ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก – ตอนที่ 12 เทพแห่งเกมออนไลน์รักฉัน
เป็นถึงสมาชิกคนสำคัญในกิลด์หย่งเย่ เสี่ยวโส่วปิงเหลียงจึงเป็นเพื่อนกับซูรุ่ยเป็นธรรมดา แต่เล่นมาเกือบสี่เดือนแล้ว เขายังไม่เคยได้รับข้อความส่วนตัวจากใต้เท้าหัวหน้ามาก่อน วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับข้อความส่วนตัวจากใต้เท้าหัวหน้า…
เย่อวี่ : [นายไปเจอซูเชิงหว่านเย่ว์ที่ไหน]
เสี่ยวโส่วปิงเหลียงมองข้อความนั้นอยู่ครู่ใหญ่ รู้สึกมือเย็นวาบขึ้นมาจริงๆ…
ฉันควรจะตอบยังไงดีถ้าบอกไปตามจริง จะถูกใต้เท้าหัวหน้าฆ่าปิดปากไหม
หรือว่าแต่งเรื่องขึ้นมาหลอกให้ผ่านไป ถ้าใต้เท้าหัวหน้ารู้ความจริงทีหลังจะถูกคิดบัญชีใหม่ไหม
ใช้เวลาอยู่หลายวินาทีกับสงครามความคิด เสี่ยวโส่วปิงเหลียงคิดคำพูดอย่างรวดเร็ว แล้วตอบกลับซูรุ่ยไป…
เสี่ยวโส่วปิงเหลียง : [บ้านผมอยู่ที่เมืองหลีเจียง ผมเห็นเธอเมื่อไม่กี่วันก่อนตอนไปเดินซื้อของโดยบังเอิญ]
เย่อวี่ : [นายรู้จักเธอเหรอ]
ซูรุ่ยตอบกลับเร็วมาก ถึงแม้ซูเฉิงหว่านเย่ว์ถือเป็นคนที่มีชื่อเสียงในเซิร์ฟหัวเซี่ย แต่นอกจากคนจากเซิร์ฟสี่ที่เคยเห็นตัวจริงของเธอแล้ว คนจากเซิร์ฟอื่นน้อยคนที่จะรู้จักตัวจริงของเธอ เมื่อได้ยินเสี่ยวโส่วบอกว่าเขาเป็นคนหลีเจียง ซูรุ่ยก็เชื่อคำพูดของเขาแล้ว แต่พอซูรุ่ยทบทวนโครงเรื่องในสมองของตัวเองอีกรอบก็ไม่พบว่าเสี่ยวโส่วกับซูหว่านร่างเดิมรู้จักกันในโลกนี้
นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
และขณะที่เห็นข้อความตอบกลับของซูรุ่ย เสี่ยวโส่วก็ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ และยังคงให้คำตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว
เสี่ยวโส่วปิงเหลียง : [ผมไม่รู้จักเธอ แต่น้องชายผมอยู่กิลด์หลังหยาในเซิร์ฟสี่ เขารู้จักซูเฉิงหว่านเย่ว์]
เย่อวี่ : [คนของหลังหยา? เคยไล่ฆ่าซูเฉิงหว่านเย่ว์?]
เสี่ยวโส่วปิงเหลียง : [ไม่ไม่ไม่ครับ ไม่มีแน่นอน!]
แม้จะไม่เห็นสีหน้าของใต้เท้าหัวหน้า แต่แค่คิดถึงสายตาเยือกเย็นคมกริบนั่นของใต้เท้าหัวหน้าที่ห้างสรรพสินค้าวันนั้น เสี่ยวโส่วปิงเหลียงก็รู้สึกว่าเขาถูกมองจนหัวใจเย็นยะเยือกไปหมดแล้ว ฉะนั้นเมื่อได้ยินคำถามของซูรุ่ย เขาจึงรีบปฏิเสธทันควัน คิดอยู่สักครู่เสี่ยวโส่วปิงเหลียงก็ส่งข้อความไปหาซูรุ่ยอย่างอดไม่ได้อีกหนึ่งประโยค
เสี่ยวโส่วปิงเหลียง : [ผมกับน้องชายผมเป็นผู้เล่นรักความสงบ เขาไม่เคยสังหารใครเลย]
เย่อวี่ : [อ้อ]
เย่อวี่ : [บอกให้เขาออกจากหลังหยาเถอะ]
หลังจากทิ้งประโยคสุดท้ายไว้ ซูรุ่ยก็ออฟไลน์ไปอีกครั้ง
“…” เสี่ยวโส่วปิงเหลียงพูดไม่ออก
หัวหน้าครับหัวหน้า ประโยคสุดท้ายของคุณหมายความว่ายังไง
หรือว่าคุณจะ…
ไม่รู้ทำไมเสี่ยวโส่วปิงเหลียงถึงรู้สึกหนาวสะท้านขึ้นมาอีกรอบ ตาเขาเป็นประกายวาบหนึ่ง แล้วรีบออฟไลน์จากเกมไปอย่างรวดเร็ว…
หลังจากเก็บค่าประสบการณ์อย่างบ้าระห่ำในวังใต้ดินมาค่อนวัน ตอนที่ซูหว่านออฟไลน์ ตัวละครของเธออยู่ที่ระดับห้าสิบสามแล้ว
พอออกมาจากการเชื่อมต่อเกม ซูหว่านขยับแขนขาที่รู้สึกแข็งทื่ออยู่สักครู่ เมื่อเดินออกมาจากห้องนอนก็เห็นภาพซูรุ่ยกำลังวุ่นหน้าวุ่นหลังอยู่ในครัวอย่างที่คิดไว้ไม่ผิด
สองสามวันมานี้เขาไม่ได้ลงมือทำอาหารเอง แต่ ‘นายน้อยซือถู’ ของพวกเราได้ไปขุดเอาพ่อครัวใหญ่จากโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลีเจียงมาไว้ที่นี่
ไม่เพียงเท่านั้น ในขณะที่พ่อครัวใหญ่ระดับห้าดาวกำลังทำอาหาร คุณชายใหญ่อย่างเขาก็กำลังทำตัวเป็นผู้ช่วยพ่อครัวอย่างสนุกสนาน
เมื่อเห็นสภาพของซูรุ่ยที่ใส่ผ้ากันเปื้อนยุ่งจนมือพันอยู่ในครัว ซูหว่านก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่า การอยู่ในโลกเดียวกับซูรุ่ยก็ไม่ได้แย่นัก ถึงแม้ต้องถูกแบ่งคะแนนออกไปส่วนหนึ่ง แต่แน่นอนว่าครั้งนี้เขาจะสามารถเอาคะแนนไปจากมือของเธอได้หรือเปล่าก็ยังพูดยาก…
อาหารเย็นของเขาทั้งสองคนเป็นกับข้าวสี่อย่างซุปหนึ่งอย่าง สารอาหารครบถ้วนแถมยังรสชาติอร่อยเป็นพิเศษอีกต่างหาง
หลังทานข้าวเย็นทั้งสองต่างหาท่าที่สบายนั่งอยู่บนโซฟา ซูรุ่ยต้องดูละครตามเวลา ส่วนซูหว่านถือแท็บเล็ตอยู่ในมืออย่างสบายๆ จัดการกับบัญชีหุ้นของตัวเองอย่างไม่ค่อยใส่ใจ จากการเล่นหุ้นระยะสั้นในช่วงนี้ในบัญชีของซูหว่านมีเงินเก็บไปแล้วหลายล้าน และตอนนี้เธอเอาทรัพย์สินส่วนใหญ่ของตัวเองไปลงในหุ้นของบริษัท TX
หลังจากที่ ‘หลิงเสิน’ เปิดช่องทางข้ามเซิร์ฟ หุ้นของบริษัท TX จะขึ้นอย่างรวดเร็ว และตอนนั้นเป็นเพราะเห็นโอกาสทางธุรกิจที่มีศักยภาพมากๆ บริษัทจะหยุดการขายหุ้นและจะยังเสนอราคามากกว่าตลาดสามเท่าเพื่อซื้อหุ้นที่กระจายอยู่ในมือของคนเล่นหุ้นรายเล็กกลับมา
เมื่อถึงเวลานั้น หุ้นพวกนี้ถึงจะเป็นอะไรที่เอาทองคำแท้มาแลกก็ไม่ยอม!
วันต่อมา ซูหว่านยังคงสังหารมอนสเตอร์อยู่ที่วังใต้ดินชั้นแรก วันนี้เธอเจอทั้งสามคนจากกลุ่มอู๋เฟิงอีกแล้ว ทุกคนต่างทักทายกันนิดหน่อย ซูหว่านนึกว่าพวกเขาทั้งสามคนจะไปสังหารมอนสเตอร์ที่จุดอื่นเหมือนเมื่อวาน แต่ใครจะไปรู้ว่าหลังจากทักทายกันอู๋เฟิงกลับเดินมาหาซูหว่าน อู๋เฟิงแกว่งดาบใส่มอนสเตอร์ตัวเล็กข้างตัวจนถอยออกไป พลางส่งคำเชิญหนึ่งมาให้กับซูหว่าน…
[หัวหน้ากิลด์เฟิ่งอู่จิ่วเทียนอู๋เฟิงส่งคำเชิญเข้ากิลด์ให้กับคุณ เข้าร่วมหรือไม่]
ซูหว่านเพิ่งจะสังเกตเห็นในเวลานี้เองว่าบนหัวของอู๋เฟิงมีชื่อกิลด์อันใหม่เอี่ยมอยู่
“กิลด์ที่พวกนายก่อตั้งขึ้นเองเหรอ” ซูหว่านไม่คุ้นเคยกับชื่อกิลด์นี้ คิดว่าน่าจะเป็นกิลด์ที่พวกเขาก่อตั้งกันขึ้นมาเอง
“ใช่ เสี่ยวอู่อยากสร้างกิลด์ขึ้นมาเล่นๆ น่ะ”
อู๋เฟิงได้ยินคำพูดของซูหว่านแล้วก็ตอบด้วยเสียงทุ้มต่ำ
นี่คงจะเป็นที่เขาเรียกกันว่าทฤษฎีผีเสื้อขยับปีกสินะ
ในโครงเรื่องเดิม ตอนที่อู่เป่าเป้ยเข้าสู่เกม ‘หลิงเสิน’ ซูหว่านร่างเดิมได้ลบ ID เลิกเล่นไปแล้ว เมื่อรู้ว่าไอดอลของตัวเองเลิกเล่นไปแล้วอู่เป่าเป้ยเล่นอย่างไร้อารมณ์ได้ไม่กี่วันก็ออกจากเกมไป ปิงหั่วสิงเจ่อที่เล่นเกมกับเธอตลอดก็เลิกเล่นตามอู่เป่าเป้ยไปเล่นเกมอื่นกันแทน ในสามคนเหลือแค่อู๋เฟิงที่เคยชินกับการไปไหนมาไหนคนดียว เขายืนหยัดอยู่จนถึงที่สุด แต่เพราะนิสัยของเขา เขาไม่เคยเข้าร่วมกับกิลด์ใดๆ เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการก่อตั้งกิลด์ของตัวเอง
แต่ตอนนี้ ซูหว่านยังอยู่ในเกม อู่เป่าเป้ยพวกเธอก็ยังอยู่ ด้วยการโน้มน้าวของอู่เป่าเป้ย อู๋เฟิงยังก่อตั้งกิลด์ของตัวเองอีกด้วย
เฟิ่งอู่จิ่วเทียน
ต่อหน้ากิลด์ที่เก่งกาจทั้งหลาย พวกเขาเป็นกิลด์น้องใหม่ที่เล็กจ้อยและอ่อนแอ แต่กิลด์ที่ทุกคนต่างไม่คุ้นเคยและไม่เห็นดีด้วยนี้ ในอนาคตข้างหน้าไม่นานจะเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ในเซิร์ฟ!
“ถ้าคุณตกลงที่จะเข้าร่วมด้วย ผมจะยกตำแหน่งหัวหน้ากิลด์ให้คุณ”
อู๋เฟิงพูดขึ้นมาอีกครั้งข้างซูหว่าน ที่จริงแล้วเขาตั้งใจจะให้น้องสาวของตัวเองเป็นหัวหน้ากิลด์เพราะชื่อของกิลด์นี้เหมาะกับหัวหน้ากิลด์ผู้หญิง แต่เสียดายที่เสี่ยวอู่ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ และเธอก็ยังระดับน้อยชื่อเสียงไม่ดัง แถมยังเป็นเด็กนักเรียนอีก ถ้าหากให้เธอเป็นหัวหน้ากิลด์ กลัวว่ากิลด์จะหาสมาชิกได้ยาก อู๋เฟิงจึงต้องเป็นหัวหน้ากิลด์อย่างช่วยไม่ได้
แต่ตอนนี้ เขามีตัวเลือกที่ดีกว่าแล้ว
ในสายตาอู๋เฟิง ซูเฉิงหว่านเย่ว์เหมาะสมที่จะมาเป็นหัวหน้ากิลด์ เธอมีประสบการณ์การบริหารกิลด์มาหลายปี ตัวเธอเองก็มีชื่อเสียงในเซิร์ฟสี่ ระดับของเธอในตอนนี้ก็ไม่น้อย เชื่อว่าถ้าเธอออกปากว่าจะรับสมาชิก ก็ยังมีผู้เล่นที่ไม่มีกิลด์ส่วนหนึ่งยินยอมที่จะเข้าร่วมกิลด์ใหม่นี้
“ฉันเข้าร่วมได้ แต่ตำแหน่งหัวหน้านี้ไม่ต้องหรอก ถ้าคุณเห็นความสำคัญของฉันจริงๆ ให้ฉันเป็นรองหัวหน้าก็พอ!”
ระหว่างที่พูด ซูหว่านก็กดยอมรับคำเชิญของอู๋เฟิง เธอในตอนนี้ต้องการกิลด์หนึ่งกับคนกลุ่มหนึ่งที่เธอเชื่อถือได้ คำเชิญของอู๋เฟิงมาได้ตรงเวลาจริงๆ
“คือว่า….”
ในเวลานี้เอง จู่ๆ ก็มีเสียงแผ่วเบาของผู้ชายดังมาจากด้านหลังของทั้งสองคน
เมื่อซูหว่านหันไป ก็เห็นเสี่ยวเจี่ยวปิงเหลียงกับเทียนหยาไห่เจี่ยวสองคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“พวกผมเข้าร่วมกิลด์ของพวกคุณได้ไหม”
เสียงของเสี่ยวเจี่ยวปิงเหลียงมีความละอายอยู่บ้าง
ซูหว่านไม่รู้จักพวกเขา แต่อู๋เฟิงจำเขาทั้งสองคนได้ ถ้าหากเขาจำไม่ผิดเมื่อวานสองคนนี้ยังเป็นสมาชิกของหลังหยา ต่อให้ออกจากหลังหยาแล้ว อู๋เฟิงในตอนนี้ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะรับสมาชิกหลังหยาเก่าเข้ามาในกิลด์ของตัวเอง
เพราะว่าตอนที่ก่อตั้งกิลด์ คำขอเดียวที่น้องสาวของเขาขอคือหลังจากที่ระดับของกิลด์อยู่ที่ระดับสาม ให้จัดกิลด์ใหญ่หลังหยากับซื่อเทียนสองกิลด์นี้เป็นกิลด์ศัตรูกับกิลด์ตัวเอง! ไม่ตายไม่เลิก!
เมื่อเห็นอู๋เฟิงเดินออกไปอย่างเงียบขรึม ไม่แม้แต่จะมองตัวเอง เสี่ยวเจี่ยวปิงเหลียงก็หันกลับไปมองซูหว่านตาเป็นประกายปริบๆ “ซูเฉิงหว่านเย่ว์คุณรับพวกผมไว้เถอะ พี่ชายของผมบอกให้ผมมาพึ่งคุณ”
“พี่ชายของนายเหรอ”
ซูหว่านสังหารมอนสเตอร์ไปด้วยคุยไปด้วย เสี่ยวเจี่ยวปิงเหลียงเมื่อได้ยินซูหว่านถามถึงพี่ชายของตัวเอง เขารีบพูดอย่างตื่นเต้น “ พี่ชายผมชื่อเสี่ยวโส่วปิงเหลียง เขาอยู่กิลด์หย่งเย่ในเซิร์ฟหก เขาเป็นเพื่อนรักของหัวหน้ากิลด์เย่อวี่ เขาเป็นคนบอกให้ผมมาหาคุณ! คุณรับเราทั้งสองไว้เถอะ!”
เสี่ยวโส่วปิงเหลียง
ซูหว่านรู้ว่าในกิลด์ของซูรุ่ยมีคนคนนี้อยู่ ดูท่าฝั่งตรงข้ามจะไม่ได้โกหก และในโลกนี้คนที่รู้ความสัมพันธ์ของเธอกับซูรุ่ยในตอนนี้ นอกจากเป็นคนที่ซูรุ่ยรู้จักแล้วก็ไม่มีใครแล้วจริงๆ
แต่ว่า…เพื่อนรักของซูรุ่ยเหรอ
ซูหว่านรู้สึกแปลกใจ นิสัยอย่างซูรุ่ยนั้นคิดไม่ถึงว่าจะสามารถมีเพื่อนคบในโลกนี้ด้วย คนคนนั้นต้องมีความสามารถในการทนรับความกดดันสูงขนาดไหนกันนะ