เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] – ตอนที่ 182 นําเหรียญตรานี้ไป

ตอนที่ 182 นําเหรียญตรานี้ไป

Sign in Buddha’s palm 182 นําเหรียญตรานี้ไป

“มีตํานานยุทธถือกําเนิดขึ้นอีกแล้ว?”

ส่วนลึกในดวงตาของซูฉินกลายเป็นลึกซึ้งราวกับมีวังวนลึกลับที่คอยหมุนวนไม่หยุด และมีดวงอาทิตย์ทั้งเก้าส่องสว่างท่ามกลางความมืดมิดภายในดวงตา

ในตอนนี้ซูฉินเป็นถึงอรหันต์ระดับนภาชั้นที่เจ็ดแล้ว ด้วยดวงตาแห่งสัจจะควบคู่กันกับวิชาปราณฉีฟ้ากําหนด เขาสามารถเห็นได้ทั่วทั้งอาณาจักรถังอย่างรวดเร็ว

ส่วนนอกอาณาจักรถัง แม้ว่าจะอยู่นอกเหนือการควบคุมของซูฉิน แต่ก็ยังพอสัมผัสได้จางๆ

และในตอนนี้ ซูฉินก็สังเกตเห็นได้ชัดเจนว่าร่องรอยของตํานานยุทธหายวับไปในบริเวณแนวขอบของแผ่นดินใหญ่

“ไม่ใช่

“ลมหายใจคงที่ ไม่ใช่ตํานานยุทธที่เพิ่งกําเนิดขึ้นใหม่ ควรจะเป็นตํานานยุทธที่มาจากต่างแดน”

ซูฉินจับความรู้สึกครู่หนึ่ง แล้วจึงคิดกับตนเอง

“ต่างดินแดน?”

ซูฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะคลายออก

แม้ว่าตํานานยุทธจากต่างแดนจะกลับมาในที่แห่งนี้ หากทําตัวดี ซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักที่หนึ่ง ซูฉินก็คร้านจะสนใจเข้าไปยุ่มย่ามแทรกแซง

แต่ถ้าอีกฝ่ายคิดจะสร้างปัญหาให้กับทวีปนี้หรือยั่วยุซูฉินล่ะก็…

ซูฉินก็ทําได้เพียงสังหารทิ้ง

ในเวลาเดียวกัน

ภายในโถงชีวิตนิรันดร์

จักรพรรดิหลี่เชิงแห่งราชวงศ์ถังนั่งบนบัลลังก์มังกร มองลงไปที่รองเสนาบดีประจํากรมพิธีการด้านล่างและกล่าวว่า “มีอะไรก็พูดมา”

“ ตามพระบัญชา”

รองเสนาบดีกรมพิธีการโค้งคํานับพร้อมกล่าวว่า “ฝ่าบาท บัดนี้อาณาจักรเล็กๆ หลายแห่งได้ส่งจดหมายมาคนละฉบับสองฉบับ แต่ว่า…”

เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้รองเสนาบดีประจํากรมพิธีการก็ลังเลที่จะพูด มิกล้าเอ่ยกล่าวต่อ

ตั้งแต่ที่ซูฉินลงมือสังหารกองทัพเหมิ่งหยวนนอกเมืองฉางอัน เผาทหารไปห้าล้านนาย ทั้งโลกก็สั่นสะเทือน นานาชาติต่างตื่นตระหนก ส่งผลให้อาณาจักรเล็กๆ จํานวนหนึ่งส่งหนังสือยอมศิโรราบมาในช่วงก่อนหน้านี้

เป็นธรรมดาที่สิ่งนี้ทําให้จักรพรรดิถังมีความสุข

“แต่อะไร?”

จักรพรรดิถังเอ่ยถาม

รองเสนาบดีประจํากรมพิธีการกล่าวอย่างระมัดระวัง “ทว่ามีหกอาณาจักร ที่ว่ามานั้นรวมถึงหนานหมิง ซ่งเหนือและถูโปด้วย ได้เสนอเงื่อนไขมา…”

“เงื่อนไขอะไร?”

จักรพรรดิเอ่ยถาม ไม่แปลกใจเมื่อได้ฟังเรื่องดังกล่าว

ในบรรดาอาณาจักรทั้งหลาย มีเพียงหกอาณาจักรที่สามารถเรียกว่าเป็นอาณาจักรใหญ่เหมือนเช่นอาณาจักรถัง

ทั้งเจ็ดอาณาจักรยืนเคียงข้างกัน บ้างก็เผชิญหน้ากัน บางทีก็ร่วมมือกัน แบ่งแยกดินแดนไปตามส่วนต่างๆ ของทวีป

สําหรับอาณาจักรเล็กๆ พวกเขาจะล่มสลายลงหลังจากนี้อีกไม่นาน และไม่ได้อยู่ในสายตาของจักรพรรดิถังเลย

ส่วนทั้งหกอาณาจักรที่ไม่ได้ยื่นหนังสือยอมศิโรราบมาเหมือนอาณาจักรเล็กๆ แต่เสนอเงื่อนไขมาแทน จักรพรรดิถังเองก็คาดหวังกับเงื่อนไขพวกนี้เช่นเดียวกัน

ท้ายที่สุดด้วยฐานะที่เป็นอาณาจักรยักษ์ใหญ่ แม้ว่าจะยอมจํานนแล้วก็ตาม จักรพรรดิถังก็ยังต้องเอาใจใส่พวกเขาอยู่ดี

สําหรับจักรพรรดิถัง ตราบใดที่ทั้งหกอาณาจักรเหล่านี้ยอมจํานน เชื่อฟัง ไม่ขัดขวางกัน จักรพรรดิถังย่อมยอมตกลงในเงื่อนไขทั่วไปที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรง

“ทั้งหกอาณาจักรต้องการคําสัญญา แม้อาณาจักรถังจะได้ครองทวีปในอนาคต แต่ลูกหลานของทั้งหกอาณาจักรจะต้องสามารถมีชีวิตอยู่อย่างเพลิดเพลินไปบนกองเงินกองทองได้ตลอดไป..”

“และหากทายาทของทั้งหกอาณาจักรประสบปัญหา ก็หวังว่าอาณาจักรถังจะยื่นมือช่วยเหลือ…”

รองเสนาบดีประจํากรมพิธีการโค้งคํานับ

“ของข้างั้นรี นี่มันเงื่อนไขอะไรกัน…” เมื่อจักรพรรดิถังได้ฟังก็แย้มสรวล “เพลิดเพลินกับความมั่งคั่งและเกียรติยศตลอดไป? ยื่นมือเข้าช่วยยามเมื่อมีภัยงั้นหรือ? ได้ข้าตกลง

ถ้าจักรพรรดิถังต้องการจะยึดครองทุกภูมิภาคจริง มันไม่ใช่เรื่องลําบากอะไรที่จะดูแลลูกหลานของทั้งหกอาณาจักร ส่วนช่วยเหลือยามลําบากนั้น…

ตราบใดที่อาณาจักรถังเอ่ยปาก ในโลกนี้ยังจะมีใครกล้าทําให้ลูกหลานของทั้งหกอาณาจักรต้องอับอายอีก?

“ฝ่าบาท..”

รองเสนาบดีประจํากรมพิธีการกัดฟันพร้อมทั้งกล่าวคําว่า “คําสัญญาที่ทั้งหกอาณาจักรต้องการ ไม่ใช่คําสัญญาจากพระองค์”

“ไม่ใช่สัญญาจากข้างั้นหรือ?”

จักรพรรดิถังขมวดคิ้ว สงสัยว่ารองเสนาบดีประจํากรมพิธีการกําลังจะพูดถึงอะไร

เมื่อรองเสนาบดีประจํากรมพิธีการตั้งสติได้ ก็กล่าวต่อไปว่า “คําสัญญาที่ทั้งหกอาณาจักรต้องการ คือคําสัญญาจากพระมาตุลาแห่งอาณาจักรพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อรองเสนาบดีประจํากรมพิธีการกล่าวคําว่า “พระมาตุลาแห่งอาณาจักร” เสียงของเขาก็สั่นเครือเล็กน้อย

“อยากได้คําสัญญาของพี่สามงั้นหรือ?”

ทันใดนั้นจักรพรรดิถังก็ลุกขึ้นเดินไปเดินมา

หลังจากนั้นจักรพรรดิถังก็แสดงสีหน้าเย้ยหยัน “หกอาณาจักรนี้คํานวณมาเป็นอย่างดี…”

จักรพรรดิถังรู้ถึงแผนการของทั้งหกก๊ก

พูดง่ายๆ ก็คือจักรพรรดิ์จากทุกอาณาจักรไม่เชื่อถือในคําสัญญาของจักรพรรดิถัง ทุกคนต่างก็เป็นจักรพรรดิเหมือนกัน พวกเขาต่างเข้าใจความคิดของกันและกันเป็นอย่างดี

บางที่จักรพรรดิถังทรงให้คํามั่นสัญญาในวันนี้ แต่หลังจากควบคุมดินแดนทั้งหกอาณาจักรได้โดยแท้จริงแล้ว อาจจะค้นพบเหตุผลใหม่ๆ ที่จะทําให้ทายาทของทั้งหกอาณาจักรถึงแก่ความตายไปก็เป็นได้

แต่ถ้าซูฉินเป็นผู้ให้คําสัญญานี้ มันก็คงจะต่างออกไป

ไม่ว่าใครจะเป็นจักรพรรดิถังในอนาคต ซูฉินก็จะยังคงมีชีวิตอยู่ และคงไม่มีจักรพรรดิถังคนใดกล้าเหิมเกริมกับซูฉิน

คําพูดของซูฉินนั้นเพียงพอแล้วที่จะทําให้ทายาทของทั้งหกอาณาจักรมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายไปอีกหลายร้อยปีโดยไม่ต้องกังวลอันตรายใดๆ

“ข้าทราบความแล้ว”

จักรพรรดิถังคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงกลับไปนั่งบนบัลลังก์มังกร “เจ้าออกไปก่อนเถอะ”

“รับพระบัญชา”

รองเสนาบดีประจํากรมพิธีการกราบทูลลา

หลังจากรองเสนาบดีประจํากรมพิธีการออกไป จักรพรรดิถังก็เสด็จมายังพระราชวังตะวันออกเพียงลําพัง

ทันทีที่จักรพรรดิถังเข้าสู่พระราชวังตะวันออก เขาก็รู้สึกอบอุ่นไปทั่วทั้งกาย รู้สึกสดชื่นสบายตัวมากยิ่งขึ้นหลังจากสูดลมหายใจเข้าไป

“วิธีการของพี่สามช่างเหนือจินตนาการจริงๆ”

จักรพรรดิถังเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก

เขาเคยอาศัยอยู่ภายในพระราชวังตะวันออกมาเป็นเวลาหลายปี แน่นอนว่าเขารู้ดีว่าพระราชวังตะวันออกเป็นเช่นไร และด้วยวิธีการของซูฉิน พระราชวังตะวันออกเดิมก็กลับลายเป็นสวรรค์บนดิน

ช่างน่าเหลือเชื่อ

“เมื่อใดที่หยวนเอ๋อขึ้นครองบัลลังก์ ข้าจะมาอาศัยอยู่ที่นี่กับหยุนเหนียงตลอดทั้งปี”

จักรพรรดิถังคิดอยู่ภายในใจ

ถ้าไม่ใช่เพราะอาณาจักรถัง เขาก็อยากจะมาอยู่ในพระราชวังตะวันออกตลอดทั้งวันไปเสียเลย

เพราะก่อนหน้านี้จักรพรรดิถังค้นพบว่า ซูชื่อหมินซึ่งเริ่มโรยราแล้ว กลับมีผมสีดําแซมขึ้นมาอีกครั้ง

ในไม่ช้าจักรพรรดิถังก็มาหยุดอยู่หน้าตําหนักชุนฝั่งขวา

ตอนนี้พลังฟ้าดินอันยิ่งใหญ่ได้แพร่กระจายไปทั่วพระราชวังตะวันออกแล้ว ตระกูลซูได้หาสถานที่ใหม่ภายในพระราชวังตะวันออกเพื่อฝึกฝนบ่มเพาะ

ส่วนตําหนักชุนฝั่งขวา

ในฐานะที่มันเป็นที่พํานักเดิมของซูฉิน จึงไม่มีใครกล้าถือว่าตนเองครอบครองพื้นที่ตรงส่วนนี้

“พี่สาม”

จักรพรรดิถังโบกมือไปมาบริเวณหน้าตําหนักชุนฝั่งขวาพร้อมกระซิบคําแผ่วเบา

ในเวลาต่อมา

เสียงหนึ่งกล่องลอยมา

“เจ้ากําลังมองหาข้าอยู่งั้นรึ?”

เห็นเป็นซูฉินที่ไม่รู้ว่าโผล่มาตอนไหน อยู่ด้านข้างของจักรพรรดิถัง

จักรพรรดิถังใจหายวูบ และรีบเล่าให้ฟังถึงเงื่อนไขของอาณาจักรทั้งหก

“ต้องการคําสัญญาจากข้างั้นหรือ?”

ซูฉินยิ้มให้กับความเขลา “ดูเหมือนว่าทั้งหกอาณาจักรจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ของตนว่าเป็นเช่นไร”

ซูฉินไม่คาดคิดมาก่อนว่าหกอาณาจักรจะหาญกล้า ต้องการที่จะสร้างเงื่อนไขกับตํานานยุทธ

“พี่สาม ตอนนี้ควรทําเช่นไรดี?” จักรพรรดิถังกล่าวถาม “ หรือต้องระดมกําลังพล ไปจัดการกับหกอาณาจักร?”

“อย่าทําอะไรให้มันลําบากนักสิ”

ซูฉินส่ายหัว จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กระจายออกไปทั่วตําหนักชุนฝั่งขวาแบ่งออกเป็นหกส่วน กลายมาเป็นเหรียญตราหกเหรียญ

“ส่งคนไปยังอาณาจักรทั้งหก ให้ทางเลือกพวกเขาสองทาง”

เมื่อซูฉินกล่าวเช่นนั้นก็หยุดไปชั่วขณะแล้วจึงกล่าวต่อ “ยอมจํานนเสีย หรือไม่ก็ตาย”

ยอมจํานน

หรือไม่ก็ตาย

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใจของจักรพรรดิก็สั่นสะท้าน

“พี่สาม อาณาจักรทั้งหกจะยินยอมหรือ?” จักรพรรดิถังกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล

หากไม่มีการร่วมมือกันของทั้งหกอาณาจักร ก็คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยหลายสิบปีกว่าอาณาจักรถังจะครองใต้หล้าได้

“ยินยอม?”

ซูฉินมอบเหรียญทั้งหกให้แก่จักรพรรดิแล้วกล่าวว่า “ถ้าพวกเขาไม่ยินยอม เพียงนําเหรียญตราอันนี้ออกมา”

“ขอรับ”

จักรพรรดิถังยื่นมือออกไปรับเหรียญตรามา เหรียญตราเหล่านี้รวมๆ กันหนักเพียงครึ่งเหลี่ยงเท่านั้น แต่ในมือของจักรพรรดิถังกลับรู้สึกเหมือนว่ามันหนักนับพันชั่งเลยทีเดียว

[1] 1 เหลี่ยง เท่ากับ 50 กรัม

เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

Status: Ongoing

Sign in Buddha’s palm

เข้าสู่ระบบฝ่ามือยูไล

ซูฉินเที่ยวท่องไปในยุทธภพอันกว้างใหญ่ เป็นโลกที่ชาวยุทธเตร็ดเตร่อาละวาดไปทั่ว เป็นสถานที่ที่หยวนกั๋วชีอยู่เหนือใต้หล้า เป็นที่ที่ผู้สืบทอดหมัดเก้าตะวันออกหาประสบการณ์ต่อสู้ไปตามแนวสายธารอันทอดยาวและภูเขาอันสูงชัน ทั้งยังมีเซี่ยวหลี่ที่ขี่กระบี่โบยบินสู่ความเวิ้งว้างว่างเปล่า

เนื่องจากซูฉินไม่มีพรสวรรค์ด้านวิชายุทธ เขาจึงเป็นได้เพียงพระกวาดลานแห่งตำหนักลานจิปาถะ

ในเวลานั้นเอง ระบบแห่งการลงชื่อเข้าใช้ก็ถูกกระตุ้นเปิดออก!

ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าพระประธานสีทองอร่าม ได้รับ [ฝ่ามือยูไล]

ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าลานสงฆ์ ได้รับ [กายแกร่งวัชระ]

ลงชื่อเข้าใช้ที่ภูเขาหลังวัด ได้รับ [กายาโพธิสัตว์ปีศาจทองคำ]

สมบัติแทบจะแทรกอยู่ทุกหย่อมหญ้าในวัดเส้าหลินให้ได้ลงชื่อรับของรางวัลมา ซูฉินไม่คิดลงจากภูเขาอันเป็นที่ตั้งของวัดเส้าหลินไปที่ไหนแน่ถ้ายังไม่ได้ลงชื่อรับของ และตัวเขาก็ลงชื่อรับของอยู่แบบนั้นมาตลอดยี่สิบปี

ยี่สิบปีผ่านไป เส้าหลินเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ระหว่างธรรมะและอธรรม เหล่ามารเข้าโจมตีวัดเส้าหลินอย่างมิเกรงฟ้าดิน มาทั่วทุกสารทิศมุ่งเข้าสู่ศาลาพระคัมภีร์ อย่างดุร้าย! และทรงพลัง!

จนกระทั่งพวกมันเจอเข้ากับศิษย์วัดนามซูฉินกำลังกวาดลาน…

แปลจากงานเขียนเรื่อง Sign in Buddha’s palm ผู้แต่ง : หุยเต้าหยวนชู

ปล.เนื้อหาภายในเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ผู้แปลเพียงนำเสนอผลงานในรูปแบบที่เข้าใจง่ายขึ้นเท่านั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท