ลั่วชูชูยังจำวันที่เธอได้พบกับเซียวจิ่งมั่วได้อย่างชัดเจน เมื่อสองปีก่อนทั้งสองคนได้พบกันโดยบังเอิญในบาร์ที่เธอทำงาน การพบกันครั้งนี้ทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไป
แต่ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ ความสัมพันธ์ระหว่างลั่วชูชูและเซียวจิ่งมั่วห่างเหินกันเล็กน้อย ทั้งคู่ต่างก็รู้ดีว่าปัญหาระหว่างทั้งสองไม่ใช่แค่ซูหว่านเพียงอย่างเดียว
ในงานเลี้ยงวันเกิดวันนั้น วินาทีที่เซียวจิ่งมั่วเห็นซูหว่านนั้น เขาปล่อยมือออกจากลั่วชูชูไม่ว่าเขาจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม แต่การกระทำนี้มันทำร้ายจิตใจของลั่วชูชูเป็นอย่างมาก
วันนั้นเธอพักอยู่ในห้องพักวิลล่าคนเดียว เธอคิดว่าความสัมพันธ์ของกันและกันจะจบลงเท่านี้แล้ว แต่วันรุ่งขึ้นทุกอย่างก็เหมือนเดิมเซียวจิ่งมั่วไม่ได้ขอเลิกกับเธอ
แม้กระทั่งเมื่อคืนเขาก็ยังซื้อดอกกุหลาบช่อใหญ่และนอนกอดเธอทั้งคืน หรือบางทีในสองปีที่ผ่านมาพวกเขาก็ยังคงมีความรู้สึกแท้จริงให้แก่กัน
ที่จริงแล้วลั่วชูชูไม่สามารถหลอกตัวเองได้ เพราะเธอก็ไม่คิดที่อยากจะปล่อยมือไป ในชีวิตของเธอไม่เคยมีผู้ชายคนไหนรักเธอเท่าเซียวจิ่งมั่ว และยิ่งไปกว่านั้นก่อนที่เธอจะได้พบกับเซียวจิ่งมั่ว เธอก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิงธรรมดาที่เรียบง่ายคนหนึ่ง
ผู้หญิงทุกคนต่างก็ใฝ่ฝันว่าสักวันหนึ่งจะได้เจอประธานจอมเผด็จการอย่างเซียวจิ่งมั่ว ซึ่งจะรักเธออย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้นและเขาจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดในโลกให้กับเธอ
ไม่ว่าเขาจะเย็นชาและเผด็จการต่อหน้าคนอื่นมากแค่ไหน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเธอก็มักจะอ่อนโยนและเอาใจใส่เธอตลอด
ผู้ชายในฝันแบบนี้ เมื่อก่อนลั่วชูชูก็ได้แค่คิดในใจว่าสักวันหนึ่งเธอจะได้เจอ แต่เมื่อเธอได้เจอเข้าจริงๆ เธอจะยอมปล่อยมือไปได้ยังไง
เธอไม่ยอมปล่อย ควรจะพูดว่า ต่อให้เปลี่ยนเป็นหญิงสาวธรรมดาคนอื่นก็ไม่ยอมปล่อยเช่นกัน
ดังนั้นลั่วชูชูก็เลยให้กำลังใจตัวเองจากก้นบึ้งของหัวใจว่าความรักเป็นความรักที่เท่าเทียมกัน เธอก็มีสิทธิ์ที่จะต่อสู้เพื่อความสุขของตัวเองใช่ไหม
แม้ว่าเดิมทีเธอจะเป็นแค่ตัวแทนของซูหว่านแต่…เธอก็มีสิทธิ์และอำนาจที่จะได้รับความรักเช่นกัน
ลั่วชูชูรวบรวมความกล้าและวางแผนเตรียมเซอร์ไพรส์เซียวจิ่งมั่วในวันครบรอบวันที่เจอกัน แต่ลั่วชูชูก็คิดไม่ถึงว่า เธอจะได้เจอกับซูหว่านอีกครั้ง
คนที่ซูหว่านชื่นชอบจะเป็นเซียวจิ่งมั่วหรือเปล่านะ
เธอจงใจพูดแบบนั้นต่อหน้าตนเองหรือเปล่า
หลังจากออกมาจากห้างสรรพสินค้า ใจของลั่วชูชูก็ว้าวุ่นอีกครั้ง อารมณ์ของผู้หญิงนั้นแตกต่างจากผู้ชาย พวกเธอเป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนและคิดไปต่างๆ นานาได้ง่ายมาก
ก็คิดแบบนี้ไปเรื่อยๆ ลั่วชูชูก็เดินไปถึงใต้อาคารเครือบริษัทเฮ่าเย่ว์โดยไม่ตั้งใจ
เธอเงยหน้ามองขึ้นไปที่อาคารสำนักงานที่ตั้งสูงสง่า อยู่ตรงหน้าลั่วชูชูก็เหม่อมองสักพักหนึ่ง ภายใต้แสงแดดยามบ่ายที่แสบตา เธอหรี่ตาลงมองกลับมา ก็เห็นร่างของสวี่เจี๋ยเดินจากไปอย่างเร่งรีบ
นั่นเป็นผู้ช่วยของซูหว่านไม่ใช่เหรอ
ทำไมเขา…
ใจของลั่วชูชูเริ่มกังวลอีกครั้งเธอกัดฟันและเดินตรงเข้าไปในอาคารเครือบริษัทเฮ่าเย่ว์
เพราะก่อนหน้านี้เซียวจิ่งมั่วเคยพาลั่วชูชูมาที่บริษัทสองสามครั้ง ดังนั้นพนักงานของเฮ่าเย่ว์ก็จะจำลั่วชูชูได้ แผนกต้อนรับได้ติดต่อสายภายในไปยังเลขาประธานที่อยู่ชั้นบนสุด เมื่อลั่วชูชูขึ้นลิฟต์ไปถึงชั้นบนสุด เลขาของเซียวจิ่งมั่วก็รออยู่ที่หน้าลิฟต์แล้ว
“คุณลั่วประธานเซียวกำลังรอคุณอยู่ในห้องทำงาน”
“ฉันรู้แล้ว”
ลั่วชูชูยิ้มอย่างสุภาพให้กับเลขานุการของเซียวจิ่งมั่ว และเดินไปยังหน้าประตูห้องทำงานของเขา นิ้วมือของเธอได้สัมผัสความเย็นยะเยือกของประตู เธอลังเลไปสักครู่ แต่สุดท้ายก็ยังผลักประตูและเดินเข้าไป
เซียวจิ่งมั่วนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานของเขา เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กระดุมที่คอปลดออกสองเม็ด ดูไปแล้วเหมือนกับว่าเขาเพิ่งตื่นจากการนอนพักกลางวัน
“มาแล้วเหรอ”
เซียวจิ่งมั่วก็รู้สึกดีใจไม่น้อยกับการมาถึงกะทันหันของลั่วชูชู เพราะว่าในปกติแล้วลั่วชูชูไม่ค่อยได้มาหาเขาเอง ในความสัมพันธ์นี้เขาให้ทุกอย่างกับเธอมาตลอด จากตั้งแต่แรกที่ลั่วชูชูที่ไม่ยอมรับ จนถึงตอนนี้ที่ยอมเป็นไปตามเรื่องธรรมชาติแล้ว เมื่อเวลานานเข้า เซียวจิ่งมั่วก็เกือบจะลืมครั้งสุดท้ายที่เธอมาหาเขาเองคือเมื่อไหร่กัน
“อือ”
ลั่วชูชูเดินเข้ามาในห้องและพยักหน้าให้กับเซียวจิ่งมั่ว และในชั่วพริบตาเธอก็เห็นกล่องของขวัญที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานที่เพิ่งถูกเปิดออกข้างในเป็นเนกไทผ้าไหมเส้นใหม่เส้นหนึ่ง
“ซูหว่านให้คุณมาเหรอ”
เสียงของลั่วชูชูสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
“หือ”
เซียวจิ่งมั่วผงะไปสักครู่ ถึงรู้ว่าลั่วชูชูกำลังพูดถึงเนกไทเส้นนั้น เขาพยักหน้าเบาๆ “ใช่ ซูหว่านส่งมาให้ มันเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดของบริษัทพวกเธอ”
เมื่อพูดตรงนี้ สายตาของเซียวจิ่งมั่วก็มองไปที่กล่องของขวัญเนกไทผ้าไหมสีเทาเงิน ที่ถูกปักด้วยแถบสีทองเข้มและดูเรียบง่ายสวยงาม ซึ่งเป็นสไตล์ที่เขาชอบ เมื่อพูดถึงรสนิยมและความเฉียบแหลมของซูหว่านก็ดีมาโดยตลอด มิเช่นนั้นเธอจะทำถึงผู้จัดการของ EVFA ในเขตหัวเซี่ยได้ยังไง
ในเวลานี้ลั่วชูชูก็ได้เดินมาถึงตรงหน้าเซียวจิ่งมั่ว เธอก้มลงมองไปที่กล่องของขวัญที่วางบนโต๊ะ ข้างกล่องเนกไทก็ยังมีกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งวางอยู่
“การตอบแทนอาหารมื้อเย็นเมื่อวานนี้ ฉันคิดว่ามันเหมาะกับคุณดีนะ”
เป็นประโยคธรรมดาๆ ประโยคหนึ่ง ข้างหลังยังวาดหน้ายิ้มทะเล้น ทั้งๆ ที่ไม่ได้เขียนคำบอกรักซาบซึ้งอะไร และก็ไม่มีคำหยอกล้ออะไร แต่ลั่วชูชูมองไปที่โพสอิทกลับรู้สึกแย่ผิดปกติ
ที่แท้ที่เซียวจิ่งมั่วกลับมาบ้านดึกก็เพราะทานอาหารเย็นกับซูหว่านนี่เหรอ
ดังนั้นที่เขาซื้อดอกกุหลาบช่อใหญ่มาให้เธอก็เพราะว่าเขารู้สึกผิด!
เขาทำแบบนี้ได้ยังไงลับหลังตนเองไปทานข้าวกับแฟนเก่า แล้วยังทำเหมือนไม่มีใครและกลับมานอนกับเธอทั้งคืน
หรือว่าผู้ชายเป็นแบบนี้กันหมดที่สามารถแยกแยะความต้องการและความรักออกจากกันได้อย่างชัดเจนเหรอ
“เนกไท…สวยจัง”
อาการปากไม่ตรงกับใจเป็นทักษะชั้นยอดที่ผู้หญิงทุกคนต่างก็มีกัน
เมื่อได้ยินคำพูดของลั่วชูชูเซียวจิ่งมั่วก็ยิ้มออกมา “ใช่ มันไม่เลวเลย ซูหว่านเป็นคนที่มีรสนิยมเสมอ”
“เธอเป็นคนที่มีรสนิยมที่ดีมาก”
ใบหน้าของลั่วชูชูซีดลงและทั้งมือสองกำแน่น “ฉันได้ยินมาว่าเธอยังขอให้คุณเป็นพรีเซนเตอร์แบรนด์ของพวกเธอด้วยเหรอ”
เมื่อเซียวจิ่งมั่วได้ยินประโยคนี้ ก็ชะงักไปสักพัก และมองไปที่ลั่วชูชูด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “ชูชูคุณรู้ได้ยังไง”
เซียวจิ่งมั่วรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเพราะว่าเมื่อคืนเขาได้ปฏิเสธซูหว่านไปแล้ว ตามนิสัยของซูหว่านแล้วเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะเที่ยวประกาศเรื่องไปทุกที่
“ที่แท้เป็นความจริงทั้งหมดหรอกเหรอ”
ลั่วชูชูไม่ได้ตอบเซียวจิ่งมั่ว เธอฝืนทนต่อความเจ็บปวดในใจและหันหน้าไปยังทางอื่นและถามด้วยเสียงต่ำว่า “เซียวจิ่งมั่วคุณ…ยังรักซูหว่านอยู่ไหม”
“รักเหรอ” ความไม่เต็มใจและความโกรธอีกทั้งยังมีความสับสนและความว้าวุ่นในใจที่ได้พบกันอีกครั้ง…
หลังจากทานอาหารเย็นกับซูหว่านแล้ว เซียวจิ่งมั่วรู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องทิ้งการยึดมั่นในอดีตไป
ความยึดมั่นนั้นไม่ใช่ความรัก
หรือบางทีเขาอาจจะเคยรักสาวน้อยที่ทั้งสวยงาม ทั้งมีจิตใจที่ดีและมีชีวิตชีวา
แต่อย่างไรก็ตามในช่วงที่สาวน้อยคนนั้นทิ้งเขาไปอย่างไม่แยแสเขาก็ไม่อยากที่จะรักเธอต่อไปแล้ว
ความหมกมุ่นในหลายปีนี้ เป็นเพราะศักดิ์ศรีและการไม่ยอมของผู้ชาย
เขาหวังว่าสักวันหนึ่งเธอจะหันหลังกลับมา เธอจะกลับมาร้องไห้ต่อหน้าเขา และบอกกับว่าเขามีตาหามีแววไม่
แต่เมื่อวานนี้เมื่อเขาได้ยินคำพูดของซูหว่านที่พูดถึงอดีตด้วยท่าทีอ่อนโยน และเมื่อเขาได้ยินที่เธอบอกตนเองว่าจะต้องดูแลรักษาแฟนคนปัจจุบันให้ดี ชั่ววินาทีนั้นเซียวจิ่งมั่วรู้สึกตนเองนั้นตลกสิ้นดี
ในช่วงหลายปีมานี้ ซูหว่านก็ได้ปล่อยมือลงแล้ว
แม้ว่าเธอจะเสียใจกับการกระทำของตนเองในตอนนั้น แต่ทั้งสองคนก็ยังเก็บความทรงจำที่ดีที่สุดของกันและกันเอาไว้
ดังนั้น ผ่านไปแล้ว ก็ต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยมันไป
เซียวจิ่งมั่วรู้สึกว่าตนเองคิดได้ในชั่วข้ามคืนและกระทั่งเมื่อคืนเขาก็ซื้อดอกกุหลาบช่อใหญ่ให้ลั่วชูชูเป็นพิเศษ
เดิมทีทุกอย่างก็ดีอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ …”
เซียวจิ่งมั่วรู้สึกถึงความผิดปกติของลั่วชูชูเมื่อเขาได้ยินคำถามของลั่วชูชูเขาก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ โดยที่ไม่รู้ตัว และได้เห็นความเงียบขอเซียวจิ่งมั่ว ลั่วชูชูก็ยิ้มอย่างหน้าซีดและพูดออกมาว่า “เซียวจิ่งมั่ว ถ้าหากคุณไม่พูดถือว่าคุณยอมรับแล้วใช่ไหมคุณยังรักเธออยู่ใช่ไหม ก็ดีเหมือนกันเธอก็ยังคงรักคุณอยู่ พวกคุณเป็นคู่ที่เหมาะสมและรักกันมาตั้งแต่เด็ก ส่วนฉันก็เป็นแค่คนส่วนเกินมาตลอด ในเมื่อเป็นแบบนี้ พวกเราเลิกกันเถอะพวกคุณจะได้เป็นคู่กันได้ และฉันก็ไม่จำเป็นต้องเป็นตัวแทนของคนอื่น”
“พอแล้ว”
เซียวจิ่งมั่วขัดจังหวะคำพูดของลั่วชูชูด้วยเสียงที่เย็นชา “คุณกำลังพูดจาเรื่องไร้สาระอะไรกัน ฉันกับซูหว่านมันผ่านไปแล้ว และเธอก็รู้ว่าฉันมีแฟนแล้ว เธอปล่อยมือไปตั้งนานแล้ว ระหว่างฉันกับซูหว่านมันเป็นไปไม่ได้”
“เป็นไปไม่ได้”
ลั่วชูชูยิ้มเยาะและมองไปที่เซียวจิ่งมั่ว “แล้วเนกไทเส้นนี้คืออะไร ตอนที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าซูหว่านบอกกับฉันเองว่าเธอจะให้เนกไทนี้กับชายที่เธอรัก และเธอยังบอกว่าจะเชิญเขาคนนั้นมาเป็นพรีเซนเตอร์ของแบรนด์พวกเขาด้วย!”
“เป็นแบบนี้ได้ยังไง”
เซียวจิ่งมั่วมองไปที่ลั่วชูชูด้วยความไม่อยากเชื่อ คำพูดที่ปฏิเสธเขาก็ได้พูดออกไปแล้ว
ตั้งแต่เริ่มเขาก็รู้สึกแล้วว่าลั่วชูชูจงใจหาเรื่องโดยที่ไม่มีเหตุผล และคำพูดในตอนนี้ก็ยิ่งไร้สาระเข้าไปอีก
“คุณไม่เชื่อฉันเหรอ ฉันจะเอาเรื่องแบบนี้มาโกหกคุณด้วยเหรอ”
ลั่วชูชูรู้สึกได้ว่ากำลังถูกเซียวจิ่งมั่วสงสัย หรือบางทีเขาไม่เคยเชื่อตัวเองเลย
“เซียวจิ่งมั่ว เลิกกันเถอะ”
หกคำนี้ดูเหมือนกับว่าใช้แรงทั้งหมดของลั่วชูชู
“ชูชู!”
หลังจากที่เซียวจิ่งมั่วได้สติก็จับมือลั่วชูชูไว้แน่นๆ
“ปล่อยมือ เรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว พวกเรายังมีอะไรต้องพูดกันอีก” ทั้งสองคนสบตากันและกัน ดวงตาของลั่วชูชูเต็มไปด้วยความเสียใจและแววตาของเซียวจิ่งมั่วกะพริบตาเหมือนคิดอะไรได้ “ฉันจะโทรถามซูหว่านให้ชัดเจน!”
พูดพลางเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและโทรออกไปยังหมายเลขส่วนตัวของซูหว่าน ปลายสายรับอย่างรวดเร็วและมีเสียงที่เหนื่อยล้าของซูหว่านดังขึ้นมา
“จิ่งมั่ว มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“ซูหว่าน ฉันมีเรื่องจะถามคุณวันนี้…”
“จิ่งมั่ว คุณรอเดี๋ยวนะ ตอนนี้ฉันยุ่งมากถ้าคุณมีเรื่องรีบร้อนอะไร มารอที่หน้าประตูบริษัทฉันหลังเลิกงาน แค่นี้ก่อนนะ ขอโทษด้วย”
เซียวจิ่งมั่วยังไม่ทันจะตอบกลับ ซูหว่านก็ได้ตัดสายทิ้งไปแล้ว