ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก – ตอนที่ 10 ตำนานแม่พระวังหลัง

ตอนที่ 10 ตำนานแม่พระวังหลัง

ณ ตำหนักซิ่วหนิง

หลังจากที่หว่านซินเดินกลับจากกองแรงงาน เธอก็รีบเข้าไปยังห้องบรรทมของเหลียงเฟย ยามนี้เหลียงเฟยกําลังเอาตัวดูหนังสือภาพอยู่บนตั่ง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งรีบของหว่านซิน ดวงตาของนางก็เป็นประกาย มือที่ขาวดั่งหยกผายพลิกแล้วปิดหนังสือภาพในมือลง

 นายหญิง 

หว่านซินโน้วตัวลงพิงตั่งอย่างระมัดระวัง ก้มตัวลงกระซิบข้างหูเหลียงเฟยสองสามประโยค เหลียงเฟยจึงพยักหน้า ดวงตาหงส์ทอประกายวาววับ  หว่านซิน เจ้าทําได้ดีมาก อย่าลืมไปให้ตรงเวลาในวันพรุ่งนี้ด้วยนะ 

 เพคะ 

หว่านซินพยักหน้า จากนั้นจึงกระซิบด้วยเสียงเบาๆ อย่างลังเลว่า  นายหญิงคะ ฝั่งจวนเซียงนั้น… 

 ข้าจะมอบจดหมายให้ท่านลุงไปหนึ่งฉบับ เพื่อบอกให้เขาอย่าทําอะไรโผลงผาง การกระทําของฝ่าบาทในช่วงสองวันนี้มีนัยลึกซึ้งมาก เกรงว่าเหล่าผู้อาวุโสดื้อรั้นแห่งสำนักทางใต้คงนั่งไม่ติดที่แล้ว อีกทั้ง…ข้ายังได้ยินว่าวันนี้คนในตำหนักฉือหนิงท่านนั้นโกรธมากทีเดียว ฮ่าๆ ๆ 

เหลียงเฟยหัวเราะเสียงเย็น ภายใต้การประคองของหว่านซิน เหลียงเฟยจึงค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งตัวตรง  การตายของอวี้กุ้ยเหริน ข้าไม่สามารถตัดสินใจได้จริงๆ แต่เรื่องที่ตำหนักจิ้งอวิ๋นและกองพระภูษาจะต้องมีบางอย่างเชื่อมโยงกันอย่างแน่นอน เจ้าต้องช่วยข้าสืบหาความจริงให้จนได้ 

รู้เขารู้เราจึงจะรบร้อยครั้งไม่มีวันพ่าย พระสนมเหลียงมีภูมิหลังมาจากชนชั้นสูงในจิงตู บิดาเป็นรองเสนาบดีกระทรวงพิธีการ ลุงเป็นเสนาบดีฝ่ายซ้าย นางศึกษาตำราพิชัยยุทธ เก่งกาจด้านวรรณกรรมมาตั้งแต่เล็ก ตอนที่อายุยังน้อยก็มีบุตรหลานขุนนางไม่น้อยที่มาขอหมั่นหมาย น่าเสียดายที่สุดท้ายนางก็เข้าวังมาเป็นพระชายาตามคําร้องขอของลุง

เพราะภูมิหลังต้นตระกูลที่ดี ครั้งที่เข้าวังมาใหม่ๆ นางจึงได้รับการอวยยศเป็นพพระชายา และปลูกรักหวานชื่นกับตงฟางเย่าในช่วงเวลาหนึ่ง แต่เมื่อเวลาผ่านไปตงฟางเย่าก็เริ่มเหินห่างกับตนเอง

ความจริงแล้วเหลียงเฟยเข้าใจดีว่าฮ่องเต้ไม่ได้โปรดปรานนางเลย การที่แต่งตั้งตำแหน่งพระชายาให้กับนางก็เพราะเห็นแก่ตระกูลของนางเท่านั้น แม้แต่ความโปรดปรานในตอนแรกก็ทำเพียงเพื่อให้นางตายใจอยู่ในวังหลัง

สตรีที่เฉลียวฉลาดอย่างเหลียงเฟย ตงฟางเย่าย่อมไม่ให้นางได้มีโอกาสรับความโปรดปรานในตําหนักทั้งหกหรือแม้แต่การประสูติโอรสธิดา

ทั้งชีวิตนี้หากทางตระกูลของตนไม่ล้ม นางจะไม่ต้องกังวลเรื่องอยู่ดีกินดีไปตลอดทั้งชาติจนกระทั่งแก่ตายไปในวังหลังนี้ หากโชคร้ายที่ตระกูลนางล้มลง สิ่งที่รอคอยนางก็คือวังเย็นบุโรทั่ง

ความจริงแล้วก็เพียงเช่นนี้ หากสตรีธรรมดาก็ย่อมอยู่อย่างสันติ แต่เหลียงเฟยไม่ยินยอม นางมีพรสวรรค์แต่ไร้ซึ่งที่แสดงออก นางไม่ยินยอมที่จะเป็นสนมที่ไม่มีใครสนใจในวังหลังอันกว้างใหญ่แห่งนี้ ฝ่าบาทไม่ต้องการเรียกหางั้นหรือ? ไม่เป็นไร นางสามารถบ่มเพาะขุมกําลังของตนเอง นางต้องเลี้ยงนางสนมผู้เป็นที่โปรดปรานออกมาด้วยตนเอง แล้วทำให้วังหลังนี้วุ่นวายในที่สุด…

ค่ำคืนมืดสลัว คนส่วนใหญ่ในหอแรงงานต่างกันแถวเพื่อรออาบน้ำหลังจากทำงานเหน็ดเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว จากนั้นก็พวกเขาก็แทบรอไม่ไหวที่จะได้กลับไปพักผ่อนที่ห้อง

เวลานี้ซูหว่านไม่ได้กลับไปที่ห้อง แต่กลับนั่งเพียงลำพังที่อยู่ในลานหลังเรือนอย่างเหม่อลอย ไม่นานเงาร่างที่คุ้นเคยก็ลอยออกมา

เมื่อเห็นชุดขันทีรับใช้สีเทาบนร่างของซูรุ่ย ซูหว่านก็เบิกตากว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม  ฝ่าบาท ท่านกําลังเล่นอะไรอยู่หรือเพคะ? คอสเพลย์อย่างงั้นหรือ? 

 อะแฮ่ม 

ซูรุ่ยกระแอมไอสองครั้งแล้วพูดอย่างจริงจังว่า  วันนี้ยังมีงานอะไรอีก? ที่รักคุณสั่งมาได้เลย 

ซูหว่าน  … 

อย่าบอกนะว่าแม่ทัพซูคิดว่าตัวเองเป็นพ่อพิมพ์แรงงานที่แสนโดดเด่นของประเทศจริงๆ !

 แล้วคืนนี้เหรอ ปรนนิบัติฉันตอนที่อาบน้ำนี่นับหรือเปล่า?  

ซูหว่านดึงเสื้อผ้าของตนเองด้วยความรังเกียจ  อยู่ที่นี่มาสองวัน ทั้งร่างสกปรกจะตายอยู่แล้ว ในเมื่อฝ่าบาทรักงานใช้แรงงานมากขนาดนี้ นายก็ช่วยฉันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกัน หากทําได้ดีแล้วละก็ จะมีรางวัลให้นะ! 

รางวัลอะไรกัน

ใบหน้าของซูรุ่ยถมึงทึง  คงไม่ใช่ซุปบํารุงอีกแล้วนะ? 

ได้เห็นท่าทางเกรงกลัวของแม่ทัพ ซูหว่านก็รู้สึกอารณ์ดีเป็นพิเศษ  แน่นอนว่า…ไม่ใช่ 

 ถ้าอย่างนั้นก็ดี! 

เมื่อได้ยินว่าในที่สุดคุณภรรยาก็เลิกวางกับดักแล้ว แม่ทัพซูก็อุ้มที่รักของตนกลับเข้าห้องอาบน้ำใหญ่ในตำหนักกลางเพื่อชำระร่างกายอย่างมีความสุข หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว ซูหว่านก็ดึงวังอี้เข้าไปในห้องครัวเพื่อทำอาหาร เมื่อรอจนเธอกลับมา ในมือของเธอถือมีน้ำซุปมาชามหนึ่ง

ซูรุ่ย  ไหนว่าไม่ใช่ซุปบำรุงแล้วไง?  

เมื่อเห็นซูรุ่ยหน้าเปลี่ยนสี ซูหว่านก็ยิ้มตาหยีพลางยกชามน้ำซุปขึ้นบนโต๊ะ  แล้วนายจะดื่มหรือว่าไม่ดม?  

 กิน 

ซูรุ่ยพยักหน้าอย่างแรง แต่ทันทีที่น้ำซุปเข้าปาก กลิ่นอันหอมหวานก็ทําให้คิ้วที่ขมวดเข้าหากันของเขาคลี่คลายลง  ที่รัก นี่คือ……. 

 ช่วยขจัดความหงุดหงิดไง 

ซูหว่านยิ้มพลางยักไหล่ จากนั้นเธอก็เดินไปที่โต๊ะในเรือนอุ่นอย่างสบายๆ มองดูหนังสือฎีกาที่กองอยู่บนโต๊ะ เธอจึงพลิกดูตามอําเภอใจ พอเห็นว่าเป็นหนังสือฏีกาของฝ่ายตรวจการ ซูหว่านก็อดไม่ได้ที่จะเบ้ปาก  เป็นฮ่องเต้นี่เหนื่อยจริงๆ เลย! 

ภายนอกต้องจัดการกับเรื่องต่างๆ ของราชวงศ์เพื่อความสมดุลของกองกําลังของฝ่ายต่างๆ ในราชสํานัก ภายในยังต้องระวังความขัดแย้งของเหล่าข้าราชบริพานอีก

สําหรับภายใน ผู้หญิงทั้งวังหลังล้วนแต่แก่งแย่งแย่งดีกันทั้งวัน ไหนเลยยังมีไทเฮาผู้ใจโลภคอยจับตาดูอยู่ข้าง ๆ อนิจา ตงฟางเย่าเป็นฮ่องเต้นี่ช่างลําบากจริง ๆ

เมื่อได้ยินคําอุทานของซูหว่าน ซูรุ่ยที่อยู่ข้างๆ ก็ไม่ปฏิเสธ เขาเคยเป็นเจ้าเมืองที่ต้องแย่งชิงอำนาจ และเคยเป็นแม่ทัพที่นํากองกำลังทหารขึ้นก่อกบฏ นี่เป็นครั้งแรกที่เป็นฮ่องเต้ แม่ทัพซูไม่ชอบตําแหน่งนี้จากใจจริง ทว่าคนนับไม่ถ้วนล้วนพยายามที่จะนั่งบนบัลลังก์มังกรนี้ให้ได้มาตั้งแต่อดีตกาล

จะว่าไป คาดว่าอีกไม่กี่วันตงฟางหลีก็คงจะเข้าวังอีก ส่วนรุ่ยอ๋องผู้ที่จับจ้องบัลลังก์นี้มาตลอดก็เฝ้ารอที่จะได้จับผิดตงฟางเย่าอยู่เสมอ ตอนนี้การนองเลือดในวังหลังที่ตงฟางเหยาก่อได้กระตุ้นให้ฝ่ายใต้และไทเฮาไม่พอใจแล้ว หากตงฟางหลีไม่ฉวยโอกาสทําอะไรสักอย่าง ก็คงเสียดายกับบทบอสตัวร้ายของเขาที่ถูกตั้งค่าไว้มากเกินไป

ในใจคิดถึงเรื่องของตงฟางหลี แววตาของซูรุ่ยสับสนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ควรจะสังหารเจ้าภัยพิบัตินั้นไปเพื่อตัดปัญหาดี หรือจะเก็บเขาไว้เพื่อใช้การอย่างอื่นดี?

 นายท่าน 

ทันใดนั้นเสียงของวังอี้ก็ดังมาจากที่ไกล ๆ เขารีบเดินเข้ามาจากนอกตําหนัก บนร่างยังมีไอเย็นยะเยือกของยามค่ำคืน  นายท่าน ไทเฮาเสด็จพะยพค่ะ!  

หืม?

ซูรุ่ยเงยหน้าขึ้นอย่างเย็นชา ไทเฮาผู้นี้ช่างใจร้อนเสียจริง แค่นี้ก็ทนไม่ไหวแล้วเหรอ

ต้องบุกเข้าไปมาในตำหนกกลางกลางดึกแบบนี้เลย?

 นายท่าน แต่ว่า แม่นางซูนาง… 

เมื่อเห็นว่าซูรุ่ยไม่พูดอะไร แววตาของวังอี้ก็เหลือบมองไปทางซูหว่าน

 ข้าจะไปเข้านอน 

ซูหว่านยักไหล่ วางหนังสือฎีกาในมือลง แล้วเดินตรงไปยังห้องบรรทมด้านในของตําหนัก ปลอดม่านสีเหลืองอร่ามลง ทั้งตัวของเธอซ่อนหายไปบนตั่งมังกร

 ไทเฮามาเสด็จ! 

ตอนนั้นเองเสียงรายงานก็ดังขึ้นพอดี จากนั้นไทเฮาแห่งราชสํานักก็พานางกำนัล 10 คน ขันทีรับใช้ 10 คนเข้ามาอย่างเอิกเกริก

 ถวายบังคมไทเฮา 

วังอี้คุกเข่าลงและกล่าวฉิ่งอาน[1] น้อมทักทายเสียงดัง ไทเฮามองซูรุ่ยที่ยังคงนั่งดื่มน้ำซุปอย่างช้า ๆ อยู่ข้างโต๊ะมุมปากของเธอโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นเยียบ  เย่าเอ๋อร์ เจ้าไม่เห็นแม่หรือ?  

 เหอะ 

เมื่อได้ยินคํากล่าวของไทเฮา ซูรุ่ยก็เงยหน้าขึ้นอย่างเกียจคร้าน  เรามิได้ตาบอด ย่อมเห็นไทเฮาอยู่แล้ว 

 เจ้า… เย่าเอ๋อร์ สองวันมานี้เจ้าชักจะทำทำเกินไปแล้ว วังหลังนี้เป็นสถานที่ที่ข้าเป็นผู้ควบคุม เจ้าสังหารอวี้กุ้ยเหรินก็แล้วไปตามอำเภอใจแล้ว เมื่อวานก็ยังสังหารซูเฟยเจ้าไปอีก อีกทั้งในกองพระภูษา เจ้ายังสังหารคนไปถึงสี่คนโดยไม่พูดอะไรสักคำ เจ้ารู้หรือไม่ว่าการกระทำที่โหดเหี้ยมของเจ้าได้กระจายไปทั้งราชสํานักแล้ว ขุนนางอาวุโสหลายท่านล้วนไม่พอใจเป้นอย่างมากและส่งหนังสือคำร้องมายังตำหนักของข้าแล้ว! 

ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น แววตาของไทเฮาคมกริบ น้ำเสียงแข็งกร้าวราวกดข่ม

 เราเป็นผู้สังหารคนพวกนั้น ใต้หล้านี้ล้วนเป็นของเรา เราคิดอยากจะฆ่าใครก็ฆ่าได้ หากพวกเขาไม่พอใจมากสามารถบอกเราด้วยตนเองได้ แล้วเราจะฆ่าจนกว่าพวกเขาทั้งหมดจะหุบปากเอง 

ซดน้ำซุปแห่งความรักของภรรยาจนหมดแล้ว ซูรุ่ยจึงล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองอร่ามออกมาเช็ดปากอย่างสง่างามพลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วมองไปpy’ไทเฮาผู้แต่งองค์อย่างสง่างามตรงหน้า  หากไทเฮามีเวลาว่างมาก ท่านก็ปลูกดอกไม้ให้อาหารปลาเสีย หากท่านรู้สึกเหงา เราก็ไม่ถือสา หากท่านจะเลือกเสด็จลุงคนใหม่มาแล้วสมรสใหม่ไปเสีย ส่วนเรื่องในราชสํานักและในวังหลังก็ล้วนให้เป็นกิจของเรา ไทเฮาท่านจะได้ไม่ต้องกังวลอีกแล้ว!  

 สามหาวนัก! 

เมื่อได้ยินคําพูดของซูรุ่ย ใบหน้าที่สง่างามของไทเฮาก็โกรธจนเปลี่ยนไป  เย่าเอ๋อร์ นับวันเจ้ายิ่งไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง! ก่อนที่เสด็จพ่อเจ้าจะสวรรคต เขาฝากฝังเจ้าไว้กับข้า ข้าจะไม่ยอมให้ราชวงศ์แห่งตระกูลตงฟางของเราเสื่อมเสียในมือของเจ้า! 

คําพูดที่ชอบธรรมเช่นนี้ก็ฟังดูมีเหตุผล แต่…

 ตระกูลตงฟางหรือ? ที่แท้ไทเฮาก็รู้อยู่แล้วว่าใต้หล้านี้เป็นของตระกูลตงฟางสินะ? 

ซูรุ่ยค่อยๆ ลุกขึ้นยืน มองเหยียดลงไปที่ดวงตาของไทเฮาด้วยสีหน้าเย็นเยือก  เราได้ยินมาว่า ช่วงนี้ตระกูลหยวนยกตนเป็นใหญ่ในตงจิงมาก ประยูรญาติฝั่งท่านเข้ามาวุ่นวายกิจการบ้านเมือง ไทเฮาอย่าบอกนะว่าท่านเองก็จะแย่งชิงบัลลังก์เช่นกัน?  

 นี่มัน…เป็นการใส่ร้าย ล้วนแต่เป็นข่าวลือทั้งนั้น! 

เมื่อรู้สึกถึงไอเย็นเยือกที่แผ่ออกมาจากร่างของซูรุ่ย ไทเฮาก็อดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปสองก้าว น้ำเสียงก็อ่อนแรงลง  ข้า ข้าเพียงอุทิศตนเพื่อฮ่องเต้องค์ก่อน ทุทิศตนเพื่อช่วยฝ่าบาท เย่าเอ๋อร์เจ้ายังไม่เข้าใจหรือ?  

 ใช่ ไทเฮาท่านและเสด็จพ่อมีรักลึกซึ้งต่อกัน ข้าเห็นว่าระยะนี้ท่านคำนึงถึงเสด็จพ่อมาตลอด จนพาลอับเฉาไปหมดแล้ว 

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ซูรุ่ยก็เหยียดริมฝีปากขึ้นยิ้ม  วังอี้ นำราชโองการของเราลงไป ไทเฮาตรอมพระทัยด้วยเพราะคิดถึงฮ่องเต้พระองค์ก่อนจนไม่สบายพระวรกาย นับจากนี้ไป ให้ตําหนักฉือหนิงปิดประตูไม่รับแขก หากใครกล้ารบกวนไทเฮาในช่วงพักฟื้น ไม่ว่าจะเป็นใคร ต้องโทษตายสถานเดียว!  

 เจ้า… ตงฟางเย่า เจ้าจะกักบริเวณข้าหรือ?  

เมื่อได้ยินคําสั่งของซูรุ่ย ไทเฮาก็ตื่นตระหนกขึ้นมาทันใด ตอนนี้นางไม่มีกะจิตกะใจทำตัวตามพิธีอีกแล้ว จึงคำรามนามต้องห้ามของตงฟางเย่าออกมาโดยตรง  ตงฟางเย่า บังอาจนักนะ ข้า ข้า… 

 เด็กๆ ตอนนี้ไทเฮาฃอารมณ์รุนแรงเกินไปแล้ว ร่างกายน่าเป็นห่วงนัก ยังไม่รีบพานางกลับไปพักผ่อนอีกหรือ? หากนายหญิงของพวกเจ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา พวกเจ้าก็อย่าได้คิดที่จะมีชีวิตอยู่เลย!  

เสียงของซูรุ่ยขัดจังหวะคําพูดของไทเฮาอย่างดุดัน เหล่าขันทีและนางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ต่างก็ได้ยินข่าวเรื่องความกระหายเลือดและโหดเหี้ยมของฝ่าบาทในช่วงสองวันที่ผ่านมานี้ เพื่อรักษาชีวิตน้อยๆ ของตนไว้ ตอนนี้พวกเขาจึงทําได้เพียงประคองไทเฮาออกไปอย่างเชื่อฟัง…

——

[1] ฉิ่งอาน เป็นธรรมเนียมการน้อมทักทายแบบชาวแมนจู เป็นการทักทายแบบกึ่งพิธีการ เพื่อแสดงถึงความนอบน้อมต่อผู้อาวุโส บ่าวในเรือนเมื่อพบนายก็ต้องทำหารฉิ่นอาน ท่าที่ใช้ในการทักทายของชายหญิงจะแต่งต่างกันไป

 

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

Status: Ongoing

ซูหว่าน คือเจ้าหน้าที่ทำลายเขตแดนประจำองค์กรแห่งหนึ่งในห้วงกาลอวกาศที่สาบสูญ ในโลกที่ผู้คนทะลุมิติข้ามภพกันไม่เว้นวัน จิตล่องลอยไปเกิดใหม่ในร่างอื่นอยู่ทุกค่ำคืน ก็ได้เธอนี่แหละที่คอยสะสางดูแลความวุ่นวายและจัดการข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับเหตุการณ์เหล่านั้น

แต่แล้ววันหนึ่งก็เกิดปัญหาใหญ่เข้าจนได้ เมื่อองค์กรพบว่านางรองที่เกิดใหม่ดันไปสอยพระเอกกับนางเอกของภพนั้นร่วงจนทำให้เนื้อเรื่องเปลี่ยนแปลงไป หัวหน้าแผนกทำลายเขตแดนจึงได้มอบภารกิจให้ซูหว่านไปเก็บกวาดสถานการณ์นี้ให้เรียบร้อย โดยตัวเธอต้องเข้าไปสวมบทบาทเป็นตัวละครในโลกแห่งนั้น

กระนั้นหลังจากที่เธอจัดการทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางเหมือนเดิมแล้ว ภารกิจของเธอกลับยังไม่จบสิ้น ซูหว่านยังคงลืมตาตื่นขึ้นมาในโลกอื่นอีกหลายโลก ไม่ว่าจะเป็นโลกเกมออนไลน์ โลกซอมบี้ หรือโลกเวทมนตร์ แต่ทุกครั้งที่เธอย้ายไปโลกใหม่ บทบาทที่เธอได้รับกลับหยุดอยู่แค่ ‘แฟนเก่า’ ของตัวเอกในเรื่อง

และที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าคือทุกโลกที่เธอเดินทางไปนั้น เธอต้องได้พบเจอกับ ‘เขา’ อยู่ร่ำไป แม้ยุคสมัยและสภาพแวดล้อมของโลกจะเปลี่ยนแปลง แต่รูปร่างหน้าตาของเขาคนนั้นยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไป เขาเป็นใครกันแน่ หรือจะเป็นคนที่ได้รับภารกิจพิสดารนี้เหมือนเธอกันนะ!?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท