ซูหว่านที่อยู่ภายในแคปซูลปฏิบัติการลืมตาขึ้นมาแล้ว ความเจ็บปวดรวดร้าวราวกับถูกรถเหยียบทับถึงได้ค่อยๆ จางหายไป
ลุกขึ้นมายืนยืดเส้นยืดสาย เป็นครั้งแรกที่ซูหว่านรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองนั้นสุดยอดจริงๆ
“แค่กๆแค่ก”
คนบางคนที่ถูกลืมยืนอยู่ด้านข้างที่ถูกลืมบางคน ไอขึ้นมาหลายครั้งอย่างรุนแรง
เอ่อ ซูหว่านถึงได้รู้ตัวเย่ซินเยี่ยซินยืนมองตัวเองอยู่ไม่ไกล
“เธอมีเรื่องอะไรเหรอ”
ช้อนตาขึ้นมาเย่ซินเยี่ยซินไปทีหนึ่ง ซูหว่านถามขึ้นอย่างเย็นชา ในโลกภารกิจต่างๆ เธอสามารถแสดงเป็นคนได้หลายหลาก แต่ภายในโลกแห่งความเป็นจริงนี้ จริงๆ แล้วซูหว่านเป็นคนที่เย็นชาคนหนึ่ง ก่อนที่จะพบกับซูรุ่ย เธอมักจะอยู่แต่ในโลกของตัวเอง ไม่มีเพื่อนฝูง และก็ไม่ต้องการเพื่อนอะไรแบบนั้น
เย็นชาเสียจริง
เย่ซินเยี่ยซินที่ยืนอยู่ด้านข้างถึงแม้จะอดไม่ได้แอบล้อเลียนในใจ แต่สีหน้านั้นกลับแย้มยิ้มกว้างอย่างสดใส “การฝึกซ้อมข้ามแผนกในปีนี้ ฉันจะพาเธอกับติงเจียเจียเข้าร่วมด้วยกัน”
ติงเจียเจีย…
ซูหว่านได้ยินชื่อนี้ก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ในห้วงกาลอวกาศที่สาบสูญเธอไม่มีเพื่อนฝูง แต่สำหรับคนที่อยู่ในแผนกไม่กี่คนและอันดับใกล้เคียงกันนั้นซูหว่านจำได้
ติงเจียเจียรูปลักษณ์หน้าตาแบบโลลิค่อน น่ารักจิ้มลิ้ม แต่กลับมีหุ่นราวกับปีศาจที่ทำให้คนอิจฉา คนนี้เป็นอสรพิษสาวสวย เป็นมืออาชีพในการหลอกล่อพระเอก
แท้จริงแล้ว สำหรับความสามารถในการปฏิบัติงานของติงเจียเจีย ซูหว่านนั้นก็เห็นดีด้วย เพียงแต่เธอทนไม่ได้ที่เห็นผู้หญิงคนนั้นเสียสติเพียงแค่เห็นผู้ชายหน้าตาดี
ต้องรู้ก่อนว่าภายในห้วงกาลอวกาศที่สาบสูญนี้มีแผนกภารกิจเยอะมาก ทุกคนล้วนมีความเข้าใจในข้อมูลของคู่แข่งตัวเอง แต่สำหรับติงเจียเจียที่มีจุดอ่อนเห็นได้ชัดแบบนี้ ก็ง่ายต่อการจะถูกคัดออกในการแข่งขันรอบคัดเลือกนี้
เห็นซูหว่านขมวดคิ้ว เยี่ยซินเยว่เซินก็รู้ว่าซูหว่านกังวลใจอะไร เธอเดินออกไปข้างหน้าหนึ่งก้าวยกมือขึ้นจะไปตบบ่าซูหว่านแต่กลับถูกซูหว่านเบี่ยงหลบไปได้อย่างคล่องแคล่ว
เย่ซินเยี่ยซิน…
อยู่ดีๆ ก็รู้สึกเสียใจทำอย่างไรดี
“อะแฮ่ม”
หลังจากกระแอมไอทีหนึ่งแล้ว เย่ซินเยี่ยซินสีหน้ายังคงยิ้มแย้มมองไปที่ซูหว่าน “ครั้งนี้ฉันจะกำชับติงเจียเจียให้ระวังเรื่องอากัปกิริยา อืม จริงๆ แล้วที่ฉันมารอเธอที่นี่ ก็เพราะอยากให้เธอช่วยคิดว่าจะรับมือกับสวีเช่อยังไงดี ครั้งนี้พวกเขาทางนั้นครั้งนี้ก็น่าจะเป็นสวีเช่อพาพวกฉีมู่กับอวิ๋นเซิงมาเข้าร่วมด้วย เพราะว่าดรรชนีทองคำของทุกคนใช้งานไม่ได้ สองคนนั้นก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ว่าสวีเช่อนั้นน่ารำคาญมาก เธอก็น่าจะรู้ดี”
ในห้วงกาลอวกาศที่สาบสูญนี้ สวีเช่ออยู่อย่างพิเศษมีอภิสิทธิ์
เพราะหลังจากใช้กล่องกลบฝังหัวใจแล้ว พอสวีเช่อเข้าสู่โลกฝึกซ้อมแล้วก็ยังคงไม่มีหัวใจ
เขาไม่มีความต้องการอะไรอีก เขาไม่มีจุดอ่อน
วิธีการที่จะรับมือกับเขา…
ซูหว่านแบมือยักไหล่ไปทางเย่ซินเยี่ยซินอย่างรู้สึกลำบากใจ “ถ้าฉันรู้ว่าจะรับมือกับเขายังไง ฉันไม่มีทางมายืนอยู่ที่นี่ เขาก็จะไม่มี…ชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้! ”
“โอเค เอาเถอะ”
เย่ซินเยี่ยซินได้ฟังคำตอบของซูหว่านแล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ แต่ส่วนลึกในใจก็ยังคงผิดหวังอยู่เล็กน้อย
“งั้นฉันไม่รบกวนเธอแล้ว อืม อีกอย่างติงเจียเจียรอใช้แคปซูลหมายเลขสามอยู่”
“ฉันรู้แล้ว”
ซูหว่านพลางพยักหน้าพลางเดินออกไปจากห้องปฏิบัติการ เธออยู่ในโลกนี้ได้บอกกับซูรุ่ยในโลกก่อนหน้านี้แล้วว่า ครั้งนี้เธอจะเปลี่ยนไปใช้ห้องปฏิบัติการหมายเลขสอง ดังนั้นการออกจากที่นี่นั้น ซูหว่านไม่ได้รู้สึกร้อนอกร้อนใจอะไรแม้แต่นิดเดียว
แค่เพียงคิดว่าอีกหน่อย ในแต่ละโลกจะสามารถปฏิบัติภารกิจร่วมกับซูรุ่ยได้ ไม่ต้องไปอย่างโดดเดี่ยวเดียวดายแล้วคนเดียว สีหน้าเย็นชาเป็นน้ำแข็งของซูหว่านนั้น ก็ปรากฏความอ่อนโยนที่หาได้ยากออกมาอย่างห้ามไม่ได้
ที่หน้าประตู ติงเจียเจียและซูหว่านเดินเฉียดไหล่กันไป เมื่อสังเกตเห็นริมฝีปากของซูหว่านคล้ายกับจะยิ้ม แต่ก็ไม่ยิ้ม ติงเจียเจียที่เพิ่งเดินมาถึงประตูก็สะดุดขา เกือบล้มที่หน้าประตู
โอ๊ะโอ เมื่อครู่ฉันจะต้องตาฝาดไปแน่เลย
ซูหว่านยิ้มเป็นด้วย
ไม่ใช่แน่ ไม่มีทางแน่
ติงเจียเจียส่ายหัวไปมา เธอคุ้นเคยกับการยกข้อมือขึ้นมาดูภารกิจใหม่บนเครื่องมือสื่อสารที่ทำประจำ ช่วงนี้น่าเบื่อจริง คนหล่อในโลกภารกิจ หากไม่ใช่พวกโง่ปัญญาอ่อน ก็เป็นพวกโรคจิต
ได้ยินมาว่า “ทางนั้น” มีคนใหม่ที่ดุดันเข้ามา หล่อเด็ดเผ็ดมันเหลือเกิน ทำไมฉันไปมาตั้งหลายมิติแล้ว ไม่เคยเจอเขาเลยสักครั้งกัน
คราวหน้าต้องตั้งพิกัดไว้ที่เขาเลยไหม จะดีหรือไม่ดีน๊าดีนะ
ในตอนที่ติงเจียเจียกำลังคิดว่า จะกำหนดพิกัดคนใหม่คนนั้นหรือเปล่าอยู่นั้น สำนักงานใหญ่แผนกฟื้นฟูเขตแดน เครื่องจับพิกัดที่ซูรุ่ยเพิ่งซื้อมาใหม่ก็เริ่มส่องแสง เตือนว่าซูหว่านกำลังเข้าสู่ภารกิจ
ซูรุ่ยยิ้มออกมา เดินเข้าไปที่ห้องปฏิบัติการของตัวเองอย่างไม่ลังเล ห้องหมายเลข 11
ลำดับของเขาหยุดอยู่ที่ตำแหน่งนี้มาตลอด เพราะตอนนี้คะแนนรวมทั้งหมดสำหรับเขาแล้วไม่มีความหมายอะไร…
ในตอนที่ซูรุ่ยเข้าสู่แคปซูลปฏิบัติการปิดตาเชื่อมต่อกับโลกภารกิจนั้น พลันห้องปฏิบัติการหมายเลข 11 ของเขานั้นก็ถูกเปิดออก
เห็นแคปซูลที่ค่อยๆ ปิดตัวลง อวิ๋นเซิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแค่นพูดออกมา “มาช้าไปก้าวหนึ่ง”
ในระหว่างที่พูด ก็ก้มลงมองกองข้อมูลที่ซ้อนกันอยู่ปึกหนึ่งที่สำเนามาจากสวีเช่อ นี่เป็นเอกสารเกี่ยวกับหัวกระทิแผนกอื่นๆ
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำไมพี่เช่อถึงบอกให้เอาเอกสารเหล่านี้ส่งให้กับซูรุ่ย แต่เห็นซูรุ่ยเข้าไปในแคปซูลภารกิจแล้ว อวิ๋นเซิงก็ทำได้เพียงหมุนตัวจากไป
ในแผนกฟื้นฟูเขตแดนทั้งหมด ไม่มีใครรู้สาเหตุว่าในตอนแรกสวีเช่อถูกใจซูรุ่ยเพราะอะไร อวิ๋นเซิงเองก็เหมือนกับคนอื่นๆ ไม่รู้ว่าซูรุ่ยนั้นมีดรรชนีทองคำที่เป็นพรสวรรค์อย่างหนึ่งซึ่งคนอื่นไม่มี…
ตั้งแต่เกิด สภาพจิตใจและความสามารถของซูรุ่ยตั้งแต่เกิด ก็แข็งแกร่งมากกว่าคนอื่น ความสามารถในการรับรู้นั้นพุ่งทะลุเพดาน นี่ก็เท่ากับว่า ไม่ว่าเขาจะเข้าสู่ห้วงมิติไหน ไม่ว่าคนที่เขาจะต้องหาตัวจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปเป็นแบบใด ขอเพียงแค่เขาจำคลื่นวิญญาณของคนคนนั้นได้ เขาก็จะสามารถหาคลื่นจิตใจ และหาตัวคนนั้นได้อย่างง่ายดาย
ดังนั้น แม่ทัพซูในครั้งนี้ก็ถือว่าเล่นตุกติกแล้ว และการฝึกข้ามแผนก สวีเช่อก็วางแผนใช้ซูรุ่ยใช้ไพ่เด็ดที่ซ่อนไว้…