ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก – ตอนที่ 4 คุณหนูใหญ่หวนคืน

ตอนที่ 4 คุณหนูใหญ่หวนคืน

ในวันที่ห้าของการพักรักษาตัวของซูหว่าน คฤหาสน์ของนางก็ได้ต้อนรับผู้มาเยือนเป็นคนแรก ซึ่งก็คือคุณหนูรองจากจวนชิ่งชวนโหวเฉินชิงเหยา

เฉินชิงเหยาปีนี้ย่างเข้าสิบห้าปีพอดิบพอดี เป็นช่วงอายุราวดอกไม้กำลังผลิบาน สายตามองเห็นเฉินชิงเหยาที่สวมใส่กระโปรงชาววังทรวดทรงอรชรอ้อนแอ้นสีเหลืองอ่อนมาปรากฏกายหน้าตัวเอง ซูหว่านก็ทำเพียงส่งยิ้มบางไปให้นางเพียงเท่านั้น

“พี่ซูหว่าน อาการป่วยของพี่ดีขึ้นบ้างหรือไม่เจ้าคะ”

เสียงของเฉินชิงเหยาอ่อนนุ่มแสดงออกถึงความห่วงใย เมื่อประกอบกับอากัปกิริยาอ่อนช้อยและดวงตากระจ่างดั่งน้ำใสนั่นแล้ว ดูแล้วมีมิตรจิตมิตรใจเป็นอย่างมาก ไม่แปลกใจที่สามารถหลอกล่อเจ้าของร่างเดิมได้

“สุขภาพของข้า…ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว ทำให้น้องชิงเหยาเป็นห่วงแล้ว”

ซูหว่านลดสายตาลง ถึงแม้ปากจะบอกว่าอาการดีขึ้นมากแล้ว แต่สีหน้าซ่อนเร้นของนางกลับถูกเฉินชิงเหยามองออกตั้งแต่แรก

เฉินชิงเหยาถึงแม้จะไม่ใช่คนที่เกิดใหม่ แต่นางเป็นสตรีเจ้าเล่ห์ผู้หนึ่ง สำหรับอาการป่วยของซูหว่านนั้น นางใคร่เกิดความสงสัยมานานแล้วเพียงแต่ไม่มีโอกาสได้ทดสอบดูก็เท่านั้น

“ได้ยินพี่หว่านพูดเช่นนี้ข้าก็สบายใจ”

เฉินชิงเหยาส่งรอยยิ้มใสบริสุทธิ์ไปยังซูหว่าน พลันหันหน้ากลับมาเปล่งเสียงอุทานเบา ๆ “พี่หว่านคะ พี่อวี้ซูจริงๆ แล้วก็อยากมาเยี่ยมพี่นะเจ้าคะ แต่นาน ๆ จะมีโอกาสกลับมาที่เมืองหลวงสักที จึงมีงานให้จัดการมากมาย ทั้งที่บ้าน…ที่บ้าน…ยังมีพี่ชิงจิ่นคอยพัวพันท่านพี่อยู่ตลอดเวลา ท่านพี่ไม่อาจหาเวลามาได้จริงๆ”

เสียงของเฉินชิงเหยาเบามาก ถึงแม้จะทำเหมือนแก้ตัวให้กับเฉินอวี้ซู แต่แท้จริงแล้วกลับกำลังยุแยงความสัมพันธ์ของซูหว่านและเฉินชิงจิ่น

ซูหว่านได้ฟังที่กล่าวมาก็ตาเป็นประกายขึ้นมาชั่วครู่ “เป็น…เป็นเช่นนั้นเหรอ มิน่าล่ะ มิน่าล่ะเขาไม่ถึงยอมมาเลยสักครั้ง เดิมข้าคิดว่าเขา…”

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ซูหว่านยกมือขึ้นจับปกเสื้อตัวเองกำแน่นอย่างเตือนสติ

และเฉินชิงเหยาก็ปรายตามองการกระทำของซูหว่านอย่างรวดเร็ว หางตาของนางก็มองเห็นรอยแดงอ่อน ๆ บนลำคอของซูหว่านในทันที หรือว่านี่คือ…

สัมพันธ์กับเรื่องที่เกิดที่จวนชิ่งชวนโหว ภายในใจของเฉินชิงเหยาพลันเกิดข้อสันนิษฐานขึ้นมาอย่างหนึ่ง เพียงแต่ข้อสันนิษฐานนี้นางไม่กล้าจะสรุปความไปเอง ยังต้องเฝ้าดูอีกสักระยะ

เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ ตาของเฉินชิงเหยาก็เป็นประกาย มองดูเหมือนไม่ใส่ใจแต่เอ่ยปากสอบความว่า “อีกไม่กี่วันก็เป็นวันล่าสัตว์ประจำฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ปีก่อน ๆ ท่านพี่ล้วนเข้าร่วมด้วยตัวเอง ข้ากับพี่สาวก็ไปร่วมสนุกด้วย แต่นี้ไม่รู้เหตุใดพี่สาวถึงดึงดันจะเข้าร่วมการล่าสัตว์ในครั้งนี้ด้วย ถึงเวลานั้นเกรงว่าพี่ชายจะห่วงหน้าพะวงหลังคอยดูแลพี่สาว อีกทั้งปีนี้ประจวบเหมาะกับที่องค์ชายสองและองค์ชายห้าก็จะเข้าร่วมการล่าสัตว์ในครั้งนี้ด้วย เกรงว่าพี่อวี้ซูปีนี้น่าจะเสียตำแหน่งราชานักล่าสัตว์ไปเป็นแน่”

คำกล่าวของเฉินชิงเหยานั้นช่างมีวาทศิลป์ เรื่องแรกคือเตือนซูหว่านว่าจะมีการจัดงานล่าสัตว์ขึ้น อย่าลืมไปเข้าร่วม ต่อมาก็หยอดข้อมูลเกี่ยวกับเฉินชิงจิ่นที่คอยพัวพันเฉินอวี้ซูให้ทราบ และสุดท้ายเพื่อให้เป็นประเด็นเก็บไปขบคิดต่อ

ทำไมปีก่อน ๆ เฉินชิงจิ่นที่ไม่เคยเข้าร่วมการล่าสัตว์มาตลอด ปีนี้ถึงได้ดึงดันจะเข้าร่วมให้ได้ เป็นเพราะองค์ชายทั้งสองเข้าร่วม นางจึงต้องการเรียกร้องความสนใจหรือไม่

ซูหว่านไม่อยากจะยอมรับว่าเฉินชิงเหยาที่อายุได้สิบหน้าปีนั้นทเป็นนักจิตวิทยาที่เล่นกับความรู้สึกคนได้อย่างเก่งกาจทีเดียว นางค่อยๆ นำเอาถ้อยคำและความคิดที่ไม่พอใจต่อเฉินชิงจิ่นส่งต่อไปยังจิตใจของซูหว่านทีละนิดโดยไม่ให้รู้ตัว ดังนั้นในชาติที่แล้วเมื่อนางแต่งเข้าตระกูลเฉิน ซูหว่านถึงไม่พอใจเฉินชิงจิ่นเป็นอย่างมาก และหลังจากเฉินชิงจิ่นเกิดเรื่อง ซูหว่านก็ปักใจเชื่อเด็ดขาดว่าเฉินชิงจิ่นไม่ได้ถูกคนใส่ร้าย

เฉินชิงเหยาเพื่อนรัก เจ้านี่มันนักล้างสมองชัด ๆ!

เพื่อให้เฉินชิงเหยาเพื่อนiydรู้สึกประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวด ซูหว่านเมื่อได้ฟังคำของนางพลันตาเป็นประกาย มือสองข้างกำผ้าห่มแน่นโดยไม่รู้ตัว “ข้าเชื่ออวี้ซู…ข้าจะไปเป็นกำลังใจให้เขา เขาจะต้องชนะ”

“อืม”

เมื่อเห็นว่าบรรลุเป้าหมายของตัวเองแล้ว เฉินชิงเหยาหันไปยิ้มปลอบโยนให้กับซูหว่าน “ข้าก็จะเชื่อมั่นในตัวพี่อวี้ซู ถึงตอนนี้พวกเรามาช่วยกันให้กำลังใจเขากัน!”

เมื่อส่งเฉินชิงเหยากลับไปแล้ว หลิวซื่อก็รีบเดินเข้ามาภายในห้องของซูหว่าน “เด็กตระกูลเฉินนันมาทำอะไร”

สถานการณ์ในตอนนี้ สำหรับหลิวซื่อแล้วไม่ว่าใครก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

นางยังหาตัวคนร้ายที่ทำร้ายบุตรสาวนางไม่พบ แต่ทว่าคนร้ายผู้นั้นมีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นคนตระกูลเฉิน

อีกทั้งเป็นเพราะทราบดีว่าบุตรสาวของตัวเองหลงใหลในตัวของเฉินอวี้ซูอย่างหัวปักหัวปำ หลิวซื่อจึงไม่อยากให้ตระกูลเฉินจับได้ว่าลูกสาวของตัวเองได้ชิงสุกก่อนห่ามไปแล้ว

“น้องชิงเหยามาเยี่ยมไข้เจ้าค่ะ แล้วก็มาเตือนว่าอีกไม่กี่วันจะมีการล่าสัตว์ประจำฤดูใบไม้ร่วงที่ภูเขาล่าสัตว์”

ซูหว่านตอบคำถามมารดา แต่เพียงได้ฟังเรื่องล่าสัตว์ประจำฤดูใบไม้ร่วง สายตาของหลิวซื่อก็เบิกกว้าง “ลูกหว่าน แม่จำได้ว่าฝีมือการขี่ม้าของลูกก็ไม่เลว ปีนี้เจ้าก็ไปร่วมสนุกที่ลานล่าสัตว์เสียด้วยสิ ถ้าได้ร่วมกับเฉินอวี้ซูด้วยแล้วล่ะก็…”

หลิวซื่อเดินมาประชิดข้างกายและพูดกรอกหูซูหว่าน มุมปากของนางกระตุกอย่างควบคุมไม่อยู่

หลิวซื่อหาโอกาสให้นางได้แสดงแผนบีบน้ำตาเรียกคะแนนสงสารต่อหน้าเฉินอวี้ซูที่ลานล่าสัตว์ ทางที่ดีหากสามารถจับเฉินอวี้ซูได้ ทำให้เขายอมตกลงปลงใจอยู่กันสองต่อสองชายหญิง จากนั้นก็สานต่อความสัมพันธ์ฉันชู้สาวอะไรทำนองอย่างนั้น

จะต้องสู้ตายขนาดนี้เลยหรือ

ข้าต้องไม่ใช่ลูกในไส้ท่านแน่ ข้าน่าจะเป็นของแถมมาตอนเติมเงินโทรศัพท์เสยมากกว่า!

สำหรับแม่ที่ขายลูกสาวอย่างหลิวซื่อ ซูหว่านก็ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาพูดอีกต่อไป

แม่คิดว่าเฉินอวี้ซูโง่หรือไร

หากเกิดเรื่องบัดสีบัดเถลิงขึ้นมาจริงๆ แล้วเขาพบว่านางไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ล่ะจะทำเช่นไร

อีกทั้งตัวซูหว่านเองนอกจากซูรุ่ยแล้ว การใกล้ชิดกับผู้ชายนั้นเป็นสิ่งที่เกิดได้ยากมากจริงๆ

ไม่ใช่สิ รวมซูรุ่ยเข้าไปด้วย

พอคิดถึงว่าหลายวันแล้วที่ซูรุ่ยไม่ได้โผล่หน้ามา ซูหว่านก็ยิ่งกังวลใจ

งานล่าสัตว์ประจำฤดูใบไม้ร่วงอะไรนั่น นางจะต้องไปเข้าร่วมแน่!

สำหรับนางแล้วไม่ได้มีความสนใจที่จะร่วมหอลงโลงกับเฉินอวี้ซูนั่นเลยสักนิด แต่นางสนใจในเรื่องอื่นเสียมากกว่า…

ในเวลาเดียวกัน ณ จวนอ๋องจิ้น

“ท่านอ๋อง ท่านจะสเด็จไปลานล่าสัตว์เขาผู่…หรือพะยะค่ะ”

ขันทีผู้ดูแลจวนอ๋องมองไปยังร่างเล็กของผู้เป็นนาย ดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“ทำไมรึ”

บุรุษสวมอาภรม่วงนั่งที่อยู่บนบัลลังก์สูงมองลงมาอย่างเกียจคร้าน น้ำเสียงเย็นยะเยือกและทุ้มต่ำ “ข้าจะไปลานล่าสัตว์ของตัวเอง จะต้องขออนุญาตจากเจ้าก่อนหรือไร”

บรรยากาศเย็นยะเยือกและแรงกดดัน ทำให้พ่อบ้านที่ยืนอยู่ด้านข้างรีบคุกเข่าลง เหงื่อแตกพลั่กบนหน้าผาก “ข้าน้อยมิบังอาจ ขอท่านอ๋องโปรดอภัย!”

“ไสหัวออกไป!”

“พะย่ะค่ะ!”

รอจนกระทั่งพ่อบ้านกระเสือกกระสนออกไปพร้อมเหงื่อผุดพรายบนหน้าผากแล้ว ชายบนบัลลังก์สูงก็ปรับอารมณ์ของตัวเอง

น่าโมโหนัก! อยากจะฆ่าคนต้องทำเช่นไร ?

พอนึกถึงฐานะของตัวเองในตอนนี้ เป็นอ๋องชินที่ลอยชายไปมาไม่มีอำนาจทหารอยู่ในมือ ร่างกายอ่อนแอ เรื่องเข่นฆ่าผู้คนก็ดูว่าจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าใดนัก

แต่ทว่า…

ซูรุ่ยก็ยังรู้สึกโมโหอยู่ดีนั่นแหละ!

ทำไมนางเอกทุกเรื่องจะต้องมีพระเอกที่ร่างกายอ่อนแอแต่ฉลาดเป็นกรดอยู่ข้างกายตลอด

แล้วตัวเองจะตายก็ไม่ตายยังมาอยู่ในสภาพเช่นนี้อีก!

ซูรุ่ยที่ได้กุมอำนาจทหารในสนามรบ ตั้งแต่เด็กมาก็รู้สึกว่าการมีอำนาจทหารไว้ในมือถึงจะเป็นหลักประกันที่มั่นคงได้

แต่ตอนนี้เขากลับกลายเป็นอ๋องเหวิน ฐานันดรในตอนนี้ที่กลายเป็นน้องของฮ่องเต้ที่อายุน้อยที่สุดในปัจจุบัน สองพี่น้องคนหนึ่งบุ๋น คนหนึ่งบู๊ดูแลบ้านเมืองให้สงบสุขนั้นหลอกใครกันแน่

ฮ่องเต้ที่ตายไปมีลูกชายตั้งมากมายที่เก่งทั้งบู๊บุ๋นครบครัน แต่ทำไมถึงให้ความไว้วางใจใช้น้องของตัวเอง ทั้งหลายปีมานี้ก็ไม่เคยมอบงานใหญ่ให้ทำ แต่กลับให้เขาอาศัยอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้ นี่ดูไปเหมือนเป็นการทะนุถนอม แต่ความเป็นจริงแล้วคือการกักขังกลายๆ นั่นเอง

เจ้าฉลาดขนาดนี้ ข้าไม่วางใจให้อยู่ไกลหูไกลตา ดังนั้นจงมาอยู่ในสายตาข้าเสียดีๆ เถอะ

มีพี่ชายที่ร้ายกาจขนาดนี้ ไม่แปลกใจที่เหตุใดฮ่องเต้คนก่อนถึงโปรดปรานเขานัก ทำให้ร่างกายไม่แข็งแรง ราวกับจะเสียชีวิตได้ทุกขณะอย่างนั้นแหละ

“นายท่าน!”

ในตอนที่ซูรุ่ยกำลังตัดพ้อตัวเองอยู่นั้น เงาราวภูติผีก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าซูรุ่ย นี่เป็นหนึ่งในองค์รักษ์ข้างกายเขา

“มีอะไร”

องค์รักษ์คนนี้เป็นคนที่ซูรุ่ยแอบส่งไปปกป้องซูหว่านที่จวนจิ้งหนิงโหว เขาจะคอยมารายงานสถานการณ์ที่จวนจิ้งหนิงโหวตามเวลาที่กำหนดไว้

“นายท่าน วันนี้คุณหนูรองของจวนชิ่งชวนมาเยี่ยมคุณหนูซูที่จวนจิ้งหนิงโหวขอรับ จากนั้นฮูหยินจวนจิ้งหนิงโหวก็เรียกคนดูแลม้ามาคัดเลือกม้าสองสามตัวมาเลี้ยงดูอย่างดี และยังกำชับให้มีการตัดเย็บชุดทะมัดทะแมงสำหรับฤดูหนาวให้กับคุณหนูซูใหม่อีกชุดด้วย เกรงว่าคุณหนูซูน่าจะเข้าร่วมการล่าสัตว์ประจำฤดูหนาวปีนี้แน่นอน!”

เป็นเช่นนั้น…

หลังจากได้ฟังคำรายงานขององค์รักษ์ ส่วนลึกในใจของซูรุ่ยก็รู้สึกโล่งอก เขารู้ว่าซูหว่านจะต้องเข้าร่วมการล่าสัตว์ประจำฤดูหนาวในครั้งนี้ ถึงเวลานั้นจะได้เจอหน้ากัน…อืม อะแฮ่ม

ซูรุ่ยพลันรู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย

หลายวันมานี้เขาไม่กล้าไปปรากฏตัวต่อหน้าซูหว่าน เนื่องจากคืนนั้นที่สติของซูหว่านเลือนราง หลังจากที่นางกลับมามีสติ เหมือนจะมีหลายครั้งที่โวยวายให้เขาหยุดลงมือ

แต่ว่า…เรื่องนี้…มันหยุดไม่ได้จริงๆ เข้าใจไหม

หลังจากเกิดเรื่องซูรุ่ยก็เข้าวังเพื่อมารับหน้ากับฮ่องเต้ที่เป็นพี่ชายของตัวเองไปหนึ่งคำรบ ในระหว่างทางกลับจวนอ๋องในหัวของเขาก็ปรากฏเหตุการณ์ในนิยายและซีรี่ส์มาตลอดทาง เมื่อนางเอกเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นแล้ว ปกติพวกนางก็มักจะ…

นางเอกแบบที่หนึ่ง ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่อกีต่อไปแล้ว ไม่มีหน้าจะไปเจอผู้ใดอีกต่อไปแล้ว ฆ่าตัวตาย ชิ้ง…

ซูรุ่ย เสี่ยวหว่านของข้าไม่เห็นแก่ศักดิ์ศรีขนาดนั้น

นางเอกแบบที่สอง เจ้ากล้ามาทำแบบนี้กับข้าได้ยังไงห๊ะ! ข้าจะฆ้าเจ้าให้ตายไปด้วยกัน!

ซูรุ่ย เสี่ยวหว่านของข้าไม่มุทะลุขนาดนั้น

นางเอกแบบที่สาม หึๆๆ มาสิ ถอดกางเกงเลย ข้าจะ…ตอนเจ้าเอง!

ซูรุ่ย …

เสี่ยวหว่านของข้าไม่…ป่าเถื่อนเช่นนั้นหรอกใช่ไหม (เจ้าแน่ใจนะ)

เอาเถอะ ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน แม่ทัพซูผู้ไม่เกรงฟ้ากลัวดินก็เริ่มใจเสาะเป็นครั้งแรก และยังกลัวหัวหดเป็นเต่าหดหัวในกระดองทีเดียว

หากถูกเสี่ยวหว่านตอนจริงๆ ขึ้นมาจะทำเช่นไร

จะฆ่าไม่ฆ่าไม่สำคัญ เรื่องตอนอะไรแบบนี้ ไม่จำเป็นหรอกนะ

ดังนั้น หลายวันมานี้ซูรุ่ยจึงไม่ยอมโผล่หน้า แต่ที่จริงแล้วเขาได้ส่งคนไปตามดูความเคลื่อนไหวของซูหว่านอยู่ตลอดเวลา เขาและซูหว่านเหมือนกันที่คุ้นเคยในเรื่องของความรักใคร่ รู้ว่างานล่าสัตว์ในอีกไม่กี่วันที่จะถึงจะมีฉากรักของพระเอกและนางเอก ฉากรักแบบนี้ คิดแล้วซูหว่านไม่น่าจะพลาด แต่ตัวเองนี่สิ

องค์ชายสุขภาพอ่อนแอท่านหนึ่งกล่าวว่า ลานล่าสัตว์เขาผู่เดิมทีฮ่องเต้ที่ตายไปนั่นยกให้เขา เขาไม่มีอะไรทำจะเดินเล่นในที่ของตัวเองสักหน่อยคงไม่มีปัญหาอะไรหรอกกระมัง

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

Status: Ongoing

ซูหว่าน คือเจ้าหน้าที่ทำลายเขตแดนประจำองค์กรแห่งหนึ่งในห้วงกาลอวกาศที่สาบสูญ ในโลกที่ผู้คนทะลุมิติข้ามภพกันไม่เว้นวัน จิตล่องลอยไปเกิดใหม่ในร่างอื่นอยู่ทุกค่ำคืน ก็ได้เธอนี่แหละที่คอยสะสางดูแลความวุ่นวายและจัดการข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับเหตุการณ์เหล่านั้น

แต่แล้ววันหนึ่งก็เกิดปัญหาใหญ่เข้าจนได้ เมื่อองค์กรพบว่านางรองที่เกิดใหม่ดันไปสอยพระเอกกับนางเอกของภพนั้นร่วงจนทำให้เนื้อเรื่องเปลี่ยนแปลงไป หัวหน้าแผนกทำลายเขตแดนจึงได้มอบภารกิจให้ซูหว่านไปเก็บกวาดสถานการณ์นี้ให้เรียบร้อย โดยตัวเธอต้องเข้าไปสวมบทบาทเป็นตัวละครในโลกแห่งนั้น

กระนั้นหลังจากที่เธอจัดการทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางเหมือนเดิมแล้ว ภารกิจของเธอกลับยังไม่จบสิ้น ซูหว่านยังคงลืมตาตื่นขึ้นมาในโลกอื่นอีกหลายโลก ไม่ว่าจะเป็นโลกเกมออนไลน์ โลกซอมบี้ หรือโลกเวทมนตร์ แต่ทุกครั้งที่เธอย้ายไปโลกใหม่ บทบาทที่เธอได้รับกลับหยุดอยู่แค่ ‘แฟนเก่า’ ของตัวเอกในเรื่อง

และที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าคือทุกโลกที่เธอเดินทางไปนั้น เธอต้องได้พบเจอกับ ‘เขา’ อยู่ร่ำไป แม้ยุคสมัยและสภาพแวดล้อมของโลกจะเปลี่ยนแปลง แต่รูปร่างหน้าตาของเขาคนนั้นยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไป เขาเป็นใครกันแน่ หรือจะเป็นคนที่ได้รับภารกิจพิสดารนี้เหมือนเธอกันนะ!?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท