Sign in Buddha’s palm 199 (1) บดขยี้
ภายในพระราชวังถัง
หลีหว่านตกตะลึง มองไปที่เกราะคุ้มกันที่ปกป้องนางเอาไว้ และก็พบที่มาของเกราะคุ้มกันนั้นได้อย่างรวดเร็ว มันมาจากรอยสัญลักษณ์รูปดาบที่นางพกติดตัวเอาไว้
ในเวลานี้ ชิ้นไม้แผ่นนั้นเปล่งแสงสลัวๆ ออกมา คล้ายแสงเทียนกําลังส่องสว่างอยู่กลางความมืด
“ลุงสาม?”
หลีหว่านกะพริบตาปริบๆ
ซูฉินมอบแผ่นไม้ชิ้นนี้ให้กับนาง และรอยสัญลักษณ์รูปดาบเองก็ถูกทิ้งไว้โดยซูฉิน
ในเวลานั้น
ชายท่าทางดุดันที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย “เกราะคุ้มกันนี้…”
ฉับพลัน
ชายท่าทางดุดันก็เหมือนจะรู้ถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ จากนั้นก็หันไปมองอีกทิศทางหนึ่ง
เห็นเป็นปราณมีดสีดําสนิท คมมีดสีดําสนิทอันนี้ดูราวกับพลังฉีกกระชากที่ทั้งยาวและคมกริบ ทันทีที่ชายท่าทางดุดันสังเกตเห็น มันก็เข้ามาอยู่ในระยะสิบเมตรเสียแล้ว
“ไม่”
ชายท่าทางดุดันสมแล้วที่เป็นศิษย์แห่งนิกายใหญ่ในต่างแดน ในจุดวิกฤติใกล้ขอบเหวความตายเช่นนี้ มันได้กระตุ้นทักษะลับต้องห้าม ร่างของมันค่อยๆ สูง ใหญ่ขึ้นกลายเป็นเหมือนกับยักษ์ขนาดย่อมๆ ซึ่งสูงกว่าห้าเมตร กลิ่นอายอันทรงพลังแผ่ออกมาคละคลุ้ง
นิกายใหญ่ในต่างแดนที่ชายท่าทางดุดันสังกัดอยู่นั้นขึ้นชื่อเรื่องวิชาบ่มเพาะร่างกาย มีทักษะลับในการเพิ่มพละกําลังให้มากขึ้น โดยทักษะลับนี้เป็นวิธีต้องห้ามที่จําจะต้องเผาแก่นแท้และเลือดเนื้อของตนเองเพื่อยกระดับของกายเนื้อให้ไปถึงขีดสุด
ในช่วงเวลาต่อมา
ก่อนที่ชายท่าทางดุดันจะตอบโต้
แสงจากคมมีดที่ทั้งคมกริบและมืดมิดก็มาถึง
ฉึกกก
แสงจากคมมีดทะลวงผ่านร่างกายของชายท่าทางดุดันไปได้อย่างง่ายดาย และตัดผ่านกระดูกที่ดูทรงพลังไปได้อีกด้วยร่างกายที่แสนภาคภูมิของชายท่าทางดุดันนั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าคมมีดนี้ก็ราวกับเป็นกระดาษแผ่นหนึ่ง
ครืด!
ร่างของชายผู้ดุดันขาดออกเป็นสองส่วน ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า เลือดของจอมยุทธในขอบเขตตํานานยุทธหลั่งไหลโปรยปราย
ในเวลาเดียวกัน
ทันทีที่จิตวิญญาณของชายท่าทางดุดันต้องการจะหลบหนี เขารู้สึกได้ถึงไอพลังที่เหมือนกับจะมาจากขุมนรก แผ่กระจายออกมาอย่างบ้าคลั่ง ในชั่วพริบตาทั้งกายเนื้อและจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็สลายหายไปอย่างสมบูรณ์
“นี่คือ?”
ไม่ไกลนัก รูม่านตาของศิษย์ทั้งหลายจากนิกายใหญ่ในต่างแดนก็หดแคบ รวมถึงเทพธิดาปิงหลิงแห่งตําหนักเทพเจ้าหิมะเองก็ด้วย การตอบสนองของทุกคนกลายเป็นแข็งทื่อ
ในฐานะที่พวกเขาเป็นตํานานยุทธ จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาห้อมล้อมพื้นที่ในรัศมีหลายสิบเมตรโดยรอบเอาไว้แล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าเหตุใดชายผู้ดุดันผู้นี้จึงถูกฉีกร่างออกเป็นสองส่วนในฉับพลัน
“เกิดอะไรขึ้น?”
ชายชุดคลุมสีเขียวที่ถือดาบยาวเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
การที่ชายท่าทางดุดันตกตายไป เป็นเรื่องที่ทําให้ทุกคนตกใจมากที่สุด เพราะความตายที่เกิดขึ้นนั้นอธิบายไม่ได้ไร้ซึ่งคําเตือน
“มีคนลงมือแน่แล้ว”
ปิงหลิง เทพธิดาแห่งตําหนักเทพเจ้าหิมะพูดออกมาด้วยท่าทางเคร่งขรึม
เมื่อคนอื่นได้ยินเช่นนี้ต่างก็กลอกตา ใช่ ชายผู้ดุดันตายไปแล้ว แน่นอนว่าต้องมีใครสักคนเป็นผู้ลงมือ
แต่คําถามในตอนนี้คือ ใครเป็นผู้ลงมือ?
เมื่อเทียบกับศิษย์นิกายใหญ่ที่กําลังไม่สบายใจกันอยู่นั้นทางด้านจักรพรรดิถังและคนอื่นๆ กลับมีความสุขขึ้นมา
“พี่สาม พี่สามคงเป็นผู้ลงมือแน่แล้ว” จักรพรรดิถังกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจเป็นอย่างมาก
แม้ตั้งแต่ต้นจนจบ ถึงเขาจะไม่ได้เห็นซูฉินปรากฏตัวออกมา แต่เขารู้สึกได้ว่าคนที่สังหารชายท่าทางดุดันผู้นั้นต้องเป็นซูฉินแน่ๆ
“นายท่าน?”
หร่วนชิงค่อยๆ ยืนขึ้น แต่ใบหน้ายังคงซีดเซียวอยู่
เขาได้ต่อสู้กับนักพรตเต๋า แม้จะเสียเปรียบอยู่เสมอเมื่อประมือกัน แต่เนื่องจากอีกฝ่ายไม่ได้ต้องการจะหักหาญ จึงไม่ได้บาดเจ็บสาหัสแต่อย่างใด ไม่เช่นนั้นตอนนี้คงลุกขึ้นยืนไม่ไหวเป็นแน่
ในตอนนั้นเอง
ร่างสูงผอมเพรียวค่อยๆ ปรากฏตัวออกมาอย่างช้าๆ
ร่างนี้มีมีดรูปร่างแปลกๆ คล้ายกับเคียว ตัวใบมีดโค้งเป็นวงดั่งดวงจันทร์อยู่ในมือขวา ชี้ใบมีดไปที่พื้น เดินมาอย่างไม่รีบร้อน
“เขาคือ?”
เมื่อเทพธิดายุคปัจจุบันแห่งตําหนักเทพเจ้าหิมะเห็นร่างนั้นปรากฏขึ้น ดวงตาก็จับจ้องไปที่คู่ต่อสู้อย่างรวดเร็ว
ศิษย์นิกายใหญ่คนอื่นๆ ก็ทําเช่นเดียวกัน ใบหน้าของพวกเขาเคร่งเครียดราวกับเผชิญหน้ากับศัตรู มันแปลกเกินไปที่จู่ๆ ชายท่าทางดุดันก็ตกตายลง ศิษย์ของนิกายใหญ่แม้จะทระนงดื้อรั้น แต่พวกเขาก็ไม่ได้โง่เง่า
“เป็นพี่สาม”
จักรพรรดิถังถอนหายใจด้วยความโล่งอก
จนถึงตอนนี้ จักรพรรดิถังก็โล่งใจได้อย่างเต็มที่แล้ว
“ท่านผู้แข็งแกร่งคงจะเป็นตํานานยุทธที่พํานักอยู่ในเมืองฉางอัน?” ชายผู้เย็นชาในชุดคลุมสีดํายิ้มออกมา ประสานมือไปทางซูฉิน
ท่าที่ของเขาถ่อมตัวอย่างยิ่ง ปราศจากความเย่อหยิ่งในฐานะศิษย์นิกายใหญ่
ด้วยความจริงที่ซูฉินสามารถสังหารชายดุดันได้อย่างเงียบเชียบ เพียงแค่สิ่งนี้ก็บอกได้แล้วว่าความแข็งแกร่งของซูฉินเหนือกว่าพวกเขามาก อย่างน้อยๆ ก็คงเป็นระดับเดียวกับผู้อาวุโสอันดับต้นๆ ภายในนิกายใหญ่
“ในเมื่อท่านอยู่ที่นี่ พวกเราคงจะไม่รบกวนท่านอีกต่อไป” ชายผู้เย็นชาในชุดคลุมดํารีบกล่าวออก
ในความเห็นของมัน ในเมื่อพวกตนยอมถอยขนาดนี้ก็ถือว่าโอนอ่อนผ่อนตามมากแล้ว ถ้าซูฉินคิดให้ไกลสักหน่อย ก็คงจะไม่ไล่ต้อนพวกมันไปมากกว่านี้
“ฮึ่ม”
“เมื่อข้ากลับไปที่นิกายได้ ข้าจะต้องไปเชิญท่านอาจารย์ให้มาลงมือสังหารคนทั้งเมืองนี้ให้สิ้น” ชายชุดดําท่าทางเย็นชาครุ่นคิดอยู่ภายในใจอย่างรวดเร็ว แต่การแสดงออกกลับยิ่งดูอ่อนน้อมถ่อมตนมากขึ้นไปอีก
นิกายที่เขาสังกัดอยู่ไม่นับว่าเป็นผู้มีคุณธรรมอะไร เป็นเรื่องธรรมดาที่จะเช่นฆ่าสังหารสิ่งมีชีวิต
ปิงหลิงซึ่งเป็นเทพธิดายุคปัจจุบันของตําหนักเทพเจ้าหิมะก็จ้องไปที่ซูฉิน และดูว่าซูฉินจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
“พี่สาม…” จักรพรรดิถังมองซูฉินอย่างเป็นกังวล
ท่ามกลางความสนใจของทุกผู้ทุกคน ในที่สุดซูฉินก็พูดขึ้นมา
“ต้องการที่จะจากไป?”
ใบหน้าของซูฉินฉายแววประชดประชัน “มาถึงที่นี่ ยังต้องการจะกลับไปอย่างมีชีวิตอยู่อีกหรือ?”
ทันทีที่สิ้นเสียง ซูฉินก็โบกสะบัดมีดเทพเจ้าปีศาจในมือขวาเบาๆ ตวัดเข้าใส่ชายชุดดํา
“เจ้า?!”
ชายชุดดําที่ดูเย็นชาพลันตกใจ จากนั้นมันก็รู้สึกถึงวิกฤตชีวิตความเป็นความตายที่ไม่เคยเผชิญมาก่อน
วิกฤตชีวิตครั้งนี้เหนือกว่าที่ชายชุดดําเคยเจอมาทั้งชีวิตชายผู้เคยเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปมาหลายต่อหลายที่ เห็นทั้งผืนฟ้า ผืนดิน และแม้แต่สัตว์ทะเลที่รอดชีวิตมาจากสมัยดึกดําบรรพ์ก็ยังเจอมาแล้ว
ในช่วงเวลาต่อมา
ชายผู้เย็นชาในชุดคลุมสีดําก็เผชิญหน้ากับคมมีดที่สีดําสนิทราวกับหมึก
“เชือดเฉือนมัน!”
ชายชุดดําไม่มีเวลาคิดว่าเหตุใดซูฉินจึงตัดสินใจเด็ดขาดเช่นนี้ เพราะในตอนนี้มีเพียงความคิดเดียวภายในใจ
นั่นคือต้องมีชีวิตอยู่ให้ได้
ต้องรอดไปให้ได้
ทันใดนั้นร่างของชายชุดดําผู้เย็นชาจู่ๆ ก็กลายเป็นสีดําสนิท ราวกับเปลี่ยนความจริงให้เป็นสิ่งลวงตา
“ร่างปีศาจลวงตา?”
ใบหน้าของเทพธิดาในยุคปัจจุบันของตําหนักเทพเจ้าหิมะก็เปลี่ยนไป
ร่างปีศาจลวงตาคือวิชาพื้นฐานของนิกายใหญ่ที่ชายชุดดําผู้เย็นชาสังกัดอยู่ เมื่อฝึกฝนไปได้ระดับหนึ่ง สามารถทําให้ผู้ฝึกฝนสามารถเปลี่ยนร่างตนเองระหว่างความเป็นจริงและภาพลวงตาได้ตามใจปรารถนา ซึ่งสามารถทําให้เพิกเฉยต่อการโจมตีต่างๆ ได้
ฉึก
ในเวลานั้นเอง คมดาบสีดําของซูฉินก็ได้ตัดผ่านร่างเงาลวงตาของชายชุดดํา
ทันใดนั้น
ร่างเงาลวงตาสีดําก็ถูกตัดออกเป็นสองส่วนโดยตรง และร่างของชายชุดดําที่ท่าทางเย็นชาก็หวนคืนกลับมา จากนั้นจึงค่อยๆ ร่วงหล่นลงจากฟ้า
“ตายแล้ว!”
เทพธิดาคนปัจจุบันของตําหนักเทพเจ้าหิมะหน้าเปลี่ยนสีทันที
“วิ่ง!”
บรรพบุรุษสังหารโลหิตที่อยู่ด้านข้าง ตกใจกลัว ไม่มีรีรอแต่ประการใด กลายร่างเป็นแสงสีแดงเลือดพุ่งหนีไปในระยะไกล
ซูฉินแลดูไร้อารมณ์ ไม่มีสุข ไม่มีเศร้า กระชับมีดเทพเจ้าปีศาจในมือแล้วฟันออกไปทางบรรพบุรุษสังหารโลหิต
ครืด
ปรากฎวงสีดําสนิทฉีกกระชากจนเหมือนเป็นรอยแยกบนท้องฟ้า
หลังจากฆ่าบรรพบุรุษสังหารโลหิตด้วยการผ่าออกเป็นสองส่วน เขาก็ไม่มีความลังเลใจแต่อย่างใด สาวเท้าก้าวข้ามผ่านร่างของชายชุดดําผู้เป็นชาไป