ตอนที่ 11 ตัวแทนคนรัก (11)
ซูหว่านได้สั่งอาหารสองอย่างและซุปหนึ่งอย่างของร้านอาหารชั้นล่าง ดูท่าไปซูรุ่ยดูเหมือนจะกินไม่ค่อยลง เขากินช้าและน้อยมากขนาดดูละครทีวีจบไปแล้วเขาเพิ่งกินได้แค่ครึ่งจานเอง
“คุณกะจะเอาอาหารค่ำนี้มาเป็นอาหารเช้าเหรอ”
ซูหว่านก็ไม่ได้เหน็บแนมซูรุ่ยแต่อย่างใด เพียงแค่เอามือจับคางเขาไว้และมองหน้าเขาอย่างเยาะเย้ย
“วันนี้พยากรณ์อากาศแจ้งว่าคืนนี้จะมีฝนตก”
ซูรุ่ยรีบวางตะเกียบลงและมองไปที่ซูหว่านด้วยสายตาที่ออดอ้อน“คืนนี้ฉันไม่กลับแล้ว”
เห็นเขามีท่าทียึดมั่นซูหว่านเลยจับคางเขาเบาๆ “ฉันเกิดมาพร้อมความกล้าเต็มเปี่ยม ไม่กลัวฝนตกหนัก ไม่กลัวฟ้าร้อง และยิ่งไม่กลัวฟ้าผ่า พูดสั้นๆ ว่า ฉันไม่ต้องการให้ใครมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน คุณเข้าใจไหม”
“คุณไม่กลัวแต่ฉันกลัว คุณอยู่เป็นเพื่อนฉันเถอะ”
สีหน้าของซูรุ่ยไม่มีความเคอะเขินใดๆ ทั้งสิ้นและตอบไปอย่างไม่กลัวอาย
มือสังหารอย่างซูรุ่ยจะกลัวฝนตกฟ้าร้องเหรอ ช่างเป็นเรื่องตลกระดับนานาชาติเสียจริง!
เมื่อเห็นว่าเขาตัดสินใจให้ตายยังไงก็จะไม่ไป ซูหว่านก็ไม่ร้อนใจ เธอจึงเอนหลังพิงเก้าอี้มองไปที่ซูรุ่ยด้วยสีหน้ากังวล “คุณจะอยู่ก็ได้ ให้คุณนอนห้องรับแขกนะ แต่ฉันมีหนึ่งเงื่อนไข”
พูดไปซูหว่านก็เหล่ตาขึ้นๆ ลงๆ มองซูรุ่ยแล้วพูดว่า“คุณมาเป็นพรีเซนเตอร์ให้ฉันเถอะ!”
“พรีเซนเตอร์”
ซูรุ่ยมองไปที่ซูหว่านด้วยความประหลาดใจ“คุณล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย”
พรีเซนเตอร์มันต้องเชิญดารามาทำไม่ใช่เหรอ ซูหว่านทำงานอะไรซูรุ่ยรู้ดีแก่ใจ เขาก็รู้ด้วยว่าบริษัทของพวกเธอกำลังจะเปลี่ยนพรีเซนเตอร์คนใหม่ในเร็วๆ นี้ แต่อย่างไรก็ตามทั้งเมืองเซียงเฉิงและแม้กระทั่งหัวเซี่ยก็มีดารานายแบบนางแบบระดับนานาชาติตั้งมากมาย ยังไงก็ไม่ถึงคราวที่จะเชิญคนนอกอย่างเขามาเป็นพรีเซนเตอร์
และยิ่งไปกว่านั้นซูรุ่ยยังต้องแบกหน้าคุณชายคนโตของตระกูลฟัง ใครกล้าที่เชิญเขาเป็นพรีเซนเตอร์ล่ะ แล้วค่าจ้างพรีเซนเตอร์จะเท่าไหร่ล่ะ
“คุณไม่อยากทำเหรอ”
ซูหว่านจ้องมองไปที่ซูรุ่ยและพูดว่า “ถ้าหากว่าคุณไม่อยากจะเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับพวกเรา งั้นเราก็ไม่มีอะไรที่จะต้องคุยกันอีกต่อไป คุณรีบทานข้าวแล้วก็กลับไปซะ พรุ่งนี้ฉันจะติดต่อเซียวจิ่งมั่ว จะให้เขา…”
“ฉันทำ!”
ซูรุ่ยพูดตัดหน้าซูหว่านอย่างเสียงดัง “พรีเซนเตอร์ใช่ไหม พรุ่งนี้ก็เซ็นสัญญาได้เลย”
“นั้นดี คุณก็ค่อยๆ ทานไปเถอะ ฉันจะไปทำความสะอาดห้องรับแขก”
เมื่อบรรลุเป้าหมายของซูหว่าน เธอก็หันหลังออกจากห้องอาหารด้วยรอยยิ้มคืนนั้นก็เป็นอย่างที่ซูรุ่ยบอก ว่ากลางคืนฝนจะตกฟ้าจะร้องทั้งคืนจนทำให้นอนหลับได้ไม่สนิท
ซูรุ่ยหลับไม่สนิททั้งคืน แต่พอนึกขึ้นว่าซูหว่านนอนอยู่ห้องข้างๆ ในใจเขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา
ตอนที่เธอได้หายไปต่อหน้าต่อตาซูรุ่ยเกือบจะบ้าคลั่ง พาคนระดับสูงของตัวเองไปนองเลือดที่เมืองหลวงในสมัยราชวงศ์ซย่า
คืนนั้นอิฐสีเขียวของเมืองหลวงทั้งหมดเปื้อนไปด้วยสีเลือดแดงฉาน และน้ำในแม่น้ำในคูเมืองยังคงเป็นสีแดงยาวนานเป็นเวลาครึ่งเดือน
ตั้งแต่นั้นมาซูรุ่ยรู้สึกว่าหัวใจของเขานั้นว่างเปล่า ไม่ว่าจะเติมเต็มช่องว่างไปสักเท่าไหร่ก็ไม่สามารถเติมเต็มมันได้ มีเพียงแต่สังหารอย่างต่อเนื่องเท่านั้นที่จะทำให้เขาสงบอารมณ์ได้
เขาจำไม่ได้ว่าฆ่าคนไปแล้วเท่าไหร่ ครัวเรือนถูกทำลายไปแล้วกี่ครัวเรือน
ซูรุ่ยจำได้แค่วันหนึ่ง ตอนที่เขาตื่นขึ้นมาอยู่บนสถานที่ที่เต็มไปด้วยนองเลือด มีชายผู้หนึ่งที่หน้าตาอ่อนโยนยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าและพูดว่า “โลกแห่งนี้ใกล้จะสลายไปแล้ว ฉันจะพาคุณออกไปจากที่นี่ดีไหม”
ออกไปจากที่นี่เหรอ
สายตาของซูรุ่ยตอนนั้นเย็นชาจนเหมือนไม่มีลมหายใจของมนุษย์ “ทำไมฉันต้องไปจากที่นี่”
ถึงแม้ว่าโลกนี้จะเหลือเขาเพียงคนเดียว เขาก็ไม่ยอมออกจากที่นี่ มิฉะนั้นถ้าวันหนึ่ง“เธอ”กลับมา เขาจะไม่พลาดทั้งหมดไปเลยเหรอ
เมื่อเห็นซูรุ่ยไม่ใจอ่อนง่ายๆ ชายผู้นั้นจึงยิ้มแบบอ่อนโยน แล้วพูดขึ้นว่า “คุณไม่อยากเจอเธอแล้วเหรอ ฉันสามารถพาคุณไปที่…โลกที่มีเธออยู่”
โลกที่เธออยู่…
เวลาที่สูญสิ้นไป
“ยินดีต้อนรับเข้าร่วมกับพวกเรา”
หลังจากที่ซูรุ่ยมาถึง ถึงรู้ว่า ชายผู้อ่อนโยนผู้นั้นที่พาเขากลับมามีชื่อว่าสวีเช่อ ซึ่งเป็นฝ่าย หมายเลข1ของทัพหลัก
และเวลาที่สูญสิ้นไปซึ่งอยู่นอกเหนือจักรวาล เขาเคยถามสวีเช่อเชิงแบบว่า คนในทัพหลักทั้งหมด คุณเป็นคนที่นำพาพวกเขาออกมางั้นเหรอ
ตอนนั้นสวีเช่อชะงักไปสักครู่ ถึงจะตอบกลับมาอย่างอ่อนโยนว่า“ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างมีเหตุผลที่ไม่เหมือนกัน ในหลายปีมานี้ ฉันเคยพาแค่สองคนที่มาจากดินแดนที่พังทลาย คุณเป็นคนที่สอง และคนที่หนึ่งนั้น คุณก็รู้จัก เธอคนนั้นก็คือซูหว่าน”
“ทุกคนที่มาอยู่ที่นี่ต่างก็มีเหตุผลที่ไม่เหมือนกัน สองสามปีมานี้ฉันเคยพาคนมาจากดินแดนที่พังทลายแค่สองคน คุณคือคนที่สอง ส่วนคนแรกคุณก็รู้จักเธอคือซูหว่าน”
พอพูดถึงซูหว่านสวีเช่อมีน้ำเสียงที่นิ่ง แต่เขาไม่ยอมที่จะพูดถึงอดีตของซูหว่าน รวมไปถึงสาเหตุที่ซูหว่านกลายเป็นนักทำลายล้าง
ตอนนั้นในใจของซูรุ่ยวุ่นวายมาก เขารู้แค่ว่าซูหว่านเป็นผู้หญิงที่โหดร้ายในตอนราชวงศ์ซย่า ซูรุ่ยยังเคยสาบานในใจว่า ถ้าหากว่ายังมีโอกาสได้พบเธอ จะต้องทรมานเธออย่างแสนสาหัส เพื่อให้เธอรู้ว่าการทอดทิ้งตนเองเป็นเรื่องที่น่าสังเวชแค่ไหน
แต่ว่า ตั้งแต่เขารู้มาจากสวีเช่อว่าซูหว่านเป็นผู้ทำลายล้างที่อยู่ในชั้นล่าง ทันใดนั้นอารมณ์ของซูรุ่ยก็ซับซ้อนขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ตกลงว่าซูหว่านมาจากที่ไหนกันแน่
เธอผ่านอะไรมาแล้วบ้าง
….
…
เปิดดูแนวโน้มของหุ้นจนเป็นนิสัยประจำ เมื่อมาดูหุ้นเครือบริษัทเฮ่าเย่ว์วันนี้ หุ้นขึ้นมาอีกแล้วแม้ว่ามันจะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่เนื่องจากหุ้นนิ่งแบบนี้ในกรณีที่ไม่มีข่าวดีใดๆ การที่หุ้นสูงขึ้นขนาดนี้ก็เพียงพอที่จะดึงดูดความสนใจของเครือบริษัทเฮ่าเย่ว์ได้
คงไม่ใช่ซูรุ่ยนะ
ซูหว่านคิดไปคิดมาเป็นไปได้ว่ามีคนที่ชอบแอบซื้อหุ้นในเครือบริษัทเฮ่าเย่ว์อยู่ตลอดเวลา นอกจากซูรุ่ยแล้วยังจะมีใครอีก