ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก – ตอนที่ 15 ฝันร้ายหมายเลขเก้า (15)

ตอนที่ 15 ฝันร้ายหมายเลขเก้า (15)

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก – ตอนที่ 15 ฝันร้ายหมายเลขเก้า (15)
ชานเมืองฝั่งตะวันตกของเมือง C ห้อมล้อมไปด้วยหุบเขาและแม่น้ำ บ้านหรูหลายหลังถูกสร้างบนไหล่เขางดงาม

บ้านของฉีมู่เป็นหนึ่งในบ้านหลายหลังนั้น มันเป็นของขวัญที่พ่อของเขามอบให้ในวันเกิดครบรอบอายุสิบแปดปี ปีนั้นงานเลี้ยงตอนที่เขาเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวถูกจัดขึ้นในบ้านหลังนี้ ตั้งแต่นั้นมาที่แห่งนี้ก็กลายเป็นที่ที่ฉีมู่กับเพื่อนของเขามารวมตัวกันสังสรรค์

ตอนนี้ฉีมู่ขับรถเอื่อยเฉื่อยไปบนถนนกว้าง สองฟากฝั่งของถนนเงียบสงัดคือที่ตั้งของบ้านเดี่ยวหลายหลัง เขาเห็นรถเฟอร์รารีสีแดงของเฉินอวี้เฟิงจอดอยู่ข้างทางมาแต่ไกล เฉินอวี้เฟิงในชุดสีดำกำลังพิงตัวกับรถตัวเอง มีแสงไฟสีออกแดงสว่างตรงหน้าเขา ฉีมู่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังสูบบุหรี่อยู่

เฉินอวี้เฟิงไม่ได้เลี่ยงบุหรี่และเครื่องดื่มมึนเมาเพราะเขายังเป็นเยาวชน แต่เพราะว่าเขายังเรียนอยู่การติดบุหรี่ของเขาจึงไม่ได้หนักมากนัก เขาจะสูบตอนที่หงุดหงิดใจหรือตื่นตระหนกเท่านั้น

“เอี๊ยด”

ฉีมู่พลันจอดรถข้างหน้ารถของเฉินอวี้เฟิงทันที

เฉินอวี้เฟิงซึ่งอยู่ในอาการเหม่อลอยรีบเงยหน้าขึ้นอย่างหวาดหวั่นเมื่อได้ยินเสียงหยุดรถ ก่อนเห็นว่าฉีมู่ลงมาจากรถช้าๆ

“ให้ตายเถอะ อาเฟิง นายไม่หลับไม่นอนกลางดึกแล้วเรียกฉันออกมาเนี่ยนะ สรุปนายต้องการอะไรกันแน่”

ฉีมู่เท้ามือข้างหนึ่งไว้กับประตูรถขณะที่อีกมือปลดกระดุมสูทคล้ายเป็นนิสัยพร้อมสีหน้าบูดบึ้ง

เฉินอวี้เฟิงไม่ได้ตอบ ควันบุหรี่ลอยเคว้งบดบังท่าทีของเขา

“ทำไมเธอถึงอยู่ในรถนายได้ล่ะ”

เฉินอวี้เฟิงเห็นซูหว่านนั่งอยู่ที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้า ส่วนอี้จื่อเซวียน เจ้าตัวนอนอยู่เบาะหลังเขาจึงย่อมไม่เห็นอยู่แล้ว

“ถ้าแฟนของฉันไม่อยู่ในรถฉันกลางดึก อย่าบอกนะว่าให้เธออยู่ในรถนายน่ะ”

ฉีมู่ยกแขนเคาะกระจกรถ “ซูหว่าน ลงมาสิ”

ซูหว่านลังเลใจและฝืนลงมาจากรถ

เฉินอวี้เฟิงจ้องซูหว่านก่อนมองฉีมู่ด้วยแววตาลึกล้ำ “อามู่ นายทำได้แล้ว! นายจีบเธอติดเร็วโคตร!”

สีหน้าของเธอยิ่งหม่นลงไปพอได้ยินคำของเฉินอวี้เฟิง ท่าทีไม่ทุกข์ร้อนปรากฏบนหน้าของฉีมู่ เขาก้าวยาวไปหยุดตรงหน้าเฉินอวี้เฟิง ใช้ตัวบังสายตาของเฉินอวี้เฟิงและซูหว่าน

“อาเฟิง นายอิจฉาเหรอ นายอยากให้พี่ใหญ่คนนี้อย่างฉันสอนเคล็ดลับให้ไหมล่ะ นายเองก็ตามจีบเมิ่งถิงเหยามาตลอดไม่ใช่เหรอ” เฉินอวี้เฟิงได้แต่ชะงักไปชั่วขณะเมื่อได้ยินชื่อเมิ่งถิงเหยา เขาคีบบุหรี่และสูดหายใจลึกก่อนจ้องฉีมู่จริงจัง “ฉีมู่ นายเองก็เห็นฝันนั้นใช่ไหม ฉัน…รู้ว่าใครเป็นผี เรามา…ฆ่าเธอด้วยกันเถอะ ว่าไงล่ะ”

มือที่คีบบุหรี่ของเขาสั่นเทาหลังว่าจบ

“ใครล่ะ”

ฉีมู่เอื้อมมือจับบุหรี่ที่เฉินอวี้เฟิงคีบอยู่โยนทิ้ง วางมือบนไหล่ของอีกฝ่ายและจ้องเขม็ง “นายรู้ว่าใครเป็นผีเหรอ”

“ใช่…”

เฉินอวี้เฟิงดูมั่นอกมั่นใจมาก สายตาทอประกายวูบไหว “ไป๋เสี่ยวเย่ว์ไง!”

ไป๋เสี่ยวเย่ว์หรือ

“ซูหว่าน? ซูหว่าน?”

ฟังเถียนเถียนเคาะประตูห้องซูหว่านและตะโกนอยู่นาน หากแต่กลับไม่มีเสียงใดส่งมาจากในห้อง

ในที่สุดเสียงของฟังเถียนเถียนก็แหบแห้งลงเล็กน้อย “ฉินลู่ ฉันควรทำยังไงดีล่ะ ฉันโทรหาซูหว่านไม่ติด นายคิดว่าจะเกิดอุบัติเหตุกับเธอหรือเปล่า”

อุบัติเหตุหรือ

ไม่น่าเร็วขนาดนั้นหรอก

ดูเหมือนฉินลู่จะนึกถึงบางอย่าง อยู่ๆ ก็ยกเท้าขึ้นก่อนถีบเปิดประตูห้องซูหว่านอย่างแรง

นี่มัน…

ฟังเถียนเถียนตะลึงงัน ฉินลู่เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นเหมือนกับไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย เห็นเสื้อผ้าเปื้อนเลือดกระจัดกระจายอยู่บนพื้นห้องนั่งเล่น แววตาของฉินลู่ทอวาววับขึ้นมา

“อ๊ะ! นั่นเลือดนี่!”

ฟังเถียนเถียนที่เดินตามหลังมาอดตะโกนออกมาไม่ได้ “โอ้ ไม่นะ! โอ้ ไม่นะ! ซูหว่านต้องตกอยู่ในอันตรายแน่ๆ ฉินลู่รีบหาทางช่วยเธอทีสิ!”

“จากเวลาเธอน่าจะยังมีชีวิตอยู่นะ”

ฉินลู่ย่อตัวลงมองชุดสูทและเสื้อเชิ้ตราคาแพง ในบรรดาพวกเขาเก้าคน เพียงสองคนที่มีปัญญาใส่เสื้อผ้าพวกนี้ได้คือเฉินอวี้เฟิงกับฉีมู่

อย่าบอกนะว่า…ฉีมู่มาที่นี่อย่างนั้นหรือ

สายตาของเขาสั่นไหวไม่หยุดอยู่ครู่หนึ่ง เขาลังเลจะหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมา ลังเลว่าควรโทรไปหาฉีมู่เพื่อให้มั่นใจหรือไม่…

ตอนนี้เองเฉินอวี้เฟิงที่กำลังเบิกตามองฉีมู่อย่างตกตะลึง มีดสั้นคมกริบเล่มหนึ่งอยู่ในมือของฉีมู่ และตอนนี้มีดนั้นก็ได้เสียบแทงร่างของเฉินอวี้เฟิงอย่างแม่นยำไม่มีผิดพลาด

“ฉีมู่ นาย… นาย…”

มืออาบเลือดแข็งทื่อของเฉินอวี้เฟิงหมายจะจับอวัยวะเดียวกันของอีกฝ่าย ทว่าเขากลับดันมีดในมืออย่างแรงในจังหวะนั้น

“ฉันรู้ว่านายเป็นผี”

ฉีมู่โน้มตัวไปข้างหูเฉินอวี้เฟิงและว่าขึ้นเสียงทุ้ม “ถ้าฉันเดาไม่ผิด ไป๋เสี่ยวเย่ว์คือหมายเลขหนึ่งใช่ไหมล่ะ”

หมายเลขหนึ่ง จากกฎของโลกนี้ เป้าหมายแรกของผีทุกตัวคือไป๋เสี่ยวเย่ว์ หลังจากเธอตายไปพวกเขาถึงลงมือฆ่าเป้าหมายที่สองได้

“ฉัน…ฉัน…”

เฉินอวี้เฟิงมองฉีมู่คล้ายต้องการบอกบางอย่างในท้ายที่สุด ก่อนจะอ้าปากค้างและหลับตาลงในที่สุดราวกับได้เป็นอิสระ

เลือดที่ไหลนองบนพื้นค่อยๆ เลือนลางกระทั่งจางหายไป

เฉินอวี้เฟิงตายแล้ว ไม่สิ บางทีควรจะบอกว่าเฉินอวี้เฟิงหายไปแล้วต่างหาก

เขาหายลับไปแล้ว

หากไม่ใช่เพราะรถเฟอร์รารีสะดุดตาที่ยังจอดอยู่ข้างทาง ซูหว่านคงนึกสงสัยว่าเฉินอวี้เฟิงได้ปรากฏตัวขึ้นจริงหรือไม่

“พี่ฆ่าเขาเหรอ”

เธอถอยหลังไปครึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นฉีมู่หันมาหาเธออย่างสงบนิ่ง

“เธอกลัวเหรอ”

ฉีมู่เลิกคิ้วมองเธอ “เขาอยากให้ฉันช่วยฆ่าไป๋เสี่ยวเย่ว์ ฉันคิดว่าไป๋เสี่ยวเย่ว์น่าจะเป็นหมายเลขหนึ่ง ซูหว่าน เธอต้องเข้าใจนะ ถ้าฉันเป็นหมายเลขหนึ่ง ฉันเกรงว่าเฉินอวี้เฟิงก็คงฆ่าฉันโดยไม่ลังเลเหมือนกัน”

เขาบอกพลางเดินไปหาเธอ “ซูหว่าน ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนจะเลือกปกป้องตัวเองทั้งนั้น มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับศีลธรรมสักนิด ถ้าเราปกป้องตัวเองไม่ได้ เธอก็อาจจะไม่ได้เป็นมนุษย์เหมือนกัน”

ธรรมชาติของมนุษย์

ซูหว่านค่อยๆ หันไป ใช่แล้ว หากเธอคิดในมุมของพวกเขา ระหว่างการช่วยคนอื่นกับช่วยตัวเอง เธอก็คงจะเลือกปกป้องตัวเองไม่ใช่หรือ

อย่างไรเสียทุกคนก็อยากจะมีชีวิตรอด

พวกเขากลับไปที่รถ อี้จื่อเซวียนซึ่งกำลังนอนอยู่เบาะหลังก็ลุกขึ้น เขานึกไม่ถึงจริงๆ ว่าฉีมู่จะเด็ดขาดและเก่งกาจขนาดนี้ ตอนที่พวกเขาอยู่ระหว่างทางมาที่นี่ ฉีมู่บอกให้เขาซ่อนตัวไว้ อี้จื่อเซวียนคิดว่าฉีมู่ต้องการให้เขาช่วย ดูท่าตอนนี้มันคงไม่มีอะไรไปมากกว่าเป็นเพียงการทำให้เฉินอวี้เฟิงประมาทเท่านั้น

ซูหว่านกับฉีมู่อยู่ด้วยกันกลางดึก ไม่แปลกที่ชายหญิงจะอยู่ด้วยกัน ทว่าถ้าเขาอยู่ในรถด้วยและถูกเฉินอวี้เฟิงเห็นเข้าคงจะดูน่าสงสัยทันที

ไม่คาดคิดว่าคุณชายผ้าแพรจะรอบคอบถึงขนาดนี้

อี้จื่อเซวียนประเมินเขาเปลี่ยนไปอย่างไม่รู้ตัว ใจเขายิ่งเฝ้าระวังตัวกับอีกฝ่ายมากขึ้น

“ทีนี้เราจะไปไหนกันล่ะ ไปหาไป๋เสี่ยวเย่ว์เหรอ”

เขาอดถามขึ้นไม่ได้พอเห็นฉีมู่ติดเครื่องยนต์

ไป๋เสี่ยวเย่ว์…

ฉีมู่พยักหน้ารับ “ฉันหวังว่าเธอจะยังมีชีวิตอยู่นะ”

หมายเลขหนึ่ง

ซูหว่านเผลอบีบเข็มขัดนิรภัย เฉินอวี้เฟิงคิดตามหาใครบางคนมาฆ่าไป๋เสี่ยวเย่ว์ได้ แล้วผีตัวอื่นๆ ล่ะ ภารกิจถูกมอบหมายมาตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่หรือ ซูหว่านกังวลเหมือนกับฉีมู่เช่นกัน เธอเป็นห่วงสถานการณ์ของไป๋เสี่ยวเย่ว์

ในขณะนั้นไป๋เสี่ยวเย่ว์เองก็เป็นกังวลเหมือนคนอื่นๆ มันเป็นสถานการณ์ชวนสิ้นหวัง

ในตรอกเล็กแคบแห่งหนึ่ง ไป๋เสี่ยวเย่ว์กุมแผลบริเวณแขนตัวเองและวิ่งหนีมาตลอดทาง ทิ้งห่างจากร่างโปร่งอาบเลือดด้านหลังเธอ

เงาเบื้องหลังไล่ตามเธอมาไม่หยุด แสงจ้าสะท้อนคมมีดปอกผลไม้ท่ามกลางความมืดมิด…

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

Status: Ongoing

ซูหว่าน คือเจ้าหน้าที่ทำลายเขตแดนประจำองค์กรแห่งหนึ่งในห้วงกาลอวกาศที่สาบสูญ ในโลกที่ผู้คนทะลุมิติข้ามภพกันไม่เว้นวัน จิตล่องลอยไปเกิดใหม่ในร่างอื่นอยู่ทุกค่ำคืน ก็ได้เธอนี่แหละที่คอยสะสางดูแลความวุ่นวายและจัดการข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับเหตุการณ์เหล่านั้น

แต่แล้ววันหนึ่งก็เกิดปัญหาใหญ่เข้าจนได้ เมื่อองค์กรพบว่านางรองที่เกิดใหม่ดันไปสอยพระเอกกับนางเอกของภพนั้นร่วงจนทำให้เนื้อเรื่องเปลี่ยนแปลงไป หัวหน้าแผนกทำลายเขตแดนจึงได้มอบภารกิจให้ซูหว่านไปเก็บกวาดสถานการณ์นี้ให้เรียบร้อย โดยตัวเธอต้องเข้าไปสวมบทบาทเป็นตัวละครในโลกแห่งนั้น

กระนั้นหลังจากที่เธอจัดการทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางเหมือนเดิมแล้ว ภารกิจของเธอกลับยังไม่จบสิ้น ซูหว่านยังคงลืมตาตื่นขึ้นมาในโลกอื่นอีกหลายโลก ไม่ว่าจะเป็นโลกเกมออนไลน์ โลกซอมบี้ หรือโลกเวทมนตร์ แต่ทุกครั้งที่เธอย้ายไปโลกใหม่ บทบาทที่เธอได้รับกลับหยุดอยู่แค่ ‘แฟนเก่า’ ของตัวเอกในเรื่อง

และที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าคือทุกโลกที่เธอเดินทางไปนั้น เธอต้องได้พบเจอกับ ‘เขา’ อยู่ร่ำไป แม้ยุคสมัยและสภาพแวดล้อมของโลกจะเปลี่ยนแปลง แต่รูปร่างหน้าตาของเขาคนนั้นยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไป เขาเป็นใครกันแน่ หรือจะเป็นคนที่ได้รับภารกิจพิสดารนี้เหมือนเธอกันนะ!?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท