรดิรุ่นก่อนๆ ก็ยังคงเคารพบูชาปฐมจักรพรรดิพระองค์นี้
“ข้าแค่จะบอกว่า ขอยืมใช้พื้นที่ของเจ้าเสียหน่อยนะ”
เพียงแค่ซูฉินคิด ไม้จันทน์ชิ้นหนึ่งก็ลอยไปตกลงในกระถางธูป
ฟู่ว!
ไม้จันทน์ติดไฟได้เองและมีควันสีเขียวจางๆ ลอยขึ้นมา
“ได้เวลากลับแล้ว”
ร่างของซูฉินพลันหายไปจากสถานที่นั้น
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง
ชายชราที่ทำหน้าที่เฝ้าศาลบรรพชนก็เดินเข้าไปในศาลบรรพชนอย่างช้าๆ
“ปฐมจักรพรรดิ เกือบห้าร้อยปีแล้วนะที่ท่านจากไป…”
ชายชราถอนหายใจเบาๆ หยิบไม้จันทน์ขึ้นมาด้วยท่าทางเคร่งขรึม และเตรียมจะใส่ลงในกระถางธูปเพื่อเคารพปฐมจักรพรรดิ
นี่คือสิ่งที่เขากระทำอยู่ทุกวันตลอดหกสิบปีที่ผ่านมา โดยไม่ขาดตกบกพร่องตั้งแต่เขาเริ่มรับหน้าที่ดูแลศาลบรรพชนนี้
อย่างไรก็ตาม
ในช่วงเวลาต่อมา
เขาก็ต้องตกตะลึง
แม้ว่ากระถางธูปตรงหน้าจะไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป แต่อย่างไรชายชราก็ยังได้กลิ่นไม้จันทน์
กลิ่นของมันเบาบางจนแทบจะจับไม่ได้
ถ้าเป็นคนธรรมดาย่อมจะไม่รู้ตัว
แต่ในสายตาของชายชรานี่ราวกับสายฟ้าฟาดลงมา
ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลซึมมาตามหน้าผากของชายชรา หลังที่โค้งลงเพราะกำลังหมอบกราบพลันยืดตรง
“มีคนมาที่นี่แล้วเช่นนั้นหรือ?”
ชายชราพลันเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ ดวงตาของเขากะพริบด้วยความตกใจสุดขีด
———————————————-
[1] 九阴真经 คัมภีร์เก้าอิมจินเก็ง หรือ จิ่วหยินเจินจิง เป็นสุดยอดคัมภีร์ในจักรวาลมังกรหยกของกิมย้ง