บทที่ 56
Ink Stone_Romance
“เสื้อผ้าขนสัตว์… หรือคะ”
การกระทำลำพังของท่านเคานต์ที่ขโมยเกียรติยศไปนั้น ทำให้มิเอลเอียงคอด้วยความสับสน ราวกับท่านเคานต์ไม่ได้พูดกับเธอ
นั่นทำให้เรนสับสนไปด้วย ดูเหมือนเขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมบทสนทนาถึงสื่อไม่ไป
“…ยังไงก่อนอื่น เราลงมือทานอาหารกันเถอะ อยู่ดีๆ ก็รู้สึกเจริญอาหารขึ้นมา คงเพราะหาวิธีดีๆ ได้แล้วสินะนี่!”
ท่านเคานต์ตัดบทสนทนาของพวกเขา
แล้วชวนทานอาหารอย่างเสียงดังไม่สมกับเป็นท่านเคานต์ เคาน์ติสที่นั่งอยู่ข้างๆ หน้าเจื่อน ส่วนมิเอลก็ทานอาหารต่อไปตามที่ท่านพ่อพูด มันเป็นกลยุทธ์ที่ใช้เพื่อปกปิดความจริง
‘ดูเหมือนว่าจะละอายใจเป็นเหมือนกันนี่’
อาเรียทวงเกียรติยศกลับคืนมาไม่ได้ แต่เธอก็ไม่ได้ตั้งใจจะทวงกลับมาเรียกร้องความสนใจเรนอยู่แล้ว เธอจึงลงมือทานอาหารต่ออีกครั้งตามที่ท่านเคานต์พูด
ตระกูลโรสเซนต์ทุกคนต่างปิดปากเงียบ แล้วกลับไปทานอาหารต่อ เรนจึงถามอะไรต่อไม่ได้ ได้แต่ทำตามพวกเขาไปด้วยสีหน้าสงสัย ท่านเคานต์ไม่ได้มองอาเรียจนกระทั่งทานอาหารเสร็จ
เธอกำลังจะกลับขึ้นห้องหลังจากมื้อเย็นที่จู่ๆ ก็เงียบขึ้นมา เคาน์ติสยิ้มเจื่อนและเห็นด้วยกับคำพูดของท่านเคานต์ที่ว่าเขาคงเสิร์ฟชาไม่ได้เนื่องจากดึกเกินไปแล้ว
เคาน์ติสจะสังเกตหรือไม่ว่าท่านเคานต์ได้พรากเกียรติและศักดิ์ศรีของลูกสาวเธอไปแล้ว มันอาจจะดีที่สุดของเธอผู้ไม่เคยทำให้ท่านเคานต์อารมณ์ขุ่นเคืองได้แล้วก็ได้
สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของอาเรียรู้ดีว่าไม่ควรโพล่งอะไรออกไป เธอแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ก่อนจะกล่าวขอตัวก่อน แล้วลุกออกจากที่นั่ง
‘ทีนี้ต่อไปเรนคงไม่มาหาอีกแล้วสินะ’
ถ้าคิดอีกสักนิดก็น่าจะรู้ความจริง เมื่อรู้ความจริงแล้วเขาอาจจะไม่พอใจก็ได้ ทั้งตัวเขาเอง แล้วก็ทั้งเจ้านายของเขา
อาเรียย่างเท้าขึ้นบันไดเบาๆ เจสซี่เหลือบมองเธอแล้วขำคิกๆ คักๆ ออกมา
ทว่าเสียงหัวเราะนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะมิเอลได้รับของขวัญในไม่กี่วันถัดมา
ของขวัญที่ส่งมาจากออสการ์
ภายในกล่องมีเดรสชุดงามสง่ากับรองเท้า ถุงมือ และเครื่องประดับผมใส่อยู่
[แด่ คุณหญิงมิเอล
แม้อาจจะดูไม่หรูหราเท่าไรนัก แต่ได้โปรด ผมอยากให้คุณใส่มางานวันเกิดท่านพี่ไอซิส พี่สาวของผม]
ออสการ์แนบจดหมายอันอ่อนหวาน ราวกับเขาตั้งใจที่จะยกใจให้มิเอลจริงๆ
แล้วยังจะมา ‘ได้โปรด’ อะไรกัน นั่นมันคำพูดที่ฉันใช้ในจดหมายที่ส่งให้ออสการ์ไม่ใช่เหรอ จดหมายที่ลังเลอยู่ตั้งไม่รู้กี่ครั้งว่าจะเขียนใหม่ดีไหม แต่ก็อุตส่าห์ส่งไปจนได้
ทว่า ‘ได้โปรด’ ของเขานั้น เขียนถึงมิเอล ไม่ใช่ใครอื่น
อาเรียที่หันไปเผชิญกับใบหน้าสะใจของมิเอลที่โถงชั้น 1 รีบกลับไปที่ห้องทันที รู้สึกราวกับตัวเองจะล้มลงไปกองกับพื้น
“เลดี้…!”
“ฉันอยากอยู่คนเดียว”
เมื่อให้แอนนี่ที่ร้องเรียกและกระทืบเท้าปึงปังออกไป เธอก็ได้อยู่คนเดียว
‘ออสการ์… ออสการ์ตั้งใจจะตัดฉันทิ้งจริงๆ เหรอ’
ถ้าไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางเย็นชาขนาดนี้ได้หรอก หญิงสาวผู้ยังไม่ได้รับแม้แต่จดหมายตอบกลับมา
เธอเขียนจดหมายไปด้วยความจริงใจว่าได้โปรดขอให้เธอได้แลกเปลี่ยนจดหมายต่อไป แต่ความตั้งใจนั้นกลับถูกตอบแทนมาเป็นของขวัญของมิเอล
เธอรู้สึกอยากจะเอาผ้าห่มมาคลุมโปงแล้วร้องไห้โฮออกมา แค่ครั้งเดียวคงไม่เป็นไรหรอก เพราะตอนนี้ก็ไม่มีใครอยู่
อาเรียจึงคลุมโปงด้วยผ้าห่ม แล้วสำรอกความเศร้าโศกเสียใจออกมาทั้งหมด เพราะโอกาสพลิกนาฬิกาทรายที่เธอมีนั้น กลับกลายเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ไป
* * *
ไม่กี่วันต่อมา มิเอลสวมชุดที่ออสการ์ส่งมาให้เป็นของขวัญ ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของดัชเชสเฟรดเดอริก
ดัชเชสเติบโตเป็นผู้ใหญ่แม้อายุยังน้อย แต่เนื่องจากเธอยังไม่ได้แต่งงานและกำลังจะหมั้น เธอจึงจัดงานเลี้ยงในช่วงที่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน
อีกทั้งคนที่จะมาหมั้นกับเธอเป็นถึงองค์รัชทายาท ซึ่งหมายความว่าเธอต้องรักษารูปลักษณ์กิริยามารยาทให้ดี เพราะอาจจะได้ขึ้นเป็นราชินีในอนาคต
และคนส่วนใหญ่ รวมถึงคนรอบตัวเธอก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องธรรมดาและแน่นอนอยู่แล้วว่าดัชเชสไอซิสจะขึ้นเป็นราชินีที่คอยคุมอำนาจองค์รัชทายาทในอนาคต อีกทั้งยังเป็นผลมาจากการได้ตระกูลชนชั้นสูงมาช่วยหนุนหลัง
มิเอลลงจากรถม้า แล้วถามคนรับใช้ของบ้านท่านดยุกว่าไอซิสอยู่ไหน เพราะการหาตัวเธอไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากคฤหาสน์ทั้งหลังถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยง
ผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกันฉลองวันเกิดไอซิส ทำให้แม้แต่เหล่าคนรับใช้เองก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวอยู่ไหน มิเอลเดินวนรอบคฤหาสน์ไปครึ่งทาง และเจอตัวไอซิสในที่สุด
“ดัชเชสไอซิส!”
“เลดี้มิเอล! มาด้วยเหรอคะ! ตายแล้ว… วันนี้สวยเป็นพิเศษเลยนะคะนี่”
เธอตกใจพลางพูดชมมิเอล มิเอลเขินหน้าแดง
“จริงเหรอคะ ที่จริง… คุณออสการ์ส่งชุดกับเครื่องประดับพวกนี้มาให้น่ะค่ะ! บอกว่าให้ใส่มางานวันนี้ให้ได้”
“ออสการ์เหรอคะ ทำไมเด็กทื่อๆ คนนั้น… ดูท่าว่าเขาจะชอบเลดี้มิเอลมากเลยนะคะ”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงจะดีนะคะ”
แม้มิเอลจะรู้อยู่แล้วว่านั่นแทบจะเป็นไปไม่ได้ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแอบหวัง เพราะถึงแม้เขาจะปฏิบัติตัวอย่างทื่อๆ ไม่อ่อนหวานอย่างเสมอต้นเสมอปลาย แต่เขาก็เป็นแบบนั้นกับทุกคน
ทว่าช่วงไม่นานนี้เขาดูแตกต่างออกไปเล็กน้อย เธอจับตาดูเขาที่มัวแต่สนใจลูกสาวโสเภณีนั่น แต่แล้วเขาก็กลับมาเช่นนี้โดยที่ไม่รู้ตัวเลยไม่ใช่เหรอนี่
ไม่ว่าดัชเชสจะเตือนเขาเท่าไร ถ้าเขาไม่มีใจจริงๆ ก็คงไม่เสียแรงทุ่มเทมากมายขนาดนี้ แล้วจะไม่ให้คาดหวังได้อย่างไรกัน!
“เหลือเวลาอีกไม่นานกว่าจะถึงงานหมั้นของดัชเชสแล้ว”
“ถ้าเจ้าชายกลายเป็นผู้ใหญ่ได้เร็วๆ ก็คงดีนะคะ การที่ผู้ชายและผู้หญิงมีมาตรฐานการเป็นผู้ใหญ่ที่ต่างกันนี่ช่างยุ่งยากและวุ่นวายเสียจริงค่ะ”
องค์รัชทายาทอายุเท่ากับดัชเชส แต่ก็ยังไม่นับว่าเป็นผู้ใหญ่ เพราะโดยปกติแล้ว ชายในสังคมชนชั้นสูงจะจบการศึกษาจากสถาบันการศึกษา และเรียนรู้เพื่อสืบทอดรับช่วงต่อของตระกูล ฉะนั้นเขาจะได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ใหญ่ก็ต่อเมื่อมีอายุมากกว่าผู้หญิงสองปี
“พอดัชเชสขึ้นเป็นมกุฎราชกุมารีแล้ว คุณไม่ลองลดกฎมาตรฐานผู้ใหญ่สำหรับผู้ชายลงเป็น 18 ปีดูละคะ”
“ฉันก็ตั้งใจจะทำเช่นนั้น ฉันคิดว่ามันเป็นสิ่งแรกที่ควรจะแก้ไขก่อนเลยค่ะ”
บทสนทนาที่ฟังดูเหมือนเธอขึ้นเป็นมกุฏราชกุมารีแล้ว ดำเนินไปอย่างเป็นธรรมชาติปราศจากความอึดอัด
“ท่านเคานต์สบายดีไหมคะ”
“แน่นอนค่ะ กิจการก็รุ่งเรืองอยู่ตลอดด้วยค่ะ”
“ได้ยินเช่นนั้นก็โล่งใจนะคะ”
เรื่องของเคาน์ติสไม่อยู่ในบทสนทนา เพราะเป็นสิ่งเล็กน้อยที่ไม่ควรค่าแก่การพูดถึงสำหรับพวกเธอ
ไม่ว่าอย่างไร พอเวลาผ่านไป ดอกไม้ร่วงโรยแล้วก็คงจะโดนเขี่ยทิ้งอยู่ดี มิเอลและไอซิสเองก็คิดเช่นกันว่าเคาน์ติสมีค่าเพียงแค่เท่านั้นสำหรับท่านเคานต์
“รออีกแป๊บนะคะ เดี๋ยวออสการ์ก็น่าจะมาแล้ว เขากำลังจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมอยู่ คงจะตื่นเต้นที่เลดี้มาแน่ๆ”
“จริงเหรอคะ ที่จริง ไม่ว่าคุณออสการ์จะแต่งตัวอย่างไรฉันก็ชอบทั้งนั้น… อยากเจอไวๆ แล้วสิคะ”
“เขาต้องปรากฏตัวแบบที่ทำให้เลดี้มิเอลจะประทับใจให้สมกับที่เขารอคอยแน่ๆ ค่ะ ดังนั้นรอชมได้เลย”
คำพูดของไอซิสทำให้แก้มและหูของมิเอลแดงระเรื่อ
“ฉันอุตส่าห์เตรียมเครื่องดื่มและอาหารเอาไว้ทั้งที ก็ขอให้มีความสุขสนุกสนานไปกับงานเลี้ยงนะคะ ถ้าออสการ์มาแล้ว ฉันจะบอกโต๊ะของเลดี้ให้ค่ะ”
“ค่ะ ดัชเชส…”
มิเอลก็ใช้พัดปิดบังใบหน้าครึ่งหนึ่งของเธอ เพราะจู่ๆ เธอก็รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมา แล้วไปนั่งตรงโต๊ะที่ว่างใกล้ๆ
พอเหล่าหญิงสาวเห็นมิเอล ต่างรีบเข้ามาจับจองที่นั่งที่ว่างอยู่ และแล้วเธอก็รายล้อมไปด้วยผู้คนอย่างรวดเร็วโดยไม่มีแม้แต่เวลาให้รู้สึกเหงาเปล่าเปลี่ยว
“ทำไมเลดี้ถึงงดงามขนาดนี้คะ”
“วันนี้เลดี้ต้องเปล่งประกายเป็นพิเศษแน่ๆ เลยค่ะ”
“ดัชเชสไอซิสเจ้าของวันเกิดเองก็งดงามมากเช่นกัน และวันที่ทั้งสองผู้ที่ทุกคนสามารถพูดได้เต็มปากว่าสูงส่งที่สุดในอาณาจักร จะถือครองสกุลเดียวกันก็คงอยู่ไม่ไกลแล้วสินะคะ”
“ตายแล้ว พูดอะไรกันคะ ดัชเชสไอซิสต้องได้ถือครองสกุล ‘ฟรานซ์’ อันสูงส่งที่สุดในอาณาจักรก่อนสิคะ”
“ดูเหมือนฉันจะเสียมารยาทไป ขออภัยเป็นอย่างสูงค่ะ!”
เหตุผลมีเพียงแค่หนึ่งเดียว คือเพราะเธอจะกลายเป็นดัชเชสแห่งตระกูลเฟรดเดอริกในอนาคต พอเห็นว่าแม้กระทั่งดัชเชสที่คอยเอาอกเอาใจเธอ ความจริงที่ถูกกำหนดไว้แล้วก็ขยับใกล้เข้ามาทุกที
แม้ดัชเชสจะส่งจดหมายเชิญมางานวันเกิดให้แก่บรรดาครอบครัวตระกูลชนชั้นสูงกว่าระดับทั่วไปทั้งหมด แต่การที่เหล่าหญิงสาวจะเข้าถึงตัวดัชเชสได้คงเป็นเรื่องที่ยาก พวกเธอจึงเลือกที่จะเข้าหามิเอลซึ่งยังดูเด็กและน่าจะรับมือได้ง่าย
“ฉันเองก็รอให้วันนั้นมาถึงไม่ไหวแล้วค่ะ”
มิเอลตอบกลับด้วยรอยยิ้มหวานหยดอีกเช่นเคย ความจริง เธอไม่รู้แม้แต่ชื่อของพวกคนที่รายล้อมอยู่รอบตัวเธอด้วยซ้ำ
เธอสามารถปั้นยิ้มให้พวกคนที่ไม่มีค่าอะไรได้เสมอ เธอฟังแค่สิ่งที่เธออยากจะฟัง แล้วตอบกลับไปเท่านั้น นั่นคือการเข้าสังคมที่มิเอลพร่ำเรียนมา
“เอ๊ะ นั่นคุณออสการ์ไม่ใช่หรือคะ”
“จริงด้วยค่ะ!”
พอหันไปตามที่เหล่าหญิงสาวชี้ เธอก็เห็นออสการ์ในชุดสูทที่มีตราประจำตระกูลประดับอยู่ตรงอก เขาเซตผมด้านหน้าทั้งหมดขึ้น เผยความเป็นผู้ใหญ่ออกมาอย่างน่าสะดุดตา
ดูดีเหลือเกิน มิเอลรู้สึกประทับใจอย่างสุดซึ้ง
เขาเดินตรงเข้าไปหาไอซิสทันที คุยอะไรกันสักอย่าง และในไม่ช้าก็หันมองมาทางโต๊ะของมิเอล
“ตายแล้ว ดูเหมือนเขาจะมาทางนี้นะคะ!”
หญิงสาวช่างพูดคาดเดาพฤติกรรมของออสการ์ และเป็นไปตามที่เธอพูด ที่ที่ออสการ์ก้าวไปคือโต๊ะของมิเอล เธอทนรอให้เขาเดินเข้ามาหาไม่ไหว จึงลุกขึ้นจากที่นั่ง
ด้วยท่าทางการสืบเท้าเดินของออสการ์ ทำให้เขาเข้ามาใกล้เธอได้ภายในชั่วพริบตา
“ช่วงที่ผ่านมาเลดี้สบายดีไหม”
“…ค่ะ! คุณออสการ์เองก็สบายดีใช่ไหมคะ”
“ครับ”
ท่าทางของออสการ์ช่างอ่อนโยนเหลือเกิน น้ำเสียงแข็งกร้าวของเขาอ่อนลงเล็กน้อย เช่นเดียวกับสีหน้าท่าทางของเขา
เขาขออนุญาตหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างมิเอล แล้วนั่งลงข้างเธอแทน
‘ไม่จริงน่า นี่ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม…?’
ถ้าเป็นความฝันจริง ก็ขอให้อย่าลืมตาตื่นขึ้นมาเลย
เธอไม่สามารถแม้แต่จะกะพริบตาได้ ทำได้แค่เพียงเหม่อมองไปยังออสการ์ผู้อ่อนโยนเท่านั้น
ไม่ว่าเขาตั้งใจจะรักมิเอลจริงๆ หรือไม่ เขาก็คอยหาโอกาสสะดวกๆ ของเธอ แล้วเข้ามาคุยด้วยเสมอ
วิญญาณมิเอลหลุดออกจากร่างไปครึ่งหนึ่ง เธอได้รับความทุ่มเทเอาใจใส่ของเขา และรอบข้างก็ยังพูดเป็นเสียงเดียวกันอีกว่าทั้งสองเหมาะสมกันมาก
“เป็นคู่ที่ดูดีที่สุดเลยนะนี่ “
“ดัชเชส…!”
ไอซิสผู้เป็นตัวหลักที่คอยเป็นแม่สื่อให้ความสัมพันธ์ของทั้งสอง จึงกล่าวอย่างปลุกปั่น ดูเหมือนเธอคงจะทักทายต้อนรับแขกส่วนใหญ่เสร็จแล้ว จึงมานั่งลงที่ข้างๆ ออสการ์
ไม่ว่าอย่างไร ความสัมพันธ์ของคนในแวดวงเดียวกันที่แท้จริงก็ไม่มางานปาร์ตี้เล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้หรอก ผู้คนจำนวนไม่กี่คนที่เธอพบปะและพูดคุยแลกเปลี่ยนในสถานที่ลับต่างหากที่เป็นความสัมพันธ์ที่แท้จริงของเธอ
งานเลี้ยงวันเกิดก็เป็นแค่สถานที่สำหรับความมั่งคั่งร่ำรวย อิทธิพลอำนาจ และโอ้อวดคุยโวเท่านั้น จึงไม่จำเป็นต้องเสียเวลามากมายไปกับการคุยกับพวกไร้ประโยชน์ทั้งหลาย
“ออสการ์คงจะเหงาน่าดูนะคะ ตอนที่ต้องอยู่ห่างจากเลดี้ หวานอะไรเช่นนี้ ถ้าเขาทำเช่นนั้นกับพี่สาวคนนี้บ้างก็คงจะดีไม่น้อยนะคะ”
“…….”
ไอซิสหรี่ตาลงราวกับจะสังเกตว่าออสการ์จะมีปฏิกิริยาอย่างไร ออสการ์ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่จิบน้ำชาอย่างเงียบๆ เท่านั้น
“ดิฉันเองก็คิดเช่นกันค่ะ อยากให้คุณออสการ์จบการศึกษาไวๆ …เพราะจะได้เจอเขาทุกวัน”
จะมีหญิงคนไหนที่เข้ากับแก้มสีแดงระเรื่อที่ร้อนผ่าวได้ดีเท่านี้อีก มิเอลยิ้มสดใสราวกับเธอได้ครองโลกทั้งใบ
“ข่าวดีคือออสการ์กำลังจะจบการศึกษาในเทอมนี้ค่ะ เท่านี้ก็ไม่มีอะไรจะมาทำให้เลดี้ต้องเศร้าอีกต่อไปแล้วนะคะ”
คำว่า ‘ทำให้เศร้า’ นั้นหมายความได้สองอย่าง
อย่างแรกคือเขาจะไม่ทำให้เธอต้องทนเหงาอีกต่อไป และอย่างที่สองคือเขาคงจะมอบใจให้เธอ
มิเอลรับรู้ได้ถึงความหมายทั้งสองนั่น จึงอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนนี่เป็นวันเกิดของเธอเอง ไม่ใช่ของไอซิส
ทั้งสองสนุกไปกับการพูดคุยเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับเรื่องในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยที่มีออสการ์นั่งคั่นอยู่ตรงกลาง
ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการหมั้นหมายและแต่งงาน เริ่มจากชุดเดรสที่จะสวมใส่ในพิธี ไปถึงเรื่องห้องที่จะใช้ในคฤหาสน์
แล้วคนที่มารบกวนการสนทนาของพวกเธอก็ปรากฏตัวขึ้น หลังจากเวลาผ่านไปได้ไม่นานนัก
“ดัชเชสไอซิส…!”
หัวหน้าคนรับใช้ของบ้านท่านดยุกวิ่งแจ้นมาหาไอซิสอย่างไม่ลืมหูลืมตา ไอซิสเดาะลิ้น ไม่รู้ว่าเขาจะรีบอะไรขนาดนั้น
หัวหน้าคนใช้วิ่งเข้ามาหาเธอ แล้วบอกเหตุผลนั้นออกไปอย่างไม่รอช้า
“เจ้า… เจ้าชายเสด็จครับ!”
“…อะไรนะ”
…………………………………………………