ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซูไห่เฉิงได้ไปเดินเล่นในห้างสรรพสินค้าตลาด D เขาคุ้นเคยกับการวางอุบายและการหาประโยชน์ เขามีเอกลักษณ์พ่อค้าในตัวมานาน ในขณะนี้ ซูไห่เฉิงถึงแม้ได้แค่นั่งเงียบๆ บนโซฟา แต่ยังคงดูสง่าและทรงพลัง
เมื่อได้ยินเสียงเรียกของซูหว่าน ซูไห่เฉิงหรี่ตามองโดยไม่ตั้งใจ พูดอย่างเยือกเย็นว่า “หือ เธอยังรู้ว่าฉันเป็นพ่อของเธอ”
ซูหว่านค่อนข้างไร้เดียงสา เธอกัดริมฝีปาก ซูรุ่ยที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอตลอด ได้ยินน้ำเสียงที่ไม่ดีของซูไห่เฉิง แต่หรี่ตาลงและสีหน้าเย็นชามองไปที่ซูไห่เฉิง อาจเป็นเพราะสายตาของแม่ทัพซูแหลมคมเกินไป ทำให้ซูไห่เฉิงสังเกตเห็นได้ในทันที
สายตาของทั้งสองคนปะทะกัน ตอนแรกอยากจะเขม็งใส่ซูรุ่ย แต่ซูไห่เฉิงก็พ่ายแพ้ลงให้กับรัศมีในตัวที่แผ่ออกมา
หนุ่มคนนี้ มีรัศมีบรรเจิด!
นี่เป็นครั้งแรกที่ซูไห่เฉิงเลิกดูถูกเขา สังเกตชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังลูกสาวของเขาอย่างเงียบๆ เขาที่อยู่ตรงประตูแต่งตัวด้วยสูทสบายๆ ทรงผมผมสั้นก็ทำให้เขาดูสดชื่น
สำหรับคนอย่างซูไห่เฉิง สิ่งที่มองไม่ใช่รูปร่างหน้าตาของคน แต่เป็นนิสัยใจคอและท่าทาง
ในแวบแรกของการสังเกตอย่างจริงจัง หัวใจของซูไห่เฉิงก็ตกตะลึง ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาก็รู้สึกตกตะลึงมาก!
ซูไห่เฉิงถามตัวเองว่าดูคนมานับไม่ถ้วน แต่สำหรับชายหนุ่มคนนี้ เขาพ่ายแพ้ในพริบตา ทุกอิริยาบถเป็นคนที่มีความสง่างามอย่างธรรมชาติ ดูมีเกียรติและดูเป็นคนชั้นสูง คนแบบนี้ ซูไห่เฉิงเคยเพียงแค่เห็นจากระยะไกล และคนที่เขาเห็นในตอนนั้น คือปรมาจารย์หยาเน่ยในเมืองซื้อจิ่ว!
หรือว่าตรงไหนมีบางอย่างผิดปกติหรือไม่? เจี่ยงโยวบอกตัวเองว่าชายหนุ่มคนนี้ชื่อเซียวฉี่ เป็นเพียงนักแสดงสแตนด์อินจากชั้นเรียนศิลปะการต่อสู้
“คุณ……คุณคือเซียวฉี่? ”
ถามโดยไม่ตั้งใจ ซูไห่เฉิงขมวดคิ้วถามไปหนึ่งประโยค
ซูรุ่ยยักคิ้ว พร้อมพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว “ฉันเซียวฉี่ นี่เป็นการพบกันครั้งแรก สวัสดีลุงซู! ”
“สวัสดีๆ ”
ซูไห่เฉิงได้ยินคำพูดของซูรุ่ย ซึ่งถูกรัศมีอันทรงพลังของซูรุ่ย ก็พยักหน้าให้เขาโดยไม่รู้ตัว
แน่นอน ความประทับใจแรกของซูไห่เฉิงที่มีต่อซูรุ่ย ในตอนนี้รัศมีแม่ทัพซูได้พัฒนาขึ้นในความคิดเขา แต่ว่า ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อยากเห็นลูกสาวตัวเองเข้าไปยุ่งกับคนนี้
“ในเมื่อคุณเรียกฉันว่าลุง ฉันจะขอเรียกคุณว่าเสี่ยวเซียว เสี่ยวเซียวอ่า ฉันได้ยินเจี่ยงโยวบอกว่าคุณเพิ่งมาถึงเมือง D คุณหางานได้ไหม? ”
จิ้งจอกเฒ่ายังคงเป็นจิ้งจอกเฒ่า เมื่อทั้งสองคนเข้าประตูเห็นได้ชัดว่าซูไห่เฉิงแสดงท่าทางจงใจสอบสวนและตั้งคำถาม ตอนนี้รัศมีเขาไม่สามารถเอาชนะแม่ทัพซู ซูไห่เฉิงจึงรีบเปลี่ยนกลยุทธ์ของตัวเองทันที
ซู่รุ่ยซึ่งอยู่ด้นข้างได้ยินคำถามของซูไห่เฉิง สีหน้าเย็นชาลงไปแล้วไม่น้อย
ความรู้สึกที่ถูกพ่อตาประเมินอย่างหนัก ทำให้แม่ทัพซูรู้สึกดีมาก
“ฉันยังไม่ต้องการหางาน ฉันวางแผนจะ … ทำธุรกิจของตัวเอง! ”
เริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง? อายุยังน้อยๆแต่ปากกล้าไม่เล็กเลย
ซูไห่เฉิงหลีตาและยิ้ม “คนหนุ่มสาวสมัยนี้อ่า มีไฟพลังทำงานอ่า! เพียงแค่… ด้วยทุนเริ่มต้นเพียง 200,000 ยังคงเป็นเรื่องยากมากที่จะสร้างแผ่นดินในเมือง D ! ”
นี่คือศิลปะการพูดของนักธุรกิจ ซูไห่เฉิงรู้ว่าลูกสาวทั้งสองของเขาให้ซูรุ่ยคนละหนึ่งแสน เขาก็ไม่พูดเจาะไป แต่เพียงแค่พูดในลักษณะนี้ หนึ่ง คือพูดว่าซูรุ่ยทำธุรกิจโดยอาศัยผู้หญิงในการเริ่มต้นธุรกิจ ประการที่สอง เพียงแค่ลองทดสอบมากกว่า
หากคุณต้องการเงินเพียงแค่พูดตัวเลข ตราบใดที่เงินสามารถแก้ปัญหาได้ก็ไม่ใช่ปัญหา
“ลุงล้อเล่นแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูไห่เฉิง ซูรุยก็ยิ้มแล้วพูดว่า “เงิน 200,000 ไม่พอสำหรับฉัน ที่จะซื้อชุดราตรีให้เสี่ยวหว่านที่บ้าน”
เมื่อพูดอย่างนั้น ซูรุ่ยทนไม่ได้ใช้มือข้างหนึ่งจับไหล่ซูหว่าน ไม่สนพ่อของเธอที่ดูอยู่ข้างๆ ยิ้มตาหวานแล้วเข้าใกล้หน้าซูหว่านพูดว่า “คุณภรรยา คุณว่าใช่อย่างนั้นไหม”
ซูหว่านกะพริบตาใส่ซูรุ่ย รีบหยิบบัตรเครดิตออกมา ก่อนที่ซูไห่เฉิงจะโกรธ และยื่นให้ต่อหน้าซูไห่เฉิง “พ่อนี่คือเงิน 70,000 หยวน คุณเอามันกลับไปคืนเจี่ยงโยว เงินส่วนเกินพวกเราจะไม่รับ เซียวฉี่เขาเองมีเงิน เขาจะไม่ใช้เงินจากตระกูลซูของเรา”
“อืม? ”
ซูไห่เฉิงรู้สึกหงุดหงิดกับพฤติกรรมเมื่อครู่ ที่ซูรุ่ยลามปามกับลูกสาวของเขา มองไปที่ซูหว่านด้วยแววตาความโกรธ “รวยไหม? ให้เงินคุณเท่าไหร่? เสี่ยวหว่าน คุณยังเด็กอยู่ ดังนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใจของคนในโลกนี้มันร้ายกาจแค่ไหน! เซียวฉี่ ฉันเห็นว่าคุณเป็นคนมีพรสวรรค์เช่นกัน พวกเราอยู่ในที่โจ่งแจ้ง ไม่คุยอะไรในที่ลับ คุณต้องการให้ฉันจ่ายเท่าไหร่ คุณจะปล่อยลูกสาวของฉันไป? เธอยังเรียนหนังสือ เธอไม่สามารถเล่นกับคุณได้หรอก! ”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูไห่เฉิง ตาของซูรุ่ยจ้องมอง เขาก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย จ้องมองไปที่ใบหน้าของซูไห่เฉิง มุมปากที่เซ็กซี่ของเขาโค้งงอเป็นส่วนโค้งที่แปลกประหลาด “ผมไม่รู้ว่าคุณลุงซูและตระกูลซูพวกคุณมียอดมูลค่าทรัพย์สิ้นทั้งหมดเป็นอย่างไร? ”
เมื่อได้ยินคำถามของซูรุ่ย ซูไห่เฉิงก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นจากโซฟาทันที “ชายหนุ่ม เกิดเป็นคนอย่าโลภ ทรัพย์สินของตระกูลซูทั้งหมดมีมูลค่ามากกว่า 100 ล้านหยวน ไม่ใช่สิ่งที่คุณจะกินเข้าไปได้ในคำเดียว”
“ที่แท้ลุงซูลุงเป็นมหาเศรษฐีหรอ! ”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูไห่เฉิง ซูรุ่ยสีหน้ายังคงยิ้มแบบเหมือนไม่ยิ้ม “ในเมื่อลุงซู คุณรักเสี่ยวหว่านมากขนาดนี้ เพื่อความสุขของเธอ ถ้าจะเสียเงินหลายร้อยล้านจะเป็นอะไรไปล่ะ? หรือว่าในใจคุณเธอเทียบไม่ได้กับธุรกิจของคุณ และ ทรัพย์สมบัติของคุณ? ”
เงินหรือความรู้สึก สิ่งใดสำคัญกว่า?
ซูรุ่ยเปลี่ยนตำแหน่งระหว่างตัวเขาเองกับซูไห่เฉิงโดยไม่รู้ตัว ควรกล่าวได้ว่า ตั้งแต่ต้นจนจบ ซูรุ่ยเป็นผู้ควบคุมจังหวะของการสนทนานี้
ในตอนนี้เมื่อได้ยินคำถามของซูรุ่ย ซูไห่เฉิงแสดงอาการออกมาทันที เขาพึ่งจะรู้สึกตัว ว่าเขาตกหลุมพรางภาษาของเด็กคนนี้โดยไม่รู้ตัว
ถ้าเขาตอบว่าซูหว่านสำคัญกว่า เขาก็จะถือโอกาสเปิดปากสิงโต
ถ้าหากตัวเองตอบว่ากิจการซูสำคัญกว่า เขาก็จะบรรลุจุดประสงค์ที่เลวร้ายนี้ ในการยุยงให้เกิดความสัมพันธ์ไม่ดีระหว่างตัวเขากับลูกสาวของเขา!
ในห้างสรรพสินค้า ซูไห่เฉิงผู้ซึ่งมีประสบการณ์ในการเจรจาต่อรองมากมาย มองพิจารณาไปที่ชายหนุ่มตรงหน้า ตัวเอง ได้ประเมินเขาต่ำเกินไป
“เซียวฉี่ คุณทำแบบนี้เพื่อให้ยุยงความสัมพันธ์ให้แตกแยก มันไม่มีประโยชน์อะไร เสี่ยวหว่านเป็นลูกสาวของฉัน ทรัพย์สินของฉันทั้งหมด ก็จะเป็นของเธอในอนาคตด้วย”
ซูไห่เฉิงยิ้มและกระซิบกับซูรุ่ยไปหนึ่งประโยค ตนที่คิดว่าเขาได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของอีกฝ่ายซูไห่เฉิง รอให้ซูรุ่ยเสนอราคาสุดท้าย แล้วเขาก็สามารถต่อรองราคาได้
น่าเสียดาย ซูรุ่ยไม่เคยออกไพ่ตามที่ซูไห่เฉิงจินตนาการไว้
“ลุงซู ฉันได้ยินมาว่าเจี่ยงโยวก็เป็นลูกสาวคุณ แม้ว่าคุณจะทิ้งทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้กับลูกสาวทั้งสอง เสี่ยวหว่านของเราก็จะได้รับเพียงครึ่งหนึ่ง สิ่งที่คุณสามารถให้เธอได้ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น และฉัน…”
ซูรุ่ยยักคิว เป็นครั้งแรกที่มองไปที่ชายวัยกลางคนตรงหน้าอย่างจริงจัง “ภายในหนึ่งปี หลังจากที่เสี่ยวหว่านโตเป็นผู้ใหญ่ ฉันจะใช้นามตระกูลซูจ้างงาน ฉันจะทำให้เมือง D ทุกคนรู้ว่า ในใจฉัน ตระกูลซูทั้งหมด ก็เทียบไม่ได้เป็นเพียงหนึ่งในร้อยของเสี่ยวหว่าน”
ร้อยทั้งร้อยของตะกูลซูก็คือทุนร้อนล้าน!
เมื่อได้ยินซู่รุ่ยโอ้อวดขนาดนี้ ตอนแรกซูไห่เฉิงอยากที่จะเปิดปากโต้แย้ง แต่ในขณะนี้ ดวงตาของซูรุ่ยก็เปลี่ยนเป็นมืดมน ทันใดนั้นมีรัศมีที่เต็มไปด้วยพลังแรงกดดัน ทำให้ซูไห่เฉิงที่กำลังจะพูด ก็กลืนน้ำลายกลืนสิ่งที่จะพูดกลับเข้าไป
“ดี! ดี! ดี! เมื่อคุณกล้าที่เปิดปากโอ้อวดดั่งปากทะเล พวกเราจะรอดูกัน! ”
สุดท้าย ซู่ไห่เฉิงก็ทำได้เพียงแค่ทิ้งประโยคโหดร้ายนี้ ด้วยสีหน้าโกรธและหันไปเดินจากไปแล้ว
ในขณะที่จ้องมองไปที่ร่างด้านหลังของเขา ซูหว่านอดไม่ได้ที่จะหันไปมองซูรุ่ยที่อยู่ข้างกายตัวเอง “คุณจะไปปล้นธนาคารเหรอ?”
“คุณภรรยา นั่นคืออาชญากรรม”
ซูรุ่ยอดไม่ได้ที่ยกมือลูบผมของซูหว่าน ผมของภรรยาตัวเองที่สัมผัสแล้วสบาย ทั้งยังเป็นผมที่ตัวเองสระให้ ก็ยังมีกลิ่นหอมอยู่
เมื่อนึกถึงเท่านี้ สายตาซูรุ่ยอดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนไปอีกครั้ง “คุณภรรยา หยุนอี้ก็ไปแล้ว คืนนี้ฉันช่วยอาบน้ำให้คุณดีไหม? ”
“คุณยังไม่ได้บอกฉันว่าคุณวางแผนจะทำอะไร อย่าเปลี่ยนเรื่อง! ”
ซู่รุ่ยได้เอารหัสของซูอวี้ที่สื่อสารกับองค์กรนักฆ่า เรื่องนี้ซูหว่านรู้อยู่
ในขณะเดียวกันเธอก็รู้ด้วยว่าซูรุ่ยจะไม่พูดคำเปล่าๆ ที่เธอไม่สามารถทำได้ ในเมื่อวันนี้เขาได้พูดต่อหน้าซูไห่เฉิง ดังนั่นภายในหนึ่งปีเขาจะสามารถได้เงินก้อนนั้น ตอนนี้ซูหว่านเพียงแต่กังวลว่าซูรุ่ยจะใช้วิธีการบางอย่างที่รุนแรงเกินไป เพียงแค่ภารกิจ เธอไม่ต้องการให้ซูรุ่ยลำบากเกินไป
อืม เมื่อเห็นท่าทางไม่เต็มใจของซูหว่าน แม่ทัพซูได้แค่ยิ้มอย่างมีเลศนัย “คุณภรรยา ไม่ต้องกังวล ฉันมีความรู้สึกพอสมควร”
ตอนนี้ใครยังปล้นธนาคาร? เชยไปแล้วจริงไหม? แม่ทัพซูไม่เคยคิดว่าเขาเป็นคนที่แก้ปัญหาด้วยความรุนแรง พวกเราเป็นคนที่มีสติปัญญาสูง โอเคไหม?
“คุณภรรยา หรือว่าในใจเธอ ฉันเป็นคนรุนแรงหรอ? ”
ซู่รุ่ยทำสีหน้าน่าสงสาร ทำหน้าเศร้ามองไปที่ซูหว่าน “ฉันนี้ก็เคยเป็นคนที่เคยอยู่ในสถาบันวิจัย และจบการศึกษาระดับปริญญาเอก คนมีวัฒนธรรมไม่เอาชนะด้วยการทะเลาะฆ่ากัน สุภาพบุรุษใช้ปาก ไม่ใช้มือ”
ผีซิไม่ใช้มือซะที่ไหน!
แม่ทัพซูผู้สังหารสามารถพูดสิ่งเหล่านี้ได้ ซูหว่านก็เมามายไม่ไหวแล้ว แต่ดวงตาของเธอเป็นประกายเมื่อซูรุ่ยพูดถึงสถาบันวิจัย
เป็นความจริง ที่ยิ่งคุณเข้าสู่โลกแห่งภารกิจมากเท่าไหร่ ผู้ปฏิบัติภารกิจก็ยิ่งมีทักษะมากขึ้นเท่านั้น แต่ … สถาบันวิจัยไวรัสซอมบี้อะไรนั่น ทำลายความสมดุลโลกนี้จะต้องถูกจะลบล้างฆ่าไปถูกไหม?
“คุณ……”
ซูหว่านจะพูดอะไรอีก ซูรุ่ยที่อยู่ข้างกายยิ้มและทำท่าทางใส่เธอ “คุณภรรยา คุณเชื่อผมไหม? เพียงแค่เชื่อใจฉันมอบให้ผมจัดการทั้งหมดให้เรียบร้อย”
“ก็ได้”
ซูหว่านพยักหน้า เธอเชื่อในตัวซูรุ่ยโดยธรรมชาติอยู่แล้ว
ในโลกนี้เธอสามารถไว้วางใจและพึ่งพาได้อย่างไม่มีเงื่อนไข ยกเว้นตัวเธอเอง ก็มีผู้ชายคนนี้เท่านั้น
เมื่อเห็นซูหว่านพยัก ซูรุ่ยก็ยิ้มโค้งที่มุมปากขึ้นอีกครั้ง
สิ่งที่ขาดที่สุดในโลกนี้? และสิ่งที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดคืออะไร?
สามารถสะสมทรัพย์สมบัติโดยใช้เวลาน้อยที่สุดมีหลายวิธี แต่ในสมองซูรุ่ยมีหนึ่งอย่างเป็นเทคโนโลยีชั้นสูงที่เหมาะกับโลกนี้
หลิงเสิน โลกอีกใบในบริษัทTX ที่ใช้เงินสร้างหลายแสนล้านเป็นที่หนึ่งของโลก ที่เป็นเกมออนไลน์โฮโลแกรม
หัวใจสำคัญด้านเทคนิคทั้งหมดของเกมนี้อยู่ในสมองของซูรุ่ย
ในอนาคตซูรุ่ยทำไมถึงจะคิดค้นสร้างซูเสี่ยวซู? เหตุใดเขาจึงเชื่อมโยงข้อมูลของซูเสี่ยวซูกับโลกเสมือนจริงของหลิงเสินในห้วงเวลา?
เทคโนโลยีเปลี่ยนชีวิต
นี่เป็นของขวัญจากโลกอนาคตที่เขาทิ้งไว้ให้ตัวเองในปัจจุบัน ก็คือหลิงเสิน และซู่เสี่ยวซู่ก็เช่นกัน