แต่ว่าปัญหาก็ยังต้องแก้ โครงการถนนเมี่ยวเจียที่ใหญ่ขนาดนี้ ห้ามจบเพราะคนเลวคนหนึ่ง เฉินห้าวคิดไปมา ก็ตัดสินใจจะปะทะกับก่วนอวิ๋นชาง บัตรมากมายของเขาก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถทำลายเขาได้
เฉินห้าวพูดว่า “ตอนนี้ทำการเตรียมพร้อมสองอย่าง หนึ่ง ให้ทีมวิศวะทำการรื้อถอนส่วนตรงกลางของถนนเมี่ยวเจียก่อน เราก็ทำการพัฒนาส่วนหนึ่งก่อน ห้ามถอดใจ นอกจากนี้ ฉันไปคิดหาวิธี เธอรอข่าวจากฉันที่นี่ ยังไม่ถึงสุดท้าย เราอาจจะไม่แพ้ก็ได้”
“อื้อ” โจวซีถงยิ้ม มีเฉินห้าวอยู่ เธอก็ไม่กังวลแล้ว มีคนช่วยแบ่งเบาความยากลำบากกับเธอ
เฉินห้าวออกจากบริษัทโจวซื่อ กะว่าจะออกไปหาวิธี ถ้าไม่ได้จริงๆก็ทำได้แค่ใช้วิธีสำรอง แล้วก็ใช้บัตรเพื่อจัดการก่วนอวิ๋นชาง ให้เขาเองก็อยู่ไม่สุขเช่นกัน
ในตอนที่เฉินห้าวเตรียมจะขับรถออกไป ก็ได้รับสายที่ไม่คาดคิด คนที่โทรมาคือนักข่าวใหญ่จูหมิ่น
“ประธานเฉินคะ ขอเวลาหน่อยได้มั้ยคะ ฉันมีเรื่องหาคุณ”
ตนนี้เฉินห้าวไม่มีอารมณ์เกี่ยวกับทำการสัมภาษณ์ จึงได้ปฏิเสธ “ขอโทษด้วย ช่วงบ่ายฉันยุ่งมาก วันอื่นได้มั้ย?”
จูหมิ่นพูดอย่างรู้ล่วงหน้าว่า “ปวดหัวกับเรื่องเอกสารสำคัญในเมืองที่ออกใหม่นั่นหรอคะ?”
“หืม? เธอรู้ได้ยังไง?” เฉินห้าวประหลาดใจ
“คุณลืมแล้วหรอว่าฉันเป็นนักข่าว สังคมนี้ ยังมีใครที่ได้รับข่าวเร็วกว่านักข่าวอีกคะ?” จูหมิ่นหัวเราะเบาๆ
เฉินห้าวถึงเพิ่งนึกได้ แต่เพราะกังวลเรื่องถนนเมี่ยวเจียมากไป จึงได้ละเลยเรื่องไม่สำคัญพวกนี้
“ไม่ปิดบังเธอ ใช่จริงๆนั่นแหละ ฉันปวดหัวกับเรื่องนี้อยู่ เพราะงั้นเธอเข้าใจฉันใช่มั้ย วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์จริงๆ” เฉินห้าวพูด
“งั้น….ถ้าฉันสามารถหาคนทำให้เอกสารนี้ไม่ถูกดำเนินการ คุณก็จะมีอารมณ์คุยธุระกับฉันแล้วใช่มั้ยคะ?” อยู่ๆจูหมิ่นก็ถามอย่างลึกลับ
“จริงหรอ? เธอมีความในการแทรกแซงเอกสารนี้จริงๆหรอ?”
เฉินห้าวมีความสนใจในทันที นึกคิดดีๆ นักข่าวนั้นเป็นถึงผู้มีอำนาจที่ไม่มีตัวตน ไม่แน่ถ้าใช้อำนาจสื่อความคิดเห็นประชาชน จะสามารถแทรกแซงการดำเนินการนโยบายที่ไม่น่าเชื่อถือนี้ได้
“จริงแน่นอนค่ะ แต่ไม่รับประกัน 100% ว่าจะทำได้” จูหมิ่นพูดอย่างจริงใจ
“มีมั่นใจมากแค่ไหน?” เฉินห้าวเป็นห่วงมาก เขาคิดว่าถ้าหากมีความเป็นไปได้สัก 20-30% ก็สามารถพยายามลองดูได้
“ประมาณ 80-90% มั้ง ยังไงซะปัญหาก็ไม่มีอะไรแน่นอน” จูหมิ่นพูด
เฉินห้าวได้ยินก็พูดไม่ออกแล้ว จูหมิ่นมีความสามารถอะไรกันแน่ ถึงได้มี 80-90% ในการปรับเปลี่ยนนโยบายสำคัญของในเมือง เพราะเธอใช้สิทธิ์การรายงานข่าวของนักข่าว หรือว่าเพราะรู้จักบุคคลใหญ่โตอะไร ก็ไม่อาจรู้ได้
“โอเค งั้นก็ตกลง เธอช่วยฉันจัดการเรื่องเอกสาร ทั้งบ่ายวันนี้ฉันยกตัวฉันให้เธอเลย” เฉินห้าวพูดอย่างไม่ลังเล
“เหอะๆ ไม่จำเป็นต้องเว่อร์ขนาดนั้น แต่ว่าพวกเราก็แค่ทำการแลกเปลี่ยนเท่าเทียมกันก็เท่านั้น หลังจากนี้ครึ่งชั่วโมง เราไปเจอกันที่หน้าประตูมหาวิทยาลัยเฉาหยางนะคะ”
“ได้”
เฉินห้าวตกลงแล้ว เขาตัดสินใจที่จะเชื่อนักข่าวสาวสวยคนนี้สักครั้ง ดังนั้นเขาจึงขับรถไปยังมหาวิทยาลัยเฉาหยาง
มหาวิทยาลัยเฉาหยางคือ มหาวิทยาลัยสำคัญใน 211 แห่ง ที่เน้นทางด้านวิศวกรรม ค่อนข้างมีชื่อเสียงในเมือง ปัจจุบันมีคณาจารย์ 3 หมื่นกว่าคน บรรยากาศการศึกษาเข้มข้น เพียงแต่หอพักมีความรู้สึกเก่าไปสักหน่อย มันถูกสร้างขึ้นเมื่อต้นศตวรรษนี้
แต่ว่านักศึกษามากมายที่นี่มีพลังมาก แม้จะเป็นหน้าหนาว ก็เห็นคนไม่น้อยที่ถือหนังสือไปมาอย่างเร่งรีบ ที่สนามบาสมีคนนับสิบคนกำลังเล่นบาส
ตอนช่วงที่เฉินห้าวยังเรียนอยู่ก็เคยมาที่มหาวิทยาลัยเฉาหยางหลายครั้ง รู้จักอาคารหลักที่นี่อยู่บ้าง เขาจึงไปรอจูหมิ่นที่ประตูใหญ่ทางตะวันออก ไม่รู้ว่าทำไมเธอต้องให้ตัวเขามาที่นี่
จูหมิ่นสายไปไม่กี่นาที เธอนั่งรถแท็กซี่มา หลังจากที่ลงจากรถก็วิ่งไปทางเฉินห้าวอย่างหอบเหนื่อย
การแต่งตัววันนี้ของเธอไม่เหมือนกับที่ผ่านมา ใส่กางเกงยีนยุคเก่าและเสื้อไหมพรมแขนยาว ผมยาวก็มัดขึ้นเป็นหางม้า เมื่อวิ่งก็จะสะบัดอยู่ด้านหลัง ดูไม่ออกเลยว่าเป็นนักข่าวที่เก่งและมีความสามารถ แต่กลับเหมือนกับนักศึกษาสาวของมหาวิทยาลัยนี้
“ขอโทษด้วยค่ะ รถติดนิดหน่อย” จูหมิ่นพูดอย่างรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไร ฉันก็เพิ่งถึง ใช่สิ เธอหาฉันมีเรื่องอะไร?” เฉินห้าวถาม
“เข้าไปทำการสัมภาษณ์ข่าวแปลกๆเรื่องหนึ่งกับฉันหน่อย”
“ทำไมถึงหาฉัน?”
เฉินห้าวแปลกใจนิดหน่อย ตามหลักแล้วเธอพาช่างกล้อง
เพื่อนร่วมงานมาก็ได้แล้ว
“เฮ้อ ฉันก็เป็นแค่นักข่าวฝึกหัดในสถานี ช่างกล้องเขาตามพวกนักข่าวใหญ่กันทั้งนั้น นักข่าวเล็กๆอย่างฉันก็ทำได้แค่หาวิธีนะสิ”
ในขณะที่จูหมิ่นพูดก็ใช้นิ้วมือค่อยๆจัดทรงผมข้างหู ดุแล้วก็มีเสน่ห์อยู่เล็กน้อย
“ก็ได้ มาสัมภาษณ์ใคร?” เฉินห้าวถาม
“ไม่ใช่ ข่าวรอบนี้มันพูดยากสักหน่อย เดินไปด้วยพูดไปด้วยแล้วกัน”
จูหมิ่นและเฉินห้าวเดินเข้ามหาลัยพร้อมกันขณะที่พูดคุย
จูหมิ่นดูคุ้นเคยมาก พาเฉินห้าวเดินอยู่ในมหาวิทยาลัย แล้วยังแนะนำสถาปัตยกรรมของมหาวิทยาลัยด้วย
“ฉันจบมาจากมหาวิทยาลัยเหอเป่ยสาขาวิชาวารสาร” จูหมิ่นตอบข้อสงสัยของเฉินห้าว
“ก็ว่า”
“ใช่สิ นายไม่เป็นห่วงเรื่องเอกสารหรอ? ไม่ถามฉันเลยว่าเป็นยังไง” จูหมิ่นถามอย่างขี้เล่นเล็กน้อย
“เป็นห่วงสิ ก็ไม่สะดวกที่จะถามนี่นา” เฉินห้าวพูดยิ้มๆ
“เหอะๆ นายนี่ไม่ซื่อเลยจริงๆ แต่เพื่อแสดงความนับถือที่นายช่วยฉัน ฉันก็จะบอกนายให้ เรื่องของนายสำเร็จแล้ว เอกสารจะไม่ถูกประกาศ”
จูหมิ่นพูดข่าวดีที่ทำให้เฉินห้าวดีใจ