ตอนที่ 71 ป่วยเรื้อรัง
นับว่าแขกที่มาใหม่ได้เข้ามาช่วยหลินหนานไว้ทันเวลา..
เมื่อได้ยินเสียงของหญิงสาวดังขึ้น ผู้เฒ่ากู่ถึงกับยิ้มกว้างอย่างไม่อาจที่จะปิดบังได้ หลินหนานจึงได้แต่หันมองไปยังต้นเสียง และพบว่า..
หญิงสาวที่เดินเข้ามานั้นอยู่ในวัยยี่สิบต้นๆ ผมยาวถูกผูกไว้เป็นหางม้าอยู่กลางศรีษะ สวมเสื้อโค้ทสีเบจ และกางเกงขายาวสีสันสดใส
ผิวพรรณของเธอนั้นขาวราวกับหิมะ ใบหน้ารูปไข่ คิ้วโก่งประหนึ่งก้านหลิว ดวงตากลมโต และจมูกโด่งเป็นสัน ใฝเล็กๆที่อยู่กึ่งกลางหว่างคิ้วของเธอนั้น ยิ่งทำให้หญิงสาวคนนี้ดูสวยคลาสสิคมากยิ่งขึ้น
ความสวยงามของหญิงสาวผู้นี้ ประหนึ่งบุปผาแย้มบาน ที่เผยความงดงามต่อสายตาผู้คนอย่างยากที่จะปกปิดไว้ได้
แม้กระทั่งหลินหนานที่พบเจอสาวงามมามากมาย รวมถึงเย่ชิงเฉิงภรรยาคนสวยที่แสนเย็นชาของเขา เขายังอดที่จะจ้องมองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้
สวยสง่าราวกับเป็นคุณหนูผู้เพียบพร้อมจากตระกูลใหญ่!
ทันทีที่หญิงสาวพบว่าภายในห้องตรวจมีหลินหนานนั่งอยู่ด้วย เธอก็รีบเก็บกล่องหมากรุกไปซ่อนไว้ด้านหลังของตนเองอย่างรวดเร็ว แล้วจึงหันไปกระซิบกับผู้เฒ่ากู่เสียงเบา
“คุณปู่.. หนูไม่รู้ว่าคุณปู่มีแขกอยู่”
ปู่งั้นเหรอ?!!!
หลินหนานถึงกับตาโตด้วยความตกใจ เพราะคิดไม่ถึงว่าหลานสาวที่ชายชราพยายามคะยั้นคะยอจะยกให้กับเขาก่อนหน้านี้ จะสวยแล้วก็งดงามขนาดนี้!!
แล้วยีนล่ะ?!! ยีนยังจะมีความหมายอะไรอีก?!
“หยุนลิ่ว หลานมาทันเวลาพอดี! ปู่จะแนะนำให้รู้จักกับคุณชายหลิน เขาคือผู้มีพระคุณของตระกูลกู่เรา!” ผู้เฒ่ากู่รีบบอกหลานสาวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ผู้มีพระคุณเหรอคะ?!”
กู่หยุนลิ่วร้องอุทานออกมาด้วยความงุนงง พร้อมกับหันมองไปทางหลินหนาน ทำให้เขามีโอกาสได้เห็นลูกผมที่หน้าผากของเธอ ซึ่งเป็นนับเป็นเอกลักษณ์และเสน่ห์ของหญิงสาวคนนี้
จากนั้น ผู้เฒ่ากู่ก็ได้เล่าเรื่องทั้งหมดที่เพิ่งเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้กับหลานสาวของตนฟัง แต่หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด สีหน้าของกู่หยุนลิ่วก็เปลี่ยนเป็นระแวงสงสัยขึ้นมาทันที เธอจ้องมองหลินหนานแน่นิ่ง ในขณะที่ปากก็เอ่ยถามผู้เฒ่ากู่ด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“คุณปู่ เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำ ปู่ก็เชื่อเขาแล้วเหรอคะ?”
หลินหนานได้ยินเช่นนั้น ก็ได้แต่แอบนึกขันอยู่ในใจ..
หญิงสาวคนนี้ช่างระมัดระวังตัว แล้วก็ขี้ระแวงมากจริงๆ!
“หยุนลิ่ว นี่หลานพูดแบบนั้นออกไปได้ยังไงกัน?” ผู้เฒ่ากู่ร้องถามออกมาด้วยสีหน้าตกตะลึง
“คุณปู่!! นี่มันปี ค.ศ.ไหนแล้วคะ? ปู่ยังเชื่อเรื่องอะไรแบบนี้อยู่อีกเหรอ? หนูเคยบอกตั้งหลายครั้งแล้ว การแพทย์แผนปัจจุบันไม่ได้สอนให้เชื่อเรื่องอะไรแบบนี้!” กู่หยุนลิ่วตอบกลับโดยไม่เห็นแก่หน้าหลินหนาน
“หยุนลิ่ว สิ่งที่หลานกำลังพูดอยู่ เท่ากับดูถูกการแพทย์แผนจีนอยู่ รู้ตัวบ้างมั๊ย?!”
ใบหน้าของผู้เฒ่ากู่เปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวด้วยความขุ่นเคืองใจ และเวลานี้เขาก็รู้สึกทั้งรักและเกลียดหลานสาวคนนี้เป็นอย่างมาก
หลานสาวของเขาคนนี้ดูเหมือนจะต่อต้านการแพทย์แผนจีนมาตั้งแต่เด็ก และด้วยเหตุนี้เธอจึงเลือกที่จะสอบเข้าคณะแพทย์ศาสตร์ เพื่อที่จะได้มาเป็นแพทย์ตะวันตกอย่างเต็มตัว!
และยิ่งสอบเข้าคณะแพทย์ศาสตร์ได้ด้วยคะแนนที่ดีเยี่ยม เธอก็ยิ่งเชื่อมั่นในความรู้ทางการแพทย์ตะวันตกมากยิ่งขึ้น และมองว่าแพทย์แผนจีนเป็นเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้
เธอรู้สึกว่า แนวทางของแพทย์แผนจีนและแพทย์ตะวันตกนั้น ล้วนมีวิธีตรวจวินิจฉัย และวิธีการรักษาที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งสองศาสตร์จึงเสมือนดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ ที่ยากจะโคจรมาพบกันได้..
หลังจากที่โต้เถียงกันอยู่ครู่ใหญ่ ในที่สุดกู่หยุนลิ่วก็เป็นฝ่ายยอมอ่อนให้ และเสนอให้ใช้การเล่นหมากรุกเป็นเครื่องตัดสินแทน
หากใครเป็นฝ่ายชนะ ก็จะถือว่าคำพูดและความเห็นของคนนั้นถูกต้อง!
ก่อนหน้านี้ ผู้เฒ่ากู่เป็นผู้สอนหลานสาวของเขาเล่นหมากรุกเอง แรกๆนั้นทั้งคู่ก็ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ แต่ดูเหมือนชายชราจะเป็นฝ่ายได้เปรียบเสียมากกว่า
แต่หลังจากนั้นเพียงแค่หนึ่งหรือสองปี ทักษะการเล่นหมากรุกของหญิงสาวก็ก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งผู้เฒ่ากู่ซึ่งเคยเป็นอาจารย์ที่สอนให้ ยังพ่ายแพ้ให้กับหลานสาวของตนเองอยู่ร่ำไป
และตอนนี้ ผู้เฒ่ากู่ก็ได้แต่จ้องมองกล่องหมากรุกในมือหลานสาวด้วยความปวดหัว และรู้อยู่แก่ใจว่า ต่อให้เล่นไปตนเองก็ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อยู่ดี!
“ดูเหมือนคุณปู่จะยอมรับแล้วสินะคะว่า หนูพูดถูก!” กู่หยุนลิ่วชูกล่องหมากรุกในมือ พร้อมกับหันไปบอกผู้เฒ่ากู่ด้วยสีหน้าของผู้ชนะ
ผู้เฒ่ากู่ถึงกับถอนหายใจ ก่อนจะตอบกลับไปว่า “หยุนลิ่ว.. หลานจะใช้ความรู้ที่ตนเองเพิ่งศึกษาเล่าเรียนมาได้ไม่กี่ปี ตัดสินว่าแพทย์แผนจีนไม่ดีอย่างแพทย์ตะวันตกไม่ได้ อย่าลืมว่าตระกูลของเราเป็นตระกูลที่สืบเชื้อสายมาจากหมอหลวงในวัง และความรู้ด้านนี้ก็ถูกถ่ายทอดจากบรรพชนสู่ลูกหลานไม่รู้กี่รุ่นต่อกี่รุ่นแล้ว การแพทย์แผนจีนคือมรดกที่บรรพชนของตระกูลกู่มอบไว้ให้..”
แต่ยังไม่ทันที่ผู้เฒ่ากู่จะพูดจบดี กู่หยุนลิ่วก็พูดแทรกขึ้นมาทันที
“เรื่องนั้นหนูรู้ดีค่ะคุณปู่ หนูรู้ว่าตระกูลของเราสืบเชื้อสายมาจากหมอหลวงในวัง และได้มอบวิชาแพทย์แผนจีนให้เป็นมรดกตกทอดถึงลูกหลานในตระกูล แต่นี่มันปี 2020 แล้วนะคะคุณปู่ หมดยุคที่จะมานั่งสวดมนต์ภาวนา กินยาหม้อ แล้วก็นั่งรอคอยความตายแล้วค่ะ..”
ผู้เฒ่ากู่ถึงกับนิ่งอึ้งไปด้วยความตกใจ และได้แต่คิดว่าเด็กรุ่นใหม่เดี๋ยวนี้ไม่ต้องยึดถือขนบธรรมเนียมประเพณีอีกแล้วหรือ จึงได้กล้าเถียงผู้อาวุโสในตระกูลอย่างไร้มารยาทแบบนี้?
แต่กู่หยุนลิ่วก็เป็นหลานสาวที่ท่านผู้เฒ่ากู่รักใคร่ และเอ็นดูที่สุด!
“นี่หลาน.. ทำไมถึงได้กล้าพูดจาแบบนี้ นี่หลานถึงกับกล้าพูดจาดูถูกวิชาแพทย์ที่บรรพชนมอบให้เชียวเหรอ?!!” ผู้เฒ่ากู่ยกมือขึ้นชี้หน้ากู่หยุนลิ่ว พร้อมกับตำหนิเสียงสั่น
“คุณปู่คะ หนูจะบอกอะไรให้ โลกปัจจุบันนี้เป็นยุคที่แพทย์ตะวันตกรุ่งเรือง ปู่ควรต้องโยนความคิดโบราณคร่ำครึของตัวเองทิ้งไปได้แล้ว!”
จากนั้นกู่หยุนลิ่วก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก “เอาล่ะค่ะคุณปู่! นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่หนูจะทะเลาะกับปู่เรื่องนี้ วันหยุดของหนูหมดแล้ว และถ้าที่บ้านไม่มีเรื่องอะไร หนูก็จะไม่กลับมาอีก..”
หลังจากพูดจบ กู่หยุนลิ่วก็หันหลัง แล้วเดินออกไปจากห้องทันที!
กู่หยุนลิ่วนับเป็นเด็กสาวที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก และค่อนข้างเป็นตัวของตัวเอง อีกทั้งยังเป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้น
ผู้เฒ่ากู่ถึงกับหน้าแดงตัวแดง และร่างกายสั่นสะท้านไปด้วยความโกรธ มือข้างหนึ่งกำที่เท้าแขนบนเก้าอี้ไว้แน่น และเวลานี้เขาก็รู้สึกวิงเวียนศรีษะอย่างมาก
แต่ก่อนที่กู่หยุนลิ่วจะทันได้ก้าวเดินออกจากห้อง เสียงร้องตะโกนก็ดังขึ้น..
“หยุดก่อน!”
แม้เสียงนั้นจะไม่ดังมาก แต่ก็ทำให้กู่หยุนลิ่วที่หยิ่งทะนงถึงกับหยุดชะงัก และหันกลับมาในทันที แต่เมื่อเห็นผู้พูดคือหลินหนาน เธอก็จ้องมองเขาด้วยสีหน้า และแววตาไม่พอใจ พร้อมกับถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“คุณลุงต้องการอะไรอีก?”
คุณลุง?!!
หลินหนานแทบอดทนต่อไปไม่ได้ และอยากจะตะโกนใส่หน้าเด็กสาว..
นี่เธอเรียกผู้ชายหน้าตาหล่อเหลามีเสน่ห์ แล้วก็ยังหนุ่มยังแน่นอย่างฉันว่า ‘คุณลุง’ งั้นเหรอ?!!
ถ้าไม่ตาบอดก็คงจะสายตาสั้น ฉันว่าเธอควรต้องไปตรววัดสายตาได้แล้ว!
“ก่อนที่คุณจะไป คุณควรจะต้องเอ่ยคำขอโทษก่อน!” หลินหนานพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
กู่หยุนลิ่วทำสีหน้าคล้ายกับได้ฟังเรื่องตลกขบขันที่สุดในชีวิต เธอหัวเราะร่วนพร้อมตอบกลับไปว่า
“ฉันว่าคุณลุงคงจะเข้าใจอะไรผิดไปมั๊ยคะ? นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวของเรา ไม่ทราบว่าคุณลุงมีสิทธิ์อะไรเข้ามายุ่งเกี่ยว?”
“หยุนลิ่ว!! เลิกพูดจาแล้วก็ทำเรื่องขายหน้าได้แล้ว!”
ชายชราตวาดหลานสาวเสียงดัง และวันนี้เขาก็รู้สึกผิดหวังกับท่าที และการแสดงออกอย่าางไร้มารยาทของกู่หยุนลิ่วเป็นอย่างมาก..
“หนูพูดอะไรผิดคะคุณปู่? นี่เป็นเรื่องโต้เถียงระหว่างเราสองคน แล้วก็เป็นเรื่องภายในครอบครัวของเรา แล้วเขาเกี่ยวอะไรด้วยคะ?”
กู่หยุนลิ่วตอบโต้กลับทันที และท่าทางการแสดงออกก็ดูก้าวร้าวยิ่งกว่าเดิม
“คุณชายหลินเป็นผู้มีพระคุณของตระกูลเรา หลานไม่ควรพูดกับคุณชายหลินด้วยน้ำเสียงและท่าทางก้าวร้าวแบบนี้!” ผู้เฒ่ากู่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“หนูไม่ขอโทษค่ะ! อีกอย่าง.. หนูไม่เชื่อเขา ในเมื่อสิ่งที่เขาทำอยู่มันผิดในสายตาของหนู!” กู่หยุนลิ่วตอบโต้ชายชรากลับไปทันที
“นี่หลาน..”
ผู้เฒ่ากู่พูดอะไรไม่ออก และเวลานี้เขาก็กำลังโกรธมาก เขาเริ่มนึกเสียใจที่ไม่ห้ามกู่หยุนลิ่วตั้งแต่แรก และปล่อยให้เธอเข้าเรียนแพทย์ตะวันตกตามที่ต้องการ
ดูท่าทางของหลานสาวตัวดีสิ! ยิ่งเรียนยิ่งยะโสโอหัง!
นอกจากจะไม่เคารพผู้ใหญ่แล้ว ยังไร้มารยาท แล้วก็ก้าวร้าวมากอีกด้วย!
“ผมไม่ได้ให้คุณขอโทษอาวุโสกู่ แต่ต้องการให้คุณขอโทษแพทย์แผนจีนทุกคน!” หลินหนานตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“แล้วทำไมฉันต้องทำแบบนั้นด้วย?” กู่หยุนลิ่วตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“เพราะคุณไม่มีคุณสมบัติพอ และไม่คู่ควรที่จะตัดสินในเรื่องนี้น่ะสิ!”
หลินหนานตอบกลับด้วยสีหน้านิ่งเรียบ แต่ได้สร้างความเดือดดาลให้กับกู่หยุนลิ่วอย่างมาก
นับเป็นการตอบโต้กลับที่งดงามยิ่งนัก!
“ตลกสิ้นดี! ฉันนี่นะไม่มีคุณสมบัติพอ? ตระกูลของฉันสืบทอดวิชาแพทย์แผนจีนมาจากหมอหลวงในวัง ปู่ของฉันก็เป็นแพทย์แผนจีน ฉันเห็นเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่เด็ก ฉันรู้เรื่องพวกนี้ดีกว่าคุณด้วยซ้ำไป!” กู่หยุนลิ่วตอบโต้หลินหนานกลับไปทันที
“ในเมื่อคุณเติบโตมาในครอบครัวที่เลี้ยงชีพด้วยวิชาแพทย์แผนจีน แล้วสิ่งที่คุณทำเมื่อครู่ จะต่างจากลูกนิสัยไม่ดีที่ขว้างตะเกียบขว้างชามข้าวใส่พ่อแม่ได้ยังไง?” หลินหนานเอ่ยถามพร้อมกับยิ้มหยัน
“นี่คุณ..” กู่หยุนลิ่วถึงกับพูดไม่ออก..
“ไม่รู้ล่ะ!! ไม่ว่ายังไงฉันก็รู้สึกว่าการแพทย์แผนจีนไม่น่าเชื่อถืออยู่ดี!!” กู่หยุนลิ่วกัดฟันกรอด..
“ในเมื่อคุณคิดว่าแพทย์ตะวันตกดีกว่า แล้วทำไมถึงได้รักษาอาการป่วยเรื้อรังที่คุณเป็นอยู่ไม่ได้ล่ะ?” หลินหนานย้อนถาม
“ห๊ะ?!! อะไรนะ?!!”
ไม่เพียงแค่กู่หยุนหลินที่ตกใจ แม้แต่ผู้เฒ่ากู่เองก็ตกใจอย่างมากเช่นกัน เมื่อได้ยินหลินหนานพูดโพล่งออกมาแบบนั้น