Sign in Buddha’s palm 149 สํานักสังหารโลหิต
“น่าเสียดาย
“โอสถไทหยวนมีผลมากที่สุดก็แค่ครั้งแรกที่ใช้เท่านั้น…”
ซูฉินนั่งขัดสมาธิ ค่อยๆ ปรับลมหายใจ ครุ่นคิดอยู่ภายในใจตนอย่างเงียบๆ
โอสถไทหยวนสามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กับรากฐานได้แต่ไม่ได้เสริมแกร่งได้อย่างไม่รู้จบ ตามข้อมูลของระบบผลของโอสถจะลดลงมากเมื่อใช้โอสถไทหยวนเป็นครั้งที่สอง และหลังจากใช้ไปหลายๆ ครั้ง มันอาจจะหมดผลไป อย่างสมบูรณ์
แม้ว่าซูฉินจะผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาก็พอจะยอมรับได้
โอสถไทหยวนสร้างความประหลาดใจให้ซูฉินมามากพอ แล้วทําไมเขาจะยังไม่พอใจอยู่อีกเล่า?
“ต่อจากนี้ ข้าจะลองไปที่แท่นบูชาเทพธรณีฯ ดูอีกสักหลายๆ ครั้ง เพื่อดูว่าข้าจะสามารถลงชื่อเข้าใช้แล้วได้รับโอสถไทหยวนเพิ่มอีกสักสองสามเม็ดหรือไม่…”
ซูฉินแตะปลายคาง ตัดสินใจอยู่ภายใน
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องลองใช้โอสถไทหยวนต่อไปจนกว่า โอสถจะไม่ส่งผลอีกก่อนที่จะคิดแผนอื่นต่อ
ในเวลาเดียวกัน
ภายในโถงชีวิตนิรันดร์
จักรพรรดิถังดูเคร่งขรึม ดูข้อมูลในมือของตนเอง และมองไปยังร่างที่อยู่เบื้องล่าง
ร่างนั้นมีลักษณะธรรมดาสามัญ แทบจะไม่ดึงดูดความสนใจใดๆ เมื่ออยู่ท่ามกลางฝูงชน แต่บัดนี้เขาได้มาอยู่ในโถงชีวิตนิรันดร์ เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิถังได้ให้ค่าเขาสูงไม่น้อย
รู้หรือไม่ว่าโถงชีวิตนิรันดร์เป็นพระราชวังของเหล่าจักรพรรดิถังตั้งแต่สมัยอดีต ตั้งอยู่ในบริเวณที่ค่อนข้างส่วนตัวในสถานการณ์ปกติจักรพรรดิถังจะไม่เรียกข้าราชบริพารให้เข้ามาในที่แห่งนี้
“ที่เจ้าพูดมาเป็นจริงหรือไม่?”
จักรพรรดิถังวางข้อมูลในมือลง กล่าวออกอย่างเคร่งขรึม
“รายงานฝ่าบาท”
“นี่คือสิ่งที่ขุนนางได้ข่าวมาจากนางสนมของราชาเจี้ยนหนาน หลังจากยืนยันซ้ําหลายครั้งในภายหลังพบว่ามันคือ ความจริงพ่ะย่ะค่ะ”
บุคคลนี้มีชื่อว่าเจียงหยิ่งเป็นหน่วยข่าวกรองของอาณาจักรถังและเป็นหมากบนกระดานที่จักรพรรดิถังสามารถไว้วางใจได้
ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ จักรพรรดิถังได้ตระหนักว่ามีปัญหาเกี่ยวกับหน่วยข่าวกรองของอาณาจักรถังเมื่อขุนนางเกือบครึ่งในราชสํานักแปรพักตร์ไปอยู่กับราชาหัวเมืองทั้งสิบ
หลังจากวันนั้นจักรพรรดิจึงจัดระเบียบหน่วยข่าวกรองของอาณาจักรถังเสียใหม่ และแต่งตั้งเจียงหยิ่งเป็นผู้ดูแลหน่วยข่าวกรอง
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เจียงหยิ่งไม่ได้ทําให้จักรพรรดิถังผิดหวัง ไม่เพียงแต่เขาจะสามารถลากตัวสายลับของราชาหัวเมืองทั้งสิบที่ซ่อนตัวอยู่ออกมาได้เท่านั้น เขายังคอยจับตาดูศาลขุนนางทั้งหมด และริเริ่มกระจายเครือข่ายหน่วยข่า วกรองไปทั่วดินแดนและอาณาจักรอื่นๆ
“ฝ่าบาท เหตุผลที่ราชาหัวเมืองทั้งสิบกล้าก่อกบฏเพราะพวกเขาได้รับการสนับสนุนจากสํานักสังหารโลหิต…”
เจียงหยิ่งพูดพร้อมกับป้องมือไปด้วย
นับตั้งแต่ช่วงที่กองทัพนับล้านของราชาหัวเมืองพ่ายแพ้และถอยกลับไปยังดินแดนของตนจักรพรรดิถังได้สั่งให้ระดมกองกําลังเพื่อยกไปปราบอาณาเขตทั้งสิบให้ราบคาบ
ผลที่ได้ช่างน่าทิ้ง และอาณาเขตกว่าห้าแห่งของราชาหัวเมืองก็ได้ตกอยู่ในมือของจักรพรรดิถัง
อาณาเขตของราชาเจี้ยนหนานก็เป็นหนึ่งในห้าที่ถูกกล่า วถึงเมื่อครู่
ข้อมูลที่เจียงหยิ่งได้รับ มาจากนางสนมคนหนึ่งของราชาเจี้ยนหนาน
ตามคําบอกเล่าของนางสนมคนนี้ วันหนึ่งหลังจากที่ราชาเจี้ยนหนานเมา เขาก็เผลอพูดเรื่องนี้ออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจและนางก็จดจําสิ่งนั้นเอาไว้
“สํานักสังหารโลหิต..”
ใบหน้าของจักรพรรดิถังบิดเบี้ยวน่าเกลียด
สํานักสังหารโลหิตไม่ใช่สํานักวิทยายุทธ แต่เป็นเหมือนกับองค์กรที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด แม้ว่าจะมีอํานาจจํากัดอยู่แค่เพียงในเงามืด แต่อิทธิพลก็น่าสะพรึงกลัวต่ออาณาจักรต่างๆ ในดินแดนแห่งนี้
ว่ากันว่าเมื่อครั้งที่หน่วยองครักษ์เสื้อแพรของอาณาจักรหนานหมิงก่อตั้งขึ้นมา มันก็ต้องเผชิญกับการบุกรุกของสํานักสังหารโลหิตอยู่เหมือนกัน
และแน่นอนเหตุผลสําคัญที่ว่าทําไมสํานักสังหารโลหิตที่ อยู่แสนห่างไกล จึงเป็นที่หวาดกลัวของทุกอาณาจักรก็เพราะเมื่อสองร้อยปีก่อน สํานักสังหารโลหิตได้มีการปรากฏตัวของตํานานยุทธเกิดขึ้น
แม้ว่าตํานานยุทธผู้นี้จะหายตัวไปแล้วหลังจากที่ข้ามน้ํา ข้ามทะเลไปเมื่อสองร้อยปีก่อน แต่ทั่วทั้งดินแดนก็ยังไม่กล้าเคลื่อนไหวอะไร
“สํานักสังหารโลหิตกล้าที่จะยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในขอ งอาณาจักรถัง ช่างกล้าหาญยิ่ง!”
จักรพรรดิถังลุกขึ้นยืนทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
แม้ว่าในปัจจุบันกองทัพของขุนนางหัวเมืองทั้งสิบจะถอยทัพ และถูกอาณาจักรถังตามกวาดล้างจนสถานการณ์ก็ ดีขึ้นมากแล้ว
แต่ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพราะแสงศักดิ์สิทธิ์ที่มาจากส่วนสักของพระราชวัง
แสงศักดิ์สิทธิ์นี้เองที่ทําให้ราชาหัวเมืองทั้งสิบสลายกลายเป็นอากาศจนขวัญกําลังใจของกองทัพนับล้านตกฮวบ ไม่กล้าต่อสู้อีกต่อไป
มองเผินๆ
ดูเหมือนว่าอาณาจักรถังจะได้เปรียบอย่างมาก
แต่หากไม่มีแสงศักดิ์สิทธิ์จากท้องฟ้านั่นเล่า?
เกรงว่าผลลัพธ์คงต่างออกไปจากนี้
“ฝ่าบาท เรื่องนี้ท่านต้องระมัดระวังให้ดี”
เมื่อเห็นท่าทางของจักรพรรดิถัง เจียงหยิ่งก็รีบเกลี้ยกล่อมให้จักรพรรดิถังใจเย็นลง
สํานักสังหารโลหิตแอบให้การช่วยเหลือราชาหัวเมืองทั้งสิบในการต่อต้านราชวงศ์ถัง ดูเหมือนว่าจะตั้งตนอยู่ฝั่งตรง ข้ามกับอาณาจักรถังโดยสมบูรณ์
แต่ในความเป็นจริงอาณาจักรถังไม่สามารถทําอะไรสํานักสังหารโลหิตได้
แม้ว่าตํานานยุทธจากสํานักสังหารโลหิตจะหายตัวไปหลังจากข้ามน้ําข้ามทะเลกว่าสองร้อยปีก่อนแต่การที่หายตัวไปไม่ได้หมายความว่าเขาจะเสียชีวิตไปแล้ว
ตํานานยุทธมีอายุขัยถึงห้าร้อยปี
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตํานานยุทธจากสํานักสังหารโลหิตมีแนวโน้มว่ายังคงมีชีวิตอยู่
ถ้าในเวลานี้อาณาจักรถังจัดการกับสํานักสังหารโลหิตไปแล้วหากตํานานยุทธผู้นั้นกลับมาเล่า?
“ข้าเข้าใจเรื่องนี้ดี…”
จักรพรรดิถังค่อยๆ สงบใจลง กลับมานั่งบนบัลลังก์มังกรอีกครั้ง
ทุกคนบนโลกเชื่อว่ามีตํานานยุทธอยู่ในพระราชวังถัง แต่จักรพรรดิถังรู้เรื่องภายในของตนดี แม้ว่าเขาพอจะเดาได้ว่ามีตํานานยุทธซุ่มซ่อนอยู่ในวังหลวง แต่ตัวเขาเองไม่ได้รู้จักมักจีด้วย..
ไม่เพียงแต่ไม่รู้จัก แต่จักรพรรดิถังไม่รู้แม้กระทั่งข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
เป็นชายหรือหญิง?
อายุเท่าไหร่?
มีความสัมพันธ์กับอาณาจักรถังอย่างไร?
พระองค์ไม่รู้อะไรเลยสักอย่างเดียว
ดังนั้นจักรพรรดิถังถึงแม้จะทําตัวราวกับห่มหนังเสืออยู่บ้างเป็นครั้งคราว แต่พระองค์ก็ไม่กล้าทําอะไรเกินเลย เพราะจักรพรรดิถังไม่แน่ใจว่าตัวตนที่ซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึกขอ งวังหลวงจะออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้งหรือไม่ยามเมื่ออาณา จักรถังเผชิญหน้ากับวิกฤติ
“ตอนนี้ข้าควรจะทําเช่นไรดี?”
หลังจากคิดอยู่สักพัก จักรพรรดิถังก็ถามขึ้นมา
“ฝ่าบาท เนื่องจากสํานักสังหารโลหิตกล้าที่จะยุยงราชาหัวเมืองอย่างลับๆ แปลว่าจะต้องมีแผนอื่นแน่ๆ สิ่งที่สํา คัญที่สุดในตอนนี้คือการทําให้สภาพการณ์ภายในอาณาจัก รถังเสถียรเสียก่อนและควบรวมอาณาเขตของราชาหัวเมืองทั้งสิบให้สมบูรณ์”
เมื่อเห็นจักรพรรดิถังสงบลง เจียงหยิ่งก็โล่งใจขึ้นเล็กน้อยก่อนจะกล่าวออกมาในทันที
เขากังวลใจจริงๆ ว่าจักรพรรดิถังจะจัดการสํานักสังหาร โลหิตด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ข้าเข้าใจแล้ว”
จักรพรรดิถังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้ารับ
ไม่ว่าสํานักสังหารโลหิตจะยุยงปลุกปั่นเท่าไร ตราบใดที่ภายในอาณาจักรถังยังมั่นคง สํานักสังหารโลหิตก็คงทําอะไรไม่ได้
ในเวลาเดียวกัน
อาณาเขตของราชาชวอฟาง
ภายในเคหาสน์อันเงียบสงบ
บุตรชายคนโตของราชาหัวเมืองที่เหลือทั้งห้าพระองค์ก็มารวมตัวกันที่นี่
ทุกวันนี้ ด้วยความคืบหน้าของอาณาจักรถัง อาณาเขตกว่าห้าแห่งได้พ่ายแพ้ไปแล้ว และเหลืออีกห้าแห่งที่กําลังตกอยู่ในอันตรายและอาจจะพ่ายแพ้เมื่อไหร่ก็ได้
ในเวลานี้บุตรชายพระองค์โตของราชาหัวเมืองห้าพ ระองค์สุดท้ายได้มาปรากฏตัวที่นี่เพื่อหารือถึงวิธีจัดกา รกองทัพของอาณาจักรถัง
“บ้าเอ้ย ทําไมท่านพ่อถึงก่อกบฏกันนะ ยอมๆ เชื่อฟังราชสํานักส่วนกลางไปไม่ดีกว่าหรือไง?”
บุตรชายคนโตของราชาฟานหยางอดไม่ได้ที่กระซิบคําออกมา
ถ้าราชาหัวเมืองทั้งสิบไม่ขัดขืน พวกเขาก็จะเป็นทายาทคนโตอยู่ใต้บุคคลเพียงคนเดียว แต่มีคนใต้อาณัตินับหมื่นใช้ชีวิตสุรุ่ยสุร่ายเมามายได้เต็มที่
“เวลานี้มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้วที่จะมานั่งว่ากล่าวกันควรจะมาหารือกันว่าจะทําเช่นไรต่อไปดี?”
บุตรชายคนโตของราชาเหอตงส่ายหัวแล้วกล่าวว่า “อาณาจักรถังกําลังเอาจริงแล้ว หากเรายังไม่ตัดสินใจ เกรงว่ามันจะสายเกินไป”
วออกมา
ทําให้บุตรชายคนโตของราชาหัวเมืองที่เหลือต่างตกตะลึง
บุตรชายคนโตของราชาเหอตงพูดถูก ตอนนี้เหลือเพียงอาณาเขตทั้งห้าของพวกเขา และคงจะต้านเอาไว้ได้อีกไม่นาน
หลังจากเวลาผ่านไปสักพัก
บุตรชายคนโตของราชาผิงหลูกเอ่ยปากออกมาอย่างระมัดระวังคํา “หรือเราควรจะยอมจํานนต่ออาณาจักรถัง?”