เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] – ตอนที่ 267 การแปรสภาพครั้งที่หก!กายเนื้อที่น่าหวาดกลัว!

ตอนที่ 267 การแปรสภาพครั้งที่หก!กายเนื้อที่น่าหวาดกลัว!
Sign in Buddha’s palm 267 การแปรสภาพครั้งที่หก!กายเนื้อที่น่าหวาดกลัว!
[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สําเร็จได้รับทิพยอํานาจคาถาดําดิน ]
เสียงจักรกลเย็นชาดังขึ้นในหูซูฉิน
“ทิพยอํานาจ?”
จิตวิญญาณของซูฉินถึงกับตื่นตะลึง
แม้ว่าเขาจะไม่ทราบความสามารถของคาถาดําดิน’แต่อาศัยเพียงแค่คําว่า ‘ทิพยอํานาจ ก็ เพียงพอแล้วที่จะทําให้ซูฉินมองมันสูงค่า
ซูฉินได้ลงชื่อเข้าใช้มานานหลายสิบปีและได้ทิพยอํานาจมาเพียงสามอย่างหนึ่งคือดวงตา แห่งสัจจะสองคือกายเนื้อกําเนิดใหม่และอีกอย่างคือความสามารถในการเรียกลมเรียกฝน
ตอนนี้คาถาดําดินเป็นทิพยอํานาจอย่างที่สี่ของซูฉิน
“คาถาดําดิน…..”
จิตใจของซูฉันค่อยๆ จมดิ่งลงไปในเวลานั้นข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับคาถาดําดินก็ถูกส่งผ่านมาตามช่องทางของระบบ
หลังจากนั้นไม่นาน
ซูฉินลืมตาขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสุข
คาถาดําดินก็เป็นตามชื่อของมัน มันเป็นทิพยอํานาจที่ช่วยให้ซูฉินเดินทางใต้ดินได้ตามต้องการ
ควรรู้ว่าสิ่งกีดขวางใต้ดินมีมากมาย ไม่ต้องกล่าวถึงร่างกายเลยแม้แต่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์
เมื่อ แผ่ขยายลงไปใต้ดินความสามารถในการครอบคลุมพื้นที่ก็ถูกระงับลงไปหลายเท่าหรืออาจจะห ลายสิบเท่า
บนภาคพื้นดิน ซูฉินสามารถครอบคลุมพื้นที่หลายร้อยล้ําได้ในความคิดเดียว
แต่ถ้าใช้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์แทรกซึมลงใต้ผืนดินเกรงว่าระยะทางที่ครอบคลุมได้จะลดลง และสามารถสํารวจใต้ดินเพียงไม่กี่สิบเท่านั้น
เหตุผลที่ซูฉินสามารถค้นพบโถงพระราชวังอันสูงตระหง่านใต้เมืองฉางอันได้ด้วยจิตสัมผัสศักดิ์ สิทธิ์ก็เพราะเขาได้รวมจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ให้กลายเป็นเส้นเดียวพุ่งตรงลงไปยังส่วนที่ลึกที่สุดเท่าที่ไปถึงได้ใต้ผืนโลก
พูดง่ายๆ คือ จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เมื่ออยู่ใต้ดินจะถูกระงับความสามารถไปเป็นอันมาก
แม้แต่พลังวิญญาณที่จับต้องไม่ได้อย่างจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ยังเป็นเช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงร่าง กายของคนเราเลย
ใต้ดินไม่กี่ล็อาจจะไม่เท่าไหร่ ด้วยความแข็งแกร่งของซูฉิน แม้ว่าเขาจะถูกกีดขวางไว้ แต่มัน ก็ไม่ได้ลําบากอะไรนัก
แต่เมื่อยังคงมุ่งหน้าลึกลงไป แม้แต่ซูฉินก็ยังต้องถูกกดทับทั่วทุกทิศทาง ทั้งความเร็ว จิต สัมผัสศักดิ์สิทธิ์และร่างกายก็ถูกกดดันด้วยผืนดิ นอันยิ่งใหญ่ อาจจะไม่ถึงขั้นที่เคลื่อนไหวไปไหนไม่ได้แต่ความสามารถในการเคลื่อนที่จะลดลงอ ย่างมาก
แต่ในตอนนี้ซูฉินมีทิพยอํานาจคาถาดําดินเมื่อตัวของเขาหลอมรวมเข้าไปกับพื้นดินเมื่อลง ไปใต้ดินไม่เพียงแต่ความแข็งแกร่งจะไม่ได้รับผลกระทบแต่ยังถูกเสริมความแข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย
และในแง่ของการหลบหนี คาถาดําดินนี้ก็มีผลที่น่าทึ่งมากเช่นกัน
แม้ในอนาคตจะได้พบกับเซียนเทพปฐพีซูฉินก็แค่ทะลวงลงไปใต้ดินตรงๆอีกฝ่ายอาจจะทําอะไรไม่ถูกเลยก็เป็นได้
ในส่วนลึกใต้ผืนดิน แม้แต่เซียนเทพปฐพี่ก็ยังออกมือออกไม่ได้ไม่เต็มที่เพราะต้องอยู่ใต้แร งกดดันจากผืนดินอันยิ่งใหญ่ตลอดเวลา
แต่กับซูฉินมันกลับกลายเป็นการเสริมพลัง แรงกดดันจากผืนพิภพจะไม่ส่งผลอะไรเลย และการ ผลุบโผล่ไปมาจะต้องทําให้เซียนเทพปฐพี่หดหูเสียจนอาเจียนออกมาเป็นเลือดอย่างแน่นอน
“ไม่เลว”
“ทิพยอํานาจนี้เหมาะแก่การเอาตัวรอดยิ่ง”
ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
บังเอิญว่าสถานที่ปิดด่านฝึกตนของเขาก็อยู่ใต้ผืนดินเมืองฉางอันประกอบกับทิพยอํานาจคาถาดําดินเขาจะสามารถรับมือได้ทุกสิ่งแม้ว่าเซียนเทพปฐพี่จะโจมตีไล่ฆ่า เขาก็แน่ใจว่าสามารถซ่อนตัวและหลบหนีได้
บรรพชนหก บรรพชนเจ็ดและบรรพชนเก้าที่ยืนอยู่ด้านข้างด้วยความเคารพก็เห็นรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน
ซูฉินสงบใจลง ละทิ้งความคิดที่จะลองใช้คาถาดําดินไปในทันทีและมุ่งเป้าไปยังหุบเขาเล็กๆ ตรงหน้าอีกครั้ง
หุบเขาเล็กๆ แห่งนี้ดูเหมือนจะประกอบด้วยทรายผสมกับดินแต่แท้ที่จริงแล้วมันคือพลังธาตุดนที่บริสุทธิ์ถึงขีดสุด
“น่าเสียดาย…”
ซูฉินมองอย่างระมัดระวังครู่หนึ่ง ส่ายศีรษะเล็กน้อย
“ผู้เป็นใหญ่ในโลก อะไรที่น่าเสียดายหรือ……” บรรพชนหกอดไม่ได้ที่จะถามสิ่งนี้ออกไป
“แหล่งกําเนิดธาตุดินแห่งนี้ยังไม่เติบโตเต็มที่อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลามากกว่าพันปี……”
ซูฉินส่ายหัวและถอนหายใจเล็กน้อย
แม้ว่าวิหารหมื่นพุทธจะมีบันทึกเกี่ยวกับแหล่งกําเนิดธาตุดินแต่มันก็ผ่านเวลามานานหลาย หมื่นปีแล้ว
เวลาที่ยาวนานเช่นนี้ มันยังยาวนานยิ่งกว่าอายุขัยของระดับเซียนเทพปฐพีที่กําเนิดขึ้นมาในวิหารหมื่นพุทธรวมกันเสียอีก
หนังสือโบราณหลายเล่มที่ส่งต่อมาในวิหาร หมื่นพุทธจึงไม่สมบูรณ์
จะเหมือนเช่นซูฉินที่ “เรียกดู ข้อมูลที่ตัวตน ขอบเขตเชียนเทพปฐพีอย่างจ้าวทะเลบูรพาบัน ทึกไว้ในหยกอย่างครอบคลุมได้อย่างไร?
บรรพชนหก บรรพชนเจ็ด และบรรพชนเก้ารู้เพียงว่าหุบเขาเล็กๆแห่งนี้เป็นแหล่งกําเนิดธาตุ ดิน แต่ข้อมูลอื่นๆเช่นแหล่งกําเนิดธาตุดินนั้นเติบโตเต็มที่หรือไม่นั้นยังไม่ค่อยเข้าใจนัก
“ยังเติบโตต่อได้อีกในหนึ่งพันปี?”
บรรพชนหก บรรพชนเจ็ดและบรรพชนเก้ามองหน้ากันมีร่องรอยความผิดหวังปรากฏขึ้นบน ใบหน้าของพวกเขา
แม้ว่าพวกเขาจะใช้วิธีลับส่วนตัว ตัดความหวัง ในการก้าวหน้าต่อไปแต่สําหรับผู้เป็นใหญ่ในโลกการที่แหล่งกําเนิดธาตุดินยังไม่เติบโตเต็มที่เช่นนี้มิกลายเป็นไร้ประโยชน์หรอกหรือ?
“อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแหล่งกําเนิดธาตุดินจะยัง ไม่เติบโตเต็มที่แต่พลังธาตุดินอันมหาศาลที่อัด แน่นอยู่ภายในเป็นของจริงสําหรับตัวข้าหากกลืนกินมันลงไปจะต้องเป็นการพัฒนาครั้งใหญ่อย่างแน่นอนอย่างน้อยก็ในด้านร่างกาย”
ความคิดของซูฉินผันผวน ขบคิดในใจอย่าง รวดเร็ว
นิยาย เรื่องนี้อัพเดตก่อนที่อื่น เว็ปแรกที่ลง novelza.com
ซูฉันไม่เคยมีความคิดที่จะรอให้แหล่งกําเนิดธาตุดินเติบโตอย่างเต็มที่
ล้อเล่นหรือเปล่า? หากจะรอให้แหล่งกําเนิดธาตุดินนี้โตเต็มที่ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งพันปี
เวลาหนึ่งพันปี ด้วยความเร็วในการบ่มเพาะ ของซูฉินอาจจะพูดไม่ได้ว่าจะไปถึงระดับเทพ เซียน แต่ก็ต้องก้าวเข้าสู่ขอบเขตที่ทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อเกรงว่าเมื่อถึงตอนนั้น แหล่งกําเนิดธาตุดินจะไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้ว
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซูฉินก็เหลือบมองบรรพชนหกบรรพชนเจ็ดและบรรพชนเก้าจากนั้นจึงกล่าวว่า“ข้าจะเข้าไปภายในก่อนที่ข้าจะออกมาหากไม่มีเรื่องสําคัญอย่าได้รบกวนข้า”
“ขอรับ”
บรรพชนหก บรรพชนเจ็ด และบรรพชนเก้ากระซิบคําด้วยความเคารพจากนั้นจึงมองซูฉินเดิน เข้าไปภายในหุบเขาเล็กๆ นั่น
ภายในแหล่งกําเนิดธาตุดินนั้นไม่ได้ธรรมดาเหมือนที่เห็นภายนอกทุกซอกทุกมุมเต็มไปด้วยพ ลังธาตุดินที่แข็งแกร่ง เมื่อซูฉินเข้ามาภายในหุบเขาเล็กๆ นี้เขาก็จะคิดว่าตนเดินเข้ามาในทะเลที่เต็มไปด้วยพลังงานธาตุดินล้วนๆ
“พลังธาตุดินที่มหาศาลเช่นนี้…” ซูฉินยิ้มเล็กน้อยและมองหาพื้นที่เพื่อลงไปนั่งขัดสมาธิ
นี่ช่างเป็นความสุขที่มาอย่างคาดไม่ถึงจริงๆ
เดิมทีการมายังทะเลทรายตะวันตกก็เพื่อขัดขวางวิหารหมื่นพุทธ แต่ในท้ายที่สุดกลับมาเจอเข้ากับแหล่งกําเนิดธาตุดินและยังได้รับทิพยอํา นาจอย่างที่สี่จากการลงชื่อเข้าใช้
นอกจากนี้ พลังงานธาตุดินที่ลอยฟังอยู่ทั่วแหล่งกําเนิดธาตุดินนี้ก็สามารถช่วยปรับปรุงร่างกาย ของซูฉินได้อย่างมากแน่ๆ
“ตั้งแต่เข้าสู่ระดับเริ่มต้นของวิชาภาพดวงตะวันขนาดมหึมาร่างกายของข้าก็อยู่ใกล้กับการแปรสภาพครั้งที่หกแล้วเมื่อไม่นานมานี้ในขณะที่ฝึกฝนภาพดวงตะวันฯ ร่างกายของข้าก็ยังค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆเกรงว่าอีกเพียงครึ่งก้าวก็จะถึงการแปรสภาพครั้งที่หก”
ซูฉินนั่งขัดสมาธิ ครุ่นคิดอยู่ในใจเงียบๆ
“ด้วยการใช้เลือดมังกรปีศาจในวิหารการสงครามร่างกายของข้าน่าจะเข้าใกล้การแปรสภาพ ครั้งที่หกได้ง่ายมากขึ้นอย่างแน่นอน”
“ถ้าหากกลืนกินพลังงานจากแหล่งกําเนิดธาตุดินนี้เข้าไปอีกล่ะก็ข้ารู้สึกว่าข้าอาจจะลองทะ ลวงไปถึงการแปรสภาพร่างกายครั้งที่เจ็ดดูได้”
ความเร่าร้อนฉายผ่านใบหน้าของซูฉิน
ตามการประเมินของซูฉิน เมื่อร่างกายได้รับบารแปรสภาพถึงเจ็ดครั้งแล้ว ก็น่าจะสามารถ เทียบเคียงได้กับร่างกายแห่งธรรมชาติของเซียนเทพปฐพี ในเวลานั้นเพียงเลือดเนื้อปราณ ชีวิตของซูฉินก็เพียงพอจะกวาดล้างทุกสิ่ง
ร่างกายของขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ถูกเรียกว่าร่างกายแห่งธรรมชาติมันทรงพลังอํานาจอย่างที่สุดเพราะเมื่อเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีผู้ฝึกยุทธจะสามารถผสมผสานจิตใจเข้ากับทะเลปราณได้จากนั้นจึงสามารถใช้ทะเลปราณที่ไร้ที่สิ้นสุดเข้ามาเสริมพลังของกายเนื้อได้
นี่กุญแจสู่ความแข็งแกร่งของขอบเขตเซียน เทพปฐพี
ความสามารถของซูฉินในการขัดเกลาร่างกายให้อยู่ในระดับของร่างกายแห่งธรรมชาติโดยไม่พึ่งพาแก่นทะเลปราณนั้นช่างน่ากลัวอย่างยิ่ง
“น่าเสียดายที่แหล่งกําเนิดธาตุดินแห่งนี้ยังเติบโตไม่สมบูรณ์ไม่เช่นนั้นมันจะมีมูลค่ามหาศาล ขอบเขตเซียนเทพปฐพิทั้งหลายจะต้องเข้าต่อสู้เพื่อแย่งชิงมัน” ซูฉินทอดถอนใจ
ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของแหล่งกําเนิดธาตุ ดินคือเพิ่มโอกาสที่ตํานานยุทธขั้นสูงสุดจะสา มารถเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีด้วยแหล่งกําเนิดธาตุดินความยากในการเข้าถึงทะเลปราณจะลดลงอย่างมากเมื่อตํานานยุทธขั้นสูงสุดพยายามจะทะลวงขั้น
และเมื่อสัมผัสได้ถึงแก่นทะเลปราณ มันก็เท่า กับสําเร็จไปครึ่งหนึ่ง
แต่สําหรับซูฉิน ไม่ต้องกล่าวถึงการใช้แหล่งกําเนิดธาตุดินเพื่อจะประสบความสําเร็จ แม้ว่าต้อ งการจะประสบความสําเร็จจริงๆ เขาก็จะไม่ใช้แหล่งกําเนิดธาตุดินเพื่อทะลวงขั้น
แม้ว่าแหล่งกําเนิดธาตุดินจะช่วยให้ผู้ฝึกยุทธสัมผัสถึงแก่นทะเลปราณได้ง่ายขึ้น แต่มันก็เป็น เพียงผิวชั้นนอกของแก่นทะเลปราณเท่านั้นจะสามารถทะลวงไปได้ไกลแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับโชค
อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ซูฉินบ่มเพาะภาพด วงตะวันขนาดมหึมาเมื่อเข้าสู่ความสําเร็จระดับ เล็กเขาจะสามารถดึงความสามารถของอีกาทองคําสามขาออกมาได้อย่างแท้จริง
จากนั้นจึงใช้พลังของอีกาทองคําสามขาเพื่อ สัมผัสถึงแก่นทะเลปราณด้วยพลังของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ธาตุไฟที่แข็งแกร่งที่สุดจะต้องสามารถเข้าสู่ส่วนลึกของแก่นทะเลปราณได้อย่างแน่นอน
ในเวลานั้นประโยชน์ที่ซูฉินจะได้รับย่อมเหนือกว่าเซียนเทพปฐพีทุกผู้ทุกคนในประวัติศาสตร์
เพราะมีเพียงเผ่าพันธุ์มนุษย์เท่านั้นที่จําเป็นต้องสัมผัสถึงแก่นทะเลปราณก่อนที่จะทะลวงไป ยังขอบเขตเชียนเทพปฐพี
“มาทําให้การแปรสภาพร่างกายครั้งที่หกสําเร็จ เสียก่อนดีกว่า…”
ซูฉินสูดลมหายใจเข้าหยิบขวดหยกออกมาค่อยๆรินเลือดสีทองซีดๆออกมาเก้าหยด
เลือดทั้งเก้าหยดนี้มีเมฆหมอกรูปร่างคล้ายกับ มังกรปรากฏขึ้นซูฉินเป็นผู้กลั่นเลือดเนื้อของ มังกรปีศาจจากวิหารการสงครามจนได้มาซึ่งส่วนที่สําคัญที่สุด
“ถึงแม้มังกรปีศาจจะได้ชื่อว่าเป็นมังกรแต่สายเลือดมังกรที่แท้จริงภายในกายนั้นแทบจะเรีย กได้ว่าอ่อนแอเสียเหลือเกิน…”
สายตาของซูฉินกวาดมองเลือดทั้งเก้าหยดอย่างช้าๆ “อย่างไรก็ตามเท่านี้ก็เพียงพอสําหรับ ข้าแล้ว”
ช่วงเวลาต่อมา
ซูฉินก็กลืนเลือดมังกรเข้าไปตรงๆ
เลือดสีทองซีดจางไหลลงคอ ซูฉินพลันรับรู้ได้ถึงแรงระเบิดที่กระจายอยู่ภายในร่าง กล้ามเนื้อ ของเขาฉีกขาด กระดูกแตกร้าวทั่วทั้งร่างเหมือนจะระเบิด
บูม!
ขณะที่ร่างกายของซูฉินถูกฉีกทําลายอย่างต่อเนื่องก็มีพลังบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ กระจายออกไปทั่ว เมื่อพลังเหล่านี้ผ่านไปกล้ามเนื้อทุกส่วนก็ค่อยๆ ฟื้นตัว กระดูกทุกข้อได้รับการรักษา
ยิ่งกว่านั้น ร่างกายหลังการรักษากลับยิ่งแข็งแกร่งกระปรี้กระเปร่าขึ้นกว่าเดิม
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ
เมื่อซูฉินได้ดื่มเลือดมังกรทั้งเก้าหยดติดต่อกันไอพลังทั่วร่างกายก็เริ่มเดือดพล่านเลือดในกายสั่นสะท้านราวกับมีคลื่นยักษ์สาดโถมอยู่ทั่วร่าง
ในที่สุด
เมื่อมาถึงจุดหนึ่ง
ราวกับพุ่งทะลุคอขวดบางอย่างไอพลังของซูฉันเริ่มสงบลงอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกัน
แรงกดดันที่ไม่สามารถอธิบายได้จากร่างกาย ของซูฉินก็ได้แพร่กระจายไปทั่วทุกทิศทาง
“ในที่สุดการแปรสภาพร่างกายครั้งที่หกก็เสร็จสิ้น……”
ซูฉันค่อยๆลืมตาลอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า ของเขา
เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

Status: Ongoing

Sign in Buddha’s palm

เข้าสู่ระบบฝ่ามือยูไล

ซูฉินเที่ยวท่องไปในยุทธภพอันกว้างใหญ่ เป็นโลกที่ชาวยุทธเตร็ดเตร่อาละวาดไปทั่ว เป็นสถานที่ที่หยวนกั๋วชีอยู่เหนือใต้หล้า เป็นที่ที่ผู้สืบทอดหมัดเก้าตะวันออกหาประสบการณ์ต่อสู้ไปตามแนวสายธารอันทอดยาวและภูเขาอันสูงชัน ทั้งยังมีเซี่ยวหลี่ที่ขี่กระบี่โบยบินสู่ความเวิ้งว้างว่างเปล่า

เนื่องจากซูฉินไม่มีพรสวรรค์ด้านวิชายุทธ เขาจึงเป็นได้เพียงพระกวาดลานแห่งตำหนักลานจิปาถะ

ในเวลานั้นเอง ระบบแห่งการลงชื่อเข้าใช้ก็ถูกกระตุ้นเปิดออก!

ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าพระประธานสีทองอร่าม ได้รับ [ฝ่ามือยูไล]

ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าลานสงฆ์ ได้รับ [กายแกร่งวัชระ]

ลงชื่อเข้าใช้ที่ภูเขาหลังวัด ได้รับ [กายาโพธิสัตว์ปีศาจทองคำ]

สมบัติแทบจะแทรกอยู่ทุกหย่อมหญ้าในวัดเส้าหลินให้ได้ลงชื่อรับของรางวัลมา ซูฉินไม่คิดลงจากภูเขาอันเป็นที่ตั้งของวัดเส้าหลินไปที่ไหนแน่ถ้ายังไม่ได้ลงชื่อรับของ และตัวเขาก็ลงชื่อรับของอยู่แบบนั้นมาตลอดยี่สิบปี

ยี่สิบปีผ่านไป เส้าหลินเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ระหว่างธรรมะและอธรรม เหล่ามารเข้าโจมตีวัดเส้าหลินอย่างมิเกรงฟ้าดิน มาทั่วทุกสารทิศมุ่งเข้าสู่ศาลาพระคัมภีร์ อย่างดุร้าย! และทรงพลัง!

จนกระทั่งพวกมันเจอเข้ากับศิษย์วัดนามซูฉินกำลังกวาดลาน…

แปลจากงานเขียนเรื่อง Sign in Buddha’s palm ผู้แต่ง : หุยเต้าหยวนชู

ปล.เนื้อหาภายในเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ผู้แปลเพียงนำเสนอผลงานในรูปแบบที่เข้าใจง่ายขึ้นเท่านั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท