บทที่ 49 รวยขนาดนี้เลยเหรอ(หมายถึงมีเงิน)
จู่ๆเซี่ยจิ้งก็พูดขึ้น : “ฉันคิดว่าเชฟสามคนนี้ธรรมดาทั้งนั้น ไม่งั้นนายก็จ้างฉันสิ?”
เฉินห้าวตกใจ จึงถามเธอ : “ผมจะเปิดร้านอาหารนะ คุณต้มเป็นแค่มาม่า หรือว่าผมต้องเปลี่ยนอาชีพเป็นเปิดร้านบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเน็ตไอดอลเล็กๆงั้นเหรอ”
“งั้นก็ไม่ต้องเลย ร้านบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเล็กแบบนั้นก็คือร้านค้าหลอกเงิน แต่ฉัน เป็นเชฟยอดฝีมือตัวจริงนะ! เดี๋ยวคืนนี้ ฉันจะ เอาผลงานของฉันมาให้นะ รับรองว่าพวกคุณต้องตกตะลึง!”
ดูเหมือนว่าเซี่ยจิ้งจะจริงจังมาก ตอนที่ลุกเดินออกจากร้านอาหาร ไม่รู้ว่าเธอไปทำอะไรมา
“ผู้หญิงคนนี้ เหมือนว่าค่อนข้างจะ……”เฉารุ่ยเอ่ยขึ้นแล้วก็หยุดไป
เฉินห้าวแสยะยิ้ม : “ปล่อยให้เธอวุ่นวายไปเถอะ เราลองรับสมัครดูอีกสองสามวัน ถึงยังไงตอนนี้ร้านอาหารฝรั่งยังเปิดบริการอยู่ตามปกติ แล้วก็ไม่ได้รีบร้อนเปลี่ยนรูปแบบ รอให้เชฟผู้เข้าสัมภาษณ์เยอะขึ้น เลือกคน ที่เจ๋งที่สุด หรือไม่ก็จ้างหลายๆคนเลย”
เฉารุ่ยพยักหน้า นี่คือวิธีที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว
ใกล้จะถึงเวลาค่ำ เฉินห้าวกับฉิงจื๋อเทา เฉารุ่ยรับประทานอาหารค่ำกัน นี่เป็นอาหารที่สั่งมาจากข้างนอก ดูไปแล้วอาหารกล่องที่ค่อนข้างมีความปราณีต
ในตอนนี้เองเซี่ยจิ้งก็ได้โทรหาเฉินห้าว ถามเขาว่าอยู่ที่ร้านอาหารหรือเปล่า เธอได้นำอาหารรสเลิศของเธอมาแล้ว
“งั้นเธอมาที่คอนโดเฟ่ยชุ่ยห้อง101 มากินข้าวด้วยกันพอดีเลย” เฉินห้าวไม่ได้ใส่ใจ เกรงว่าคืนนี้จะได้เพิ่มเมนูบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปต้มเป็นอาหารหลักซะแล้ว
พักหนึ่ง เซี่ยจิ้งพากล่องข้าวเก็บอุณหภูมิมาด้วย หลังจากที่เข้าห้องมา เธอแปลกใจเล็กน้อย ว่าทำไมตึกนี้มีแค่ชั้นของพวกเขาที่ไฟส่องสว่างอยู่ชั้นเดียว ชั้นอื่นมืดตึ๊ดตื๋อกันหมด ดูๆแล้วค่อนข้างน่ากลัวไปหน่อย
“ห้องเยอะเกินไปน่ะ ขึ้นไปชั้นบนยังต้องใช้ลิฟต์ ยุ่งยากเกินไป พวกเราเลยอยู่ที่สองชั้นล่างซ ะเลย” เฉินห้าวพูด ไปลอยๆ
“เดี๋ยวก่อน”เซี่ยจิ้งจับใจความสำคัญของเรื่องราวอย่างกระตือรือร้น “นายหมายความว่า ชั้นบนคุณก็ซื้อไว้แล้วเหรอ? ซื้อไปกี่หลังเนี่ย?”
“ทั้งหมดห้าหลังก็เป็นของเจ้านายฉัน” เฉารุ่ยพูดอย่างภาคภูมิใจ
“ถ่อมตัวถ่อมตัว” เฉินห้าวโบกฝ่ามือลงต่ำ แต่ทว่า เขาจะถ่อมตัวแค่ไหน ก็บดบังกลิ่นอายของความร่ำรวย ไม่ได้เลย
ทันใดนั้นเซี่ยจิ้งก็ตาโตเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง จ้องมองเฉินห้าวโดยไม่ละสายตา
“คุณเป็นอะไรไป” “ไม่รู้จักแล้วเหรอ” เฉินห้าวถาม
“นี่นายซื้อทั้งตึกนี่เลยงั้นเหรอ? รวยขนาดนี้เลยเหรอ?” เซี่ยจิ้งตกตะลึงไม่สิ้นไม่สุด
“โอเคมั้ยเนี่ย กินมาหรือยัง? สั่งด้วยกัน”
เฉินห้าวได้เลื่อนเก้าอี้ให้หล่อนตัวหนึ่ง ไม่ได้มองเธอเป็นเชฟที่มาสมัครงานเลยด้วยซ้ำ รูปร่างหน้าตาอย่างเซี่ยจิ้งเช่นนี้ ไปไลฟ์สดเป็นเน็ตไอดอลยังจะดีกว่า มาเป็นเชฟมันจะดูสวนทางไปหน่อย
“พวกคุณลองชิมขาหมูพะโล้ของฉันก่อนสิ!”
เซี่ยจิ้งเปิดกล่องเก็บอุณหภูมิอย่างระมัดระวังเหมือนของล้ำค่า ทันใดนั้นความหอมของเนื้อที่ทำให้คนเคลิ้มลอยมาอย่างช้าๆ ความอยากอาหารของทุกคนก็มาเยือน อีกอย่างขาหมูพะโล้นี่แดงระเรื่อชวนหลงใหล สามคนที่กำลังกินข้าวกันก็ตักกันคนละขาพร้อมกันแบบไม่ได้นัดหมาย
“อืม อร่อย!”
ฉิงจื๋อเทาเมื่อได้กินเข้าไปแล้วก็ชมไม่ขาดคำ ตุ๋นได้ที่เลยทีเดียวนะเนี่ย เนื้อเอ็นก็หนึบหนับ เนื้อก็สดอร่อย ไม่หวานไม่เลี่ยน ทุกคนก็กินขาหมูกันบ่อยๆ แต่ว่าไม่เคยได้ลิ้มรสขาหมูที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย
ฉิงจื๋อเทากินขาต่อไป ยกอีกขาขึ้นมากัดอย่างอดใจไม่ไหว ราวกับว่าขาหมูนี่มีเสน่ห์อะไรสักอย่าง ไม่เติมให้เต็มกระเพาะก็จะไม่หยุดเด็ดขาด
แม้แต่เฉารุ่ยที่ไม่ชอบกินเนื้อก็ยังอดใจไม่ไหวต่อความยั่วน้ำลายของขาหมู กัดไปหนึ่งขา เนื้อนี่มีแต่ความหอมไม่เลี่ยน เป็นพะโล้ที่เหนือชั้นจริงๆ
เฉินห้าวก็มาชิมด้วย ก็รู้สึกว่ามันอร่อยเหลือเกินด้วย อยากจะกลืนมันลงไปทั้งหมดแค่ชั่วพริบตา ความหอมของเนื้อนี่ น้ำซุปนี่ ยอดเยี่ยมเหลือเกิน
หากต้องให้คะแนนขาหมูพะโล้นี่ละก็ ต้อง10เต็ม10แน่ๆ นอกเสียจากคนที่งดเว้นแล้ว ก็คงไม่มีใครที่จะปฏิเสธอาหารรสเลิศนี้อย่างแน่นอน
“นี่คุณทำเองจริงเหรอ”
เฉินห้าวถามด้วยความตกใจ ไม่อาจเอาขาหมูตุ๋นพะโล้ที่หอมกรุ่นนี่กับเซี่ยจิ้งที่สวยเซ็กซี่มาเชื่อมเข้าด้วยกันเลย
“แน่อยู่แล้ว ฉันทำมาทั้งบ่ายเลยนะ ฉันยังถ่ายวิดีโอตอนทำอาหารไว้ด้วยนะ พวกคุณมาดูสิ”
เซี่ยจิ้งเปิดวิดีโอในมือถือ ในวิดีโอนั้นเซี่ยจิ้งกำลังจัดเตรียมการตุ๋นอยู่ภายในห้องครัวแห่งหนึ่ง วิดีโอพิสูจน์ว่าขาหมูพะโล้นี่เป็นฝีมือของเซี่ยจิ้ง แต่ดูเหมือนว่าเธอก็ไม่ได้ชำนาญการทำเท่าไหร่ ทำสำเร็จได้เพราะจากวิดีโอการสอนของผู้สูงอายุท่านหนึ่งเท่านั้น
“ไม่ใช่ว่าคุณทำขาหมูพะโล้ครั้งแรกก็อร่อยขนาดนี้หรอกนะ?” เฉินห้าวถามด้วยความตกใจ
“ใช่สิ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันทำอาหาร ฉันให้คุณปู่สอนวิธีทำให้น่ะ แล้วบวกกับเคล็ดลับน้ำพะโล้ของตระกูลเซี่ยจิ้ง จึงทำออกมาได้รสชาติที่ยอดเยี่ยม!” เซี่ยจิ้งพูดอย่างภูมิใจ
“เธอนี่มันช่างอัจฉริยะจริงๆ!”
เฉินห้าจู่ๆก็นึกถึงคำของหลี่หยุนหลง มันดูเหมาะกับเซี่ยจิ้งเลย
เซี่ยจิ้งยิ้มออกมาอย่างภูมิใจ ศีรษะแหงนขึ้น อย่างกับเจ้าหญิงที่หยิ่งผยอง
“ในเมื่อคุณยอมรับความสามารถที่แท้จริงของฉัน งั้นเราก็คุยเรื่องเงินเดือนกันได้เลย ฉันต้องการเงินเดือนหนึ่งล้านต่อปี รถสกู๊ตเตอร์ราคาไม่ต่ำกว่า 5 แสน นอกจากนั้น ให้ห้องที่คอนโดฉันเป็นหอพัก 1 ชั้น” เซี่ยจิ้งพูดอย่างโอ่อ่าเหมือนสิงโต
ในฐานะผู้ช่วยของเฉินห้าว เฉารุ่ยปฏิเสธไปก่อน : “อย่างนี้ก็ได้เหรอ? ไม่เคยมีเชฟคนไหนที่ได้เงินเดือนรายปีหนึ่งล้านด้วยอาหารแค่เมนูเดียวมาก่อนนะ”
“แล้วใครว่าฉันทำเป็นแค่เมนูเดียวล่ะ? ฉันทำมาอีกสองเมนูนะ เชิญพวกคุณชิมกันเลย”
และตอนนี้เซี่ยจิ้งก็เปิดกล่องข้าวอีกสองชั้นล่างออกมา เผยอาหารที่อยู่ภายในออกมา แบ่งออกเป็นตีนเป็ดพะโล้ และปีกไก่พะโล้น่าจะตุ๋นจากในหม้อเดียวกัน กลิ่นดมแล้วก็คล้ายคลึงกัน รสชาติดีเหมือนกัน
“นี่ นี่นับว่าเป็นสามเมนูที่ไหนกัน ไม่ใช่ว่าคุณทำเป็นแต่เมนูพะโล้หรอกนะ?” เฉารุ่ยถามด้วยความเอะใจ
เซี่ยจิ้งตอบด้วยความแน่วแน่ “ใช่ค่ะ เพราะการตุ๋นไม่ต้องมีวิธีการและประสบการณ์มากมาย ฉันอิงตามสูตรที่คุณปู่สอนมา แล้วจากนั้นใช้หม้อแรงดันสูงหรือใช้ไฟอ่อนๆตุ๋นเอาอย่างช้าๆ ก็จะสามารถทำออกมาได้แล้ว ต้องรู้ไว้ด้วยว่า นี่เป็นถึงสูตรตำรับชาววังสมัยก่อนล้วนเป็นเมนูที่ชื่นชอบของเหล่าฮ่องเต้ ไทเฮาองค์หญิงที่ผ่านมาทั้งนั้นนะ”
เธอพูดจาตรงไปตรงมาอย่างจริงใจ สำหรับเชฟมือใหม่แล้ว ก็มีเพียงแค่เมนูพะโล้ที่ไม่ต้องใช้ฝีมือในการทำอาหารและเสร็จในเวลาอันรวดเร็ว
เฉารุ่ยมือกุมหน้าผาก เธอเหน็บแนมจนหมดแรงแล้ว