บรรยากาศในงานเต้นรำคืนวันคริสต์มาสนั้นกำลังเป็นไปด้วยดี แสงไฟกะพริบในห้องจัดเลี้ยง สาดส่องเต้นระบำไปทั่วทั้งงาน ทำให้สายตาของผู้คนในงานต่างก็กระพริบไปตามแสงไฟ ราวกับถูกมนตร์สะกด
เริ่มแรกซูรุ่ยโอบร่างของซูหว่านไว้ในอ้อมแขนเต้นรำกันอยู่รอบนอกของฟลอร์ แต่ไปๆ มาๆ ซูรุ่ยก็เริ่มพาซูหว่านเข้าไปตรงกลางของฟลอร์เต้นรำ และไม่นานหลังจากนั้น ทั้งคู่ก็หมุนย้ายมาอยู่ข้างๆ กับคู่ของเวินเหวินเฮ่าและเจี่ยงโยว
เจี่ยงโยวในตอนนี้เริ่มจับจังหวะการเต้นรำขั้นพื้นฐานได้แล้ว จากการสอนอย่างใส่ใจของเวินเหวินเฮ่า ทั้งสองคนเพิ่งจะเริ่มคุ้นเคยในจังหวะของกันและกัน ทั้งสองต่างสบสายตาประสานกันอย่างอบอุ่น มองๆ ดูแล้วบรรยากาศช่างโรแมนติกเสียจริง
“ที่รัก มาทำให้พวกเขาตื่นเต้นกันหน่อยดีกว่า”
ซูรุ่ยเบี่ยงใบหน้ามาด้านข้าง ริมฝีปากชิดกับขอบของหมวกแม่มด ฟันยาวๆ ของเขาขบลงบนขอบหมวกอยู่สองสามครั้ง
ซนจริงๆ เลย
ซูรุ่ยอดไม่ได้ที่จะหันไปยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ให้กับซูหว่าน วินาทีต่อมาร่างของซูหว่านก็หมุนออกไปด้วยท่วงท่าที่สวยงาม ก่อนที่จะหมุนไปด้านข้างของเจี่ยงโยว รองเท้าส้นสูงบนเรียวเท้างามก็รีบหมุนไปตามองศาที่กะเอาไว้ แล้วเหยียบลงไปบนชายกระโปรงสโนว์ไวท์อย่างแม่นยำ
ชุดของร้านที่ทำชุดแฟนซีโดยเฉพาะ แน่นอนว่าเขาการันตีเรื่องคุณภาพของชุดอยู่แล้ว ไอ้แบบที่เหยียบลงไปปุ๊บชุดก็ฉีกขาดเลยไม่ได้เกิดขึ้น แต่เพราะว่าเท้าที่เหยียบลงไปนั้น ซูหว่านใช้แรงทั้งหมดที่มีเหยียบลงไปด้วย และเธอก็เล็งองศาในการลงเท้าเอาไว้แล้วนั้น พอเหยียบลงไปปุ๊บ ก็ทำให้ชุดเจ้าหญิงแบบเปิดไหล่ของเจี่ยงโยวหลุดลงมาจากร่างทั้งชุด ทำให้ชุดชั้นในสีขาวที่ใส่อยู่ด้านในถูกเปิดเผยออกมา
“กริ๊ด! ”
อุบัติเหตุเกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ในตอนที่รู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังอยู่ในสภาพที่ไม่เรียบร้อยนั้น เจี่ยงโยวก็กรีดร้องออกมา สายตาของเวินเหวินเฮ่าที่อยู่ตรงหน้าเป็นประกายอยู่ชั่วครู่ เพราะว่าไม่ได้สวมแว่นตา เวินเหวินเฮ่าจึงเห็นเพียงร่างเงาเดินผ่านกลุ่มคนไปอย่างรวดเร็ว ทำให้จับคนที่จงใจกลั่นแกล้งเจี่ยงโยวไม่ได้
ในตอนนี้เสียงกรีดร้องของเจี่ยงโยว ทำให้คนทั่วทุกสารทิศต่างหันมามองเป็นทางเดียวกัน เวินเหวินเฮ่าจึงรีบถอดชุดคลุมบาทหลวงสีขาวของตัวเอง มาคลุมร่างบางของเจี่ยงโยวไว้อย่างมิดชิด
“ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องกลัว”
เวินเหวินเฮ่าที่อยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวบางๆ เขาก้มตัวลงเล็กน้อยแล้วอุ้มเจี่ยงโยวขึ้นไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง “ฉันพาเธอออกไปจากที่นี่ก่อนดีกว่า! ”
เจี่ยงโยวในตอนนี้ช็อกจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว พอเห็นสายตาอบอุ่นคู่นั้นภายใต้หน้ากากของเวินเหวินเฮ่า เธอก็รีบซุกหน้าลงกับอกกว้างอันอบอุ่นของเขาทันที
อ้อมกอดของคนคนนี้ช่างอบอุ่นนัก ทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจเป็นอย่างมาก…
มองดูเจี่ยงโยวถูกเวินเหวินเฮ่าอุ้มออกไปจากบริเวณฟลอร์เต้นรำแล้ว จ้องมองไปที่แผ่นหลังของผู้ชายคนนั้น ซูรุ่ยเหยียดยิ้มที่มุมปากเบาๆ แล้วเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำท่ามกลางกลุ่มคนออกมา “เอ๊ะ เสื้อเชิ้ตตัวนั้นฉันจำได้ นั้นไม่ใช่อาจารย์เวินหรอกเหรอ? ”
เวินเหวินเฮ่าก็เป็นอาจารย์ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในเฟิงเหิง คนหนุ่มหล่อเหลา อีกอย่างแค่ดูจากเสื้อผ้าการแต่งกายของเขาก็รู้ได้แล้วว่าฐานะของเขาไม่ธรรมดา
เสื้อเชิ้ตสีขาว เป็นเสื้อที่เวินเหวินเฮ่าใส่อยู่เป็นประจำจริงๆ และเขาก็ใส่อยู่แค่ยี่ห้อเดียวด้วย
พอได้ยินคำพูดของซูรุ่ย ทุกคนในฟลอร์เต้นรำก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองทางประตูทางเข้า ตอนนี้เวินเหวินเฮ่าอุ้มเจี่ยงโยวเดินทางถึงที่โถงทางเดินด้านนอกแล้ว จึงทำให้ไม่ได้ยินเสียงซุบซิบกันด้านใน
“คนที่เต้นรำกับอาจารย์เวินเป็นใครกัน? ”
“ไม่รู้เหมือนกันสิ ชุดกระโปรงก็ไม่ได้หยิบไปด้วย นี่เขากะจะบุกเข้าสนามรบโดยไม่ใส่เกาะกันเลยเหรอ? ”
ในกลุ่มคนที่ไม่รู้ว่าใคร ก็อดไม่ได้ที่จะพูดจาเดามั่วซั่ว แต่กลับเป็นการสุมไฟให้กับทุกคนในการเล่าลือกันไปในทิศทางต่างๆ นานา
คนที่อยู่กับอาจารย์เวินจะเป็นครูผู้หญิงในโรงเรียนหรือเปล่า? หรือว่าจะเป็นนักเรียนหญิง?
จุ๊ๆ รู้สึกว่าในเฟิงเหิงยังไม่เคยมีเรื่องความรักระหว่างลูกศิษย์กับอาจารย์เลยนะ
นักเรียนในโรงเรียนเฟิงเหิงนั้น มีแต่ลูกหลานของเหล่าชนชั้นสูงในสังคมทั้งนั้น พวกเขาต่างก็มีมาตรฐานที่สูงและที่บ้านก็เข้มงวดกันเป็นอย่างมาก ต่อให้พวกเขาจะออกไปเล่นสนุกอยู่ข้างนอกกันขนาดไหน แต่อยู่ในโรงเรียนต่อให้พวกเขาจะไม่ไว้หน้าผอ.โอวหยาง พวกเขาก็ต้องทำตัวเป็นนักเรียนที่ดี ไว้หน้าให้กับพ่อแม่ของพวกเขาไว้บ้าง
ในโรงเรียนที่รวบรวมเหล่าทายาทลูกหลานของนักธุรกิจ และข้าราชการระดับสูงทั้งหมดของเมือง D ไว้นั้น ถ้าหากว่าเกิดเรื่องราวอื้อฉาวอะไรขึ้นมาล่ะก็ นั่นจะเป็นข่าวที่กระจายไปทั่วทั้งเมืองอย่างรวดเร็วแน่นอน
ในขณะที่ทุกคนต่างก็กำลังเดากันไปคนละทิศคนละทางอยู่นั้น ซูรุ่ยก็ได้พาซูหว่านออกมาจากห้องจัดเลี้ยงทางประตูข้างเรียบร้อยแล้ว
ด้านนอกอาคารลมค่อนข้างหนาว
ซูหว่านจึงรีบกระชับเสื้อคลุมของตัวเองให้แน่นขึ้น วินาทีต่อมา ซูรุ่ยก็โอบกอดเธอไว้จากด้านหลังอย่างแน่นหนา “ที่รัก เรากลับบ้านกันเถอะ”
“อืม”
ซูหว่านพยักหน้า บ้านที่ซูรุ่ยพูดถึงไม่ใช่บ้านตระกูลซู แต่เป็นห้องพักที่พวกเขาเคยเช่าอยู่ข้างโรงเรียนก่อนหน้านี้
ภายในห้องพักไม่ได้แตกต่างไปจากตอนที่พวกเขาย้ายออกมา ซูหว่านยังคงจ้างแม่บ้านให้มาทำความสะอาดง่ายๆ ในตอนเที่ยงของทุกวัน
พอเปิดประตูห้องพักออก ความอบอุ่นที่อบอวลอยู่ภายในห้องนี้ ก็ปะทะเข้ากับใบหน้าของทั้งคู่
ซูหว่านยกมือขึ้นจะกดเปิดสวิตช์ไฟที่อยู่ตรงข้างประตู แต่กลับถูกซูรุ่ยหยุดมือไว้ก่อน
“ไม่ต้องเปิดไฟ”
ซูรุ่ยยืนกักร่างของซูหว่านไว้หลังประตู แล้วจูบซับไปบนใบหน้าที่งดงาม “เสี่ยวหว่าน ลองทายดูสิว่าตอนนี้เวินเหวินเฮ่ากับเจี่ยงโยวกำลังทำอะไรกันอยู่? ”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ? ”
ในขณะที่ซูหว่านพูดไป มือทั้งสองข้างของซูหว่านก็ยกขึ้นมาถอดฟันแหลมๆ ที่กำลังวุ่นวายอยู่ใบหน้าของตัวเองออกไปด้วย
“ถ้าอย่างนั้นเรามาชมลีลาของอาจารย์เวินว่าจะเด็ดซะแค่ไหนกันดีไหม? ”
ซูรุ่ยหยิบเครื่องรับสัญญาณขนาดจิ๋วออกมาจากกระเป๋าเสื้อของตัวเอง แล้วส่ายไปมาอยู่ตรงหน้าของซูหว่าน “เมื่อกี้นี้เหมือนว่าฉันจะไม่ได้ตั้งใจ เอากล้องจิ๋วที่ทางบริษัทเพิ่งจะวิจัยออกมา ติดไปบนเส้นผมของเจี่ยงโยวไปด้วย”
ให้ตายเหอะ “ไม่ได้ตั้งใจ” ขนาดนั้นเลยเชียวเหรอ?
จงใจชัดๆ
ซูหว่านช้อนสายตาขึ้นมามองไปทางเครื่องรับสัญญาณจิ๋วในมือของซูรุ่ยอย่างตั้งใจ “ดูเหมือนว่านายจะสนใจเจี่ยงโยวไม่น้อยเลยนะ? หืม? ”
“ที่รัก ผม…”
ซูรุ่ยกำลังจะอธิบาย แต่ซูหว่านกลับแย่งเครื่องรับสัญญาณจิ๋วที่อยู่อยู่ในมือของเขาไปเรียบร้อยแล้ว “พอดีเลย ที่จริงแล้วฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าลีลาของเวินเหวินเฮ่าจะดีขนาดไหน ได้ข่าวว่าคนคนนี้เป็นคนที่ เครื่องใหญ่แรงดี ไม่ธรรมดาเลย ทำให้เจี่ยงโยวอยู่หมัดได้ในครั้งเดียว เหอะๆ ใครบางคนที่ลีลาสู้เขาไม่ได้อยากจะดูชมบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา! ”
“ที่รัก ผมผิดไปแล้ว การแอบดูคนอื่นเป็นเรื่องที่ไม่ดีเลยนะ”
ได้ยินคำพูดของซูหว่าน สีหน้าของซูรุ่ยก็ทะมึนขึ้นมาทันที “ที่รัก เวินเหวินเฮ่ามีอะไรน่าดูกัน มีซิกแพคหรือเปล่า? มีวีไลน์ไหม? หล่อสู้ผมได้หรือเปล่า? ที่รัก ที่รักเปิดไฟนะ ผมให้ที่รักดูร่างกายของผมได้เต็มที่เลยเป็นไง? ”
ตอนนี้แม่ทัพซูรู้สึกเสียใจมาก เขาลืมไปได้ยังไงนะว่าไอ้หน้าอ่อนเวินเหวินเฮ่านั้นเป็นหนึ่งในผู้ชายที่ “ดุดัน” มากที่สุดของโลกนี้เนี่ย!
ให้ตายเหอะ ไอ้หน้าอ่อนที่ดูเป็นคนเรียบร้อย แล้วยังเป็นถึงครูบาอาจารย์ กลับเป็นชายหนุ่มคืนละเจ็ดครั้งอะไรกันเนี่ย แม่ทัพซูรู้สึกว่านี่มันไม่ใช่หลักวิทยาศาสตร์เอาซะเลย
แน่นอน ว่าถ้าตัวเองลีลาดีล่ะก็ จะต้องเขี่ยไอ้หน้าอ่อนนี้ให้ตกอับดับกลายเป็นผุยผงไปแล้ว
ในตอนที่ซูรุ่ยกำลังยืนเหม่ออยู่นั้น ซูหว่านก็เปิดไฟในห้องเรียบร้อย แล้วนำเครื่องรับสัญญาณจิ๋วไฮเทคเชื่อมต่อเข้ากับสมาร์ทโฟนของตัวเอง จากนั้นบนหน้าจอมือถือก็มีภาพฉายออกมาทันที
สินค้าใหม่ตัวนี้ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ รับสัญญาณได้รวดเร็ว ภาพคมชัด ให้ตายเหอะแม้แต่เสียงก็ยังมี!
ซูหว่านเลิกคิ้ว ปรับระดับเสียงในมือถือให้ดังขึ้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงหอบหายใจน้อยๆ ของเจี่ยงโยวดังลอดออกมา
“ไม่เอา คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้ คุณรีบ…รีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ”
ภาพบนหน้าจอเจี่ยงโยวถูกเวินเหวินเฮ่ากดทับไว้ตรงผนังของมุมห้องรับแขก ถ้ามองจากองศาของกล้องแล้ว ตอนนี้ทั้งสองคนยังคงสวมไฟหน้ากากไว้บนใบหน้ากันอยู่ แต่ชุดคลุมบาทหลวงที่เจี่ยงโยวสวมใส่มานั้น กลับร่วงลงไปกองอยู่บนพื้นแล้ว เพราะว่าตัวกล้องถูกติดไว้บนเส้นผมของเจี่ยงโยว จึงทำให้ไม่สามารถมองเห็นรูปร่างของเจี่ยงโยวได้ แต่ตอนที่เธอกำลังต่อสู้อยู่นั้น กลับสามารถมองเห็นไหล่บางมนทั้งสองข้างของเจี่ยงโยวได้อย่างชัดเจน
และในตอนนี้ ด้วยความที่เจี่ยงโยวพยายามออกแรงขัดขืนอย่างแรงนั้น เธอก็สามารถดึงหน้ากากของเวินเหวินเฮ่าออกมาได้ ในชั่วเวลานั้น ร่างกายของเจี่ยงโยวก็แข็งทื่อไปในทันที
“อา…อาจารย์เวิน”
น้ำเสียงของเธอสั่นระริก
“เจี่ยงโยว”
เวินเหวินเฮ่าหรี่ตาลง ค่อยๆ ยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้กับใบหน้าของเจี่ยงโยว “ผมชอบคุณมานานมากแล้ว”
คนที่เป็นถึงนางเอกของเรื่อง เป็นหนึ่งในคนที่มีคนมารุมจีบเยอะแยะมากมาย เวินเหวินเฮ่าถือว่าเป็นคนที่ค่อนข้างจะพิเศษกว่าใครเพื่อน หนุ่มหล่อที่ภายนอกดูเรียบร้อยคนนี้ ความจริงแล้วกลับหลงใหลในกิจกรรมเข้าจังหวะบางอย่างบนเตียง ที่เขาว่ากันว่าหมาป่าที่คลุมหนังแกะไว้ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง
ในตอนที่เวินเหวินเฮ่าเพิ่งเข้ามาที่เฟิงเหิงใหม่ๆ พอเห็นเจี่ยงโยวปุ๊บเขาก็ชอบเธอคนนี้เข้าให้เลย หลังจากนั้นพอเห็นว่าเจี่ยงโยวเก่งด้านศิลปะการต่อสู้ ความอ่อนของร่างกายก็ดีเยี่ยม นี่ยิ่งทำให้เวินเหวินเฮ่าชอบเจี่ยงโยวมากขึ้นไปอีก
เขาค่อยๆ ถือโอกาสเข้าใกล้ เดิมทีอยากที่จะทำให้เจี่ยงโยวค่อยๆ เริ่มชอบเขาอย่างไม่รู้ตัว แต่ว่าวันนี้ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันในห้องตามลำพัง โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นวิวอันสวยงามที่อยู่ตรงหน้านี้แล้ว ก็ทำให้เวินเหวินเฮ่าอดใจไม่ไหวอีกต่อไป…
เมื่อเผชิญหน้ากับการสารภาพของเวินเหวินเฮ่าอย่างกะทันหันนี้ ยิ่งทำให้หัวสมองของเจี่ยงโยวมึนหนักเข้าไปใหญ่
เวินเหวินเฮ่าฉวยโอกาสตอนที่เจี่ยวโยวยังไม่ได้สติ ใช้มือข้างหนึ่งจับท้ายทอยของเธอไว้มั่น แล้วฉกจูบลงไปบนริมฝีปากของเธออย่างรวดเร็ว เมื่อคนที่ไม่ประสีประสาปะทะเข้ากับลีลาที่เชี่ยวชาญแล้ว เจี่ยงโยวก็พ่ายแพ้ไปอย่างราบคาบ…
การต่อสู้ของทั้งคู่เลื่อนระดับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าเวินเหวินเฮ่าเริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวเองออกจากร่าง ซูรุ่ยที่นั่งดูอยู่ก็เริ่มทนดูต่อไปไม่ไหว เขารีบแย่งมือถือออกมาจากมือของซูหว่านอย่างรวดเร็ว แล้วใช้สายตาที่ล้ำลึกจ้องมองเธอ “ที่รัก ห้ามมองเขา มองได้แค่ผมเท่านั้น”
“อืม”
ซูหว่านกลั้นขำไว้ พยักหน้ารับอย่างจริงจัง “ฉันจะมองแค่นายโอเคไหม? นายอย่าปิดเครื่องละ แล้วช่วยก็อปปีคลิปนี้ให้ฉันชุดหนึ่ง วันหลังจะส่งไปให้เจี่ยงโยวเก็บไว้เป็นที่ระลึก”
เก็บไว้เป็นที่ระลึกอะไรกัน
สายตาของซูรุ่ยเป็นประกาย อดไม่ได้ที่ยิ้มให้กับซูหว่าน บนโลกใบนี้มีคนที่เข้าใจเขามากที่สุดก็คือที่รักของเขาคนนี้นี่แหละ
แม้กระทั่งว่าเขาคิดจะต้อนเวินเหวินเฮ่าซะ เธอก็ยังเดาได้ถูก
แม่ทัพซูประกาศกร้าว ที่ตนทำในครั้งนี้ก็เพื่อความผาสุกของประชาชน ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่นซะหน่อย