ตอนที่ 54 คุกเข่าเรียกพ่อ
“กลับงั้นเหรอ? ผมเกรงว่าคุณจะยังกลับไม่ได้น่ะสิ!” ถังจินซ่งตอบกลับอย่างนุ่มนวล
“ทำไม? นี่คุณคิดว่าจะห้ามฉันได้งั้นเหรอ?” เย่เข่อเอ๋อขมวดคิ้วในขณะที่ย้อนถามกลับไป
“ผมจะทำแบบนั้นได้ยังไงล่ะครับ? ใครจะกล้าห้ามคุณหนูเย่ได้..” ถังจินซ่งตอบกลับยิ้มๆ
“นี่คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?!!”
เย่เข่อเอ๋อถามขึ้นด้วยสีหน้าหงุดหงิดไม่พอใจ เธอไม่ชอบขี้หน้าถังจินซ่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และเมื่อเขาเข้ามาห้ามเธอไว้เช่นนี้ เธอก็ยิ่งเดือดดาลมากขึ้นไปอีก
แม้คนอื่นๆจะค่อนข้างหวาดกลัวอำนาจบารมีของตระกูลถัง แต่เย่เข่อเอ๋อกลับไม่แม้แต่จะสนใจ
หลินหวังยู่เห็นสีหน้าท่าทางที่ไม่ค่อยดีของเย่เข่อเอ๋อ จึงรีบพูดขึ้นว่า “เข่อเอ๋อ.. ถ้าเธอรีบกลับไปก่อนแบบนี้ ฉันเกรงว่าคนอื่นๆจะพลอยหมดสนุกไปด้วยน่ะสิ!”
“นั่นน่ะสิ! กว่าพวกเราจะมาสนุกด้วยกันแบบนี้ได้ ไม่ใช่ง่ายๆเลยนะ! อีกอย่าง.. ฉันเหลือฉันเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม ฉันก็หมดสนุกแย่เลย!” หวังอันฉีรีบพูดสมทบขึ้น
และภายใต้การคะยั้นคะยอของเพื่อนๆทั้งสองคน เย่เข่อเอ๋อจึงจำเป็นต้องนั่งลงต่อ เพราะหากเธอหนีกลับไปก่อนเช่นนี้ คงจะทำให้เพื่อนๆของเธอหมดสนุกไปด้วย ฉะนั้นแล้ว ต่อให้เธอจะไม่ชอบเกมการต่อสู้แบบนี้มากเพียงใด เธอก็คงต้องอดทนดูให้จบๆไปก่อน
“เข่อเอ๋อ.. เธอเป็นอะไรไปเหรอ?!” หวังอันฉีกระซิบถามเสียงเบาหลังจากที่เย่เข่อเอ๋อนั่งลง
“ไม่มีอะไร.. แค่รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวนิดหน่อย”
เย่เข่อเอ๋อดูเหมือนจะไม่สนใจการต่อสู้บนเวทีอีก เธอรีบคว้าแก้วน้ำผลไม้ขึ้นมาดื่มเข้าไปอึกใหญ่ และหลังจากได้ดื่มน้ำผลไม้เข้าไป ความรุ่มร้อนปั่นป่วนภายในร่างกายก็ดูเหมือนจะดีขึ้นเล็กน้อย
หลังจากที่ได้เห็นท่าทางของเย่เข่อเอ๋อแล้ว ถังจินซ่งและหวังชางหยางถึงกับหันไปยิ้มให้กันอย่างชั่วร้าย..
ยาออกฤทธิ์แล้ว!
……
ในการต่อสู้ยกที่สองนั้น หลินหนานได้เงินรางวัลจำนวนสี่แสนสามหมื่นหยวน และในยกที่สองได้ไปถึงหกแสนหกหมื่นหยวน ส่วนในยกสุดท้ายนั้น เขาได้ไปมากถึงหนึ่งล้านห้าหมื่นหยวน
และในเวลานี้ หลินหนานสามารถทำเงินจากหนึ่งแสนหยวน ให้งอกเป็นหนึ่งล้านหกแสนเจ็ดหมื่นหยวนได้อย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่ามากกว่าเดิมถึงสิบหกเท่า!!
เหวินลี่ซึ่งอยู่ในห้องคอยบริการหลินหนานนั้น ได้แต่ตกตะลึง..
ในยกแรกนั้น เธอยังคิดว่าหลินหนานอาจจะเพียงแค่โชคดี แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะสามารถเดิมพันได้ถูกทั้งสี่ยกแบบนี้ และเงินจำนวนหนึ่งล้านหกแสนกว่าหยวนนี้ ก็สามารถนำไปซื้อบ้านสามห้องนอนในเมืองเจียงไฮวได้อย่างสบายๆ
หลังจากที่หลินหนานนั่งเล่นเดิมพันอยู่ในห้องร่วมสองชั่วโมงกว่า ก็ดูเหมือนว่าเขาจะเริ่มหมดความสนใจเสียแล้ว แม้พิธีกรสาวจะประกาศกึกก้องด้วยเสียงระทึกน่าติดตามเพียงใด แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถดึงดูดความสนใจของหลินหนานได้ เขาหยิบบัตรเงินสดของตนเองกลับเข้าไปในกระเป๋าเงินทันที
“คุณชายไม่เล่นต่อเหรอคะ?” เหวินลี่รีบถามขึ้นทันที
“ไม่แล้วล่ะ.. วันนี้พอแค่นี้ก่อน!” หลินหนานตอบกลับพร้อมกับยิ้มกว้าง
“ทำไมล่ะคะ?”
เหวินลี่ถามต่อด้วยสีหน้าประหลาดใจ เพราะด้วยความสามารถของหลินหนาน เธอเชื่อว่าเขาจะสามารถชนะเดิมพันต่อได้อีกเป็นแน่ จึงไม่คิดว่าเขาจะหยุดเล่นไปดื้อๆแบบนี้!
“คนเราควรหัดพอใจในสิ่งที่ได้มา และต้องรู้วิธีหยุดเมื่อไปถึงหน้าผา..” หลินหนานตอบยิ้มๆ
เหวินลี่ถึงกับตาโตเมื่อได้ฟังคำพูดของหลินหนาน เพราะเท่าที่เธอเห็นมาตลอดนั้น นักพนันที่มาที่นี่ส่วนใหญ่ มักจะเล่นจนหมดตัวกลับไปแทบทั้งนั้น และหากนักพนันรู้ว่าควรจะหยุดเมื่อถึงหน้าผาแล้วล่ะก็ คงจะไม่ใช่นักพนันอย่างแน่นอน!
ในระหว่างที่หลินหนานกำลังเดินออกจากประตูไปนั้น จู่ๆเขาก็หยุดชะงักและหันกลับมา แล้วล้วงธนบัตรสีแดงออกมาปึกหนึ่งยื่นให้กับเหวินลี่
“นี่เป็นทิปสำหรับคุณ..”
หลินหนานพูดเพียงเท่านั้น ก็เดินหายออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว!
……
หลิวหยิงหยิงซึ่งนั่งเอนกายอยู่บนโซฟาหรูหราในห้องลับสวนตัวนั้น กำลังจ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ซึ่งประมวลผลการเดิมพันของห้องส่วนตัวแต่ละห้อง ด้วยแววตาเป็นประกาย
“ชนะเดิมพันรวดเดียวทั้งสี่ยก? น่าสนใจมากทีเดียว..” หลิงหยิงหยิงพึมพำพร้อมกับยิ้มออกมา
ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในห้อง สายตาของหลิวหยิงหยิงแทบไม่ละจากห้องส่วนตัวที่หลินหนานนั่งอยุ่เลย
“คุณชายหลินเป็นยอดฝีมืออย่างแท้จริง เขาสามารถเดาเกมออกได้อย่างถูกต้องแม่นยำทุกครั้ง!” เหยาไห่เอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกชื่นชมหลินหนานที่เพิ่มขึ้นจากเดิมมาก
“ไม่ใช่เดา.. แต่เห็นต่างหาก!”
หลิวหยิงหยิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ด้วยข้อมูลพื้นฐานของนักสู้แต่ละคน กับสถานภาพของนักสู้บนเวทีในเวลานั้นๆ เขาสามารถมองออกว่านักสู้คนไหนแข็งแกร่ง และนักสู้คนไหนอ่อนแอ..”
“ไม่แปลก.. ที่ยอดฝีมือระดับปรมาจารย์อย่างคุณชายหลิน จะมีสายตาที่แหลมคมกว่าคนธรรมดาทั่วไป!” เหยาไห่พยักหน้าพร้อมกับเอ่ยตอบ
หลิวหยิงหยิงนั่งเล่นแหวนหยกในนิ้วของตนเอง พร้อมกับหลับตาลงทำสมาธิเงียบๆ แหวนหยกวงนี้เป็นของขวัญที่เธอได้รับจากเสิ่นวู๋เตา
เมื่อครั้งที่เสิ่นวู๋เตามีชีวิตอยู่นั้น ทุกครั้งที่พบเจอปัญหา เขามักจะนั่งลูบไล้แหวนบนนิ้ว พร้อมกับหลับตาครุ่นคิดหาทางออก
และเวลานี้ หลิวหยิงหยิงก็กำลังทำเช่นเดียวกับที่เสิ่นวู๋เตาเคยทำ..
“เถ้าแก่หลิวครับ.. จะให้ผมไปคุยกับคุณชายหลินว่า..”
ยังไม่ทันที่เหยาไห่จะพูดจบ หลิวหยิงหยิงก็รีบค้านขึ้นมาทันที “ไม่ต้อง!”
“ในเมื่อเราทำธุรกิจ สิ่งสำคัญคือความซื่อสัตย์! ในเมื่อคุณชายหลินชนะเดิมพันด้วยฝีมือ ไม่ใช่กลโกง อีกอย่าง.. ฉันเองก็เป็นคนตั้งวงเงินการเดิมพันไว้ที่หนึ่งล้าน!”
“หากไม่ยอมที่จะเป็นฝ่ายสูญเสียแม้เล็กน้อย ก็ไม่ควรคิดทำธุรกิจตั้งแต่แรก..”
โกลเดนพาเลซคลับมีเงินไหลเข้าทุกคืน และแต่ละคืนก็ไม่ต่ำกว่ายี่สิบล้านหยวน แม้จะหักต้นทุนไปแล้ว กำไรในแต่ละคืนยังตั้งหลายล้าน หลินหนานชนะเดิมพันเพียงแค่นี้ ไม่ถึงกับทำให้โกลเดนพาเลซล้มละลายได้แน่..
เหยาไห่พยักหน้าเห็นด้วย และในระหว่างนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น หลังจากได้ยินปลายสายรายงาน เขาก็ถึงกับพ่นลมออกมาด้วยความโล่งใจ
จากนั้นเหยาไห่ก็หันไปบอกหลิวหยิงหยิงด้วยสีหน้าประหลาดใจ “เถ้าแก่หลิว พนักงานที่รับผิดชอบดูแลห้องคุณชายหลิน โทรมารายงานว่าเขากลับไปแล้ว..”
“กลับไปแล้ว? ทำไมเขาถึงไม่เดิมพันยกที่ห้าต่อ?” หลิวหยิงหยิงร้องถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ และแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
ด้วยความสามารถที่เก่งกาจของหลินหนาน หลิวหยิงหยิงเชื่อว่าเขาจะสามารถชนะเดิมพันได้จนถึงคู่สุดท้าย และจะสามารถกวาดเงินรางวัลไปได้อย่างมากมาย
“พนักงานที่ดูแลคุณชายหลินยังบอกด้วยว่า คุณชายหลินบอกกับเธอก่อนจากไปว่า – คนเราควรหัดพอใจในสิ่งที่ได้มา และต้องรู้วิธีหยุดเมื่อไปถึงหน้าผา” เหยาไห่รายงานต่อ
หลิวหยิงหยิงถึงกับนิ่งอึ้งไปอีกครั้ง แต่แล้วจู่ๆ เธอก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา และหัวเราะจนตัวโยกคลอนกลับไปกลับมาอยู่นาน
แต่เหยาไห่กลับไม่รู้สึกตกอกตกใจนัก เพราะเขาคุ้นเคยกับท่าทางการแสดงออกเช่นนี้ของหลิวหยิงหยิงแล้ว..
หลังจากที่หัวเราะจนพออกพอใจแล้ว หลิวหยิงหยิงก็พูดขึ้นว่า “เยี่ยม! ฉันไม่เคยพบเจอใครที่น่าสนใจเหมือนกับคุณชายหลินมานานมากแล้ว! ฉันคงต้องออกไปส่งเขาด้วยตัวเองสินะ..”
เหยาไห่ได้แต่ยืนงง แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยถามออกไป..
……
หลินหนานเดินออกมาด้วยความดีอกดีใจ เมื่อนึกถึงเงินที่สะพรัดอยู่ในบัญชีของตนเองเวลานี้
คนเฉลียวฉลาดอย่างฉันเท่านั้น ที่จะสามารถหาเงินล้านภายในคืนเดียวได้!
ในโลกนี้ยังจะมีใครฉลาดเท่าฉันอีกนะ?!!
แต่หลินหนานไม่ทันสังเกตเห็นว่า ภายในที่จอดรถนั้นมีคนสี่คนแอบซ่อนตัวอยู่ และพวกมันก็คือจางผิงกับหมาป่าและลูกน้องทั้งสองคน
ก่อนหน้านี้พวกมันทั้งสี่คนถูกหลินหนานทำให้ได้รับความอับอายอย่างมาก มีหรือที่จะยอมจบเรื่องนี้อย่างง่ายๆ พวกมันจึงได้ไปเรียกพวกพ้องของตนเองมา และดักรอหลินหนานอยู่ที่นี่!
“เสือดาว.. ทุกคนมาพร้อมหรือยัง?” หมาป่าเอ่ยถามเสียงเย็น
“ไม่ต้องห่วงพี่หมาป่า! เจ้าหัวโล้นบอกว่าลูกน้องของมันทั้งห้าสิบคน จะมาถึงที่นี่ภายในอีกสองนาที!”
จากนั้นเสือดาวก็ร้องคำรามออกมาอย่างดุดัน “ไอ้สารเลว! ครั้งนี้แกได้คุกเข่าร้องขอความเมตตาจากฉันแน่!”
“ให้มันคุกเข่าขอร้องอย่างเดียวไม่พอนะพี่ ต้องให้มันเรียกพวกเราว่าพ่อด้วย!” จางผิงตะโกนบอกด้วยสีหน้าเหี้ยมโหด
******
ฝากนิยายของทีมงานด้วยนะคะ
เรื่อง : เทพปีศาจผงาดฟ้า
เขาฟื้นสติตื่นขึ้นมาในร่างและผืนพิภพแห่งใหม่ หลังจากที่ล่วงลับตายจากไปในโลกก่อนหน้า
หลงเฉินเริ่มออกเดินทางครั้งใหม่ในผืนพิภพที่เต็มไปด้วยเทพเซียนและมารปีศาจ สิ่งมีชีวิตลึกลับมากมายหลายหลาก และมนุษย์ที่สามารถบ่มเพาะพลังจนขึ้นกลายเป็นยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทาน พร้อมผงาดขึ้นสู่จุดสูงสุดแห่งผืนพิภพทั้งมวล
หนทางเบื้องหน้าของเขามิได้เรียบง่ายอย่างที่คิด จำต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายเกินคณานับ สังหารทุกคนที่เข้าขัดขวาง ยอดผู้ฝึกยุทธ์พเนจรท่องโลกาท้ายุทธภพสุดขอบฟ้า จนกลายเป็นที่รู้จักในนามเทพปีศาจแห่งจักรวาล ปกครองความเป็นและความตาย
แม้กระทั้งสรวงสวรรค์ยังต้องก้มกราบต่อหน้าเขา!
—————–
เรื่อง : จักรพรรดิ์เทพมังกร
ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด
จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..
******