ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก – ตอนที่ 2 ตำนานแม่พระแห่งวังหลัง

ตอนที่ 2 ตำนานแม่พระแห่งวังหลัง

ในช่วงเช้ามืดของกลางฤดูใบไม้ร่วง ท้องฟ้าสลัวๆ บนทางเดินข้างกำแพงอิฐสีแดงมีน้ำค้างแข็งสีขาวปกคลุมอยู่บาง ๆ

 พี่สาว ตื่นตื่น!  

ร่างกายที่แข็งค้างถูกคนเขย่าแรง ๆ อยู่หลายครั้ง สติซูหว่านค่อย ๆ กลับมา เธอลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ มองเห็นนางกำนัลสาววัยแรกแย้มที่สวมใส่ชุดนางกำนัลสีเขียวคนหนึ่ง นี่คือนางกำนัลที่ตื่นมากวาดบริเวณทางเดินในช่วงเช้าตรู่ นางกำนัลเหล่านี้เป็นนางกำนัลที่ไม่มีลำดับขั้น ฐานะก็แค่สูงกว่าเหล่านางกำนัลในกองซักล้างและหอแรงงานอยู่นิดเดียว

นางกำนัลน้อยนางนั้นเมื่อเห็นว่าซูหว่านตื่นขึ้นมาแล้ว สายตาที่มองมาก็เปลี่ยนเป็นดูดีขึ้น  พี่สาว ฟ้าสว่างแล้ว พวกท่านเป็นคนจากหกกองงานใช่หรือไม่เจ้าคะ? พี่สาวข้าง ๆ ท่านนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นไข้ ข้าเรียกอยู่ตั้งนานแล้วก็ยังไม่ตื่นขึ้นมาเลย 

ซูหว่านลองขยับแขนขาที่แข็งค้างไปแล้วของตัวเอง ได้ยินคำพูดของนางกำนัลน้อย เธอถึงเพิ่งนึกถึงเหยียนอวี่นั่วขึ้นมาได้ ชุดคลุมตัวนอกของเหยียนอวี่นั่วยังคลุมอยู่บนร่างของตัวเอง ตอนนี้บนร่างของเธอสวมใส่อยู่เพียงแค่ชุดตัวในบางๆ ทั้งร่างหนาวจนแข็งค้างไปหมดแล้ว สีหน้ายิ่งเป็นสีแดงกว่าปกติ

แย่แล้ว

ซูหว่านรีบพยายามลุกขึ้นมา เธอนึกถึงเนื้อเรื่องที่กำลังดำเนินอยู่ตอนนี้ขึ้นมาได้แล้ว ตอนนี้เป็นตอนที่เธอและเหยียนอวี่นั่วถูกเหล่านางกำนัลอวุโสในสำหนักพระภูษาเล่นงานอยู่ เมื่อวานนี้ทั้งสองคนนำลายปักผ้ามาให้พระสนมซูเฟยคัดเลือก ปรากฎว่าลายผ้าปักเหล่านั้นถูกคนแอบตัดจนขาดไปหมด พระสนมซูเฟยรู้สึกโกรธมาก จึงลงโทษให้ทั้งสองคนคุกเข่าอยู่หน้าตำหนักจิ้งอวิ๋นทั้งคืน

เพราะว่าคุกเข่ามาทั้งคืน ตอนที่ซูหว่านลุกขึ้นยืนจึงทำให้ทั้งร่ายกายตอนนี้อ่อนแรงไปหมด และแขนขาก็แข็งค้างไม่สามารถพับงอได้ เธอลองพยายามพยุงร่างของเหยียนอวี่นั่วขึ้นมา ลองอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายจึงได้ช้อนตาขึ้นมามองไปทางนางกำนัลน้อยข้างกาย  เจ้าชื่ออะไร?  

 เรียนพี่สาว ข้าน้อยชื่อปิงเย่ว์เจ้าค่ะ 

มองดูปิงเย่ว์มีอายุประมานแค่สิบสามสิบสี่ปี เด็กคนนี้ดูท่าทางจะเป็นคนฉลาดไม่เบา

ดวงตาของซูหว่านเป็นประกาย  ปิงเย่ว์ เจ้ารู้จักท่านหมอหลวงลู่แห่งสำนักหมอหลวงหรือไม่?  

ท่านหมอหลวงลู่? ดวงตาของปิงเย่ว์หมุนวนไปมา  คนที่พี่สาวพูดถึงคือท่านหมอหลวงลู่ลู่มู่สวินใช่ไหมเจ้าคะ?  

ลู่มู่สวินเป็นคนหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาฝีมือด้านการรักษาก็สูงส่ง เพราะเขาเข้ามาทำการรักษาให้กับไท่เฮาและเหล่าสนมอยู่บ่อย ๆ จึงทำให้นางกำนัลในวังหลังส่วนใหญ่รู้จักเขาไปด้วย 

 ใช่ ก็คือท่านหมอหลวงลู่ลู่มู่สวิน ตอนนี้ข้าไม่มีแรงแล้ว ปิงเย่ว์เจ้าช่วยข้าประคองนางไปหาท่านหมอหลวงลู่ พวกเรากับท่านหมอหลวงลู่…สนิทกันมาก 

ซูหว่านเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ซูรุ่ยจะเข้ามาเริ่มทำภารกิจแล้วหรือยัง และสถานะของเขาจะเป็นลู่มู่สวินหรือตงฟางเย่ากันแน่นะ?

ตอนนี้เหยียนอวี่นั่วไข้ขึ้นขนาดนี้ ซูหว่านก็ไม่มีเวลาไปคิดอะไรมาก แค่ต้องรีบพานางไปรักษาโดยไว ถ้าหากปล่อยให้คุณนางเอกไข้ขึ้นสูงจนสมองช็อกไปแล้วละก็ แล้วเธอยังจะมีทำภารกิจอะไรให้มาทำอีกเล่า!

เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน ปิงเย่ว์ก็เริ่มเกิดความสงสัยขึ้นมา เธอที่เป็นนางกำนัลชั้นล่างสุด เธอก็ต้องยินดีที่จะเป็นมิตรกับนางกำนัลระดับสูงของสำนักพระภูษาอยู่แล้ว แต่ว่าสำนักหมอหลวงไม่ใช่ที่ที่ทุกคนจะสามารถเข้าไปได้ ถ้าเกิดว่า…

 ปิงเย่ว์ หรือว่าเจ้าอยากที่จะกวาดทางเดินอย่างนี้ต่อไปหรือ?  

เมื่อเห็นว่าปิงเย่ว์เริ่มลังเล ซูหว่านก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวด้วยเสียงเบาๆ ออกไป  ขอแค่เจ้ายอมช่วยข้าในครั้งนี้ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าต้องลำบากอย่างแน่นอน 

ได้ยินคำมั่นสัญญาของซูหว่าน ปิงเย่ว์กัดริมฝีปากเบาๆ ลังเลอยู่ชั่วครู่ สุดท้ายก็เงยหน้าขึ้นมามองหน้าซูหว่านอย่างกระทันหัน  ก็ได้เจ้าค่ะ! พี่สาว ข้าจะช่วยท่าน 

ในระหว่างที่พูดนางก็รีบวิ่งไปด้านหน้า ช่วยพยุงร่างของเหยียนอวี่นั่วที่เริ่มมีสติขึ้นมาบ้างแล้วจากด้านข้าง

ทั้งสองคนเดินไปตามทิศทางที่ตั้งอยู่ของสำนักหมอหลวง ในเวลานี้ฟ้ายังไม่สว่าง ทั้งอุทยานหลวงนอกจากคนที่กำลังเก็บกวาดทำความสะอาดทางเดินอยู่ ก็ไม่มีเงาร่างของคนอื่นๆ มาให้เห็นอีก

อันที่จริงแล้วลู่มู่สวินไม่ได้พักอยู่ที่สำนักหมอหลวงตลอดเวลา บางครั้งถ้าว่าเขาต้องเข้ามาทำการรักษากลางดึก เขาก็จะพักค้างคืนอยู่ที่สำนักหมอหลวง แต่บางครั้ง หากในวังหลังไม่มีเรื่องอะไรละก็ เขาก็จะออกจากวังกลับไปพักอยู่ที่จวนของตัวเอง

ซูหว่านก็ครุ่นคิดมาตลอดทางว่าความเป็นไปได้ที่ซูรุ่ยจะเป็นลู่มู่สวินมีมากน้อยแค่ไหน จนกระทั่งเธอและปิงเย่ว์มาถึงด้านหน้าของสำนักหมอหลวง ทั้งสองคนก็ถูกขันทีบ่าวชายขวางเอาไว้อยู่ตรงหน้าประตู

 สำนักหมอหลวงเป็นเขตหวงห้าม ไม่สามารถเข้าไปได้ตามอำเภอใจ พี่สาวทั้งสอง มีป้ายหยกจากตำหนักอื่นหรือไม่ขอรับ?   หลังจากที่ถูกขวางเอาไว้ บ่าวที่เฝ้าอยู่หน้าประตูก็สอบถามทั้งสองคนด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อม เขาเฝ้าอยู่ที่สำนักหมอหลวงมาหลายเดือนแล้ว นางกำนัลขั้นหนึ่งข้างกายพระสนมจากตำหนักอื่นและหัวหน้านางกำนัลเขาก็รู้จักจนเกือบจะหมดแล้ว แต่วันนี้คนที่ปรากฎตัวอยู่ตรงหน้านี้ไม่คุ้นหน้าคุ้นตาเลย เขาก็ต้องสอบถามเป็นธรรมดา

 พวกเรามาหาท่านหมอหลวงลู่ ท่านหมอหลวงลู่อยู่หรือไม่?  

ซูหว่านมองดูบ่าวชายหน้าประตูแวบหนึ่ง แล้วจึงถามออกไปเบาๆ

 ท่านหมอหลวงลู่ยังไม่ตื่นเลยขอรับ 

บ่าวชายพูดขณะมองดูซูหว่านไปด้วย แล้วมองดูเหยียนอวี่นั่วที่ถูกซูหว่านและปิงเย่ว์พยุงตัวไว้  พี่สาวท่านดูท่าไข้จะขึ้นสูงมาก ถ้าหากพวกท่านไม่มีป้ายหยกจากตำหนัก พวกท่านก็ไปที่ฝ่ายกรมวังเถอะ 

ฝ่ายกรมวังในวังหลวง หลัก ๆ จะดูแลเรื่องการกินอยู่ของขันทีนางกำนัล แล้วก็เรื่องการจ่ายเงินเดือนและของใช้ในชีวิตประจำวัน หากนางกำนัลและขันทีป่วยหรือได้รับบาดเจ็บ ก็สามารถไปเสียตังหาหมอรักษาที่ฝ่ายกรมวังได้

 พี่ชายท่านนี้ พวกเราเป็นคนบ้านเดียวกันกับท่านหมอหลวงลู่ 

ซูหว่านได้ยินคำพูดของบ่าวชาย ก็รีบยกข้อมือของตัวเองขึ้นมาล้วงเข้าไปหยิบถุงใส่เงินของตัวเองในแขนเสื้อ ยิ้มอ่อน ๆ แล้วยื่นส่งออกไป  ขอให้ท่านเข้าไปแจ้งแก่ท่านหมอหลวงลู่สักคำเถอะ รบกวนท่านแล้ว 

 เออ… 

บ่าวชายเห็นถุงเงินที่ซูหว่านยื่นมาให้แล้วเกิดลังเลขึ้นมา พอนึกขึ้นมาได้ว่าท่านหมอหลวงลู่เป็นคนนิสัยดีจนเป็นที่กล่าวขานกันไปทั่ว สายตาของเขามีประกายผ่านวูบหนึ่งแล้วรีบรับถุงเงินมาจากซูหว่านทันที  แท้ที่จริงแล้วพี่สาวเป็นคนบ้านเดียวกับท่านหมอหลวงลู่เองหรอกหรือ! ท่านไม่บอกตั้งแต่แรกละ ข้าน้อยจะเข้าไปเรียนแจ้งให้เดี๋ยวนี้เลย 

พูดจบ บ่าวชายคนนั้นก็รีบหมุนตัววิ่งเข้าทางประตูอย่างรวดเร็ว ผ่านไปไม่นาน เขาก็รีบวิ่งกลับมาอีกครั้ง  พี่สาวทั้งหลาย ท่านหมอหลวงลู่เพิ่งจะตื่นนอน พวกท่านเชิญเข้ามาก่อนเถอะ!  

ซูหว่านและปิงเย่ว์หันมาสบตากันหนึ่งทีแล้วจึงรีบพยุงเหยียนอวี่นั่วผ่านประตูใหญ่ของสำนักหมอหลวงเข้าไป ทั่วทั้งเรือนยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของยาลอยอบอวนอยู่เบาๆ

 อื้ม~  

ในตอนนี้ เหยียนอวี่นั่วก็เริ่มมีสติขึ้นมาบ้างแล้ว เธอทำเสียงพึมพำแล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา มองเห็นสถานที่ที่ไม่คุ้นตา เหยียนอวี่นั่วขมวดคิ้วสายตาสอดส่ายไปมา จนกระทั่งหันไปพบกับดวงหน้าของซูหว่านเข้า สายตาของเธอก็ได้สว่างวาบขึ้นมา  เสี่ยวหว่าน นี่…พวกเราอยู่ที่ไหนกัน?  

 พี่อวี่นั่ว ท่านเป็นไข้ ข้าก็เลยพาท่านมาหาหมอหลวงลู่!  

ซูหว่านเห็นว่าเหยียนอวี่นั่วตื่นขึ้นมาแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะกระซิบเบาๆ อยู่ข้างหู

ท่านหมอหลวงลู่?

คือท่านหมอที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในวังหลังขณะนี้คนนั้น…

 ไม่ ไม่ต้องแล้ว ข้าไม่เป็นอะไร วันนี้เป็นวันหยุดของข้าพอดี ข้ากลับไปนอนพักผ่อนก็หายแล้ว เสี่ยวหว่าน…มาหาหมอหลวง ต้อง…ต้องใช้เงินเยอะมากเลยนะ!  

หนึ่งปีที่เหยียนอวี่นั่วเข้าวังมานี้ ไม่เคยมาที่สำนักหมอหลวงมาก่อน แต่จะมากจะน้อยก็เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับสำนักหมอหลวงมาบ้าง สถานที่แห่งนี้เป็นที่ที่ให้เจ้านายทั้งหลายมารักษาตัว เธอเป็นแค่นางกำนัลคนหนึ่งเท่านั้น จะไปเอาปัญญาที่ไหนมาจ่ายได้?

ในขณะที่เหนียนอวี่นั่งกำลังพยายามจะหันหลังกลับ ซูหว่านและปิงเย่ว์ก็ได้ก้าวเข้ามาในห้องแล้ว และในห้องตอนนี้ก็มีเสียงทุ่มไพเราะของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นมา

 พวกท่านเป็นคนบ้านเดียวกันกับข้าหรือ?  

โทนเสียงของชายหนุ่มถามเสียงสูง แต่ว่าน้ำเสียงของเขากลับอ่อนโยนไม่ได้แสดงความเย็นชาแต่อย่างใด

ได้ยินเสียงนั้น ซูหว่านรีบเงยหน้าขึ้นมา ปรากฎว่าสายตาสบเข้าใบหน้าที่อ่อนเยาว์และหล่อเหลา

ไม่ใช่ซูรุ่ย

สีหน้าของซูหว่านมืดครึ้มลงทันที เพราะฉะนั้นก็แสดงว่า สถานะของซูรุ่ยในโลกนี้ก็คือ…ฝ่าบาทองค์ปัจจุบัน ตงฟางเย่า?

พระราชวังชั้นกลวง ตำหนักเฉียนคุน…

ซูรุ่ยลืมตาขึ้นมา สิ่งแรกที่มองเห็นคือเสาเตียงไม้จินซือหนานที่แกะสลักลวดลายมังกรและหงษ์เอาไว้

ภายในตำหนักที่ก้วางขวางและหรูหรามีกลิ่นที่คุ้นเคยของอำพันทะเลลอยอบอวนไปทั่ว ร่างกายที่อ่อนนุ่มเหมือนงูที่ไร้กระดูกพันอยู่บนตัวของเขา

เมื่อรู้สึกได้ว่าบนเตียงยังมีร่างของใครอีกคนหนึ่งอยู่ แล้วยังเป็นผู้หญิงที่ไม่มีเสื้อผ้าติดกายเลยแม้แต่ชิ้นเดียว สีหน้าของซูรุ่ยก็เปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน เหมือนว่ากำลังนึกเรื่องอะไรขึ้นมาได้ เขาก็รีบถีบผู้หญิงที่อยู่ข้างกายลงจากเตียงไปอย่างรวดเร็ว

 โอ้ย!  

ปิงเฟยที่ยังคงนอนสลืมสลืออยู่ถูกถีบตกลงไปบนพื้นอย่างจัง ทำให้ตื่นขึ้นมาในทันที

ได้ยินเสียงดังจากภายในห้อง หัวหน้าขันทีที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องมาตลอดก็รีบเร่งบุกเข้ามาในห้องอย่างเร็ว

 ฝ่าบาท?  

 ฝ่าบาท?  

หญิงสาวที่อยู่บนพื้นเส้นผมรกรุงรัง ดวงตาหรี่มองไปยังใบหน้าที่หล่อเหลาของคนที่อยู่บนเตียงมังกร และหัวหน้าขีนทีที่ยืนค้อมหลังอยู่ด้านข้าง ช้อนตาขึ้นมองเบา ๆ สายตามองไปที่ชายหนุ่มที่อยู่บนเตียงมังกรอย่างลังเล

 ออกไปเดี๋ยวนี้!  

ซูรุ่ยตะโกนออกมาหนึ่งคำอย่างเสียงดังพร้อมกับสายตาที่เย็นชา

สีหน้าของหญิงสาวที่อยู่บนพื้นขาวซี้ด ดวงตาที่ฉ่ำไปด้วยน้ำตามองไปที่เขา  ฝ่าบาท หม่อมฉัน หม่อมฉัน… 

หม่อนฉันยังไม่ได้สวมใส่อะไรเลยนะ~

ได้ยินเสียงของหญิงสาวคนนั้น สายตาของซูรุ่ยก็ดำมืดลงไปอีกส่วน  เจ้าไม่อยากออกไป? ถ้าอย่างนั้นก็…อยู่ที่นี่ไปแล้วกัน 

 ฝ่าบาท~  

ได้ยินคำพูดของซูรุ่ย ดวงตาของปิงเฟยคนนั้นเป็นประกายขึ้นมา กำลังเตรียมจะส่งยิ้มอย่างออดอ้อนให้กับฝ่าบาท ปรากฎว่าเธอมองเห็นชายหนุ่มที่อยู่บนเตียงมังกรยกแขนขึ้นดึงพระแสงที่แขวนเอาไว้อยู่ด้านซ้ายของเตียงออกมา คมดาบที่คมกริบตะหวาดไปกลางอากาศเกิดเป็นแสงเย็นเหยียบออกมา เพียงแค่ชั่วครู่คมดาบก็ทะลุร่างอรชรของเธอไป

หนึ่งคมดาบทะลุหัวใจ ไม่มีหยดเลือดแม้แต่หยดเดียว!

ดั่งคำกล่าวที่ว่าอยู่ข้างกายราชันดั่งอยู่ข้างเสือ หัวหน้าขันทีที่อยู่ด้านข้างไม่เสียแรงที่เป็นถึงผู้มีความสามารถสูงสุดในวังหลัง เรื่องฆ่ารันฟันแทงของคนข้างกายนั้น เขาไม่เพียงแต่ไม่ตื่นตระหนก แต่ยังคงมีสีหน้าที่ปกติยืนค้อมกายอยู่ได้อย่างสงบ ค่อย ๆ เดินเข้าไปด้านหน้าของสนมนางนั้น ยกมือขึ้นมาอางเบา ๆ ที่จมูก  ทูลฝ่าบาท อวี้กุ้ยเหรินได้กระทำการล่วงเกินต่อหน้าพระพักตร์ ได้รับโทษถึงชีวิตแล้ว 

ตายไปคนหนึ่งจะมีประโยนช์อะไร?

แม่ทัพซูรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง เขาสาบานต่อฟ้า เขาไม่ได้แตะต้องผู้หญิงคนนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงแม้ว่าจะนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน แต่คนที่มีอะไรกับเธอเมื่อคืนนี้คือเจ้าของร่างเดิมตงฟางเย่า ร่ายกายและใจของตัวเองนั้นยังบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่

แต่ว่า ปัญหาคือ แล้วตัวเองจะไปอธิบายให้ที่รักของตัวเองฟังยังไงดีละ? หืม?

 

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

Status: Ongoing

ซูหว่าน คือเจ้าหน้าที่ทำลายเขตแดนประจำองค์กรแห่งหนึ่งในห้วงกาลอวกาศที่สาบสูญ ในโลกที่ผู้คนทะลุมิติข้ามภพกันไม่เว้นวัน จิตล่องลอยไปเกิดใหม่ในร่างอื่นอยู่ทุกค่ำคืน ก็ได้เธอนี่แหละที่คอยสะสางดูแลความวุ่นวายและจัดการข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับเหตุการณ์เหล่านั้น

แต่แล้ววันหนึ่งก็เกิดปัญหาใหญ่เข้าจนได้ เมื่อองค์กรพบว่านางรองที่เกิดใหม่ดันไปสอยพระเอกกับนางเอกของภพนั้นร่วงจนทำให้เนื้อเรื่องเปลี่ยนแปลงไป หัวหน้าแผนกทำลายเขตแดนจึงได้มอบภารกิจให้ซูหว่านไปเก็บกวาดสถานการณ์นี้ให้เรียบร้อย โดยตัวเธอต้องเข้าไปสวมบทบาทเป็นตัวละครในโลกแห่งนั้น

กระนั้นหลังจากที่เธอจัดการทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางเหมือนเดิมแล้ว ภารกิจของเธอกลับยังไม่จบสิ้น ซูหว่านยังคงลืมตาตื่นขึ้นมาในโลกอื่นอีกหลายโลก ไม่ว่าจะเป็นโลกเกมออนไลน์ โลกซอมบี้ หรือโลกเวทมนตร์ แต่ทุกครั้งที่เธอย้ายไปโลกใหม่ บทบาทที่เธอได้รับกลับหยุดอยู่แค่ ‘แฟนเก่า’ ของตัวเอกในเรื่อง

และที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าคือทุกโลกที่เธอเดินทางไปนั้น เธอต้องได้พบเจอกับ ‘เขา’ อยู่ร่ำไป แม้ยุคสมัยและสภาพแวดล้อมของโลกจะเปลี่ยนแปลง แต่รูปร่างหน้าตาของเขาคนนั้นยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไป เขาเป็นใครกันแน่ หรือจะเป็นคนที่ได้รับภารกิจพิสดารนี้เหมือนเธอกันนะ!?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท