ตอนที่ 24-1 ตัวแทนคนรัก (ปัจฉิมบท)
เวลาสามทุ่ม เมื่อเซียวจิ่งมั่วมาถึงห้องพักก็ถูกจองล่วงหน้าไว้แล้ว ไม่แปลกใจสักนิด ซูหว่านมาถึงก่อนหน้านั้นแล้ว
เธอสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว เสื้อกันลมสีฟ้าอ่อนและได้เอามือพาดไปยังเก้าอี้ด้านข้าง เมื่อเห็นเงาของเซียวจิ่งมั่ว ในตาของซูหว่านส่องเป็นประกาย เขารีบเบนสายตาหนีทันที “จิ่งมั่วเสร็จแล้วเหรอ”
“อืม”
น้ำเสียงของเซียวจิ่งมั่วแฝงไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย ตอนนี้หุ้นเฮ่าเย่ว์ไม่เพียงแต่ราคาตก หุ้นส่วนทางธุรกิจต่างก็พากันเรียกร้องยกเลิกสัญญา แม้แต่ธนาคารยังใช้เหตุผลว่าเครดิตมีปัญหาต้องระงับการกู้เงินให้กับเฮ่าเย่ว์
แน่นอนว่า ยังมีเรื่องที่ซวยยิ่งกว่าก็คือความกดดันจากรัฐบาล คดีฆาตกรรมในปีนี้ก็ถูกรื้อฟื้น อีกทั้งยังมีคนอยู่เบื้องหลังคอยกดดัน ตอนนี้อาวุโสเซียวได้ถูกเชิญไปช่วยให้การแล้ว ถึงแม้ว่าเถ้าแก่ไม่ได้มีเรื่องราวอะไร แต่ตอนนี้สำหรับเฮ่าเย่ว์แล้วเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดแบบไม่ต้องสงสัย
ธุรกิจก็เป็นแบบนี้แหละ วันก่อนคุณยังอยู่สูงเหนือเมฆ วันนี้คุณกลับล้มมุดดิน และไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิม
“อันนี้ให้เธอ”
คำพูดของซูหว่านหยุดความคิดของเซียวจิ่งมั่วไปชั่วขณะ เขาขยี้ตา เห็นตั๋วขึ้นเงินใบหนึ่ง จู่ๆ ก็มีเลขแปดหลัก
“นี่คือเงินที่ฉันสะสมมาสองสามปีเหรอ”
สีหน้าของซูหว่านแสดงออกอย่างจริงจัง “ทางด้านสำนักงานใหญ่ฉันช่วยอะไรไม่ได้เลย นี่คือสิ่งเดียวที่ฉันจะพอช่วยเธอได้”
“ซูหว่าน…”
เซียวจิ่งมั่วสบตา แล้วจับมือซูหว่านไว้แน่น
วันนี้ทั้งวัน เซียวจิ่งมั่วได้ประสบกับจุดต่ำสุดของชีวิต ไม่เพียงแค่หุ้นส่วนธุรกิจพวกนั้น แม้แต่เพื่อนในละแวกเซียงเฉิงที่เขาอาศัยอยู่ต่างก็เริ่มซ้ำเติมตระกูลเซียว มีเพียงคนเดียวที่ยืนมือมาช่วยเขา คนนั้นก็คือซูหว่าน อาจเป็นเพราะ เมื่อเราได้พบเจอกับความยากลำบาก ถึงจะได้เจอกับรักแท้
เซียวจิ่งมั่วจู่ๆ ก็คิดถึงลั่วชูชูขึ้นมา พวกเขาสองคนเลิกรากันไปแล้ว เขายังอยากจะพึ่งพิงความเมตตาของลั่วชูชู ในช่วงเวลานี้ก็ไม่แน่ว่าอาจจะปรากฏตัว แต่ว่า…เขากลับไม่เห็นลั่วชูชู
ในใจของเซียวจิ่งมั่วมีแต่ความสับสน ไม่ว่าจะเป็นความทุกข์ ความเศร้าโศกในวัยหนุ่มของเขา หรือแม้แต่ตอนนี่เขาอยู่ในจุดที่ต่ำสุด คนที่คอยอยู่ข้างเขาก็คือซูหว่าน มีเพียงแค่ซูหว่านเท่านั้น คนอื่นๆ คอยอยู่กับเขาเฉพาะตอนที่เขามีเท่านั้น
ในช่วงเวลานี้ เซียวจิ่งมั่วจู่ๆ ก็รู้สึกโชคดี โชคดีที่มีซูหว่านคอยอยู่ข้างกาย ขอบคุณความรักที่เสียไป และความรักใหม่ที่ได้เข้ามาแทน เซียวจิ่งมั่วรู้ตัวอีกทีก็จับมือซูหว่านไว้แน่น เขาเพียงแค่จับมือเธอไว้ ก็เหมือนมีโลกทั้งใบแล้ว ซูหว่านเพียงแค่ยิ้มอย่างอบอุ่น ดวงตาของเธอจับจ้องไปที่เซียวจิ่งมั่ว
หากเซียวจิ่งมั่วสังเกตมากพอ เขาจะพบว่าในสายตาอบอุ่นของซูหว่านลึกๆ แล้ว กลับแฝงไปด้วยความเย็นชา…
สองสามวันถัดมา รายงานข่าวเกี่ยวกับตระกูลเซียวยังคงดุเดือดอย่างต่อเนื่อง ในอินเทอร์เน็ตข่าวเป็นที่พูดถึงอย่างดุเดือด และอาวุโสเซียวที่เพิ่งกลับมาจากสถานีตำรวจก็ป่วยทรุดลงอย่างหนัก
เมื่อก่อนตระกูลเซียวยังมีคนคอยช่วยแก้ไขปัญหาอยู่ตลอด แต่ตอนนี้กลับไม่มีใครยอมเสี่ยง รวมไปถึงท่าทีตระกูลฟังและคนอื่นๆ ที่ได้ซ้ำเติมในเวลานี้ ทำให้กลุ่มเครือบริษัทเฮ่าเย่ว์แขวนอยู่บนเส้นด้าย
ราคาหุ้นของเฮ่าเย่ว์ตกแล้วตกอีก ถึงแม้ว่าเวลานี้ราคาจะหยุดอยู่ที่หลักหนึ่ง นั่นก็เป็นผลมาจากคนอยู่เบื้องหลังกว้านซื้อ เซียวจิ่งมั่วหมดหนทางซื้อหุ้นคืน กลุ่มเครือบริษัทเฮ่าเย่ว์ถูกโจมตีรอบด้านอย่างหนัก เงินหมุนของบริษัทไม่พอใช้ ธนาคารเร่งให้ไปชำระเงินกู้อย่างต่อเนื่อง แผนกงานหยุดทำงานไปมากกว่าครึ่ง เงินเดือนของพนักงานในบริษัทเดือนนี้ยังไม่ได้จ่าย
จากโชคชะตาที่กิจการยิ่งใหญ่ล้นฟ้า จนถึงตอนนี้ใกล้จะล้มละลาย ทุกอย่างมาเร็วเกินไป ในตอนที่ซูรุ่ยพาคนตระกูลฟังย้ายเข้ามาในเครือบริษัทเฮ่าเย่ว์ เซียวจิ่งมั่วมีความเสียใจเหมือนตอนแรกแล้ว ผู้แพ้ไม่มีสิทธิ์พูด ก็เป็นเช่นนั้นแหละ
“นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป กลุ่มบริษัทของเฮ่าเย่ว์ก็ต้องเปลี่ยนแซ่เป็นฟัง”
เซียวจิ่งมั่วจับมือพอเป็นมารยาท ซูรุ่ยยิ้มออกหน้าพร้อมกับพูดว่า
“ยินดีด้วย”
เซียวจิ่งมั่วยิ้มตอบกลับซูรุ่ย หยิบจดหมายออกมาจากกระเป๋าเสื้อสองฉบับ “นี่คือจดหมายลาออกของฉัน และนี่คือ…” เซียวจิ่งมั่วล้วงจดหมายแดงฉบับหนึ่งออกมา สีแดงสดที่ดึงดูดสายตาผู้คน
“นี่คือบัตรเชิญงานแต่งของฉันกับซูหว่าน”
เซียวจิ่งมั่วยิ้มและเสี้ยววินาทีที่มองเห็นซูรุ่ยหน้าเสีย เขายื่นการ์ดเชิญในมือไปให้ “ถึงวันนั้นแล้วคุณต้องมาร่วมงานนะ! หลังจากแต่งงานพวกเราจะไปอยู่ที่ต่างประเทศ วันหน้าคงไม่มีโอกาสได้เจอกันแล้ว”
พูดจบ เซียวจิ่งมั่วหันหลังเดินจากไป เขาเชื่อว่าหากไม่มีตระกูลเซียว เขาก็ยังเริ่มต้นใหม่ได้
ต่อให้ฟังจื่อมู่ได้เฮ่าเย่ว์ไปแล้วยังไงละ ขอแค่เขายังมีความสามารถ เขาก็ยังสามารถสร้างเฮ่าเย่ว์ขึ้นมาใหม่ด้วยมือของเขาเองอีกครั้งและอีกครั้ง แต่ซูหว่าน บนโลกนี้กลับมีเพียงคนเดียว และตอนนี้เธอเป็นทั้งหมดของเขา
มองเห็นเซียวจิ่งมั่วที่กลับหลังและเดินจากไป ซูรุ่ยฉีดการ์ดที่อยู่ในมือทิ้ง ฉีกจนมือเต็มไปด้วยผงสีแดง
แต่งงานงั้นเหรอ
ช่างไร้เดียงสา…
ตระกูลเซียวล้มแล้ว เฮ่าเย่ว์ถูกเปลี่ยนเจ้าของ แต่ดีที่อาการป่วยของอาวุโสเซียวเริ่มคงตัวมากขึ้น พอได้รู้ว่าเซียวจิ่งมั่วและซูหว่านตัดสินใจจะแต่งงานกัน และย้ายถิ่นฐานไปอยู่ต่างประเทศด้วยกัน เรื่องนี้ทำให้อาวุโสเซียวดีใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้พวกเขาไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว นำอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่ในมือไปขายหมด กลายเป็นเงินก้อนใหญ่ เซียวจิ่งมั่วไม่อยากเสียดายอะไรภายหลัง เขาใช้เงินครึ่งเกือบครึ่งในการเช่าโรงแรมที่ดีที่สุดในเซียงเฉิง อีกทั้งยังแจกบัตรเชิญงานแต่งให้กับเพื่อนทุกคนที่เขารู้จัก เขาอยากให้ทุกคนได้รู้ว่าเขาเซียวจิ่งมั่วไม่ใช่คนขี้แพ้ เขาเซียวจิ่งมั่วต่อให้ไม่มีตระกูลเซียว ไม่มีเฮ่าเย่ว์ แต่เขามีคู่หมั้นที่ดีสุดในโลกนี้!
ในขณะเดียวกัน ที่สำนักงานใหญ่หัวเซี่ย EVFA ซูหว่านก็ได้ยื่นลาออกจากตำแหน่ง และเอาบัตรเชิญงานแต่งให้สวี่เจี๋ยและเสิ่นเหว่ย และตอนนี้ข่าวของเซียวจิ่งมั่วจะแต่งงานกลับซูหว่านก็ได้ดังไปทั่วมุมเมืองเซียงเฉิง ทุกคนต่างพูดถึงเซียวจิ่งมั่ว เขาแพ้ในสนามธุรกิจ แต่เขาไม่แพ้ในสนามรัก เพราะฉะนั้นสวี่เจี๋ยและเสิ่นเหว่ยที่เพิ่งจะได้รับบัตรเชิญต่างก็แสดงอาการเหมือนกัน ทั้งสองคนแสดงความยินดีตามมารยาท และเผลอเปิดการ์ดอย่างไม่ได้ตั้งใจ หลังจากนั้นก็…
สวี่เจี๋ย “ต้องเป็นเพราะฉันเปิดการ์ดไม่ถูกวิธีแน่ๆ!”
เสิ่นเหว่ย “อุ๊ย ฉันรู้อยู่แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้!”
…..
พิธีแต่งงานวันนั้น ซูหว่านใส่ชุดเดรสสีขาว นั่งอยู่ในห้องพักสำหรับเจ้าสาว ช่างแต่งหน้าที่ยืนอยู่ด้านข้างกำลังแต่งหน้าให้เธออยู่ เธอมองกระจกใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ใบหน้าบนกระจกไม่ใช่ใบหน้าใบเดิมของเธอ หญิงสาวที่กำลังมองในกระจก ซูหว่านก็เหมือนกำลังมองคนแปลกหน้า…
ก๊อกๆ
ประตูของห้องพักถูกเปิดจากข้างนอกโดยไม่รู้ว่าเปิดตั้งแต่เมื่อไหร่ คนที่เข้ามาใส่ชุดสูทสีดำ ตัดกับชุดเดรสของซูหว่านอย่างชัดเจน
“พิธีใกล้จะเริ่มแล้ว”
น้ำเสียงทุ้มต่ำของผู้ชายที่แฝงไปด้วยความตื่นเต้นและดีใจ
“ฉันหนีงานแต่งตอนนี้ยังทันไหม”
ซูหว่านหันกลับหลังอย่างช้าๆ ไม่สบตาพร้อมกับหันไปพูดกับซูรุ่ย
“แล้วเธอคิดว่าไงละ”
ซูรุ่ยเดินไปข้างหน้าค่อยๆ กอดซูหว่านจากด้านหลัง “อีกไม่นานคนทั้งเซียงเฉิงก็จะได้รู้ว่า ซูหว่านเป็นเจ้าสาวคนใหม่ของฟังจื่อมู่!”
เขาพูดแบบนี้ พร้อมกับยิ้มที่มุมปาก
ขณะเดียวกันทั้งโรงแรมก็ล้อมรอบไปด้วยแขกและนักข่าวที่ซูรุ่ยเชิญมา เขาไม่เพียงแต่จะให้คนทั้งเซียงเฉินรู้ว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยาของเขา และเขายังอยากให้เซียวจิ่งมั่วเป็นตัวตลกสำหรับคนทั้งเซียงเฉิง ซูรุ่ยยิ้มและมองไปที่กระจกอย่างเจ้าเล่ห์ ซูหว่านไม่ได้ปริปากย้อนถามอะไร ที่จริงเธอตัดสินใจได้ตั้งนานแล้ว ในวันพิธีแต่งงาน เธอต้องการให้เซียวจิ่งมั่วได้ลิ้มรสความรู้สึกตายทั้งเป็นอย่างแท้จริง
ห้องโถงโรงแรมในเวลานี้ แขกในงานจำนวนมากกำลังซุบซิบ ที่โรงแรมแห่งเดียวกัน ในเวลาเดียวกัน แม้แต่เจ้าสาวก็คนเดียวกัน เว้นแต่เจ้าบ่าวในพิธีแต่งงานที่ไม่เหมือนกัน พวกเขาได้รับการ์ดแต่งงานของตระกูลฟังที่หน้าประตู ต่างก็คาดไม่ถึง แต่ว่าแขกส่วนมากก็เลือกไปชั้นห้าของโรงแรม นั่นก็คือพิธีแต่งงานของตระกูลฟัง
ตอนที่พิธีแต่งงานเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ มองไปที่พรมสีแดง คู่บ่าวสาวยิ้มชื่นมื่น แขกในงานต่างก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออก ไฟสปอร์ตไลต์และชัตเตอร์ต่างสาดส่องไปที่คู่บ่าวสาว
นี่จะเป็นพิธีแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ และเป็นที่พูดถึงที่สุดในปีนี้!
“ซูหว่าน!”
ตอนนั้นเซียวจิ่งมั่วเดินเข้ามาในพิธีแต่งงานอย่างโซซัดโซเซ ตอนที่ซูหว่านกับซูรุ่ยกำลังแลกแหวนแต่งงาน มองดูเขาสองคนยืนคู่กันช่างเหมาะสมกันดี เซียวจิ่งมั่วตาแดงก่ำ สีหน้าของเขาไม่อยากจะเชื่อ “ซูหว่าน นี่มันเกิดอะไรขึ้น ฟังจื่อมู่ข่มขู่เธอใช่ไหม”