ข่าวการเลิกรากันของหลัวอวี่กับเจี่ยงโยวแพร่ไปทั่วโรงเรียนเฟิงเหิงอย่างรวดเร็ว และแน่นอนว่าเหตุการณ์ที่กลุ่มแฟนคลับของหลัวอวี่จะมาตามราวีเจี่ยงโยวอย่างบ้าคลั่งนั้นก็มีแค่ในซีรีส์รักหวานแหววเท่านั้น
ด้วยฝีมือของเจี่ยงโยวแล้ว ใครจะกล้าไปหาเรื่องเธอกัน?
บนเว็บบอร์ดของเฟิงเหิงโพสกันให้สนั่น เกี่ยวกับเรื่องราวความรักที่จบลงของคู่รักอวี่โยว ผู้คนส่วนใหญ่ต่างเดากันไปว่าการเลิกราของหลัวอวี่กับเจี่ยงโยว จะต้องเกี่ยวข้องกับซูหว่านอย่างแน่นอน
การเป็นแฟนเก่าที่ถูกทอดทิ้งมาก่อนนั้น ซูหว่านมักจะถูกโยงไปเอี่ยวด้วยเสมอ ยังดีที่ครั้งนี้ไม่นับว่าถูกกล่าวหาฟรีๆ เพราะอย่างน้อยในใจของเจี่ยงโยว ก็คิดว่าเรื่องที่ทำให้ตัวเองกับหลัวอวี่ต้องเลิกรากันไปนั้น ตัวต้นเหตุก็คือซูหว่าน
ดังนั้นหลังเลิกเรียน เจี่ยงโยวจึงมาดักหน้าซูหว่านตรงทางเดินออกจากห้องเรียน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมองดูซูหว่านอย่างเป็นต่อ
ช่างโหดร้ายกับคนตัวเตี้ยนัก
ซูหว่านถูกเจี่ยงโยวดักอยู่ด้านหน้าก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นถาม “มีอะไร? ”
ซูหว่านคิดว่าเจี่ยงโยวจะมาตื้อคุยกับตัวเองเรื่องของ “พี่ใหญ่เซียว” อีก แต่เจี่ยงโยวในครั้งนี้กลับต่างออกไป สายตาจ้องเขม็งมาที่ใบหน้าของซูหว่าน แล้วถามออกมาด้วยเสียงอันดัง “ซูหว่าน ตอนนี้เห็นฉันกับหลัวอวี่เลิกกันแล้ว เธอรู้สึกดีใจมากเลยใช่ไหมล่ะ? ”
ซูหว่าน “…”
ฉันเคยบอกไปแล้วไงว่าพวกเธอจะคบกันหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน? เพราะยังไงอีกหน่อยพวกเธอก็ต้องเลิกกันอยู่ดี รักๆ เลิกๆ ไร้สาระไหม?
เกี่ยวกับคำถามของเจี่ยงโยว ซูหว่านอดที่จะมองบนไม่ได้ มีสถานะหนึ่งที่เรียกว่าหมดคำจะพูด→→ เชิญดูซูเสี่ยวหว่าน
“ทำไมไม่พูดอะไรเลยล่ะ ละอายใจงั้นเหรอ? ”
เมื่อเห็นว่าซูหว่านไม่พูดว่าอะไร เจี่ยงโยวก็เริ่มพูดกดดันเธอมากขึ้น “ซูหว่าน ฉันทำอะไรผิดต่อเธออย่างนั้นเหรอ? ตั้งแต่เล็กจนโตเธออยู่ที่บ้านตระกูลซูอย่างไม่เคยขาดเหลืออะไร แล้วฉันล่ะ? ฉันต้องอยู่กับแม่เลี้ยงมาอย่างยากลำบากแค่ไหนเธอรู้บ้างไหม? เธอครอบครองสถานะที่ควรจะเป็นของฉัน ฉันเคยถือสาอะไรเธอบ้างไหม?
รอบๆ ห้องเรียนเดิมก็มีคนมุงดูกันเยอะอยู่แล้ว ตอนนี้พอได้ยินคำพูดของเจี่ยงโยว ทุกคนต่างก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มซุบซิบกันขึ้นมา
“ครอบครอง” คำพูดนี้มาจากไหนกันล่ะ? อันที่จริงแล้ว สถานะที่แท้จริงของเจี่ยงโยวและซูหว่าน คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้เรื่องนี้กันเลย
เมื่อในที่สุดเจี่ยงโยวก็เผลอหลุดปากพูดเรื่องสถานะที่แท้จริงของทั้งสองคนขึ้นมา ซูหว่านไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร เพราะในเนื้อเรื่องเดิมจากการยั่วยุครั้งแล้วครั้งเล่าของซูหว่าน ทำให้ครั้งหนึ่งเจี่ยงโยวทนไม่ไหว เลยระเบิดเรื่องสถานะที่แท้จริงของทั้งสองคนออกมาอย่าง “ไม่ตั้งใจ” หลังจากนั้น ซูหว่านก็กลายเป็น “ชนชั้นล่าง” ในโรงเรียนเฟิงเหิงที่ทุกคนต่างก็ดูถูกดูแคลน จนเธอรับแรงกดดันไม่ไหว เลยต้องย้ายออกจากเฟิงเหิงไป…
“ฉันยังไม่ได้บอกเลยว่าเธอทำเรื่องผิดอะไรต่อฉัน เธอจะตกใจตื่นไปทำไม”
ในที่สุดซูหว่านก็พูดออกมาอย่างช้าๆ ในขณะเดียวกันก็โยนกระเป๋านักเรียนของตัวเองไปบนโต๊ะที่อยู่ใกล้กับประตู สายตาคมกริบก็กวาดมองไปทางผู้คนที่มุงดูกันอยู่รอบห้อง “ฉันว่าทุกคนคงจะสนใจในสถานะของเราทั้งสองคนมาก ทุกคนคงจะยังไม่รู้สินะ ที่จริงแล้ว ฉันไม่ใช่คุณหนูใหญ่ของตระกูลซู คุณหนูใหญ่ตัวจริงคือเจี่ยงโยวต่างหาก ฉันเป็นแค่เด็กที่ถูกคนตระกูลซูอุ้มมาผิดตัวในตอนนั้น ไม่สิ ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ ในตอนนั้นแม่ของฉันเห็นแก่ตัว อยากให้ลูกสาวของตัวเองมีชีวิตที่สุขสบาย เพราะฉะนั้นหลังจากที่ฉันคลอดออกมา ก็เลยเอาไปสลับตัวกับเจี่ยงโยว”
“อ๊า! ”
“โอ้แม่เจ้า! ”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน ทุกคนที่ยืนล้อมกันอยู่ต่างก็อุทานออกมาเป็นเสียงเดียวกัน นี่คือเรื่องแมวป่าแลกองค์ชายในตำนานเหรอเนี่ย?
“ซูหว่าน เธอ…”
เมื่อได้ยินซูหว่านพูดเรื่องทั้งหมดออกมา สีหน้าของเจี่ยงโยวก็เปลี่ยนไป “ทำไมเธอถึง…”
ในใจของเจี่ยงโยวรู้มาตลอดว่าซูหว่านให้ความสำคัญกับเรื่องสถานะของตัวเองมากขนาดไหน แต่ว่าตอนนี้ซูหว่านกลับยอมรับสถานะของตัวเองต่อหน้าทุกคนแบบนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เจี่ยงโยวได้แต่ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น มองมาทางซูหว่านอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“เจี่ยงโยว ฉันเคยบอกเธอไปแล้วนะว่าอย่าใช้ความฉลาดและสายตาของตัวเองไปมองว่าทุกคนจะเป็นแบบเธอ เรื่องที่ใหญ่คับฟ้าในสายตาของเธอ แต่สำหรับฉัน มันก็เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ฉันไม่สนใจในสถานะคุณหนูของตระกูลซู ฉันก็ไม่สนใจด้วยว่าเธอจะคบหาอยู่กับหลัวอวี่หรือคนอื่นๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมา มีแค่เธอที่พยายามเข้ามารบกวนชีวิตของฉันอยู่ฝ่ายเดียว วันนี้ฉันจะขอเตือนเธอเป็นครั้งสุดท้าย อย่ามายุ่งกับฉันอีก และอย่าไปยุ่งกับเซียวฉี่ด้วย เขาไม่ได้พูดจาด้วยง่ายๆ เหมือนกับฉันหรอกนะ! ”
ในขณะที่พูด ซูหว่านก็หยิบกระเป๋ามาสะพายไปบนไหล่อย่างไม่แยแส เดินตรงไปทางกลุ่มคนที่มายืนมุงดูกันอยู่ “ขอทางหน่อย หลีกทางด้วย”
กลุ่มคนที่ยืนล้อมวงกันอยู่ได้ยินคำพูดของซูหว่าน ต่างก็หลีกทางให้ซูหว่านได้เดินอย่างอัตโนมัติ แต่ว่ากลับมีร่างสูงใหญ่มาขวางทางของซูหว่านไว้
ซูหว่านเงยหน้าขึ้นมามองอย่างแปลกใจ แต่กลับไปประสานสายตาเข้ากับใบหน้าหล่อเหลาของหลัวอวี่เข้า
“มีธุระอะไร?”
เธอขมวดคิ้วมองดูชายหนุ่มตรงหน้า น้ำเสียงเย็นชาเช่นเดิม
“วันนี้ฉันขับรถมา เดี๋ยวไปส่งที่บ้าน”
หลัวอวี่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่ว่าในระหว่างที่พูด เขากลับใช้ประโยชน์จากความสูงของตัวเอง
แย่งกระเป๋ามาจากมือของซูหว่านมาถือไว้เรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็ไม่ได้สนใจในคำตอบของซูหว่าน หลัวอวี่ก็หมุนตัวเดินจ้ำอ้าวออกไปทันที
ซูหว่าน “…”
เด็กเรียน นายจะทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ไม่ถูกต้องนะ
พฤติกรรมของพระเอกเด็กเรียน ที่ทำตัวเหมือนประธานจอมเผด็จการแบบนี้ ซูหว่านได้แต่ให้คะแนนติดลบในใจ
แต่จะว่าไปตัวเองก็ไม่ได้อยากจะนั่งรถกลับบ้านพร้อมกับเจี่ยงโยว ในที่สุดซูหว่านก็รีบจ้ำอ้าวตามหลัวอวี่ไป ทั้งสองคนเดินเคียงข้างกันออกไป เงาร่างสูงเตี้ยสองคน ดูๆ ไปก็ดูเหมือนว่าจะเข้ากันได้ดีกว่าแต่ก่อนหน่อย…
เมื่อไม่มีเรื่องน่าสนใจอะไรแล้ว กลุ่มที่มุงกันอยู่ตรงระเบียงทางเดินก็ค่อยๆ สลายตัวกันไป เจี่ยงโยวยังคงยืนอยู่ตรงประตูห้องเรียน มองดูระเบียงทางเดินที่ว่างเปล่า ในใจกลับยังมีภาพของหลัวอวี่และซูหว่านที่เดินเคียงข้างกันออกไป
ว่าแล้วเชียว ซูหว่านยังคงแคร์หลัวอวี่อยู่
สิ่งที่เธอทำทั้งหมดก็เพื่อที่จะทำให้หลัวอวี่กลับมาสนใจเธออีกครั้ง…
เจี่ยงโยวกัดริมฝีปากของตัวเองไว้แน่นอย่างลืมตัว แล้วริมฝีปากสีแดงระเรื่อก็ค่อยๆ มีเลือดสีแดงสดไหลซึมออกมา
“เสี่ยวโยว เพื่อผู้ชายอย่างหลัวอวี่แล้ว มันไม่คุ้มค่ากันเลยนะ”
ด้านหลังมีเสียงของโอวหยางลั่วดังขึ้นอย่างกระทันหัน วันนี้คุณชายโอวหยางแต่งกายด้วยชุดไปรเวทสีขาวทั้งชุด ยืนโพสท่าอยู่ตรงขอบหน้าต่างด้านหลังของเจี่ยงโยว มองมาทางเจี่ยงโยวด้วยสายตาลึกซึ้งและเป็นห่วงเป็นใย
“ฉัน ฉันไม่เป็นอะไร”
ได้ยินเสียงของโอวหยางลั่ว เจี่ยงโยวรีบเร่งเช็ดคราบเลือดบนริมฝีปากของตัวเอง แล้วหันไปฝืนยิ้มทำหน้าระรื่นให้กับเขา
เรื่องที่ตัวเองเป็น “รักแรกพบ” ของโอวหยางลั่วนั้น เจี่ยงโยวไม่เคยรู้มาก่อน เธอเพิ่งจะรู้จักโอวหยางลั่วอย่างจริงจังก็เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เอง ตอนนั้นโรคหลงตัวเองของโอวหยางลั่วกำลังกำเริบ เขาขึ้นไปยืนโศกเศร้าอยู่บนดาดฟ้าของอาคารเรียนอยู่คนเดียว แต่แล้วก็ถูกเจี่ยงโยวที่ขึ้นไปทำความสะอาดพอดีเห็นเข้า
โอวหยางลั่วที่ไม่ได้แต่งกายด้วยชุดนักเรียนจึงถูกเจี่ยงโยวคิดว่าเป็นคนนอก เมื่อเห็นว่าเขาเดินคิดหนักอยู่บนดาดฟ้าคนเดียว จึงคิดว่าเขาจะฆ่าตัวตาย ดังนั้นเธอจึงใช้วิชาการต่อสู้ที่แข็งแกร่งของตัวเอง เข้าไปช่วยเหลือ “เด็กหนุ่มที่กำลังหลงผิด” อย่างรวดเร็ว ถ้าจะพูดให้ถูกต้องก็คือ เป็นเพราะการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเจี่ยงโยว ถึงทำให้โอวหยางลั่วเกือบจะสะดุดเท้าตัวเองตกลงอาคารไปจริงๆ
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาเป็นห่วง และคำพูดปลอบใจอย่างจริงใจของเจี่ยงโยว ทำให้เดิมทีโอวหยางลั่วที่มีใจให้เธออยู่แล้ว ยิ่งทำให้หัวใจดวงน้อยของเขา ถูกนางฟ้าตัวน้อยๆ ตรงหน้านี้ทำให้สั่นไหวยิ่งขึ้นไปอีกจนยากจะถอนตัว
เขามีความรู้สึกว่าสวรรค์จะต้องส่งเจี่ยงโยวมาช่วยเขาไว้ มันจะต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ
เมื่อยืนยันได้แล้วว่าตัวเองตกหลุมรักเข้าให้แล้ว โอวหยางลั่วที่เตรียมจะใช้ความเอาแต่ใจและเผด็จการของตัวเองไปพิชิตใจคนในดวงใจของตัวเองให้ได้นั้น เขากลับเห็นหลัวอวี่และเจี่ยงโยวจูงมือกันเดินผ่านหน้าเขาไปอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวอยู่ในเขตโรงเรียน
ที่แท้แล้วนางฟ้าในดวงใจของเขามีเจ้าของจับจองไว้แล้ว ทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ของใครบางคนแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ
โอวหยางลั่วรู้สึกว่าตัวเองกำลังอกหัก ความเจ็บปวดจากการอกหักทำให้เขาลืมแผนการที่จะจัดการกับซูหว่านไปอย่างสิ้นเชิง
แต่ว่าในวันนี้ โอวหยางลั่วที่เขาไปไล่ดูโพสต์ในเว็บบอร์ดของโรงเรียนอย่างเบื่อหน่าย กลับเห็นข่าวการเลิกราของหลัวอวี่และเจี่ยงโยว ความรู้สึกแรกของเขาไม่ใช่ความดีใจ แต่กลับเป็นความโกรธ
นางฟ้าเจี่ยงโยวของเขาออกจะน่ารักขนาดนั้น หลัวอวี่กล้าทำให้เธอเสียใจได้ยังไง?
ให้อภัยไม่ได้จริงๆ
ให้อภัยไม่ได้…
“ฮัดชิ่ว! ”
“ผู้ชายเลว” บางคนที่ให้อภัยไม่ได้ตอนนี้กำลังจามออกมาเมื่อเดินมาถึงรถของตัวเอง
รถที่หลัวอวี่ขับเป็นรถออดี้รุ่นธรรมดาทั่วไป เพราะอย่างไรนักธุรกิจและข้าราชการนั้นต่างกัน บ้านตระกูลหลัวของเขามักจะทำตัวติดดินอยู่เสมอ
“นั่งสิ”
หลังจากที่ปลดล็อกเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินอ้อมมาเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับออก พร้อมกับโยนกระเป๋าของซูหว่านเข้าไปเก็บไว้ในตัวรถ
ซูหว่านช้อนสายตาขึ้นปลายตามองไปที่หลัวอวี่แวบหนึ่ง “เมื่อก่อนตอนที่เราคบกันอยู่ ก็ไม่เคยเห็นว่านายจะขยันมาเปิดประตูรถให้ฉันแบบนี้เลยนี่”
ได้ยินคำพูดล้อเลียนของซูหว่าน หลัวอวี่ก็ปรับสีหน้าให้ตั้งตรง “ถูกของเธอ เมื่อก่อนฉันไม่ค่อยได้เห็นแก่ความรู้สึกของเธอเท่าไร ซูหว่าน ฉันติดค้างคำขอโทษต่อเธอ”
“หืม?”
ซูหว่านเลิกคิ้วมองไปที่หลัวอวี่ “นายคงไม่คิดเหมือนยายสมองพิการเจี่ยงโยวนั่น ที่คิดว่าฉันอยากจะคืนดีกับนายหรอกใช่ไหม?”
“หึ”
ได้ยินคำพูดของซูหว่าน หลัวอวี่ก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ “ซูหว่าน ฉันรู้สึกว่าวันนี้ ฉันเพิ่งจะได้รู้จักเธออย่างจริงจัง”
ที่จริงแล้ววันนี้หลัวอวี่เองก็ใจลอยมาทั้งวันแล้ว เขาย้อนคิดถึงเรื่องราวในอดีตของตัวเองกับเจี่ยงโยวตลอดทั้งวัน จนกระทั่งตอนเย็นหลังเลิกเรียน ก็เดินใจลอยไปถึงหน้าห้องเรียนของเธออย่างไม่รู้สึกตัว
เพราะอย่างนี้ ถึงทำให้หลัวอวี่ได้ยินและได้เห็นการกระทำของเจี่ยงโยวที่มีต่อซูหว่าน
ชั่วเวลานั้น ไม่รู้ว่าอะไรดลใจ ทำให้สมองของหลัวอวี่ตื่นขึ้นมาในทันใด
เขาชอบอะไรในตัวเจี่ยงโยวกันแน่นะ?
จิตใจดีบริสุทธิ์เหรอ? หรือเพราะแค่ความหลงใหลกันแน่?
ที่จริงแล้วเริ่มแรกที่หลัวอวี่เริ่มสนใจในตัวของเจี่ยงโยวขึ้นมา ไม่ใช่เพราะความสวยของเธอ และไม่ใช่เพราะความสามารถที่โดดเด่น หรือนิสัยกล้าได้กล้าเสียของเธอ แต่แค่เพราะซูหว่านในตอนนั้นชอบพูดถึงเรื่องไม่ดีของเจี่ยงโยวต่อหน้าเขา และหลัวอวี่ก็คิดว่าว่าเจี่ยงโยวเป็นคนแบบนั้นไปโดยปริยาย แต่พอเขาเริ่มเห็นว่า จริงๆ เด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่ดีกว่าและเก่งกว่าที่ซูหว่านเคยพูดถึง
เริ่มตั้งแต่ตอนนั้น หลัวอวี่เริ่มมองหาและสนใจในตัวของเจี่ยงโยวขึ้นมา มองดูเธอยิ้มให้ซูหว่านครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกครั้งที่ถูกกลั่นแกล้งก็ยังคงมีรอยยิ้มอยู่เต็มดวงหน้า
รอยยิ้มพวกนั้น ทำให้หลัวอวี่รู้สึกหวั่นไหว
แต่ว่าวันนี้ พอเห็นเจี่ยงโยวไล่บี้ถามซูหว่านแล้ว ทำให้ความรู้สึกหวั่นไหวนั้นลดลงไปในทันทีไม่น้อย
ที่จริง เจี่ยงโยวมีอะไรแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆ งั้นหรือ?
เธอก็เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาทั่วไป
หากจะบอกว่าแตกต่าง เธอก็ถือว่าสวยไม่น้อยเลย แล้วยังมีศิลปะป้องกันตัวที่ถือว่าไม่เลวเลย แต่ว่า ก็เพียงเท่านี้
หลัวอวี่คิดถึงเด็กผู้หญิงที่เขาเคยรู้จักมาตั้งแต่เล็กจนโต ผู้หญิงที่เขาเคยคบหาด้วยเหล่านั้น พวกเธอก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเจี่ยงโยวเลย
ไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบ ทุกคนบนโลกนี้ต่างก็มีลักษณะนิสัยของตัวเอง มีข้อบกพร่องของตัวเอง
ก็เหมือนกับซูหว่าน
คนที่เคยเต็มไปด้วยข้อบกพร่อง แต่ถ้าหากว่าเราลองมองลึกเข้าไปในรายละเอียดของเขาแล้ว ก็จะทำให้เราค้นพบด้านดีๆ ของเขา…
เด็กเรียนอย่างเขา เวลาที่หลัวอวี่เผชิญหรือแก้ไขปัญหา เขามักจะมีวิธีการคิดที่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
นึกถึงเมื่อก่อน ความเป็นห่วงเป็นใยของซูหว่านที่มีต่อตัวเขา หลัวอวี่รู้สึกติดค้างคำขอโทษต่อเธอ คำคำนี้ เธอสมควรจะได้รับมัน
ส่วนเรื่องคืนดีกันนั้น…
หลัวอวี่ไม่เคยคิดที่จะกลับมาคืนดีกับซูหว่าน เพราะว่าในใจของเขาตอนนี้ ยังไม่สามารถปล่อยวางเจี่ยงโยวได้อย่างที่ใจต้องการ อีกอย่างเขารู้ใจตัวเองดีว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อซูหว่านนั้น มันไม่ใช่ความรู้สึกแบบหนุ่มสาวมานานมากแล้ว วันนี้ที่เขาอาสาจะไปส่งเธอกลับบ้าน ก็เพราะคำขอโทษที่เคยติดค้างเธอไว้เท่านั้น
เมื่อเห็นว่าหลัวอวี่ไม่ได้มีใจคิดเป็นอื่น ซูหว่านก็รู้สึกโล่งอกไปที เธอไม่ใช่คนหลงตัวเอง แต่ว่าตอนนี้เจี่ยงโยวก็คอยตามราวีเธอไม่เลิกอยู่แล้ว ถ้าหากยังมีหลัวอวี่เข้ามาร่วมวงด้วยอีกคน ซูหว่านมีความรู้สึกว่าเจี่ยงโยวจะต้องตามราวีเธออย่างบ้าคลั่งเข้าไปอีกแน่ เมื่อถึงตอนนั้น ซูหว่านเกรงว่าจะอดไม่ได้ จนเผลอพลั้งมือฆ่าเธอตายไปซะก่อน