ตอนที่ 68 คำนับสามครั้ง
“ครับท่านหมอกู่ ผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย!”
ซูเล่ยร้องตอบกลับท่านหมอกู่ด้วยความดีอกดีใจ และเวลานี้สีหน้าที่ซีดเผือดเมื่อครู่ กลับเปลี่ยนเป็นอารมณ์ดีอย่างมาก
ต้องขอบคุณที่หมอกู่ไม่คิดตรวจสอบ และสืบหาความจริง ไม่อย่างนั้นฉันต้องตกงานแน่ๆ!!
และสิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้สำหรับซูเล่ยก็คือ ต้องรีบกำจัดขวากหนามซึ่งก็คือหลินหนานออกไปจากบริเวณนี้ให้เร็วที่สุดนั่นเอง!
“นี่!! เลิกหลอกลวงผู้คนได้แล้ว ยังไม่รีบเก็บของ แล้วออกไปจากที่นี่อีกเหรอ?” ซูเล่ยร้องตะโกนไล่หลินหนานด้วยสีหน้าท่าทางโอหังเช่นเคย
เวลานี้คนไข้ที่มุงดูอยู่ต่างก็ไม่ได้แสดงอารมณ์โกรธเกรี้ยวเหมือนก่อนอีก เพราะเหตุผลที่ท่านหมอกู่พูดมานั้น ล้วนทำให้พวกเขาไม่อาจโต้เถียงได้ และหากมีการแจ้งตำรวจขึ้นมาจริงๆ ก็จะไม่เป็นผลดีต่อหลินหนานด้วย
“เฮ้อ.. ดูท่าคนบางคนจะไม่เพียงแค่แก่ชรา แต่ดูเหมือนจะกำลังป่วยซะด้วยสินะ!” จู่ๆหลินหนานก็เปรยขึ้นมา
น้ำเสียงของเขานั้นไม่ได้เบานัก และหลินหนานเองก็มั่นใจว่าผู้เฒ่ากู่จะต้องได้ยินคำพูดของตนอย่างแน่นอน
ท่านหมอกู่ได้ยินจริงๆ แต่เขากลับไม่สนใจ และยังคงเดินหน้าต่อไปไม่หยุด เพราะในความคิดของเขาเวลานี้ หลินหนานเพียงแค่กำลังเรียกร้องความสนใจ และต้องการหาทางออกให้ตัวเองอยู่
“ช่วนยู๋จิ่น เฟิ่งหวงฝู หญ้าหลงตัน ฝูเปี้ยน..”
หลินหนานเอ่ยชื่อสมุนไพรจีนออกมายาวเหยียดติดกันถึงสิบชนิด และบางชนิดก็เป็นสมุนไพรที่คนทั่วไปยากจะรู้จัก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผู้เฒ่ากู่รู้สึกประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย
นั่นเพราะตัวเขาเองเกิดมาในตระกูลแพทย์แผนจีน จึงผ่านการท่องจำชื่อสมุนไพรจากตำราแพทย์มานับไม่ถ้วนตั้งแต่ยังเด็ก และหากท่องไม่ได้ บางครั้งก็จะไม่ได้กินข้าวด้วย เขาจึงสามารถท่องชื่อสมุนไพรได้อย่างขึ้นใจมาตั้งแต่เด็กเช่นกัน
และด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้เฒ่ากู่กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ และรู้เรื่องสมุนไพรจีนเป็นอย่างดี!
หลังจากที่ได้ยินหลินหนานท่องชื่อสมุนไพรเหล่านั้นออกมา เขากลับนึกหัวเราะเยาะอยู่ในใจด้วยซ้ำไป ที่หลินหนานเลือกจะโอ้อวดด้วยวิธีการเช่นนี้
แต่เมื่อได้ยินหลินหนานท่องชื่อสมุนไพรไปเรื่อยๆ เขาก็เริ่มรู้สึกประหลาดใจขึ้นเล็กน้อย จนกระทั่งหลินหนานเอ่ยชื่อหญ้าฉีหลินขึ้นมา ผู้เฒ่ากู่ถึงกับตาโตและหยุดชะงักทันที เขารีบหันหลังกลับไปมองหลินหนาน พร้อมกับถามออกไปด้วยสีหน้า และน้ำเสียงระคนตื่นเต้น
“ชื่อสมุนไพรทั้งหมดที่เธอท่องมา มันคือใบสั่งยาใช่มั๊ย?”
“คุณต้องเดาเอาเอง!” หลินหนานไม่ตอบ
ผู้เฒ่ากู่จ้องลึกลงไปในดวงตาสุกสว่างของชายหนุ่มตรงหน้า และได้แต่แอบคิดในใจว่า หรือชายหนุ่มผู้นี้จะไม่ได้เป็นเหมือนรูปลักษณ์ที่เห็น และท่าทางที่เขาแสดงออกมา?
“อภัยให้ผมด้วย! ผมต้องขอโทษที่แสดงกิริยามารยาทไม่ดีออกไปเมื่อครู่นี้!”
จู่ๆ ผู้เฒ่ากู่ก็เป็นฝ่ายกล่าวขอโทษหลินหนานออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย และไม่เพียงเท่านั้น เขายังยกมือขึ้นประสานกัน พร้อมกับโน้มกายลงเล็กน้อยต่อหน้าหลินหนาน
ฝูงชนที่พากันยืนมุงดูอยู่ต่างก็รู้สึกตกใจ เมื่อได้เห็นท่านหมอกู่เดินกลับมาด้วยสีหน้าท่าทางขึงขังอีกครั้ง และคิดว่าครั้งนี้เขาคงจะกลับมาเอาเรื่องหลินหนานด้วยตัวเองเป็นแน่ แต่เมื่อได้เห็นท่าทีที่แสดงออกของท่านหมอกู่ ทุกคนก็ถึงกับนิ่งอึ้งไปด้วยความงุนงง และตกตะลึง..
ท่านหมอกู่เป็นอะไรไป?
เขาเป็นปรมาจารย์ทางด้านแพทย์แผนจีนที่มีชื่อเสียงอย่างมาก แต่เวลานี้กลับยอมโค้งคำนับ และขอโทษหมอเถื่อนอย่างนั้นเหรอ?!
และเรื่องนี้ก็นับเป็นเรื่องแปลกประหลาดในสายตาของฝูงชน ประหนึ่งว่าโลกหมุนกลับขั้วเลยทีเดียว!
แต่คนที่ดูเหมือนจะตกใจมากที่สุดจะเป็นซูเล่ย นั่นเพราะเขาทำงานที่หอฟู่ซิงมานานหลายปี และรู้จักอุปนิสัยใจคอของผู้เฒ่ากู่ดี
ผู้เฒ่ากู่เป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์ เถรตรง และยึดมั่นในหลักการยิ่งนัก เขาเป็นผู้ที่เชื่อมั่นในทักษะทางการแพทย์ของตนเองอย่างที่สุด และยากที่จะยอมรับผู้อื่นง่ายๆเช่นนี้
ฉะนั้น แน่นอนว่าเพียงแค่คนไข้อื่นๆเรียกขานอีกฝ่ายว่าหมอเทวดา ย่อมไม่เพียงพอที่จะทำให้ท่านหมอกู่ยอมรับนับถือ จนถึงกับแสดงออกมาเช่นนี้ได้เป็นแน่
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ท่านหมอกู่จะถึงกับยอมคำนับให้กับหมอนี่ได้?!!
หมอนี่มันมีอะไรดีนักนะ?
แค่พูดชื่อสมุนไพรออกมาแค่นี้น่ะเหรอ?!
หลินหนานเองก็แอบนึกชื่นชมผู้เฒ่ากู่อยู่ในใจเช่นกัน และเชื่อว่าผู้เฒ่ากู่เองก็คงต้องมีความรู้ด้านการแพทย์ และสมุนไพรลึกซึ้งไม่น้อย หาไม่แล้วคงจะไม่สามารถรู้ได้ว่า สิ่งที่เขาพูดออกไปทั้งหมดนั้นคือใบสั่งยา?
“ไม่ต้องเกรงใจ.. ไม่ต้องเกรงใจ..” หลินหนานจงใจโบกไม้โบกมือ
“อภัยที่ผมหูหนวกตาบอด! ไม่ทราบว่าคุณชายจะให้เกียรติเข้าไปนั่งในร้าน และจิบชาคุยกับผมจะได้หรือไม่?” ผู้เฒ่ากู่เชื้อเชิญหลินหนานเข้าไปนั่งในร้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เวลานี้ ซูเล่ยถึงกับยืนใจสั่นตัวสั่นระริก เมื่อได้ยินผู้เฒ่ากู่เชื้อเชิญอีกฝ่ายเข้าไปนั่งสนทนาภายในร้านเช่นนั้น..
ท่าทางของชายชราที่สง่าผ่าเผยน่าเกรงขาม กลับเปลี่ยนเป็นชายชราที่ดูมีฐานะต่ำต้อยในทันที อีกทั้งยังใช้สรรพนามแทนหลินหนานว่า ‘คุณชาย’ อีกด้วย..
“ยังไม่ใช่ตอนนี้!” หลินหนานปฏิเสธ
ผู้เฒ่ากู่ถึงกับชะงักไปทันที สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นกระอักกระอ่วน และทำอะไรไม่ถูก เพราะคิดว่าหลินหนานคงจะไม่พอใจท่าทีที่เขาได้แสดงออกไปก่อนหน้านี้ ทำให้ผู้เฒ่ากู่รู้สึกเสียใจ และไม่สบายใจอย่างมาก
ด้วยเหตุนี้ ผู้เฒ่ากู่จึงได้แต่ก้มหน้าลง และพูดกับหลิงหนานด้วยสีหน้าท่าทางสำนักผิด
“เมื่อครู่ผู้น้อยได้ล่วงเกินคุณชายไป ได้โปรดอภัยและยกโทษให้ผมด้วยจะได้หรือไม่ครับ?” ผู้เฒ่ากู่เอ่ยขอโทษหลินหนานอีกครั้ง และครั้งนี้เขาโน้มตัวลงต่ำจนศรีษะแทบจะติดกับพื้น
เวลานี้สีหน้าที่ดูประหลาดใจของทุกคนก่อนหน้านี้ ได้เปลี่ยนเป็นตกตะลึงพึงเพริดแทน!
ท่านหมอกู่โค้งคำนับขอโทษชายหนุ่มคนนี้อย่างนั้นเหรอ?!!
เป็นไปได้ยังไงกัน?!
“ไม่ใช่ว่าผมถือโทษ หรือไม่อภัยให้คุณ! เพียงแต่ผมรับปากที่จะรักษาอาการป่วยให้กับคนไข้ทุกคน ผมจึงไม่สามารถผิดคำพูดต่อพวกเขาได้!” หลินหนานตอบชายชรากลับไป พร้อมกับยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาว
เมื่อได้ยินคำตอบของหลินหนาน ผู้เฒ่ากู่ก็ถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ส่วนคนไข้ที่ยังคงรอรับการรักษาจากหลินหนานนั้น ก็ถึงกับน้ำตาไหลด้วยความซาบซึ้งใจ
เขาเป็นคนที่รักษาคำพูดของตนเองเหนือสิ่งใด!
นี่สิ.. ถึงจะเรียกว่าคนจริง!
หลินหนานยึดมั่นในคำพูดของตนเองเหนือสิ่งอื่นใดเช่นนี้ นับเป็นผู้ที่หาได้ยากยิ่งนักในโลกปัจจุบัน!
“ท่านหมอ ได้โปรดช่วยผมก่อน!”
“ท่านหมอเทวดามีจิตใจเมตตาเหลือเกิน ได้โปรดรักษาให้ฉันด้วย!”
“ท่านหมอ ผมก็ป่วย..”
เสียงคนไข้ต่างก็พากันร้องตะโกนกันอื้ออึงไปหมด..
เมื่อได้เห็นท่าทางของท่านหมอกู่ที่มีต่อหลินหนานเปลี่ยนไป นั่นยิ่งเป็นการยืนยันว่า หลินหนานเป็นหมอเทวดาที่จุติลงมาเพื่อช่วยผู้คนบนโลกใบนี้จริงๆ!
และนี่ก็เป็นโอกาสที่ดีอย่างมากของพวกเขาที่ได้พบเจอ!
หลินหนานโบกไม้โบกมือพร้อมกับร้องตอบไปว่า “ทุกท่านไม่ต้องกังวลใจไป ผมจะรักษาให้พวกคุณทุกๆคน เข้าแถว.. แล้วเข้ามารับการรักษาทีละคน”
ผู้เฒ่ากู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็บอกกับหลินหนานว่า “ผมว่าตรงนี้ไม่เหมาะที่จะทำการรักษาคนไข้นัก ถ้าอย่างไร.. ขอเชิญคุณชายเข้าไปตรวจรักษาคนไข้ที่ห้องของผมจะดีกว่า ผมจะให้พนักงานในร้านช่วยกันจัดคิวให้เป็นระเบียบมากกว่านี้..”
“ตกลง!”
หลินหนานไม่เกรงใจ เขาตอบรับทันที และโยนภาระหน้าที่อื่นๆ ให้กับอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว จากนั้นหลินหนานจึงลุกขึ้นเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปในห้องตรวจของหอฟู่ซิง
ห้องตรวจของหอฟู่ซิงนั้น บรรยากาศดีกว่าด้านนอกอย่างมาก เพราะนอกจากจะหรูหราแล้ว ก็ยังโอ่โถงมากอีกด้วย หลินหนานเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ไม้ประจำของผู้เฒ่ากู่ ก่อนจะเริ่มทำการตรวจรักษาคนไข้ต่อทันที
ผู้เฒ่ากู่ไม่ยอมไปไหน เขายังคงยืนอยู่ข้างหลินหนาน และเฝ้าดูการรักษาของเขาอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่หลังจากที่เฝ้าดูอยู่ครู่หนึ่ง ผู้เฒ่ากู่ก็ถึงกับต้องตกใจจนแทบช็อค และไม่สามารถสรรหาคำพูดใดมาบรรยายความรู้สึกของเขาในเวลานี้ได้
นั่นเพราะหลินหนานใช้เวลาทั้งตรวจคนไข้ ซักถามอาการ ไปจนกระทั่งถึงวินิจฉัยโรค และออกใบสั่งยานั้น กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาไม่เกินห้านาทีต่อคน
ประสิทธิภาพในการทำงานของหลินหนานเวลานี้ ต้องเรียกว่ามหัศจรรย์อย่างมาก นั่นเพราะงานแขนงนี้แตกต่างจากงานอื่นๆทั่วไป เพราะมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่หนักหนายิ่งนัก
นั่นเพราะหากเขียนใบสั่งยาผิดพลาด ย่อมหมายถึงการวินิจฉัยโรคที่ผิดพลาด ซึ่งนั่นเกี่ยวพันไปถึงชีวิตของผู้คน!
แต่ยิ่งมองดูหลินหนานวินิจฉัยโรคของคนไข้มากเพียงใด ผู้เฒ่ากู่กลับสิ้นความคลางแคลงใจ และสิ้นความกังวลใจในเรื่องนี้ไป
นั่นเพราะ.. หลินหนานสามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างถูกต้อง และไม่มีคนไข้รายใดเลยที่เขาวินิจฉัยผิดพลาด!
แต่สิ่งที่น่ากลัวกลับกลายเป็นว่า.. ตัวเขาเองต่างหากที่เป็นฝ่ายวินิจฉัยโรคผิด ในระหว่างที่หลินหนานตรวจวินิจฉัยโรคอยู่นั้น มีบางรายที่ผู้เฒ่ากู่เห็นต่างจากหลินหนาน แต่หลังจากที่ได้ฟังคำอธิบาย และเห็นใบสั่งยาของหลินหนานแล้ว ทำให้ผู้เฒ่ากู่จำต้องยอมรับในการวินิจฉัยโรคของเขาอย่างไม่อาจโต้เถียงได้
การวินิจฉัยโรคของหลินหนานนั้น ทั้งถูกต้องแม่นยำ และมีเหตุมีผล!
นี่ต่างหาก จึงเหมาะสมที่จะเป็นปรมาจารย์แห่งแพทย์แผนจีน!!
………..
หลังจากที่รักษาคนไข้รายสุดท้ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลินหนานก็ถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ท่านหมอกู่ถึงกับจัดหาผ้าอุ่นผืนใหม่มาให้หลินหนานใช้เช็ดไม้เช็ดมือด้วยตัวเอง หลังจากได้เช็ดหน้าเช็ดตา และมือไม้ของตนเองแล้ว หลินหนานก็รู้สึกสดชื่นขึ้นกว่าเดิมมาก
“ผมขอคาราวะทักษะทางการแพทย์ที่ล้ำเลิศของคุณชายอีกครั้ง ได้โปรดรับการคาราวะจากผมด้วย!” ผู้เฒ่ากู่โค้งคำนับให้กับหลินหนานอีกเป็นครั้งที่สาม
หลินหนานถึงกับร้องตะโกนออกมาเสียงดัง..
“อีกแล้วเหรอ?!!”
ในใจก็ได้แต่คิดว่า.. ‘นี่คุณคำนับผมถึงสามครั้งแล้ว จะขอผมแต่งงานหรือยังไงกัน?!!’